xs
xsm
sm
md
lg

“5+1 แลนด์มาร์กสำคัญ ริมน้ำเจ้าพระยา” สะกดทุกสายตาผู้ได้พบเห็น

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Facebook :Travel @ Manager
พระปรางค์วัดอรุณฯ
เสน่ห์ความสวยงามของสองข้างฝั่งริมน้ำเจ้าพระยานั้น เป็นที่ถูกใจของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งในปัจจุบันนี้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยในเมืองหลวง นิยมนั่งเรือเที่ยวมากกว่าใช้รถ เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องการจราจรติดขัดและยังได้เพลิดเพลินกับสายลม สายน้ำ และวิวทิวทัศน์ริมน้ำอีกด้วย
ความสวยงามขององค์พระปรางค์
ในครั้งนี้จึงได้รวมรวบ “5 แลนด์มาร์ก” ริมน้ำเจ้าพระยา ที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี และอีก “1 แลนด์มาร์ก” ใหม่ ที่กำลังก่อสร้างอยู่ และจะกลายเป็นอีกหนึ่งจุดที่เรียกแสงแฟลชจากผู้ที่ได้พบเห็นเป็นอย่างดี

สำหรับที่แรกก็คือ “พระปรางค์วัดอรุณฯ” อันงดงามเป็นสง่าอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา การออกแบบของพระปรางค์นี้ได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมแบบอินเดีย แต่เนื่องด้วยชาวไทยเดิม มีพื้นฐานเป็นคนละเอียดลออ และมีสุนทรียะ ได้ทำการลดทอนสัดส่วน ปรับเปลี่ยน รูปแบบโครงสร้าง และผสมผสานความเชื่อของชาวไทยเรื่องเขาพระสุเมรุ ซึ่งนับว่าเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมไทย ที่นักท่องเที่ยวต่างแห่แหนมาชมความสวยงามกันอย่างไม่ขาดสาย
วัดพระแก้วมุมจากริมน้ำเจ้าพระยา
แลนด์มาร์กต่อมาคือ "วัดพระศรีรัตนศาสดาราม" หรือ "วัดพระแก้ว" วัดสำคัญยิ่งของไทย ซึ่งหากมองจากมุมของริมน้ำนั้น จะเห็นเพียงยอดส่วนบนของวัดสูงเด่นพ้นยอดไม้ขึ้นมาเท่านั้น แต่ก็เป็นอีกมุมมองที่สวยงามประทับใจผู้ที่ได้พบเห็นแพ้มุมจากทางสนามหลวงเลย
วัดพระแก้วยามค่ำคืน
วัดนี้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2325 หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงย้ายเมืองหลวงจากฝั่งธนบุรีมายังฝั่งพระนคร พระองค์ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระบรมมหาราชวังขึ้น รวมถึงสร้างวัดภายในวังหลวงเพื่อเป็นที่สำหรับประกอบพระราชกุศล และเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ “พระแก้วมรกต”
ป้อมพระสุเมรุ
แลนด์มาร์กที่สามคือ “ป้อมพระสุเมรุ” หนึ่งในสองป้อมปราการในกรุงเทพฯ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ (อีกหนึ่งป้อมที่เหลือคือป้อมมหากาฬ) โดยป้อมนี้ตั้งอยู่ที่สวนสันติชัยปราการ สวนสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ตั้งอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา แต่มองจากทางแม่น้ำมาไม่เห็นเพราะถูกต้นไม้บังอยู่ ซึ่งจากทางริมน้ำนั้นจะมองเห็นเพียง “พระที่นั่งสันติชัยปราการ” เท่านั้น
พระที่นั่งสันติชัยปราการ
เอเชียทีค
มาถึงแลนด์มาร์กที่สี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดเช็คอินที่นักท่องเที่ยวนิยมมากันก็คือ “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “เอเชียทีค” นั่นเอง ที่นี่นับเป็นสถานที่แฮงค์เอ้าท์ที่มีทั้งร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง แหล่งความบันเทิงมากมายรวมไว้ในที่เดียว
เอเชียทีค สกาย
ซึ่งจุดเด่นที่เป็นไฮไลต์ที่สามารถมองเห็นได้จากที่ไกลก็คือ “เอเชียทีค สกาย” ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่สูงกว่า 60 เมตร ถ้าหากชิงช้าหมุนขึ้นไปยังจุดสูงที่สุด จะเห็นวิวพระอาทิตย์ตกดินและวิวโค้งน้ำเจ้าพระยาที่สวยงามประทับใจมิรู้ลืมแน่นอน
ไอคอนสยาม
แลนด์มาร์กที่ห้าใหม่ล่าสุดที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ “ไอคอนสยาม” ห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ บนพื้นที่กว่า 50 ไร่ จุดเช็คอินริมน้ำเจ้าพระยาที่นักท่องเที่ยวนิยมมาไม่แพ้ที่ใด ที่นี่นอกจากจะเป็นห้างสรรพสินค้าแล้ว ยังมีส่วนของคอนโดที่พักอาศัยอีกด้วย
แลนด์มาร์กใหม่ริมน้ำเจ้าพระยา
อาคารรัฐสภาแห่งใหม่
และอีกหนึ่งสถานที่ที่ ที่กำลังก่อสร้างและจะกลายเป็นแลนด์มาร์กชวนมองริมน้ำเจ้าพระยาในอนาคตก็คือ “สัปปายะสภาสถาน” หรือ "อาคารรัฐสภาแห่งใหม่" ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณถนนทหาร (เกียกกาย) โดยโครงการเริ่มขึ้นเมื่อ ก.ค. 51 และได้เริ่มวางเสาเข็มตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. 56 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 15 ธ.ค. 62 ที่นี่มีพื้นที่โครงการอยู่บนที่ดิน 123 ไร่ มีความสูงจากฐานถึงยอดเจดีย์พระสุเมรุ 134.56 เมตร มีพื้นที่ใช้สอยในอาคาร 424,000 ตร.ม. และด้วยพื้นที่ในอาคารขนาดดังกล่าว ทำให้เมื่อก่อสร้างเสร็จแล้วจะเป็นอาคารของรัฐที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองเพียงอาคารเดอะเพนตากอนของสหรัฐอเมริกาที่มีพื้นที่ 600,000 ตร.ม. เท่านั้น
ยอดเจดีย์พระสุเมรุ
สำหรับคำว่า “สัปปายะสภาสถาน” เป็นการรวมคำระหว่าง “สัปปายะ” กับ “สภาสถาน” สัปปายะ คือสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมที่มาเกื้อกูลให้การประพฤติปฏิบัติธรรมเป็นไปด้วยความสบายกายสบายใจ เมื่อรวมกับสภาสถาน จึงมีความหมายว่า “สภาที่มีแต่ความสงบร่มเย็นสบาย” นั่นเอง

และนี่คือ “5+1 แลนด์มาร์กสำคัญ ริมน้ำเจ้าพระยา” ที่สะกดทุกสายตาผู้ที่ได้พบเห็น
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
กำลังโหลดความคิดเห็น