xs
xsm
sm
md
lg

“Mio Food & Art” นั่งชิลเสพงานศิลป์ อิ่มเอมอาหารอิตาเลียนต้นตำรับ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Facebook :Travel @ Manager
บรรยากาศภายในร้าน “Mio Food & Art”
เป็นเรื่องดีเสียเหลือเกินเมื่อ “ตระเวนกิน” ได้พาตัวเองมานั่งกินอาหารยังร้าน “Mio Food & Art” ที่นี่เป็นร้านอาหารที่มีบรรยากาศร้านชิลๆ แถมรายล้อมไปด้วยงานศิลปะสวยเก๋มากมาย ให้ได้ชื่นชมแบบเพลิดเพลินเจริญตาเจริญใจ ทำให้มื้ออาหารของเรามื้อนี้ได้อิ่มเอมเปรมปรีดิ์แบบสุขทั้งกายและใจ
โต๊ะนั่งสบายๆ ภายในร้าน
ร้าน “Mio Food & Art” เป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่มีคอนเซ็ปต์อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชวนให้มาสัมผัสกัน เพราะว่าที่นี่ได้นำเอางานศิลปะหลากหลายมาตกแต่งร้าน มีความโดดเด่นตรงที่มีเฟอร์นิเจอร์อันเปี่ยมไปด้วยดีไซน์สวยเก๋ และงานศิลปะต่างๆ ที่จัดตกแต่งอยู่ภายในร้าน หากเราถูกใจก็สามารถเลือกซื้องานศิลปะหรือเฟอร์นิเจอร์เหล่านั้นกลับบ้านได้
โต๊ะนั่งด้านหน้าร้าน
บรรยากาศโต๊ะนั่งของทางร้าน มีให้เลือกนั่งหลากหลายโซนตามใจชอบ มีทั้งในส่วนของห้องแอร์จัดโต๊ะนั่งในมุมสบายๆ มีทั้งชั้นบนและชั้นล่าง แล้วก็ยังมีโต๊ะนั่งส่วนด้านนอกหน้าร้านให้ได้นั่งรับลมธรรมชาติชิลๆ
มุมโต๊ะนั่งรับลมชิลๆ
ในส่วนของอาหารที่นี่นำเสนออาหารอิตาเลียนแบบต้นตำรับขนานแท้ มีมร. อันโตนิโอ แฟคชิเนติ เป็นหัวหน้าเชฟ ผู้มีฝีมือและมากไปด้วยประสบการณ์ในด้านการปรุงอาหาร ได้คิดรังสรรค์เมนูจานเด็ดขึ้นมาเป็นพิเศษ และปรุงแต่งสไตล์โฮมเมดตามสูตรเด็ดเฉพาะของเชฟ ซึ่งทางร้านให้ความสำคัญในเรื่องการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ มีความสดใหม่ และมีวัตถุดิบอิมพอร์ตมาจากประเทศอิตาลีเป็นพิเศษ
Imported Burrata, Vine Tomatoes, Culatello
เมนูอิตาเลียนจานเด็ดของที่นี่มีหลายเมนูที่ชวนลิ้มลอง อย่างที่ขอแนะนำให้ลองชิมกันก็มี Imported Burrata, Vine Tomatoes, Culatello (420 บาท++) เชฟคัดสรรบูราต้าชีสสดนำเข้ามาเป็นพิเศษจากอิตาลี เสิร์ฟมาพร้อมกับมะเขือเทศ ราดซอสบัลซามิก ลิ้มรสบูราต้าชีสมีความนุ่มรสละมุนฉ่ำปาก กินเข้ากันดีกับมะเขือเทศหวานกรอบ เมนูนี้กินแล้วสดชื่นปากดี
Selection Cold Cuts la Mora Romagnola with Condiment
เมนูถัดมานำเสนอ Selection Cold Cuts la Mora Romagnola with Condiment (890 บาท++) เป็นเมนูโคลล์คัทสูตรออร์แกนิคแบบซุปเปอร์พรีเมียม ที่ทางร้านคัดสรรมาอย่างดีส่งตรงมาจากอิตาลี เชฟจะใช้เครื่องสไลด์เนื้อแบบต่างๆ มาเป็นชิ้นบางพอดีคำ มีทั้งพาร์มาแฮม ซาลามี่ และคอปป้าแฮม ชิมเนื้อแต่ละอย่างรสชาติยอดเยี่ยมโดนใจปากมาก สมกับเป็นเนื้อซุปเปอร์พรีเมียมขนานแท้
Paccheri Squid Ink, Garlic Chili, Roasted Octopus
