Facebook :Travel @ Manager
หลายคนอาจคิดว่าการเที่ยวพิพิธภัณฑ์เป็นเรื่องน่าเบื่อหรือเป็นเรื่องสำหรับเด็กวัยเรียนเท่านั้น แต่หากได้มาที่ “พิพิธภัณฑ์พระราม ๙” พิพิธภัณฑ์น้องใหม่ป้ายแดงที่กำลังอยู่ในช่วงเปิดให้ทดลองเข้าฟรีอยู่นั้น อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ และสนุกไปกับเรื่องราวน่าสนใจในโซนต่างๆ ของที่นี่อย่างแน่นอน
“พิพิธภัณฑ์พระราม ๙” เป็นพิพิธภัณฑ์ในเครือของ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านนิเวศวิทยาของคนไทยและผู้สนใจจากทั่วโลก ภายในเป็นอาคารจัดแสดง 2 ชั้น โดยแบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็น 3 ส่วนหลักด้วยกัน ซึ่งเรื่องราวที่แสดงนั้นประกอบไปด้วย กำเนิดโลกและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตในยุคต่างๆ สภาพแวดล้อมในเขตพื้นที่ทั่วโลก รวมถึงมีหอเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ ๙) ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวหลักทรงงานด้านต่างๆ อีกด้วย
ในการเดินชมพิพิธภัณฑ์นั้นจะเริ่มในชั้นที่สองก่อน โดยในส่วนแรกที่จะได้เจอก็คือ “บ้านของเรา” (Our Home) นำเสนอเรื่องราวของการก่อกำเนิดจักรวาลระบบสุริยะและโลก ไปจนถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต จนกระทั่งเกิดสายพันธุ์มนุษย์ที่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันในพื้นที่ต่างๆ ของโลก ประกอบด้วยส่วนจัดแสดงดังนี้
ซึ่งไฮไลต์จะอยู่การนั่ง (หรือจะนอนก็ได้) ชมวิดีโอในมุมมอง 360 องศา แสงสีเสียงสวยงาม ประมาณ 7 นาที ซึ่งเนื้อหาที่ชมก็คือ “Big Bang” ที่เป็นการระเบิดครั้งใหญ่ที่ก่อให้เกิดจักรวาล ระบบสุริยะ และโลกของเรานั่นเอง ถัดออกมาจากห้องนี้จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ “ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต” ผ่านจอทัชสกรีนให้ได้ลองกดเลือกเล่นเองอีกด้วย โดยจะเป็นสิ่งมีชีวิตยุคแรกๆ จำพวกแบคทีเรีย สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เป็นต้น
ต่อมาจะเข้าสู่สิ่งมีชีวิตยุคของไดโนเสาร์ ซึ่งด้านหน้าจะมีหุ่นจำลอง “สยามโมไทรันนัส อิสานเอนซิส” ไดโนเสาร์กินเนื้อที่ขุดพบในไทยขนาดเท่าจริง และ “ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน” ไดโนเสาร์คอยาวตัวมหึมาที่ขุดพบในไทย ยืนเคลื่อนไหวส่งเสียงคำรามอยู่ เมื่อผ่านยุคไดโนเสาร์เข้าไปก็จะเริ่มเข้าสู่วิวัฒนาการของมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์นั่นเอง
จากนั้นจะเข้าสู่ส่วนที่สองคือ “ชีวิตของเรา” (Our Life) ที่จะแสดงเกี่ยวกับชีวนิเวศหรือสภาพแวดล้อม ต่างๆ เริ่มที่การเดินผ่านอุโมงค์ลมความเร็ว 60 กม./ชม. ในเขตดินแดนขั้วโลกที่หนาวเย็นมาก “แอนตาร์กติกา” ต่อจากนั้นเดินชมแสงออโรร่าตามทางลงบันไดไปสู่ชั้น 1 เพื่อเข้าสู่ดินแดนน้ำแข็ง “อาร์กติก” ที่มีอิกลูบ้านน้ำแข็งของชาวเอสกิโมให้ได้เล่นสนุกกัน
เขตแดนต่อมาคือ “ทุนดรา” ที่มีความหนาวเย็น และมีช่วงอบอุ่นเข้ามาสั้นๆ ประมาณ 50-60 วัน ใกล้ๆ กันจะเป็นเขตแดน “ไทก้า” ที่มีแนวป่าสนขนาดใหญ่ และมีจุดถ่ายรูปกับวัฏจักรปลาแซลมอน ที่แสดงการว่ายวนของปลาแซลมอนอยู่ด้วย
ถัดมาจะเข้าสู่ดินแดน “ทะเลทราย” ที่มีต้นกระบองเพชรต้นใหญ่และอูฐจำลองให้ได้ชมกัน จากนั้นจะเข้าสู่ “เขตอบอุ่น” ที่จัดแสดงการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตและผืนป่าใน 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ “ต้นโอ๊คยักษ์” ที่ทำเป็นสไลเดอร์ให้ลื่นลงมาจากบ้านต้นไม้อีกด้วย
เดินต่อมาจะเป็น “เขตร้อน” ที่มีขบวนพาเหรดสัตว์นานาชนิดในป่าเขตร้อนจัดแสดงอยู่ และใกล้ๆ กันจะเป็นนิทรรศการเกี่ยวดิน น้ำ ระบบนิเวศใต้ทะเล รวมถึงมีการแสดงผลกระทบต่างๆ ในแต่ละระบบนิเวศที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ เช่น ขยะในท้องทะเล เป็นต้น
อีกโซนสำคัญของส่วนที่สองก็คือ การจัดแสดง “วนนิเวศของไทย” (ภายในอาคาร) ซึ่งมีน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ให้ได้ถ่ายรูปกัน โดยส่วนนี้จะมีทั้งป่าดิบเขา, ป่าเต็งรัง, ป่าดิบชื้น และป่าพรุ ให้ได้ชมกัน และมีโซนวนนิเวศภายนอกอาคาร ที่มีหอชมวิวให้ได้ขึ้นไปสำรวจกันด้วย
ส่วนสุดท้ายคือ “ในหลวงของเรา” (Our King) ส่วนนี้เป็นหอเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙ จัดแสดงพระราชกรณียกิจและหลักการทรงงานต่างๆ ไว้ รวมถึงมีจำลองรถทรงงานและเครื่องใช้ที่พระองค์ใช้เป็นประจำ เช่น นาฬิกาข้อมือ กล้องถ่ายรูป ฯลฯ ให้ลูกหลานได้ชื่นชมกัน
และนี่คืออีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ของไทย ที่รวมรวมเรื่องราวน่าสนใจไว้มากมาย และยังมีเทคนิคการนำเสนอ การเดินเรื่องที่น่าสนใจ เดินชมเพลินๆ จนจบได้อย่างไม่มีเบื่อ
***********************************
“พิพิธภัณฑ์พระราม ๙” ตั้งอยู่ที่เทคโนธานี ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทดลองเปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่ 15 มิ.ย. - 14 ก.ค. นี้ และจะเปิดอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 62 เปิดให้บริการวันอังคาร-วันศุกร์ เวลา 09.30-16.00 น. วันเสาร์ - วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.30-17.00 น. (หยุดวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติมโทร: 0-2577-9999 ต่อ 2122 หรือ 2123
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
หลายคนอาจคิดว่าการเที่ยวพิพิธภัณฑ์เป็นเรื่องน่าเบื่อหรือเป็นเรื่องสำหรับเด็กวัยเรียนเท่านั้น แต่หากได้มาที่ “พิพิธภัณฑ์พระราม ๙” พิพิธภัณฑ์น้องใหม่ป้ายแดงที่กำลังอยู่ในช่วงเปิดให้ทดลองเข้าฟรีอยู่นั้น อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ และสนุกไปกับเรื่องราวน่าสนใจในโซนต่างๆ ของที่นี่อย่างแน่นอน
“พิพิธภัณฑ์พระราม ๙” เป็นพิพิธภัณฑ์ในเครือของ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านนิเวศวิทยาของคนไทยและผู้สนใจจากทั่วโลก ภายในเป็นอาคารจัดแสดง 2 ชั้น โดยแบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็น 3 ส่วนหลักด้วยกัน ซึ่งเรื่องราวที่แสดงนั้นประกอบไปด้วย กำเนิดโลกและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตในยุคต่างๆ สภาพแวดล้อมในเขตพื้นที่ทั่วโลก รวมถึงมีหอเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ ๙) ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวหลักทรงงานด้านต่างๆ อีกด้วย
ในการเดินชมพิพิธภัณฑ์นั้นจะเริ่มในชั้นที่สองก่อน โดยในส่วนแรกที่จะได้เจอก็คือ “บ้านของเรา” (Our Home) นำเสนอเรื่องราวของการก่อกำเนิดจักรวาลระบบสุริยะและโลก ไปจนถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต จนกระทั่งเกิดสายพันธุ์มนุษย์ที่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันในพื้นที่ต่างๆ ของโลก ประกอบด้วยส่วนจัดแสดงดังนี้
ซึ่งไฮไลต์จะอยู่การนั่ง (หรือจะนอนก็ได้) ชมวิดีโอในมุมมอง 360 องศา แสงสีเสียงสวยงาม ประมาณ 7 นาที ซึ่งเนื้อหาที่ชมก็คือ “Big Bang” ที่เป็นการระเบิดครั้งใหญ่ที่ก่อให้เกิดจักรวาล ระบบสุริยะ และโลกของเรานั่นเอง ถัดออกมาจากห้องนี้จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ “ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต” ผ่านจอทัชสกรีนให้ได้ลองกดเลือกเล่นเองอีกด้วย โดยจะเป็นสิ่งมีชีวิตยุคแรกๆ จำพวกแบคทีเรีย สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เป็นต้น
ต่อมาจะเข้าสู่สิ่งมีชีวิตยุคของไดโนเสาร์ ซึ่งด้านหน้าจะมีหุ่นจำลอง “สยามโมไทรันนัส อิสานเอนซิส” ไดโนเสาร์กินเนื้อที่ขุดพบในไทยขนาดเท่าจริง และ “ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน” ไดโนเสาร์คอยาวตัวมหึมาที่ขุดพบในไทย ยืนเคลื่อนไหวส่งเสียงคำรามอยู่ เมื่อผ่านยุคไดโนเสาร์เข้าไปก็จะเริ่มเข้าสู่วิวัฒนาการของมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์นั่นเอง
จากนั้นจะเข้าสู่ส่วนที่สองคือ “ชีวิตของเรา” (Our Life) ที่จะแสดงเกี่ยวกับชีวนิเวศหรือสภาพแวดล้อม ต่างๆ เริ่มที่การเดินผ่านอุโมงค์ลมความเร็ว 60 กม./ชม. ในเขตดินแดนขั้วโลกที่หนาวเย็นมาก “แอนตาร์กติกา” ต่อจากนั้นเดินชมแสงออโรร่าตามทางลงบันไดไปสู่ชั้น 1 เพื่อเข้าสู่ดินแดนน้ำแข็ง “อาร์กติก” ที่มีอิกลูบ้านน้ำแข็งของชาวเอสกิโมให้ได้เล่นสนุกกัน
เขตแดนต่อมาคือ “ทุนดรา” ที่มีความหนาวเย็น และมีช่วงอบอุ่นเข้ามาสั้นๆ ประมาณ 50-60 วัน ใกล้ๆ กันจะเป็นเขตแดน “ไทก้า” ที่มีแนวป่าสนขนาดใหญ่ และมีจุดถ่ายรูปกับวัฏจักรปลาแซลมอน ที่แสดงการว่ายวนของปลาแซลมอนอยู่ด้วย
ถัดมาจะเข้าสู่ดินแดน “ทะเลทราย” ที่มีต้นกระบองเพชรต้นใหญ่และอูฐจำลองให้ได้ชมกัน จากนั้นจะเข้าสู่ “เขตอบอุ่น” ที่จัดแสดงการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตและผืนป่าใน 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ “ต้นโอ๊คยักษ์” ที่ทำเป็นสไลเดอร์ให้ลื่นลงมาจากบ้านต้นไม้อีกด้วย
เดินต่อมาจะเป็น “เขตร้อน” ที่มีขบวนพาเหรดสัตว์นานาชนิดในป่าเขตร้อนจัดแสดงอยู่ และใกล้ๆ กันจะเป็นนิทรรศการเกี่ยวดิน น้ำ ระบบนิเวศใต้ทะเล รวมถึงมีการแสดงผลกระทบต่างๆ ในแต่ละระบบนิเวศที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ เช่น ขยะในท้องทะเล เป็นต้น
อีกโซนสำคัญของส่วนที่สองก็คือ การจัดแสดง “วนนิเวศของไทย” (ภายในอาคาร) ซึ่งมีน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ให้ได้ถ่ายรูปกัน โดยส่วนนี้จะมีทั้งป่าดิบเขา, ป่าเต็งรัง, ป่าดิบชื้น และป่าพรุ ให้ได้ชมกัน และมีโซนวนนิเวศภายนอกอาคาร ที่มีหอชมวิวให้ได้ขึ้นไปสำรวจกันด้วย
ส่วนสุดท้ายคือ “ในหลวงของเรา” (Our King) ส่วนนี้เป็นหอเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙ จัดแสดงพระราชกรณียกิจและหลักการทรงงานต่างๆ ไว้ รวมถึงมีจำลองรถทรงงานและเครื่องใช้ที่พระองค์ใช้เป็นประจำ เช่น นาฬิกาข้อมือ กล้องถ่ายรูป ฯลฯ ให้ลูกหลานได้ชื่นชมกัน
และนี่คืออีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ของไทย ที่รวมรวมเรื่องราวน่าสนใจไว้มากมาย และยังมีเทคนิคการนำเสนอ การเดินเรื่องที่น่าสนใจ เดินชมเพลินๆ จนจบได้อย่างไม่มีเบื่อ
***********************************
“พิพิธภัณฑ์พระราม ๙” ตั้งอยู่ที่เทคโนธานี ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทดลองเปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่ 15 มิ.ย. - 14 ก.ค. นี้ และจะเปิดอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 62 เปิดให้บริการวันอังคาร-วันศุกร์ เวลา 09.30-16.00 น. วันเสาร์ - วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.30-17.00 น. (หยุดวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติมโทร: 0-2577-9999 ต่อ 2122 หรือ 2123
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
