Facebook :Travel @ Manager
อีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางไปท่องเที่ยวที่สุดแสนจะคลาสสิกก็คือ การเดินทางด้วยรถไฟ ที่ได้บรรยากาศแบบย้อนยุคนิดๆ ได้ดื่มด่ำกับทิวทัศน์สองข้างรางที่ผันเปลี่ยนไปตามแต่ละพื้นที่ รวมถึงของกินอาหารถิ่นแสนอร่อยที่มีอยู่ตลอดเส้นทาง ทำให้การท่องเที่ยวด้วยรถไฟยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายๆ คนชื่นชอบ
สำหรับใครที่อยากนั่งรถไฟไปเที่ยว ไปไหว้พระ และลองชิมอาหารอร่อยๆ ต้องไม่พลาดเส้นทางท่องเที่ยวศรัทธาปาฏิหาริย์เกจิอาจารย์ จ.เพชรบุรี ในคอนเซ็ปต์ “ชมวิวรถราง เที่ยวทางรถเล้ง” ที่จัดขึ้นโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี โดยให้นักท่องเที่ยวเดินทางโดยรถไฟจากกรุงเทพฯ ที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เดินทางสู่เพชรบุรี เมื่อถึงสถานีรถไฟเพชรบุรี จะมีรถเล้ง (รถท้องถิ่นเพชรบุรี) นำเที่ยวตามจุดต่างๆ ได้ฟรี ตามโปรแกรมที่จัดไว้ให้
โดยเส้นทางท่องเที่ยวนี้เริ่มต้นจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) กับรถขบวน 911 เดินทางออกจากสถานีเวลา 06.30 น. มุ่งหน้าทางรถไฟสายใต้ จนมาถึงสถานีรถไฟนครปฐม รถไฟจะแวะจอดให้ลงไปจับจ่ายใช้สอยในตลาด และไปสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ จากนั้นก็ออกเดินทางต่อไปจนถึงสถานีเพชรบุรี ก็ลงจากรถไฟไปขึ้นรถเล้งกันต่อ
จุดแรกที่รถเล้งจะพาไปคือ “วัดเขาบันไดอิฐ” วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เข้ามาถึงภายในวัดจะเห็นฝูงลิงอยู่ทั่วบริเวณ จุดเด่นของที่นี่คือมีถ้ำอยู่หลายถ้ำ สามารถเดินเข้าไปชมได้ และที่สำคัญหากมาที่วัดแห่งนี้แล้วต้องไปสักการะสรีระสังขารของ “หลวงพ่อแดง รตฺโต” อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาบันไดอิฐ และเป็นพระเกจิชื่อดังของเมืองเพชรในด้านอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงมีผู้ที่ศรัทธาเข้ามาที่วัดเป็นจำนวนมาก บางส่วนก็นิยมมาเช่าบูชาวัตถุมงคลหลวงพ่อแดงอยู่เสมอ
ต่อมาก็ตรงมาที่ “วัดช้าง” มาสักการะพระเศียร “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปเก่าแก่ตั้งแต่สมัยสุโขทัยที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัด สำหรับพระเศียรหลวงพ่อดำนั้นถูกค้นพบอยู่ใต้ฐานของพระประธานภายในโบสถ์ จึงถูกย้ายให้ลงมาประดิษฐานอยู่ด้านล่าง เพื่อให้ประชาชนได้กราบสักการะ
จุดถัดไปคือ “วัดคงคารามวรวิหาร” แวะมาสักการะ “หลวงพ่อฉุย สุขภิกขุ” พระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงอีกท่านของเพชรบุรี ที่ด้านบนมณฑปพระสุวรรณมุนี นรสีห์ธรรมทายาทสังฆปาโมกข์ แล้วอย่าลืมชมลวดลายปูนปั้นฝีมือช่างเมืองเพชรที่บริเวณฐาน มีความงดงามชวนชมอยู่ไม่น้อย
