xs
xsm
sm
md
lg

“ลูกอัมพวา” ของดีคู่อัมพวามานับร้อยปี ที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


Facebook :Travel @ Manager

มะเปรียงหรือลูกอัมพวา
เป็นที่รู้กันดีว่า อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ขึ้นชื่อว่าเป็น “ถนนสายผลไม้” ที่มีผลไม้ชวนกินมากมายทั้งลิ้นจี่พันธุ์ค่อม ส้มโอขาวใหญ่ มะพร้าว มะม่วงหาวมะนาวโห่ ฯลฯ รวมถึงยังมี “ลูกมะเปรียง” หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า “ลูกอัมพวา” เป็นอีกหนึ่งผลไม้หากินได้ยาก ที่อยู่คู่กับอัมพวามานับร้อยปี
ต้นอัมพวา
“มะเปรียง” เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ขึ้นอยู่ตามชายน้ำ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศมาเลเซียและเป็นไม้ถิ่นทางภาคใต้ของไทย แต่มีคนนำมาปลูกที่อัมพวาเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ชาวบ้านที่นี่จึงเรียกกันว่า “ต้นอัมพวา” เป็นต้นมา โดยลักษณะของลำต้นจะไม่ใหญ่มากนัก และใบจะมีลักษณะเรียวแหลม ซึ่งใบอ่อนจะห้อยเป็นพวงออกเรียงสลับกัน
ลักษณะของดอก
ดอกของต้นอัมพวาจะขึ้นติดกับลำต้นรวมตัวกันเป็นกระจุก ก้านดอกจะเป็นสีน้ำตาล ส่วนตัวดอกจะเป็นสีเหลืองออกขาว เมื่อดอกโตเต็มที่แล้วจะกลายเป็นผล เรียกว่า “ลูกอัมพวา” หรือที่ทางภาคใต้เรียกว่า “ลูกคางคก” นั่นเอง
ลักษณะของใบ
ลูกอัมพวา จะมีรูปร่างคล้ายกับมะม่วงแต่จะแบนกว่า ผิวเปลือกด้านนอกจะเป็นสีเทาปนเขียวและมีลักษณะขรุขระมองดูคล้ายลูกยอ ส่วนรสชาติตอนเป็นผลดิบจะมีรสชาติคล้ายมะม่วงดิบ แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 2-3 เดือนจนผลสุกแล้วจะมีรสหวานอมเปรี้ยว ตัวผลจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
ลักษณะของผล
และถึงแม้จะมีรูปร่างไม่น่าดู แต่ลูกอัมพวากลับมีสรรพคุณมากมาย ซึ่งสามารถนำมากินรักษาโรคได้ตั้งแต่รากยันผลเลยอีกด้วย โดยส่วนผลที่มีรสหวานอมเปรี้ยวนั้นจะช่วยให้ชุ่มคอ ใบแห้งยังสามารถนำมาต้มกินรักษาโรคเบาหวาน หรือจะนำน้ำต้มใบมาล้างแผลสด แผลเปื่อย ฝีหนองได้อีกด้วย

ในส่วนของเปลือกต้นและราก ยังมีสรรพคุณรักษาโรคเกี่ยวกับเลือดและโรคมะเร็ง รวมถึงน้ำต้มเปลือกยังช่วยแก้อาการบวมพอง และน้ำต้มรากยังช่วยแก้ไข้มาลาเรียได้ดี ปัจจุบันต้นอัมพวาอาจจะหาดูยากแต่ก็ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง ถือเป็นของดีหายากที่อยู่คู่กับอัมพวามานับร้อยปี
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
กำลังโหลดความคิดเห็น