xs
xsm
sm
md
lg

อันซีนเยอรมนี มองวิถี-ความเชื่อแบบคนเยอรมันแท้ ๆ ผ่านงาน “สิ่งที่มองไม่เห็น”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Facebook :Travel @ Manager


สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA และ สถาบันเกอเธ่ ประเทศไทย (Goethe-Institut Thailand) ชวนมารู้จักคนเยอรมันให้มากขึ้นผ่านนิทรรศการ “สิ่งที่มองไม่เห็น” (Invisible Things) นิทรรศการสัญชาติเยอรมันที่รวบรวมสิ่งของจัดแสดงที่สะท้อนความเชื่อและความเป็นชาวเยอรมันให้ผู้คนที่ยังไม่รู้จักได้สัมผัส ผ่านข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันนับ 50 ชิ้น โดยขอยกตัวอย่างความเชื่อของคนเยอรมันบางส่วน ได้แก่


ชาวเยอรมันเชื่อว่า “ตุ๊กตาโนม” ช่วยป้องกันเงินทองรั่วไหล




ชาวเยอรมันเชื่อว่า “โนม” คือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในถ้ำ ถึงแม้จะมีนิสัยดุร้าย แต่กลับมีพละกำลังมหาศาล และมีพรสวรรค์ในการเสาะแสวงหาสมบัติมาสะสม โดยการขุดหาแร่โลหะมีค่าและอัญมณีจากโลกใต้ดิน และทะนงตนว่าจะไม่ยอมแลกทองไปกับความสุขสบายใดๆ ในชีวิต ความเชื่อนี้กลายเป็นไอเดียธุรกิจของประดับสวนในเมืองกราเฟนโรดา ที่ทำตุ๊กตาโนมที่ดูไม่มีพิษมีภัยและหน้าตาคล้ายเด็ก โดยปัจจุบันมีรายงานว่าชาวเยอรมัน ได้เลือกใช้ตุ๊กตาโนมประดับสวนหน้าบ้านแล้วกว่า 25 ล้านตัว


ชาวเยอรมันเชื่อว่า “ตราม้าน้ำ”การันตีสกิลว่ายน้ำที่แข็งแกร่ง


ไลฟ์สไตล์ชาวเยอรมันโดยแท้ชอบการเล่นน้ำเป็นกิจวัตร เมื่อถึงช่วงวันหยุดพักผ่อน คนส่วนใหญ่มักเลือกทำกิจกรรมเกี่ยวกับน้ำ ทั้งลงเล่นน้ำในสระ แช่อ่างน้ำวน หรือนอนอ่านหนังสือบริเวณชายหาด ดังนั้นรัฐบาลเยอรมนีจึงมุ่งหวังให้คนเยอรมันทุกคนว่ายน้ำเป็น และเลือกใช้ “ตราม้าน้ำ” เป็นเครื่องหมายรับรองที่ผู้เรียนว่ายน้ำจะได้รับจากคอร์สเรียนของสมาคมผู้รักษาความปลอดภัยทางน้ำ หรือ DLRG (German Lifeguard Association) แต่กว่าจะได้มานั้น ผู้เรียนจะต้องกระโดดพุ่งตัวจากขอบสระน้ำเป็นระยะทาง 25 เมตร โดยไม่มีเครื่องช่วยและงมเอาของที่อยู่ใต้น้ำลึกระดับไหล่ขึ้นมาให้ได้ ดังนั้น หากไลฟ์การ์ดพบเห็นใครที่ไม่มี “ตราม้าน้ำ” และมีทีท่าว่าจะเป็นอันตราย จะรีบเข้าไปช่วยเหลือเป็นลำดับแรก


ชาวเยอรมัน พิสมัย “การปิ้งย่าง” ท่ามกลางอุณหภูมิเกิน 25 องศา


ช่วงที่อากาศดีอุณหภูมิเกิน 25 องศา เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดของการปาร์ตี้ร่วมกับเพื่อนฝูงและครอบครัว ทันทีที่ถึงช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ชาวเยอรมันจะตระเตรียมอุปกรณ์สำหรับการปิ้งย่างและวัตถุดิบต่างๆ แบบจัดเต็ม พร้อมจับจองพื้นที่สวนสาธารณะเพื่อจัด “ปาร์ตี้ปิ้งย่าง” ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว ถ่านหินจะกลายเป็นของหายากยิ่งกว่ายุคหลังสงคราม และตามซูเปอร์มาร์เก็ตจะมีซอสรุ่น “Limited Grill-Edition” จาก Kraft ผู้ผลิตซอสมะเขือเทศ วางเรียงเป็นแถวยาวเหยียด


ชาวเยอรมัน เปรียบการชอปปิ้งสินค้าที่ ALDI เป็นหน้าที่


ประเทศเยอรมนีเป็นประเทศที่มั่งคั่งและอุดมด้วยสิ่งของจำเป็นพื้นฐานที่ครบถ้วน มีที่อยู่อาศัยที่อบอุ่นและปลอดภัย มีน้ำสะอาดเพื่อการดูแลสุขอนามัยประจำวัน เป็นเหตุให้พลเมืองในประเทศไร้ข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้ชีวิต คนส่วนใหญ่จึงเลือกทุ่มเงินที่มีไปกับการซื้อของที่ไม่จำเป็นแทน แถมยังมองว่า อาหารดีๆ ไม่ได้มีค่ามากมาย ซึ่งทัศนคติเช่นนี้จึงนำไปสู่การถือกำเนิดธุรกิจ ALDI บริษัทสัญชาติเยอรมันที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก ที่มีจุดยืนในการจำหน่ายสินค้าโภคภัณฑ์ในชีวิตประจำวันไม่กี่ประเภท แต่คงคุณภาพดีเสมอต้นเสมอปลาย และมีราคาต่ำมาก ดังนั้นการชอปปิ้งที่ ALDI จึงไม่นับว่าเป็นประสบการณ์แต่เป็นการทำหน้าที่ประจำวันมากกว่า โดยชาวเยอรมันร้อยละ 90 ก็บอกว่าตนเองไปซื้อของที่ ALDI เป็นประจำ
ชาวเยอรมัน เชื่อว่า “เบียร์” เป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมมนุษย์และไม่อันตรายต่อสุขภาพ


ชาวเยอรมันเข้าใจดีว่าเบียร์เป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมมนุษย์ และถือว่ากฎความบริสุทธิ์ (Purity Law) ที่กำหนดว่าการทำเบียร์ต้องใช้วัตถุดิบเพียง 3 อย่าง คือ ฮ็อปส์ ข้าวบาร์ลี่ย์ และน้ำนั้นมีความสำคัญดุจมาตราหนึ่งในรัฐธรรมนูญ และควรจะได้รับการปกป้องอย่างแข็งขัน โดยในทศวรรษ 1980 มีการยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมแห่งยุโรปขอให้สั่งห้ามจำหน่ายเบียร์ต่างชาติในเยอรมนี แต่ศาลเห็นว่าส่วนผสมพิเศษที่ชาวเยอรมันยื่นประท้วงไม่ได้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงตัดสินยกฟ้อง อย่างไรก็ดีการต่อสู้ทางกฎหมายดังกล่าวก็ทำให้นักดื่มเบียร์ชาวเยอรมันตกอกตกใจ และพร้อมใจกันช่วยตลาดในประเทศเท่าที่จะทำได้ ด้วยการสั่งเบียร์เยอรมันมาดื่มเวลาไปเที่ยวบาร์

ทั้ง 5 ความเชื่อของชาวเยอรมันในข้างต้นเป็นเพียงความเชื่อส่วนหนึ่งเท่านั้น โดยยังมีความเชื่อ ค่านิยม และความเป็นตัวตนของชาวเยอรมันในหลากหลายมิติ ที่ยังคงซุกซ่อนอยู่ในของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และรอคุณเข้าไปเรียนรู้ ทำความเข้าใจแบบอินไซด์เพื่อเข้าใจถึงลักษณะนิสัย และเข้าใกล้ความเป็นคนเยอรมันมากยิ่งขึ้น อาทิ ตลับครีมนีเวีย กระดาษปิดผนังเยื่อไม้ หนังสือพิมพ์ BILD และรองเท้าแตะเบียร์เคนชต๊อก


ไม่เพียงเท่านั้น ในนิทรรศการเดียวกันนี้ยังมีของใช้ในชีวิตประจำวันของคนไทยอีก 25 สิ่ง อาทิ โต๊ะ ก.ไก่ น้ำมันนวดสมุนไพร สายสิญจน์ ปฏิทินไทย-จีน และรูปรับปริญญา ที่พร้อมเชื้อเชิญให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้ถึงค่านิยมและความเชื่อของคนไทยโดยแท้ไปพร้อมๆ กัน


ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ “สิ่งที่มองไม่เห็น” (Invisible Things) ได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 กันยายน 2562 เวลา 10.30–21.00 น. ณ ห้องแกลเลอรี่ ชั้น 1 อาคารส่วนหลัง ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ กรุงเทพฯ โดยสามารถเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ได้แก่ รถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที (ลงสถานีสามย่าน หรือ หัวลำโพง) รถไฟฟ้าบีทีเอส (ลงสถานีสะพานตากสิน) เรือโดยสาร (ลงท่าเรือสี่พระยา) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2105 7400 เว็บไซต์ www.tcdc.or.th

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager



กำลังโหลดความคิดเห็น