พักเหนื่อยยามเที่ยง แวะชิมของกินเมืองเพชรที่ขึ้นชื่อที่ “ตลาดทรัพย์สินฯ เพชรบุรี” ที่นี่ต้องมาชิมขนมจีนซาวน้ำ ข้าวแช่เมืองเพชร ลอดช่องสิงคโปร์น้ำตาลข้น ขนมจีนทอดมัน เป็นต้น และในตัวเมืองเพชรก็ยังมีร้านอร่อยท้องถิ่นอีกหลากหลาย ใครกระเพาะใหญ่ก็แวะชิมได้หลายๆ ร้านเลย
อิ่มท้องกันแล้วก็ไปต่อที่ “วัดพระทรง” สักการะ “หลวงพ่อมี” ผู้เชี่ยวชาญในทางวิปัสสนาธรรมจนร่ำลือว่าท่านเก่งทางใน มีญาณทัศนะกำหนดรู้หรือเพ่งรู้กาลล่วงหน้าได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
จุดสุดท้ายของทริป มาชมความงดงามของ “พระรามราชนิเวศน์” (วังบ้านปืน) ซึ่งเป็นประทับแปรพระราชฐานที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมบาโรก และแบบอาร์ต นูโว หรือที่เยอรมันเรียกว่า "จุงเกนสติล" (Jugendstil) โดยจะเน้นความทันสมัยโดยจะไม่มีลายปูนปั้นวิจิตรพิสดารเหมือนอาคารในสมัยเดียวกัน พระที่นั่งหลังนี้จะเน้นในเรื่องของความสูงของหน้าต่าง ความสูงของเพดานซึ่งกว้างเป็นพิเศษ ทำให้พระที่นั่งดูใหญ่โต โอ่อ่า สง่างาม และตระการตา
ภายในแต่ละห้องจะตกแต่งต่างกันทั้งสีสันและวัสดุที่ใช้ เช่น บริเวณโถงบันไดใช้โทนสีเขียว ห้องเสวยใช้โทนสีเหลือง ตกแต่งช่องประตูด้วยเหล็กดัดแบบอาร์ต นูโว และประดับผนังด้วยแผ่นกระเบื้องเคลือบสีเหลืองสด ตัดกรอบด้วยกระเบื้องเขียวเป็นช่อง ๆ ตามแนวยืน โดยกระเบื้องประดับผนังมีลวด ลายนูนเป็นรูปสัตว์และพรรณพืชต่าง ๆ แทรกอยู่เป็นระยะ ๆ ห้องพระบรรทมใช้โทนสีทอง โดยตกแต่งเสาในห้องด้วยแผ่นโลหะสีทองขัดเงาดุนลาย หัวเสาเป็นภาพเขียนแจกันดอกไม้หลากสี บนพื้นครึ่งวงกลมสีทอง
ที่พระรามราชนิเวศน์สามารถเข้าชมด้านในได้ แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพด้านใน สามารถถ่ายภาพได้เฉพาะด้านนอดอาคารเท่านั้น
เสร็จแล้วใครยังพอมีเวลาว่าง แวะชิมขนมหวานเมืองเพชรเป็นการปิดท้ายคลายร้อน อยากจะกินลอดช่องน้ำตาลข้นคลายร้อนให้ชื่นใจ หรือแวะซื้อของฝากเป็นอาหารทะเลตากแห้ง ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมหม้อแกง ก็หาซื้อกันได้ในย่านตัวเมือง ก่อนจะกลับไปขึ้นรถไฟกันที่สถานีเพชรบุรี เดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ ในยามเย็น
สำหรับทริปชมวิวรถราง เที่ยวทางรถเล้ง จะจัดขึ้นภายในเดือนกรกฎาคม 2562 เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (เริ่มต้นวันเสาร์ที่ 6 ก.ค. 62) โดยนักท่องเที่ยวสามารถติดต่อซื้อตั๋วรถไฟขบวนพิเศษนำเที่ยว กรุงเทพ-สวนสนประดิพัทธ์ ขบวน 911 (รถแอร์ ราคาไปกลับ 240 บาท รถพัดลม ราคาไปกลับ 120 บาท) โทรศัพท์สายด่วน 1690
จากนั้นติดต่อแจ้งไปยัง ททท.สำนักงานเพชรบุรี ว่าจะเดินทางไปวันไหน กี่คน เพื่อจัดเจ้าหน้าที่และรถเล้งมารับที่สถานีเพชรบุรี ค่าโดยสารรถเล้งฟรีตลอดเส้นทางสำหรับผู้แจ้งการเดินทาง 1,000 คนแรกเท่านั้น (รถเล้ง 1 คันนั่งได้ไม่เกิน 8 คน)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี โทร. 0-3247-1005-6 อีเมล์ tatphet@tat.or.th
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
อีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางไปท่องเที่ยวที่สุดแสนจะคลาสสิกก็คือ การเดินทางด้วยรถไฟ ที่ได้บรรยากาศแบบย้อนยุคนิดๆ ได้ดื่มด่ำกับทิวทัศน์สองข้างรางที่ผันเปลี่ยนไปตามแต่ละพื้นที่ รวมถึงของกินอาหารถิ่นแสนอร่อยที่มีอยู่ตลอดเส้นทาง ทำให้การท่องเที่ยวด้วยรถไฟยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายๆ คนชื่นชอบ
สำหรับใครที่อยากนั่งรถไฟไปเที่ยว ไปไหว้พระ และลองชิมอาหารอร่อยๆ ต้องไม่พลาดเส้นทางท่องเที่ยวศรัทธาปาฏิหาริย์เกจิอาจารย์ จ.เพชรบุรี ในคอนเซ็ปต์ “ชมวิวรถราง เที่ยวทางรถเล้ง” ที่จัดขึ้นโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี โดยให้นักท่องเที่ยวเดินทางโดยรถไฟจากกรุงเทพฯ ที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เดินทางสู่เพชรบุรี เมื่อถึงสถานีรถไฟเพชรบุรี จะมีรถเล้ง (รถท้องถิ่นเพชรบุรี) นำเที่ยวตามจุดต่างๆ ได้ฟรี ตามโปรแกรมที่จัดไว้ให้
โดยเส้นทางท่องเที่ยวนี้เริ่มต้นจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) กับรถขบวน 911 เดินทางออกจากสถานีเวลา 06.30 น. มุ่งหน้าทางรถไฟสายใต้ จนมาถึงสถานีรถไฟนครปฐม รถไฟจะแวะจอดให้ลงไปจับจ่ายใช้สอยในตลาด และไปสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ จากนั้นก็ออกเดินทางต่อไปจนถึงสถานีเพชรบุรี ก็ลงจากรถไฟไปขึ้นรถเล้งกันต่อ
จุดแรกที่รถเล้งจะพาไปคือ “วัดเขาบันไดอิฐ” วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เข้ามาถึงภายในวัดจะเห็นฝูงลิงอยู่ทั่วบริเวณ จุดเด่นของที่นี่คือมีถ้ำอยู่หลายถ้ำ สามารถเดินเข้าไปชมได้ และที่สำคัญหากมาที่วัดแห่งนี้แล้วต้องไปสักการะสรีระสังขารของ “หลวงพ่อแดง รตฺโต” อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาบันไดอิฐ และเป็นพระเกจิชื่อดังของเมืองเพชรในด้านอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงมีผู้ที่ศรัทธาเข้ามาที่วัดเป็นจำนวนมาก บางส่วนก็นิยมมาเช่าบูชาวัตถุมงคลหลวงพ่อแดงอยู่เสมอ
ต่อมาก็ตรงมาที่ “วัดช้าง” มาสักการะพระเศียร “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปเก่าแก่ตั้งแต่สมัยสุโขทัยที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัด สำหรับพระเศียรหลวงพ่อดำนั้นถูกค้นพบอยู่ใต้ฐานของพระประธานภายในโบสถ์ จึงถูกย้ายให้ลงมาประดิษฐานอยู่ด้านล่าง เพื่อให้ประชาชนได้กราบสักการะ
จุดถัดไปคือ “วัดคงคารามวรวิหาร” แวะมาสักการะ “หลวงพ่อฉุย สุขภิกขุ” พระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงอีกท่านของเพชรบุรี ที่ด้านบนมณฑปพระสุวรรณมุนี นรสีห์ธรรมทายาทสังฆปาโมกข์ แล้วอย่าลืมชมลวดลายปูนปั้นฝีมือช่างเมืองเพชรที่บริเวณฐาน มีความงดงามชวนชมอยู่ไม่น้อย
พักเหนื่อยยามเที่ยง แวะชิมของกินเมืองเพชรที่ขึ้นชื่อที่ “ตลาดทรัพย์สินฯ เพชรบุรี” ที่นี่ต้องมาชิมขนมจีนซาวน้ำ ข้าวแช่เมืองเพชร ลอดช่องสิงคโปร์น้ำตาลข้น ขนมจีนทอดมัน เป็นต้น และในตัวเมืองเพชรก็ยังมีร้านอร่อยท้องถิ่นอีกหลากหลาย ใครกระเพาะใหญ่ก็แวะชิมได้หลายๆ ร้านเลย
อิ่มท้องกันแล้วก็ไปต่อที่ “วัดพระทรง” สักการะ “หลวงพ่อมี” ผู้เชี่ยวชาญในทางวิปัสสนาธรรมจนร่ำลือว่าท่านเก่งทางใน มีญาณทัศนะกำหนดรู้หรือเพ่งรู้กาลล่วงหน้าได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
จุดสุดท้ายของทริป มาชมความงดงามของ “พระรามราชนิเวศน์” (วังบ้านปืน) ซึ่งเป็นประทับแปรพระราชฐานที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมบาโรก และแบบอาร์ต นูโว หรือที่เยอรมันเรียกว่า "จุงเกนสติล" (Jugendstil) โดยจะเน้นความทันสมัยโดยจะไม่มีลายปูนปั้นวิจิตรพิสดารเหมือนอาคารในสมัยเดียวกัน พระที่นั่งหลังนี้จะเน้นในเรื่องของความสูงของหน้าต่าง ความสูงของเพดานซึ่งกว้างเป็นพิเศษ ทำให้พระที่นั่งดูใหญ่โต โอ่อ่า สง่างาม และตระการตา
ภายในแต่ละห้องจะตกแต่งต่างกันทั้งสีสันและวัสดุที่ใช้ เช่น บริเวณโถงบันไดใช้โทนสีเขียว ห้องเสวยใช้โทนสีเหลือง ตกแต่งช่องประตูด้วยเหล็กดัดแบบอาร์ต นูโว และประดับผนังด้วยแผ่นกระเบื้องเคลือบสีเหลืองสด ตัดกรอบด้วยกระเบื้องเขียวเป็นช่อง ๆ ตามแนวยืน โดยกระเบื้องประดับผนังมีลวด ลายนูนเป็นรูปสัตว์และพรรณพืชต่าง ๆ แทรกอยู่เป็นระยะ ๆ ห้องพระบรรทมใช้โทนสีทอง โดยตกแต่งเสาในห้องด้วยแผ่นโลหะสีทองขัดเงาดุนลาย หัวเสาเป็นภาพเขียนแจกันดอกไม้หลากสี บนพื้นครึ่งวงกลมสีทอง
ที่พระรามราชนิเวศน์สามารถเข้าชมด้านในได้ แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพด้านใน สามารถถ่ายภาพได้เฉพาะด้านนอดอาคารเท่านั้น
เสร็จแล้วใครยังพอมีเวลาว่าง แวะชิมขนมหวานเมืองเพชรเป็นการปิดท้ายคลายร้อน อยากจะกินลอดช่องน้ำตาลข้นคลายร้อนให้ชื่นใจ หรือแวะซื้อของฝากเป็นอาหารทะเลตากแห้ง ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมหม้อแกง ก็หาซื้อกันได้ในย่านตัวเมือง ก่อนจะกลับไปขึ้นรถไฟกันที่สถานีเพชรบุรี เดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ ในยามเย็น
สำหรับทริปชมวิวรถราง เที่ยวทางรถเล้ง จะจัดขึ้นภายในเดือนกรกฎาคม 2562 เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (เริ่มต้นวันเสาร์ที่ 6 ก.ค. 62) โดยนักท่องเที่ยวสามารถติดต่อซื้อตั๋วรถไฟขบวนพิเศษนำเที่ยว กรุงเทพ-สวนสนประดิพัทธ์ ขบวน 911 (รถแอร์ ราคาไปกลับ 240 บาท รถพัดลม ราคาไปกลับ 120 บาท) โทรศัพท์สายด่วน 1690
จากนั้นติดต่อแจ้งไปยัง ททท.สำนักงานเพชรบุรี ว่าจะเดินทางไปวันไหน กี่คน เพื่อจัดเจ้าหน้าที่และรถเล้งมารับที่สถานีเพชรบุรี ค่าโดยสารรถเล้งฟรีตลอดเส้นทางสำหรับผู้แจ้งการเดินทาง 1,000 คนแรกเท่านั้น (รถเล้ง 1 คันนั่งได้ไม่เกิน 8 คน)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี โทร. 0-3247-1005-6 อีเมล์ tatphet@tat.or.th
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager