Facebook :Travel @ Manager

“อุดรธานี” ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองสำคัญของภาคอีสานที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทางทั้งในภูมิภาคอีสานเอง และเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว และหากพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดอุดรฯ ก็ถือว่ามีความหลากหลาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติงามน่ายล แหล่งโบราณคดีล้ำค่าที่ได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมหนึ่งเดียวของภาคอีสาน และสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่อยากชวนไปเยี่ยมเยือนกัน
ไม่จำเป็นต้องรอวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อจะมาเที่ยวอุดรฯ แค่เช็กวันลาแล้วเก็บกระเป๋ามาเที่ยวกันในวันธรรมดารับรองว่าได้ฟินหลายต่อ ต่อแรกเลยคือราคาค่าตั๋วเครื่องบินและที่พักในวันธรรมดานั้นถูกกว่าช่วงวันหยุดเยอะเลย ต่อมาคือไม่ต้องเผชิญกับผู้คนมากมายตามสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตต่างๆ รวมถึงไม่ต้องรอคิวนานๆ ที่ร้านค้าหรือร้านอาหาร และต่อจากนั้นคือความสบายใจที่ได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศของแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่งได้เต็มที่มากขึ้น

แหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดให้คนมาเที่ยวอุดรฯ เชื่อว่าต้องมีชื่อของ “ทะเลบัวแดงหนองหาน” เป็นหนึ่งในนั้น เพราะภาพของดอกบัวสีชมพูสดใสที่บานเต็มผืนน้ำสุดลูกหูลูกตานั้นช่างสวยงามชวนให้อยากมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง โดยหนองหานเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 22,500 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในอำเภอกุมภวาปี บึงแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมีทั้งพืชน้ำ พันธุ์นกและพันธุ์ปลาหลากชนิด เป็นแหล่งอาหารของคนในพื้นที่โดยรอบ
ส่วนในช่วงฤดูหนาวราวเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ธรรมชาติจะสรรค์สร้างให้หนองหานกลายเป็นทุ่งทะเลบัวอันงดงามน่าประทับใจ โดย “บัวสาย” หรือ “บัวแดง” ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้น้ำประจำถิ่นจะพร้อมใจกันผลิดอกเบ่งบานเป็นสีชมพูสะพรั่งเต็มผืนน้ำ จนกลายเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “ทะเลบัวแดง” โดยนักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือไปชมดอกบัวได้อย่างใกล้ชิด

ใครที่อยากชมทะเลบัวแดงก็ต้องอดใจรออีกนิด หรือเตรียมวางแผนลางานรอได้เลย เพราะในช่วงที่บัวกำลังบานนั้นเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างมุ่งหน้ามายังบึงหนองหานจนทำให้มีปัญหาทั้งเรื่องการจราจร ที่จอดรถและการรอคิวเรือ ดังนั้นขอแนะนำให้มาชมช่วงวันธรรมดาก็จะเหมาะสมลงตัวที่สุด

และหากพูดถึงความโดดเด่นเป็นหนึ่งเดียวของอุดรธานี ก็ต้องนึกถึง “แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง” ในอำเภอหนองหาน ซึ่งถือเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเพียงหนึ่งเดียวของภาคอีสานโดยได้รับการรับรองจากองค์กรยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ พ.ศ.2535 และมีความสำคัญระดับโลกตรงที่เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์กว่า 5,000 ปีมาแล้วที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงให้เห็นถึงก้าวสำคัญของวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมสังคมและเทคโนโลยีของมนุษย์ อาทิ การเกษตร การผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ และการใช้โลหะ
สิ่งที่เป็นดังสัญลักษณ์ของบ้านเชียงที่เราคุ้นตากันดีก็คือ “เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง” ที่มีลวดลายเชือกทาบสีแดงเป็นเอกลักษณ์ เราสามารถไปชมเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียงของแท้ โบราณวัตถุต่างๆ และเรื่องราวในยุคก่อนประวัติศาสตร์สืบมาจนถึงปัจจุบันของบ้านเชียงได้ที่ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง” ที่จัดแสดงเรื่องราวการดำรงชีวิตของมนุษย์ยุคโบราณ จัดจำลองการขุดค้นทางโบราณคดีในบ้านเชียงที่พบตามชั้นดินต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ศึกษาและเข้าใจถึงการขุดค้นทางโบราณคดีและโบราณวัตถุ โดยที่นี่ส่วนใหญ่จะพบภาชนะดินเผาที่ฝังรวมกับศพโครงกระดูกเป็นหลักฐานสำคัญ


นอกจากแหล่งมรดกโลกบ้านเชียงแล้ว อุดรธานียังมีแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณคดีที่ผสานแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่าง “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” ในอำเภอบ้านผือซึ่งถือเป็น “ว่าที่มรดกโลก” เพราะเป็นสถานที่ที่ขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ไว้เพื่อพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในอนาคต

อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูพาน มีสภาพภูมิประเทศเป็นโขดหินและเพิงผารูปทรงแปลกตาที่กระจัดกระจายกลางลานหินอยู่เป็นจำนวนมาก โดยในบริเวณนี้ได้ปรากฏร่องรอยของกิจกรรมของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อราว 2,000-3,000 ปีมาแล้ว มีหลายจุดในภูพระบาทที่พบสถานที่ซึ่งสันนิษฐานว่าเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในยุคโบราณอย่างห้องนอนและห้องครัวมาก่อน เพราะพบเขม่าควันเกาะติดตามเพิงหิน อีกทั้งยังพบภาพเขียนสีมากกว่า 30 แห่ง และพบการดัดแปลงโขดหินและเพิงผาธรรมชาติให้กลายเป็นศาสนสถานของผู้คนในวัฒนธรรมทวารวดี ลพบุรี สืบต่อมาจนถึงวัฒนธรรมล้านช้างอีกด้วย


และโขดหินรูปทรงแปลกตาเหล่านี้ก็ทำให้คนโบราณนำมาผูกแต่งเป็นเรื่องราวนิทานท้องถิ่นเรื่อง“ตำนานรักนางอุษา-ท้าวบารส”โดยตั้งชื่อโขดหินแต่ละจุดผูกโยงกับเรื่องราว อาทิ “หอนางอุษา” คือโขดหินสูงคล้ายรูปเห็ดซึ่งด้านบนเป็นเพิงหินคล้ายห้องนอน นอกจากนั้นก็ยังมีคอกม้าท้าวบารส หีบศพนางอุษา หีบศพท้าวบารส บ่อน้ำนางอุษา เป็นต้น

พักจากเรื่องประวัติศาสตร์มาเที่ยวชมวัดงามและกราบพระเป็นสิริมงคลกันบ้างที่ “วัดป่าภูก้อน” ซึ่งตั้งอยู่กลางป่าบนภูเขาในเขตอำเภอนายูง ซึ่งนอกจากจะมีความสงบงดงามตามแบบพุทธศาสนสถานแล้ว บริเวณวัดยังรายล้อมไปด้วยป่าไม้และทิวเขาสลับซับซ้อนมีอากาศสดชื่นเย็นสบาย
ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” พระพุทธไสยาสน์หินอ่อนสีขาวที่แกะสลักได้งดงามยิ่งนัก องค์พระมีความยาว 20 เมตร สร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา ในปี 2554


อีกทั้งยังมี “พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์” เจดีย์สีเหลืองทองที่ตั้งยอดเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขา ด้านบนยอดเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้ให้ประชาชนผู้ศรัทธาได้มากราบสักการะ ส่วนชั้นสองประดิษฐานรูปหล่อของบูรพาจารย์ในสายกรรมฐานให้เหล่าลูกศิษย์กราบระลึกบูชากัน

ส่วนอีกหนึ่งวัดที่บางคนบอกว่าต้องห้ามพลาดเมื่อมาเยือนอุดรฯ ก็คือ “วัดศิริสุทโธ” หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อ “คำชะโนด”หรือ “วังนาคินทร์” โดยคำชะโนดตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัดศิริสุทโธในอำเภอบ้านดุง มีลักษณะเป็นเกาะที่ลอยน้ำอยู่กลางบึงโล่งกว้างอย่างน่าทึ่ง บนเกาะเต็มไปด้วยต้นชะโนดอันเป็นที่มาของชื่อ “คำชะโนด” สถานที่แห่งนี้เชื่อว่าเป็นทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับเมืองบาดาลของพญานาค โดยมีเจ้าพ่อปู่ศรีสุทโธ หรือสุทโธนาค เป็นพญานาคผู้ดูแลพื้นที่แห่งนี้
การจะข้ามไปสู่เกาะคำชะโนดจะต้องเดินผ่านสะพานพญานาค ซึ่งเมื่อข้ามมาแล้วก็จะพบกับศาลาที่ประดิษฐานเจ้าพ่อปู่ศรีสุทโธและเจ้าย่าปทุมมา อีกทั้งยังมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นทางขึ้นลงระหว่างเมืองบาดาลกับโลกมนุษย์ของเหล่าพญานาค และในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๑๐ ที่เพิ่งผ่านมาก็ได้ใช้น้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์คำชะโนดเป็นน้ำอภิเษกของจังหวัดอุดรธานีอีกด้วย


ส่วนเรื่องที่ว่าใครมากราบไหว้เจ้าพ่อปู่ศรีสุทโธและเจ้าย่าปทุมมาแล้วจะได้เลขเด็ดกลับไปหรือไม่นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับโชคและดวงของแต่ละคน

มาถึงอีกหนึ่งรูปแบบการท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกไปสัมผัสวิถีชีวิตชุมชน อยากขอให้ลองมาที่ “คีรีวงกต” ชุมชนท่องเที่ยวโฮมสเตย์เล็กๆ ในอำเภอนายูงที่มีบรรยากาศดีล้อมรอบไปด้วยภูเขาชุมชนแห่งนี้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวมานานแล้วก็จริง แต่ยังคงวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวที่หลากหลาย โดยกิจกรรมเด่นของที่นี่คือการ “ล่องแก่ง ดูเขา กินข้าวป่า” ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้นั่งรถอีแต๊กฝ่าไปกลางลำห้วยน้ำฮวย ลำธารเล็กๆตื้นแค่ข้อเท้า ระหว่างทางจะได้ชมวิวภูเขาสวยๆ และได้ลงไปเดินลุยน้ำและถ่ายรูปเล่นกลางลำห้วย และยังมีอาหารกลางวันซึ่งเป็นเมนูง่ายๆ แต่อร่อยปากคอยให้บริการ โดยมีความเก๋ตรงที่ภาชนะต่างๆ ที่ใช้ล้วนทำมาจากวัสดุธรรมชาติ จึงเรียกว่ากินข้าวป่านั่นเอง


เที่ยวกันไปในหลายๆ อำเภอของอุดรธานีแล้ว มาส่งท้ายแบบชิลๆ กับแหล่งท่องเที่ยวในเมืองกันบ้าง โดยไม่ว่าใครที่มาเที่ยวเมืองอุดรฯ ก็ต้องแวะมาทักทายเจ้าเป็ดเหลืองที่ “สวนสาธารณะหนองประจักษ์” หนองน้ำใหญ่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและเป็นสถานที่ออกกำลังกายของคนอุดรฯ มาถึงแล้วอย่าลืมมาถ่ายรูปคู่กับเจ้าเป็ดสีสันสดใส จากนั้นเดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆ สวน

บริเวณรอบๆ หนองประจักษ์นี้ก็มีจุดท่องเที่ยวน่าไปชมหลายแห่งด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น “พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี” อาคารเก่าแก่สไตล์โคโนเนียลสีเหลืองสดใสที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๖ เดิมเคยเป็นอาคารเรียนของโรงเรียนสตรีราชินูทิศ แต่ปัจจุบันจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เล่าเรื่องเมืองอุดรได้อย่างทันสมัยและน่าสนใจ ขณะที่ไม่ไกลกันก็เป็นที่ตั้งของ “วัดโพธิสมภรณ์” พระอารามหลวงคู่เมืองอุดรฯ ที่มองเห็นพระบรมธาตุธรรมเจดีย์ได้แต่ไกล โดยภายในองค์เจดีย์นี้ชั้นบนสุดเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อีกทั้งยังมีอัฐิธาตุพระอรหันตสาวก และรูปเหมือนพระบูรพาจารย์หากมีโอกาสก็อยากให้แวะเข้าไปกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง


และปิดท้ายเที่ยวเมืองอุดรฯ กันที่ “ศูนย์วัฒนธรรมไทยจีน ศาลเจ้าปู่ย่า” ศาลเจ้าเก่าแก่และสำคัญของชาวจีนในอุดรธานี ภายในศาลเจ้ามีองค์เทพสำคัญคือ “ปึงเถ่ากงม่า” หรือเจ้าปู่เจ้าย่านั่นเอง และนอกจากนั้นที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์วัฒนธรรมไทยจีนเพื่อเป็นแหล่งในการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาวจีนที่อพยพจากประเทศจีนมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในจังหวัดอุดรธานี ภายในมีสถาปัตยกรรมแบบจีนที่สวยงาม มีสระน้ำเล็กๆ ที่มีปลาคาร์พว่ายวนเวียนน่าชม ใครชอบถ่ายรูปมาที่นี่มีมุมให้แชะเพียบ
เรียกได้ว่า “อุดรธานี” เมืองนี้ไม่ธรรมดา เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นมากมาย และจะยิ่งพิเศษมากขึ้นไปอีกหากมาเที่ยวอุดรฯ วันธรรมดา เพื่อจะได้ใช้เวลาสัมผัสกับบรรยากาศของการท่องเที่ยวให้เต็มอิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก

ผู้ที่ต้องการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับที่เที่ยว ที่กิน ที่พักในจังหวัดอุดรธานี สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุดรธานี (รับผิดชอบพื้นที่ อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ) โทร. 0 4232 5406-7 และ www.facebook.com/tatudon หรือ 1672 เบอร์เดียวเที่ยว
ทั่วไทย และดูรายละเอียด “วันธรรมดาน่าเที่ยว” เพิ่มเติมที่ www.weekdayspecialthailand.com
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
“อุดรธานี” ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองสำคัญของภาคอีสานที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทางทั้งในภูมิภาคอีสานเอง และเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว และหากพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดอุดรฯ ก็ถือว่ามีความหลากหลาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติงามน่ายล แหล่งโบราณคดีล้ำค่าที่ได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมหนึ่งเดียวของภาคอีสาน และสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่อยากชวนไปเยี่ยมเยือนกัน
ไม่จำเป็นต้องรอวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อจะมาเที่ยวอุดรฯ แค่เช็กวันลาแล้วเก็บกระเป๋ามาเที่ยวกันในวันธรรมดารับรองว่าได้ฟินหลายต่อ ต่อแรกเลยคือราคาค่าตั๋วเครื่องบินและที่พักในวันธรรมดานั้นถูกกว่าช่วงวันหยุดเยอะเลย ต่อมาคือไม่ต้องเผชิญกับผู้คนมากมายตามสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตต่างๆ รวมถึงไม่ต้องรอคิวนานๆ ที่ร้านค้าหรือร้านอาหาร และต่อจากนั้นคือความสบายใจที่ได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศของแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่งได้เต็มที่มากขึ้น
แหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดให้คนมาเที่ยวอุดรฯ เชื่อว่าต้องมีชื่อของ “ทะเลบัวแดงหนองหาน” เป็นหนึ่งในนั้น เพราะภาพของดอกบัวสีชมพูสดใสที่บานเต็มผืนน้ำสุดลูกหูลูกตานั้นช่างสวยงามชวนให้อยากมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง โดยหนองหานเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 22,500 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในอำเภอกุมภวาปี บึงแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมีทั้งพืชน้ำ พันธุ์นกและพันธุ์ปลาหลากชนิด เป็นแหล่งอาหารของคนในพื้นที่โดยรอบ
ส่วนในช่วงฤดูหนาวราวเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ธรรมชาติจะสรรค์สร้างให้หนองหานกลายเป็นทุ่งทะเลบัวอันงดงามน่าประทับใจ โดย “บัวสาย” หรือ “บัวแดง” ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้น้ำประจำถิ่นจะพร้อมใจกันผลิดอกเบ่งบานเป็นสีชมพูสะพรั่งเต็มผืนน้ำ จนกลายเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “ทะเลบัวแดง” โดยนักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือไปชมดอกบัวได้อย่างใกล้ชิด
ใครที่อยากชมทะเลบัวแดงก็ต้องอดใจรออีกนิด หรือเตรียมวางแผนลางานรอได้เลย เพราะในช่วงที่บัวกำลังบานนั้นเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างมุ่งหน้ามายังบึงหนองหานจนทำให้มีปัญหาทั้งเรื่องการจราจร ที่จอดรถและการรอคิวเรือ ดังนั้นขอแนะนำให้มาชมช่วงวันธรรมดาก็จะเหมาะสมลงตัวที่สุด
และหากพูดถึงความโดดเด่นเป็นหนึ่งเดียวของอุดรธานี ก็ต้องนึกถึง “แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง” ในอำเภอหนองหาน ซึ่งถือเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเพียงหนึ่งเดียวของภาคอีสานโดยได้รับการรับรองจากองค์กรยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ พ.ศ.2535 และมีความสำคัญระดับโลกตรงที่เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์กว่า 5,000 ปีมาแล้วที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงให้เห็นถึงก้าวสำคัญของวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมสังคมและเทคโนโลยีของมนุษย์ อาทิ การเกษตร การผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ และการใช้โลหะ
สิ่งที่เป็นดังสัญลักษณ์ของบ้านเชียงที่เราคุ้นตากันดีก็คือ “เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง” ที่มีลวดลายเชือกทาบสีแดงเป็นเอกลักษณ์ เราสามารถไปชมเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียงของแท้ โบราณวัตถุต่างๆ และเรื่องราวในยุคก่อนประวัติศาสตร์สืบมาจนถึงปัจจุบันของบ้านเชียงได้ที่ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง” ที่จัดแสดงเรื่องราวการดำรงชีวิตของมนุษย์ยุคโบราณ จัดจำลองการขุดค้นทางโบราณคดีในบ้านเชียงที่พบตามชั้นดินต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ศึกษาและเข้าใจถึงการขุดค้นทางโบราณคดีและโบราณวัตถุ โดยที่นี่ส่วนใหญ่จะพบภาชนะดินเผาที่ฝังรวมกับศพโครงกระดูกเป็นหลักฐานสำคัญ
นอกจากแหล่งมรดกโลกบ้านเชียงแล้ว อุดรธานียังมีแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณคดีที่ผสานแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่าง “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” ในอำเภอบ้านผือซึ่งถือเป็น “ว่าที่มรดกโลก” เพราะเป็นสถานที่ที่ขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ไว้เพื่อพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในอนาคต
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูพาน มีสภาพภูมิประเทศเป็นโขดหินและเพิงผารูปทรงแปลกตาที่กระจัดกระจายกลางลานหินอยู่เป็นจำนวนมาก โดยในบริเวณนี้ได้ปรากฏร่องรอยของกิจกรรมของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อราว 2,000-3,000 ปีมาแล้ว มีหลายจุดในภูพระบาทที่พบสถานที่ซึ่งสันนิษฐานว่าเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในยุคโบราณอย่างห้องนอนและห้องครัวมาก่อน เพราะพบเขม่าควันเกาะติดตามเพิงหิน อีกทั้งยังพบภาพเขียนสีมากกว่า 30 แห่ง และพบการดัดแปลงโขดหินและเพิงผาธรรมชาติให้กลายเป็นศาสนสถานของผู้คนในวัฒนธรรมทวารวดี ลพบุรี สืบต่อมาจนถึงวัฒนธรรมล้านช้างอีกด้วย
และโขดหินรูปทรงแปลกตาเหล่านี้ก็ทำให้คนโบราณนำมาผูกแต่งเป็นเรื่องราวนิทานท้องถิ่นเรื่อง“ตำนานรักนางอุษา-ท้าวบารส”โดยตั้งชื่อโขดหินแต่ละจุดผูกโยงกับเรื่องราว อาทิ “หอนางอุษา” คือโขดหินสูงคล้ายรูปเห็ดซึ่งด้านบนเป็นเพิงหินคล้ายห้องนอน นอกจากนั้นก็ยังมีคอกม้าท้าวบารส หีบศพนางอุษา หีบศพท้าวบารส บ่อน้ำนางอุษา เป็นต้น
พักจากเรื่องประวัติศาสตร์มาเที่ยวชมวัดงามและกราบพระเป็นสิริมงคลกันบ้างที่ “วัดป่าภูก้อน” ซึ่งตั้งอยู่กลางป่าบนภูเขาในเขตอำเภอนายูง ซึ่งนอกจากจะมีความสงบงดงามตามแบบพุทธศาสนสถานแล้ว บริเวณวัดยังรายล้อมไปด้วยป่าไม้และทิวเขาสลับซับซ้อนมีอากาศสดชื่นเย็นสบาย
ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” พระพุทธไสยาสน์หินอ่อนสีขาวที่แกะสลักได้งดงามยิ่งนัก องค์พระมีความยาว 20 เมตร สร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา ในปี 2554
อีกทั้งยังมี “พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์” เจดีย์สีเหลืองทองที่ตั้งยอดเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขา ด้านบนยอดเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้ให้ประชาชนผู้ศรัทธาได้มากราบสักการะ ส่วนชั้นสองประดิษฐานรูปหล่อของบูรพาจารย์ในสายกรรมฐานให้เหล่าลูกศิษย์กราบระลึกบูชากัน
ส่วนอีกหนึ่งวัดที่บางคนบอกว่าต้องห้ามพลาดเมื่อมาเยือนอุดรฯ ก็คือ “วัดศิริสุทโธ” หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อ “คำชะโนด”หรือ “วังนาคินทร์” โดยคำชะโนดตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัดศิริสุทโธในอำเภอบ้านดุง มีลักษณะเป็นเกาะที่ลอยน้ำอยู่กลางบึงโล่งกว้างอย่างน่าทึ่ง บนเกาะเต็มไปด้วยต้นชะโนดอันเป็นที่มาของชื่อ “คำชะโนด” สถานที่แห่งนี้เชื่อว่าเป็นทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับเมืองบาดาลของพญานาค โดยมีเจ้าพ่อปู่ศรีสุทโธ หรือสุทโธนาค เป็นพญานาคผู้ดูแลพื้นที่แห่งนี้
การจะข้ามไปสู่เกาะคำชะโนดจะต้องเดินผ่านสะพานพญานาค ซึ่งเมื่อข้ามมาแล้วก็จะพบกับศาลาที่ประดิษฐานเจ้าพ่อปู่ศรีสุทโธและเจ้าย่าปทุมมา อีกทั้งยังมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นทางขึ้นลงระหว่างเมืองบาดาลกับโลกมนุษย์ของเหล่าพญานาค และในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๑๐ ที่เพิ่งผ่านมาก็ได้ใช้น้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์คำชะโนดเป็นน้ำอภิเษกของจังหวัดอุดรธานีอีกด้วย
ส่วนเรื่องที่ว่าใครมากราบไหว้เจ้าพ่อปู่ศรีสุทโธและเจ้าย่าปทุมมาแล้วจะได้เลขเด็ดกลับไปหรือไม่นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับโชคและดวงของแต่ละคน
มาถึงอีกหนึ่งรูปแบบการท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกไปสัมผัสวิถีชีวิตชุมชน อยากขอให้ลองมาที่ “คีรีวงกต” ชุมชนท่องเที่ยวโฮมสเตย์เล็กๆ ในอำเภอนายูงที่มีบรรยากาศดีล้อมรอบไปด้วยภูเขาชุมชนแห่งนี้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวมานานแล้วก็จริง แต่ยังคงวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวที่หลากหลาย โดยกิจกรรมเด่นของที่นี่คือการ “ล่องแก่ง ดูเขา กินข้าวป่า” ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้นั่งรถอีแต๊กฝ่าไปกลางลำห้วยน้ำฮวย ลำธารเล็กๆตื้นแค่ข้อเท้า ระหว่างทางจะได้ชมวิวภูเขาสวยๆ และได้ลงไปเดินลุยน้ำและถ่ายรูปเล่นกลางลำห้วย และยังมีอาหารกลางวันซึ่งเป็นเมนูง่ายๆ แต่อร่อยปากคอยให้บริการ โดยมีความเก๋ตรงที่ภาชนะต่างๆ ที่ใช้ล้วนทำมาจากวัสดุธรรมชาติ จึงเรียกว่ากินข้าวป่านั่นเอง
เที่ยวกันไปในหลายๆ อำเภอของอุดรธานีแล้ว มาส่งท้ายแบบชิลๆ กับแหล่งท่องเที่ยวในเมืองกันบ้าง โดยไม่ว่าใครที่มาเที่ยวเมืองอุดรฯ ก็ต้องแวะมาทักทายเจ้าเป็ดเหลืองที่ “สวนสาธารณะหนองประจักษ์” หนองน้ำใหญ่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและเป็นสถานที่ออกกำลังกายของคนอุดรฯ มาถึงแล้วอย่าลืมมาถ่ายรูปคู่กับเจ้าเป็ดสีสันสดใส จากนั้นเดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆ สวน
บริเวณรอบๆ หนองประจักษ์นี้ก็มีจุดท่องเที่ยวน่าไปชมหลายแห่งด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น “พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี” อาคารเก่าแก่สไตล์โคโนเนียลสีเหลืองสดใสที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๖ เดิมเคยเป็นอาคารเรียนของโรงเรียนสตรีราชินูทิศ แต่ปัจจุบันจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เล่าเรื่องเมืองอุดรได้อย่างทันสมัยและน่าสนใจ ขณะที่ไม่ไกลกันก็เป็นที่ตั้งของ “วัดโพธิสมภรณ์” พระอารามหลวงคู่เมืองอุดรฯ ที่มองเห็นพระบรมธาตุธรรมเจดีย์ได้แต่ไกล โดยภายในองค์เจดีย์นี้ชั้นบนสุดเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อีกทั้งยังมีอัฐิธาตุพระอรหันตสาวก และรูปเหมือนพระบูรพาจารย์หากมีโอกาสก็อยากให้แวะเข้าไปกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง
และปิดท้ายเที่ยวเมืองอุดรฯ กันที่ “ศูนย์วัฒนธรรมไทยจีน ศาลเจ้าปู่ย่า” ศาลเจ้าเก่าแก่และสำคัญของชาวจีนในอุดรธานี ภายในศาลเจ้ามีองค์เทพสำคัญคือ “ปึงเถ่ากงม่า” หรือเจ้าปู่เจ้าย่านั่นเอง และนอกจากนั้นที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์วัฒนธรรมไทยจีนเพื่อเป็นแหล่งในการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาวจีนที่อพยพจากประเทศจีนมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในจังหวัดอุดรธานี ภายในมีสถาปัตยกรรมแบบจีนที่สวยงาม มีสระน้ำเล็กๆ ที่มีปลาคาร์พว่ายวนเวียนน่าชม ใครชอบถ่ายรูปมาที่นี่มีมุมให้แชะเพียบ
เรียกได้ว่า “อุดรธานี” เมืองนี้ไม่ธรรมดา เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นมากมาย และจะยิ่งพิเศษมากขึ้นไปอีกหากมาเที่ยวอุดรฯ วันธรรมดา เพื่อจะได้ใช้เวลาสัมผัสกับบรรยากาศของการท่องเที่ยวให้เต็มอิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก
ผู้ที่ต้องการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับที่เที่ยว ที่กิน ที่พักในจังหวัดอุดรธานี สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุดรธานี (รับผิดชอบพื้นที่ อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ) โทร. 0 4232 5406-7 และ www.facebook.com/tatudon หรือ 1672 เบอร์เดียวเที่ยว
ทั่วไทย และดูรายละเอียด “วันธรรมดาน่าเที่ยว” เพิ่มเติมที่ www.weekdayspecialthailand.com
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager