Facebook :Travel @ Manager
“หนองบัวลำภู” เป็นจังหวัดเล็กๆ ของภาคอีสานตอนเหนือ และเป็นจังหวัดใหม่ที่แยกตัวมาจากอุดรธานี ซึ่งได้รับการจัดตั้งขึ้นเป็นจังหวัดหนองบัวลำภูเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2536
มาถึงวันนี้จังหวัดหนองบัวลำภูมีอายุ(อย่างเป็นทางการ)ย่าง 26 ปีแล้ว แต่ถ้าถามว่าใครเคยมาเที่ยวหนองบัวลำภู หรือรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ ของหนองบัวลำภูบ้าง คงมีไม่กี่คนที่ตอบได้ อาจเพราะด้วยความที่หนองบัวลำภูเป็นน้องใหม่ที่อยู่ท่ามกลาง 3 จังหวัดพี่ใหญ่ที่เป็นทั้งศูนย์กลางการเดินทางและการท่องเที่ยวอย่างอุดรธานี เลย และขอนแก่น จึงทำให้หนองบัวลำภูกลายเป็นเมืองผ่านที่น้อยคนนักจะแวะเที่ยวแวะชม
แต่ตอนนี้ทางจังหวัดหนองบัวลำภู และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยากจะชูหนองบัวลำภูซึ่งเป็นเมืองรองที่ถูกลืมให้นักท่องเที่ยวได้มองเห็นความสวยงามและแง่มุมใหม่ๆ ที่หลายคนยังไม่เคยเห็น จึงเดินหน้าประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวที่หนองบัวลำภูกันอย่างเต็มที่ ในวันนี้ “ตะลอนเที่ยว” จึงได้มาเยือนหนองบัวลำภูเป็นครั้งแรก
เมื่อมาถึงหนองบัวลำภู สถานที่แรกที่เราได้แวะชมก็คือ “ศาลสมเด็จพระนเรศวร” ที่หลายคนอาจงงว่าทำไมจึงมีการสร้างศาลของพระองค์ขึ้นที่นี่ นั่นก็เพราะว่าเมื่อ พ.ศ.2117 สมเด็จพระนเรศวรขณะนั้นพระชนมายุ 19 พรรษาและยังทรงครองเมืองพิษณุโลก พระองค์ได้ยกกองทัพติดตามพระมหาธรรมราชาผู้เป็นบิดาเพื่อมาล้อมกรุงเวียงจันทน์ศรีสัตนาคนหุต และได้ประทับอยู่ ณ ที่ตั้งเมืองหนองบัวลำภูในปัจจุบัน ต่อมาทางจังหวัดจึงได้สร้างศาลสมเด็จพระนเรศวรฯ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานระลึกถึงพระองค์
หลังจากสักการะสมเด็จพระนเรศวรแล้ว เราเดินชมบรรยากาศของหนองน้ำใหญ่ด้านหลัง ที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ประชาชนจะมาพักผ่อนและออกกำลังกายกันโดยเฉพาะในยามเช้าและยามเย็น
จากนั้นเราเริ่มออกไปท่องเที่ยวชมสิ่งที่น่าสนใจกันในหนองบัวลำภู โดยเน้นไปที่อำเภอโนนสัง ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายให้เราไปเที่ยวชมกัน เริ่มต้นที่ “อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำบอง” (บ้านตาดไฮ ต.โคกม่วง) ซึ่งเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ต้องการให้ประชาชนได้มีแหล่งกักเก็บน้ำในการทำเกษตรกรรม และการอุปโภคบริโภค ทั้งยังเป็นแหล่งประมงเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ ช่วยให้ชาวบ้านมีอาชีพเลี้ยงตัวได้
ถ้ามาที่อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำบองแล้วเราจะได้ชมบรรยากาศที่สวยงามของผืนน้ำและภูเขา และถ้ามีเวลาพอก็ยังสามารถนั่งเรือท่องเที่ยวไปในอ่างเก็บน้ำเพื่อชมนกชมไม้และทิวทัศน์โดยรอบ และเรือจะไปจอดแวะให้ขึ้นไปยัง “ถ้ำย่าเลิศ” ถ้ำเล็กๆ กลางป่าที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ภายใน และถ้าหากใครมีกำลังขามากพอก็มีเส้นทางเดินในป่าระยะทางประมาณ 1 ก.ม. เพื่อไปยังวัดภูผักขา วัดป่าซึ่งอยู่บนลานหินด้านบนเขา ซึ่งบริเวณยอดเขาเป็นที่ตั้งของเจดีย์สีทอง ที่สามารถเดินขึ้นไปสักการะกันได้
หรือแค่อยากจะมาใช้เวลาชิลๆ ได้ชิมอาหารท้องถิ่นอย่างเมี่ยงปลานิลตัวโต แกงหน่อไม้รสดี ส้มตำรสแซบ ก็มานั่งพักกินอาหารกันที่ศาลาริมอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำบองก็ได้
และอย่าลืมแวะไปถ่ายรูปกันที่จุดเช็คอินน่ารักๆ อย่าง “ชิงช้าต้นตาล” ที่อยู่ห่างจากอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำบองเพียง 1 ก.ม. เท่านั้น ที่นี่มีต้นตาลปลูกอยู่หลายร้อยต้น ต้นที่อยู่ริมถนนปลูกเรียงชิดกันจนสามารถทำเป็นชิงช้าต้นตาลให้นักท่องเที่ยวไปโล้ถ่ายรูปเล่นกันได้ และถ้าเจอผลิตภัณฑ์จากต้นตาลมาวางขายก็ลองซื้อชิมได้ด้วยเช่นกัน
นอกจากอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำบองแล้ว ในอำเภอโนนสังก็ยังมีพื้นที่ติดกับอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนอุบลรัตน์ซึ่งเป็นแหล่งประมงน้ำจืดแหล่งใหญ่และยังมีทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเราได้ไปชมบรรยากาศของเขื่อนอุบลรัตน์กันที่บ้านท่าลาด (ต.หนองเรือ) ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ชาวบ้านประกอบอาชีพประมงเป็นหลักจนได้ชื่อว่าเป็น “คลังปลาแห่งที่ราบสูง” เป็นแหล่งขายส่งผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากปลาน้ำจืดออกส่งขายทั่วอีสาน ผู้ชายออกเรือหาปลา ส่วนผู้หญิงก็นำปลามาแปรรูปเป็นอาหารไว้กินและไว้ขาย โดยมีปลาส้มเป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้านที่ทางชุมชนรวมตัวกันเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลาส้มบ้านท่าลาด
ผลิตภัณฑ์ของชุมชนนี้มีทั้งปลาส้มเป็นตัวๆ และ “ปลาส้มสายเดี่ยว” หรือปลาส้มที่ใช้เฉพาะเนื้อปลาปั้นเป็นก้อนแล้วคาดด้วยใบตองฉีกเป็นเส้นเล็กๆ เพื่อให้หยิบง่าย รวมทั้งมีหม่ำปลาที่น่าซื้อหามาลองชิมกัน
ซื้อของฝากกันเสร็จแล้ว รอให้ถึงเวลาเย็นย่ำพระอาทิตย์คล้อยต่ำลง “ตะลอนเที่ยว” จะไปนั่งเรือชมบรรยากาศของทะเลสาบเขื่อนอุบลรัตน์ที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาคือภูเวียง และภูเก้า-ภูพานคำ โดยทางด้านเหนือของเขื่อนจะเป็นพื้นที่ของจังหวัดหนองบัวลำภู ส่วนทางใต้ลงมาจะเป็นเขตจังหวัดขอนแก่น
บรรยากาศยามเย็นมีแสงแดดอ่อนสาดส่องไปทั่วผืนน้ำ มองเห็นแพยอหรือที่คนอีสานเรียกว่า “สะดุ้ง” ลอยอยู่เหนือน้ำเป็นฉากที่สวยงาม แพแต่ละลำอาจจะดูเงียบๆ เพราะในยามนี้เป็นช่วงที่ห้ามยกยอเนื่องจากเป็นฤดูวางไข่ แต่โชคดีที่เรายังได้เห็นการสาธิตยกยอของคนบ้านท่าลาดซึ่งเป็นยอยักษ์มีขนาดใหญ่ เวลายกต้องใช้กว้านเชือกแล้วยอหรือสะดุ้งจะค่อยๆ ถูกดึงขึ้นทั้งสี่มุม เมื่อยกขึ้นสูงแล้วตรงกลางของสะดุ้งจะถูกรวบให้แคบเพื่อรวมปลาที่จับได้เข้าด้วยกัน เป็นภาพที่น่าตื่นตาเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นเรายังล่องเรือไปรอบๆ อ่างเก็บน้ำ รอส่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เก็บภาพประทับใจของแพยอบ้านท่าลาดผ่านกล้องมาฝากกัน
นี่เป็นส่วนหนึ่งของแหล่งท่องเที่ยวในหนองบัวลำภูที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้ไปเห็นและคิดว่าน่าประทับใจไม่น้อยจนอยากชวนให้ลองไปเที่ยวกัน โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนแบบนี้ที่มองไปทางไหนก็เขียวขจี ไม่แห้งแล้งเหมือนฤดูอื่น
อีกหนึ่งสิ่งที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้มาเห็นคือที่หนองบัวลำภูนี้มีของดีของฝากที่น่าซื้อหาคือบรรดาผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าหมี่ขิด และฝ้าฝ้ายฝ้าทอที่มีชื่อเสียงของหนองบัวลำภู โดยมีชุมชนทอผ้าหลายแห่งด้วยกันซึ่งต่างก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นน่าซื้อหาไปเป็นของฝาก
อย่างเช่นที่ “เทวาผ้าไทย” (บ้านนาคำไฮ ต.นาคำไฮ อ.เมือง) ที่เป็นกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ และขายสินค้าภายใต้ชื่อเทวาผ้าไทย ที่นี่มีความโดดเด่นตรงที่ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มซึ่งส่วนใหญ่ผ้าฝ้ายนั้น เมื่อทอเสร็จแล้วจะนำไปหมักกับน้ำซาวข้าวผัวหลง ซึ่งเป็นข้าวเหนียวพันธุ์พื้นเมืองของหนองบัวลำภู โดยการหมักน้ำซาวข้าวนั้นจะทำให้ผ้าฝ้ายนิ่มลื่นและยังคงสีสดใส ต่างกับการหมักโคลนที่แม้จะนิ่มแต่ทำให้ผ้ามีสีหม่น นอกจากนั้นหากย้อมด้วยสีเคมี น้ำซาวข้าวจะช่วยดูดซับสารพิษจากสารเคมีออกไปอีกด้วย
หรือที่ “ศูนย์เรียนรู้และออกแบบขวัญตา” (ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง) ก็เป็นที่จำหน่ายผ้าทอและเป็นศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับการทอและการออกแบบ โดยที่นี่จะเน้นการออกแบบที่ทันสมัย สวมใส่แบบแฟชันรันเวย์ไปเลย แต่ยังคงเสน่ห์ของผืนผ้าทอของไทยไว้ครบถ้วน
ส่วนที่ ต.กุดแห่ อ.นากลาง ก็เป็นแหล่งทอผ้าขิดไหมและผ้าขิดฝ้ายที่ขึ้นชื่อของหนองบัวฯ โดยมีกลุ่มทอผ้าอีกสองกลุ่มที่น่าสนใจได้แก่ “แม่เอื้อมคำผ้าขิดไหม” (คุณเมเม่) ที่ชนะการประกวดมาหลายเวที และยังออกแบบให้ผ้าไทยเป็นชุดที่ทันสมัยใช้ใส่ไปในงานต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้
และอีกหนึ่งกลุ่มคือ “กลุ่มแม่ลำดวน” ที่โดดเด่นตรงลวดลายการทอที่ละเอียดละออและมีเรื่องราวอยู่ในผืนผ้า อย่างเช่นผ้าไหมสีครีมทองผืนยาวที่ทอเป็นลวดลายซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากคำขวัญของจังหวัดหนองบัวลำภู ประกอบไปด้วยลายศาลสมเด็จพระนเรศวร อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ หลวงปู่ขาว ถ้ำเอราวัณ และลวดลายดอกบัวแทนนครเขื่อนขันกาบแก้วบัวบาน โดยนอกจากผ้าผืนนี้จะชนะการประกวดแล้ว ก็ยังมีราคาสูงถึง 350,000 บาทเลยทีเดียว
นอกจากนั้นแม่ลำดวนยังมีผ้าทออีกหลายผืนที่มีลวดลายซึ่งได้แรงบันดาลใจจากหลายเรื่องราวต่างกัน อาทิ เรื่องราวของฝนหลวง ที่เป็นลวดลายของเครื่องบินและก้อนเมฆที่กลั่นเป็นหยดน้ำฝนจากฟากฟ้าลงสู่ผืนดิน ทำให้เกษตรกรได้มีน้ำปลูกข้าวทำนา จนนาข้าวสุกเป็นรวงเต็มท้องทุ่ง ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวบนผืนผ้าที่แม่ลำดวนถ่ายถอดออกมาได้อย่างน่าสนใจยิ่ง
ช้อปผ้าทอกันเพลินแล้ว อย่าลืมเหลือเงินไว้ซื้อของกินพื้นถิ่น ของป่า และสินค้าเกษตรนานาชนิดจาก “ตลาดห้วยเดื่อ” (อ.เมือง) ซึ่งเป็นตลาดที่น่าเดินเป็นอย่างยิ่งเพราะมีของที่ไม่ได้เห็นในตลาดในเมืองมาวางขายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นรังผึ้งพร้อมตัวอ่อน เห็ดป่าหลากชนิด แม่เป้ง แมงแคง แมลงต่างๆ ก็มา งานนี้แม้จะไม่ได้ซื้อไปกินแต่ได้มาเดินเล่นถ่ายรูปก็เป็นความแปลกตาที่น่าเพลิดเพลินอยู่ไม่น้อย
สำหรับใครที่ยังไม่เคยมาเที่ยวหนองบัวลำภู ขอบอกว่าต้องลองดูเสียหน่อยแล้ว เพราะเท่าที่ไปเห็นมา “ตะลอนเที่ยว” บอกเลยว่าน่าชมไม่น้อย และยังมีสิ่งที่ไม่ได้เห็นอีกมากมายอย่างวัดถ้ำกองเพล (หลวงปู่ขาว อนาลโย) ถ้ำเอราวัณ วัดถ้ำสุวรรณคูหา พิพิธภัณฑ์หอยหิน 150 ล้านปี รวมถึงอีกหลายที่ที่น่าเที่ยว และหวังว่าจะได้มีโอกาสมาเยือนให้ครบในคราวหน้า
นักท่องเที่ยวที่ต้องการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับที่เที่ยว ที่กิน ที่พักในจังหวัดหนองบัวลำภู สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเลย (ดูแลเลย หนองบัวลำภู) โทร.0 4281 2812
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
“หนองบัวลำภู” เป็นจังหวัดเล็กๆ ของภาคอีสานตอนเหนือ และเป็นจังหวัดใหม่ที่แยกตัวมาจากอุดรธานี ซึ่งได้รับการจัดตั้งขึ้นเป็นจังหวัดหนองบัวลำภูเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2536
มาถึงวันนี้จังหวัดหนองบัวลำภูมีอายุ(อย่างเป็นทางการ)ย่าง 26 ปีแล้ว แต่ถ้าถามว่าใครเคยมาเที่ยวหนองบัวลำภู หรือรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ ของหนองบัวลำภูบ้าง คงมีไม่กี่คนที่ตอบได้ อาจเพราะด้วยความที่หนองบัวลำภูเป็นน้องใหม่ที่อยู่ท่ามกลาง 3 จังหวัดพี่ใหญ่ที่เป็นทั้งศูนย์กลางการเดินทางและการท่องเที่ยวอย่างอุดรธานี เลย และขอนแก่น จึงทำให้หนองบัวลำภูกลายเป็นเมืองผ่านที่น้อยคนนักจะแวะเที่ยวแวะชม
แต่ตอนนี้ทางจังหวัดหนองบัวลำภู และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยากจะชูหนองบัวลำภูซึ่งเป็นเมืองรองที่ถูกลืมให้นักท่องเที่ยวได้มองเห็นความสวยงามและแง่มุมใหม่ๆ ที่หลายคนยังไม่เคยเห็น จึงเดินหน้าประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวที่หนองบัวลำภูกันอย่างเต็มที่ ในวันนี้ “ตะลอนเที่ยว” จึงได้มาเยือนหนองบัวลำภูเป็นครั้งแรก
เมื่อมาถึงหนองบัวลำภู สถานที่แรกที่เราได้แวะชมก็คือ “ศาลสมเด็จพระนเรศวร” ที่หลายคนอาจงงว่าทำไมจึงมีการสร้างศาลของพระองค์ขึ้นที่นี่ นั่นก็เพราะว่าเมื่อ พ.ศ.2117 สมเด็จพระนเรศวรขณะนั้นพระชนมายุ 19 พรรษาและยังทรงครองเมืองพิษณุโลก พระองค์ได้ยกกองทัพติดตามพระมหาธรรมราชาผู้เป็นบิดาเพื่อมาล้อมกรุงเวียงจันทน์ศรีสัตนาคนหุต และได้ประทับอยู่ ณ ที่ตั้งเมืองหนองบัวลำภูในปัจจุบัน ต่อมาทางจังหวัดจึงได้สร้างศาลสมเด็จพระนเรศวรฯ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานระลึกถึงพระองค์
หลังจากสักการะสมเด็จพระนเรศวรแล้ว เราเดินชมบรรยากาศของหนองน้ำใหญ่ด้านหลัง ที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ประชาชนจะมาพักผ่อนและออกกำลังกายกันโดยเฉพาะในยามเช้าและยามเย็น
จากนั้นเราเริ่มออกไปท่องเที่ยวชมสิ่งที่น่าสนใจกันในหนองบัวลำภู โดยเน้นไปที่อำเภอโนนสัง ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายให้เราไปเที่ยวชมกัน เริ่มต้นที่ “อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำบอง” (บ้านตาดไฮ ต.โคกม่วง) ซึ่งเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ต้องการให้ประชาชนได้มีแหล่งกักเก็บน้ำในการทำเกษตรกรรม และการอุปโภคบริโภค ทั้งยังเป็นแหล่งประมงเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ ช่วยให้ชาวบ้านมีอาชีพเลี้ยงตัวได้
ถ้ามาที่อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำบองแล้วเราจะได้ชมบรรยากาศที่สวยงามของผืนน้ำและภูเขา และถ้ามีเวลาพอก็ยังสามารถนั่งเรือท่องเที่ยวไปในอ่างเก็บน้ำเพื่อชมนกชมไม้และทิวทัศน์โดยรอบ และเรือจะไปจอดแวะให้ขึ้นไปยัง “ถ้ำย่าเลิศ” ถ้ำเล็กๆ กลางป่าที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ภายใน และถ้าหากใครมีกำลังขามากพอก็มีเส้นทางเดินในป่าระยะทางประมาณ 1 ก.ม. เพื่อไปยังวัดภูผักขา วัดป่าซึ่งอยู่บนลานหินด้านบนเขา ซึ่งบริเวณยอดเขาเป็นที่ตั้งของเจดีย์สีทอง ที่สามารถเดินขึ้นไปสักการะกันได้
หรือแค่อยากจะมาใช้เวลาชิลๆ ได้ชิมอาหารท้องถิ่นอย่างเมี่ยงปลานิลตัวโต แกงหน่อไม้รสดี ส้มตำรสแซบ ก็มานั่งพักกินอาหารกันที่ศาลาริมอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำบองก็ได้
และอย่าลืมแวะไปถ่ายรูปกันที่จุดเช็คอินน่ารักๆ อย่าง “ชิงช้าต้นตาล” ที่อยู่ห่างจากอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำบองเพียง 1 ก.ม. เท่านั้น ที่นี่มีต้นตาลปลูกอยู่หลายร้อยต้น ต้นที่อยู่ริมถนนปลูกเรียงชิดกันจนสามารถทำเป็นชิงช้าต้นตาลให้นักท่องเที่ยวไปโล้ถ่ายรูปเล่นกันได้ และถ้าเจอผลิตภัณฑ์จากต้นตาลมาวางขายก็ลองซื้อชิมได้ด้วยเช่นกัน
นอกจากอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำบองแล้ว ในอำเภอโนนสังก็ยังมีพื้นที่ติดกับอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนอุบลรัตน์ซึ่งเป็นแหล่งประมงน้ำจืดแหล่งใหญ่และยังมีทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเราได้ไปชมบรรยากาศของเขื่อนอุบลรัตน์กันที่บ้านท่าลาด (ต.หนองเรือ) ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ชาวบ้านประกอบอาชีพประมงเป็นหลักจนได้ชื่อว่าเป็น “คลังปลาแห่งที่ราบสูง” เป็นแหล่งขายส่งผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากปลาน้ำจืดออกส่งขายทั่วอีสาน ผู้ชายออกเรือหาปลา ส่วนผู้หญิงก็นำปลามาแปรรูปเป็นอาหารไว้กินและไว้ขาย โดยมีปลาส้มเป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้านที่ทางชุมชนรวมตัวกันเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลาส้มบ้านท่าลาด
ผลิตภัณฑ์ของชุมชนนี้มีทั้งปลาส้มเป็นตัวๆ และ “ปลาส้มสายเดี่ยว” หรือปลาส้มที่ใช้เฉพาะเนื้อปลาปั้นเป็นก้อนแล้วคาดด้วยใบตองฉีกเป็นเส้นเล็กๆ เพื่อให้หยิบง่าย รวมทั้งมีหม่ำปลาที่น่าซื้อหามาลองชิมกัน
ซื้อของฝากกันเสร็จแล้ว รอให้ถึงเวลาเย็นย่ำพระอาทิตย์คล้อยต่ำลง “ตะลอนเที่ยว” จะไปนั่งเรือชมบรรยากาศของทะเลสาบเขื่อนอุบลรัตน์ที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาคือภูเวียง และภูเก้า-ภูพานคำ โดยทางด้านเหนือของเขื่อนจะเป็นพื้นที่ของจังหวัดหนองบัวลำภู ส่วนทางใต้ลงมาจะเป็นเขตจังหวัดขอนแก่น
บรรยากาศยามเย็นมีแสงแดดอ่อนสาดส่องไปทั่วผืนน้ำ มองเห็นแพยอหรือที่คนอีสานเรียกว่า “สะดุ้ง” ลอยอยู่เหนือน้ำเป็นฉากที่สวยงาม แพแต่ละลำอาจจะดูเงียบๆ เพราะในยามนี้เป็นช่วงที่ห้ามยกยอเนื่องจากเป็นฤดูวางไข่ แต่โชคดีที่เรายังได้เห็นการสาธิตยกยอของคนบ้านท่าลาดซึ่งเป็นยอยักษ์มีขนาดใหญ่ เวลายกต้องใช้กว้านเชือกแล้วยอหรือสะดุ้งจะค่อยๆ ถูกดึงขึ้นทั้งสี่มุม เมื่อยกขึ้นสูงแล้วตรงกลางของสะดุ้งจะถูกรวบให้แคบเพื่อรวมปลาที่จับได้เข้าด้วยกัน เป็นภาพที่น่าตื่นตาเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นเรายังล่องเรือไปรอบๆ อ่างเก็บน้ำ รอส่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เก็บภาพประทับใจของแพยอบ้านท่าลาดผ่านกล้องมาฝากกัน
นี่เป็นส่วนหนึ่งของแหล่งท่องเที่ยวในหนองบัวลำภูที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้ไปเห็นและคิดว่าน่าประทับใจไม่น้อยจนอยากชวนให้ลองไปเที่ยวกัน โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนแบบนี้ที่มองไปทางไหนก็เขียวขจี ไม่แห้งแล้งเหมือนฤดูอื่น
อีกหนึ่งสิ่งที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้มาเห็นคือที่หนองบัวลำภูนี้มีของดีของฝากที่น่าซื้อหาคือบรรดาผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าหมี่ขิด และฝ้าฝ้ายฝ้าทอที่มีชื่อเสียงของหนองบัวลำภู โดยมีชุมชนทอผ้าหลายแห่งด้วยกันซึ่งต่างก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นน่าซื้อหาไปเป็นของฝาก
อย่างเช่นที่ “เทวาผ้าไทย” (บ้านนาคำไฮ ต.นาคำไฮ อ.เมือง) ที่เป็นกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ และขายสินค้าภายใต้ชื่อเทวาผ้าไทย ที่นี่มีความโดดเด่นตรงที่ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มซึ่งส่วนใหญ่ผ้าฝ้ายนั้น เมื่อทอเสร็จแล้วจะนำไปหมักกับน้ำซาวข้าวผัวหลง ซึ่งเป็นข้าวเหนียวพันธุ์พื้นเมืองของหนองบัวลำภู โดยการหมักน้ำซาวข้าวนั้นจะทำให้ผ้าฝ้ายนิ่มลื่นและยังคงสีสดใส ต่างกับการหมักโคลนที่แม้จะนิ่มแต่ทำให้ผ้ามีสีหม่น นอกจากนั้นหากย้อมด้วยสีเคมี น้ำซาวข้าวจะช่วยดูดซับสารพิษจากสารเคมีออกไปอีกด้วย
หรือที่ “ศูนย์เรียนรู้และออกแบบขวัญตา” (ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง) ก็เป็นที่จำหน่ายผ้าทอและเป็นศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับการทอและการออกแบบ โดยที่นี่จะเน้นการออกแบบที่ทันสมัย สวมใส่แบบแฟชันรันเวย์ไปเลย แต่ยังคงเสน่ห์ของผืนผ้าทอของไทยไว้ครบถ้วน
ส่วนที่ ต.กุดแห่ อ.นากลาง ก็เป็นแหล่งทอผ้าขิดไหมและผ้าขิดฝ้ายที่ขึ้นชื่อของหนองบัวฯ โดยมีกลุ่มทอผ้าอีกสองกลุ่มที่น่าสนใจได้แก่ “แม่เอื้อมคำผ้าขิดไหม” (คุณเมเม่) ที่ชนะการประกวดมาหลายเวที และยังออกแบบให้ผ้าไทยเป็นชุดที่ทันสมัยใช้ใส่ไปในงานต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้
และอีกหนึ่งกลุ่มคือ “กลุ่มแม่ลำดวน” ที่โดดเด่นตรงลวดลายการทอที่ละเอียดละออและมีเรื่องราวอยู่ในผืนผ้า อย่างเช่นผ้าไหมสีครีมทองผืนยาวที่ทอเป็นลวดลายซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากคำขวัญของจังหวัดหนองบัวลำภู ประกอบไปด้วยลายศาลสมเด็จพระนเรศวร อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ หลวงปู่ขาว ถ้ำเอราวัณ และลวดลายดอกบัวแทนนครเขื่อนขันกาบแก้วบัวบาน โดยนอกจากผ้าผืนนี้จะชนะการประกวดแล้ว ก็ยังมีราคาสูงถึง 350,000 บาทเลยทีเดียว
นอกจากนั้นแม่ลำดวนยังมีผ้าทออีกหลายผืนที่มีลวดลายซึ่งได้แรงบันดาลใจจากหลายเรื่องราวต่างกัน อาทิ เรื่องราวของฝนหลวง ที่เป็นลวดลายของเครื่องบินและก้อนเมฆที่กลั่นเป็นหยดน้ำฝนจากฟากฟ้าลงสู่ผืนดิน ทำให้เกษตรกรได้มีน้ำปลูกข้าวทำนา จนนาข้าวสุกเป็นรวงเต็มท้องทุ่ง ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวบนผืนผ้าที่แม่ลำดวนถ่ายถอดออกมาได้อย่างน่าสนใจยิ่ง
ช้อปผ้าทอกันเพลินแล้ว อย่าลืมเหลือเงินไว้ซื้อของกินพื้นถิ่น ของป่า และสินค้าเกษตรนานาชนิดจาก “ตลาดห้วยเดื่อ” (อ.เมือง) ซึ่งเป็นตลาดที่น่าเดินเป็นอย่างยิ่งเพราะมีของที่ไม่ได้เห็นในตลาดในเมืองมาวางขายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นรังผึ้งพร้อมตัวอ่อน เห็ดป่าหลากชนิด แม่เป้ง แมงแคง แมลงต่างๆ ก็มา งานนี้แม้จะไม่ได้ซื้อไปกินแต่ได้มาเดินเล่นถ่ายรูปก็เป็นความแปลกตาที่น่าเพลิดเพลินอยู่ไม่น้อย
สำหรับใครที่ยังไม่เคยมาเที่ยวหนองบัวลำภู ขอบอกว่าต้องลองดูเสียหน่อยแล้ว เพราะเท่าที่ไปเห็นมา “ตะลอนเที่ยว” บอกเลยว่าน่าชมไม่น้อย และยังมีสิ่งที่ไม่ได้เห็นอีกมากมายอย่างวัดถ้ำกองเพล (หลวงปู่ขาว อนาลโย) ถ้ำเอราวัณ วัดถ้ำสุวรรณคูหา พิพิธภัณฑ์หอยหิน 150 ล้านปี รวมถึงอีกหลายที่ที่น่าเที่ยว และหวังว่าจะได้มีโอกาสมาเยือนให้ครบในคราวหน้า
นักท่องเที่ยวที่ต้องการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับที่เที่ยว ที่กิน ที่พักในจังหวัดหนองบัวลำภู สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเลย (ดูแลเลย หนองบัวลำภู) โทร.0 4281 2812
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