จานต่อมาชวนกินเมนู Paccheri Squid Ink, Garlic, Chili, Roasted Octopus (490 บาท++) เป็นเมนูจานเส้นที่มีจุดเด่นตรงที่ เชฟเลือกใช้พาสต้า Paccheri Squid Ink ที่นำเข้าจากอิตาลีมาต้มสุก ใส่หมึกยักษ์ ปรุงกับซอสสูตรพิเศษของเชฟ กินพาสต้าตัวแป้งเคี้ยวนุ่มหนึบ ชุ่มน้ำซอสรสกลมกล่อมลิ้น กินเข้ากันดีกับหมึกยักษ์เนื้อหวานสด เคี้ยวเด้งหนึบหนับปาก
Costata (Prime Rib 500 gr)
จากนั้นมากินเมนูสเต็กเนื้อจานเด่น Costata (Prime Rib 500 gr) (1,400 บาท++) ที่มีความพิเศษโดดเด่นตรงที่ทางร้าน นำเสนอวัตถุดิบที่ช่วยสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น โดยทางร้านได้จับมือกับฟาร์มปศุสัตว์ในภาคอีสานของประเทศไทย โดยหุ้นส่วนของฟาร์มในพื้นที่ภาคอีสานนี้เป็นผู้บุกเบิกการผสมเทียม และสร้างสายพันธุ์พิเศษสำหรับเนื้อแบล็คแองกัสและ ชาร์โรเล่สบีฟสเตียรที่ผ่านกรรมวิธีการผสมเทียมลูกโคด้วยคุณภาพสูง เติบโตอย่างอิสระท่ามกลางธรรมชาติ ถูกเลี้ยงดูอย่างดีทำให้ได้เนื้อวัวแบล็คแองกัสจากภาคอีสานคุณภาพเยี่ยม ซึ่งเนื้อวัวจะมีความนุ่มและฉ่ำเป็นพิเศษ ซึ่งเชฟจะนำเนื้อวัวมากริลล์ปรุงตามแบบฉบับพิเศษสไตล์อิตาลีขนานแท้ ทำให้ได้สเต็กเนื้อชิ้นสวยหนา เสิร์ฟมาร้อนๆ แล่ชิ้นเนื้อวัวส่งเข้าปากสัมผัสได้ถึงรสชาติของเนื้อวัว ที่เคี้ยวนุ่มหนึบมีความฉ่ำหวานของเนื้อคุณภาพดี อร่อยลิ้นกินแล้วฟินใจ
Classic Tiramisu
ส่งท้ายล้างปากด้วยเมนูของหวาน Classic Tiramisu (240 บาท++) เป็นทีรามิสุที่เชฟปรุงตามสูตรพิเศษเฉพาะ แล้วเสิร์ฟมาในกระถางต้นไม้แสนน่ารัก หน้าตาชวนกินมาก ชิมทีรามิสุเนื้อนุ่มเนียนรสชาติหวานละมุน หอมกลิ่นกาแฟอ่อนๆ ขึ้นจมูก ตัดเลี่ยนด้วยสตรอเบอร์รี่หวานฉ่ำโดนใจดีจริง
นั่งกินอาหารพร้อมกับชมงานศิลปะมากมาย
นอกเหนือจากเมนูเด็ดเหล่านี้ที่ชวนกินแล้ว ก็ยังมีเมนูอิตาเลียนจานเด่นอื่นๆ ที่ชวนลิ้มลองอีก อาทิ Bigoli Pasta with Beef Ragout (460 บาท++) Grilled Octopus, Purple potatoes, Smoked Paprika, Salsa Verde (580 บาท++) Testaroli al Pesto (420 บาท++) Cavatelli, Nduja Sausage, Red Onion, Pomodoro Fresco (420 บาท++) Pizzoccheri, Broccolini, Potatoes, Bitto Cheese, Butter Sage Sauce (480 บาท++) และอีกหลายหลากเมนูอิตาเลียนรสต้นตำรับ ที่ชวนให้มานั่งกินชิลๆ พร้อมกับได้เสพงานศิลป์อย่างอิ่มสุขใจ แนะนำเลยว่าให้พากันมาที่ร้าน “Mio Food & Art” แห่งนี้
โต๊ะนั่งหน้าร้านรับลมธรรมชาติ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“Mio Food & Art” ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างโครงการ Alcove ซอยสุขุมวิท 53 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ เปิดทุกวัน เวลา 11.30 - 23.00 น. โทร. 0-2258-5516, 0-2258-5517 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.miofoodart.com, www.facebook.com/MIO-foodart-420928715100029
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager




กำลังโหลดความคิดเห็น