“Small Is Beautiful”
คำกล่าวนี้ใช้ได้ดีกับจังหวัด “พัทลุง” เมืองเล็ก ๆ น่ารักแห่งดินแดนด้ามขวาน ที่จัดเป็นประเภท “เล็กดีรสโต” หรือ “Small Is Beautiful” อันทรงเสน่ห์ ส่งผลให้ปัจจุบันพัทลุงเป็นหนึ่งในเมืองรองที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยวที่โดดเด่นไม่น้อย
แน่นอนว่าหากพูดถึงไฮไลท์ที่เที่ยวชื่อดังในพัทลุงแล้ว สถานที่ติดท็อประดับประเทศ อย่าง “ทะเลน้อย” และพื้นที่เชื่อมโยง คือ “คลองปากประ” กับ “สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา” นั้น ถือเป็นภาพจำชั้นดีที่ดึงดูดให้ผู้คนเดินทางมาเที่ยวพัทลุงกันไม่ได้ขาด
ยิ่งถ้าจะให้ดีลองหาเวลาไปเที่ยวทะเลน้อยและพื้นที่เชื่อมโยงกันในช่วง “วันธรรมดา” แล้วก็จะพบว่ามันยิ่งช่วยเพิ่มอรรถรสให้เราได้ซึมซับกับมนต์เสน่ห์ของการท่องเที่ยวอย่างเต็มเปี่ยม
วันธรรมดาน่าเที่ยว
สำหรับข้อดีการเที่ยวเมืองไทยในวันธรรมดานั้น มันสามารถหลีกเลี่ยงความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่นิยมไปเที่ยวกันในวันหยุดสุดสัปดาห์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว (Long Weekend) ซึ่งบ้านเราจะมีคนนิยมไปเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้การเที่ยวไทยในวันธรรมดา ยังทำให้สถานที่ท่องเที่ยวนั้น ๆ เปรียบเสมือนดังโลกใบเล็กของเรา ร้านค้าร้านอาหารก็ไม่ต้องรอคิวยาวเหยียด แถมโรงแรมที่พักก็ยังราคาถูกกว่าช่วงวันสุดสัปดาห์ นับเป็นวันธรรมดาน่าเที่ยวที่หากใครได้ลองแล้วจะติดใจ
ด้วยเหตุนี้ “ตะลอนเที่ยว” จึงนิยมเลือกออกไปท่องโลกกว้างสัมผัสเสน่ห์ของเมืองไทยในช่วงวันธรรมดา ซึ่งมันช่างให้บรรยากาศของการท่องเที่ยวที่แตกต่างไปจากช่วงวันหยุดยาวอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้นเราจะรอช้าอยู่ไย เก็บกระเป๋า คว้ากล้องคู่ใจ ออกเดินทางล่องใต้ในวันธรรมดา ไปสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของทะเลน้อยและพื้นที่เชื่อมโยง ซึ่งเป็นดังสามเหลี่ยมทองคำทางการท่องเที่ยวของจังหวัดพัทลุง ที่บอกเลยว่ามีของดีรออยู่เพียบ
ทะเลน้อย
ทะเลน้อย เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของจังหวัดพัทลุง และสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของจังหวัดนี้มายาวนาน
ด้วยความที่ทะเลสาบน้ำจืดแห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับ “พรุควนขี้เสี้ยน” (ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย) ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ หรือ “แรมซาร์ ไซด์” (Ramsar Site) แห่งแรกในเมืองไทย (13 ก.ย. 2541) ทำให้ทะเลน้อยมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์ สัตว์ป่า และนกน้ำนานาชนิด อีกทั้งยังเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีความสวยงามติดอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย
สำหรับผู้มาเยือนทะเลน้อยมีไฮไลท์ไม่ควรพลาด 3 สิ่ง ให้ได้ออกท่องทัศนาทำกิจกรรมกัน
เริ่มกันด้วยไฮไลท์แรกคือ “ชมนก” ทะเลน้อยได้ชื่อว่าเป็นถิ่นอาศัยสำคัญของนกน้ำในบ้านเรา นกน้ำที่ทะเลน้อยมีไม่ต่ำกว่า 150 ชนิด โดยรวมแล้วมีปริมาณนับเป็นแสนตัว ทั้งนกประจำถิ่น นกอพยพ นกหายาก และนกใกล้สูญพันธุ์
โดยในส่วนของนกประจำถิ่นที่หาดูได้ทั่วไปนั้นก็มี นกกาน้ำ นกกระยาง นกอีโก้ง นกเป็ดแดง นกเป็ดผี นกเป็ดคับแค นกนางนวล นกนางแอ่น นกกระสา อีกา และเหยี่ยว เป็นต้น
ส่วนนกหายากและนกใกล้สูญพันธุ์นั้นก็อย่างเช่น นกกาบบัว นกกระสานวล นกฟินฟุต นกช้อนหอย นกปากซ่อมพง นกอ้ายงั่ว เป็นต้น
มาถึงไฮไลท์ลำดับที่สองคือ “ชมบัว” ทะเลน้อยมีพันธุ์บัวหลัก ๆ อยู่ 4 ชนิด ได้แก่ บัวหลวง บัวเผื่อน บัวบา และ “บัวสาย” ที่เป็นสายพันธุ์บัวที่มีมากที่สุดในทะเลสาบแห่งนี้ (บัวสายหลาย ๆ คน นิยมเรียกกันว่า“บัวแดง”)
บัวสายที่ทะเลน้อยจะมีช่วงเวลาทองของการออกดอกเบ่งบานอยู่ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ในช่วงนั้น ทุก ๆ เช้าเหล่าบัวสายจะพร้อมใจกันออกดอกบานสะพรั่งให้สีชมพูสดใส เกิดเป็นภาพของ “ทะเลบัวสาย” หรือ “ทะเลบัวแดง” อันงดงามเต็มท้องน้ำที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจเป็นยิ่งนัก
มาถึงไฮไลท์ลำดับที่ 3 ของทะเลน้อย สิ่งนี้แม้ว่าจะมาทีหลังแต่ว่าก็มาแรงมาก จนกลายเป็นจุดขายอันสุดอเมซิ่งของทะเลน้อยกับ “ควายน้ำ” อันแสนน่ารักน่าชม
ควายน้ำจริง ๆ แล้วก็คือ ควายเลี้ยงทั่วไปของชาวบ้านในละแวกทะเลน้อยและทะเลสาบสงขลา โดยในช่วงหน้าแล้งที่น้ำในทะเลสาบลดระดับลงต่ำมาก จนเกิดมีสันดอนพื้นดินโผล่ขึ้นมา และมีทุ่งหญ้าขึ้นปกคลุม ควายพวกนี้มันก็จะดำรงชีวิตด้วยการหากินบนบกเหมือนควายปกติทั่ว ๆ ไป
แต่ครั้นเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก ทะเลน้อยมีปริมาณน้ำขึ้นสูงจนท่วมทุ่งหญ้าท่วมแหล่งหากินของควายจนมิด ทำให้ควายเหล่านี้ต้องปรับตัวเปลี่ยนมากินพืชน้ำอย่างสายบัว ใบบัว หรือสาหร่ายแทน โดยพวกมันจะพากันว่ายน้ำชูคอลงไปหากินในน้ำ หรือไม่ก็ดำลงไปกินสาหร่ายหรือสายบัว จนถูกเรียกขานให้เป็น “ควายน้ำ” อันแสนน่ารักและน่าทึ่ง
สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
ในพื้นที่ละแวกทะเลน้อยยังมีอีกหนึ่งสถานที่สำคัญนั่นก็คือ “สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550” หรือที่คนนิยมเรียกสั้น ๆ ว่า “สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ” ซึ่งเป็นส่วนยกระดับข้ามแม่น้ำของเส้นทางสาย “ถนนบ้านไสกลิ้ง-บ้านหัวป่า” ที่สร้างเชื่อมพื้นที่ระหว่าง 2 จังหวัด คือ บ้านไสกลิ้ง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และบ้านหัวป่า อ.ระโนด จ.สงขลา
เส้นทางสายนี้มีความยาวกว่า 17 กม. แบ่งเป็น 3 ช่วง โดยช่วงที่ 2 ที่สร้างเป็นสะพานยกระดับอยู่เหนือพื้นที่ทางตอนล่างของทะเลน้อย คือ “สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ” หรือ “สะพานเอกชัย” นั้น มีความยาวถึง 5.450 กิโลเมตร นับเป็นสะพานที่ยาวที่สุดของไทยในปัจจุบัน
สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ นอกจากจะเป็นสะพาน 2 จังหวัด เชื่อม พัทลุง-สงขลาแล้ว ยังเป็นสะพาน 2 ทะเล เพราะสะพานและถนนสายนี้สร้างผ่านทั้ง ทะเลน้อย และ ทะเลสาบสงขลา ซึ่งระหว่างทางใน 2 ฟากฝั่งนั้นมีวิวทิวทัศน์ธรรมชาติของ 2 ทะเลที่สวยงามน่ายลเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็น วิวทิวทัศน์ของทะเลสาบอันสวยงามกว้างไกล มีเหล่าบรรดานกน้ำออกหากิน บ้างยืนยิ่งรอจับเหยื่อ บ้างโผบินโฉบเฉี่ยวไป-มา
นอกจากนี้ก็ยังภาพวิถีชีวิตการทำมาหากินของชาวบ้าน ภาพของฝูงควายออกหากินใน 2 ฟากฝั่ง ซึ่งหากเป็นในช่วงน้ำลดสันดอนโผล่ มันก็จะดำรงสถานะเป็น “ควายบก” เดินเลาะเล็มหญ้าหากินอยู่ในบริเวณนั้น ส่วนหากเป็นในช่วงน้ำหลากมันก็จะลงไปหาพืชกินในทะเลสาบ เปลี่ยนสถานะกลายเป็น “ควายน้ำ” ไป
คลองปากประ
วันนี้หากใครมาเที่ยวทะเลน้อยแล้วไม่ได้ไปเที่ยวคลองปากประที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกัน นั้นก็เหมือนกับว่าทริปนี้ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่
“คลองปากประ” ตั้งอยู่ที่ บ้านปากประ ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เป็นลำคลองที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีสายน้ำไหลไปออกยังทะเลหลวงที่เป็นส่วนตอนบนของทะเลสาบสงขลา (เป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของทะเลสาบสงขลา)
ปัจจุบันคลองปากประเป็นคลองแห่งวิถีชีวิต ที่โดดเด่นไปด้วยการทำประมงพื้นบ้านในรูปแบบของการยก “ยอยักษ์” ที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นยอขนาดใหญ่ มีรูปร่างสามเหลี่ยม มุมทั้งสี่ยึดโยงกับไม้รวกหรือไม้ไผ่
ยอยักษ์แม้จะมีน้ำหนักมาก แต่ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น ชาวบ้านได้นำรอกมาใช้เป็นเครื่องมือทุ่นแรง ทำให้แม้แต่เด็ก (ในพื้นที่) ก็สามารถยกยอยักษ์นี้ได้
โดยชาวบ้านจะหย่อนยอยักษ์ลงในลำน้ำประมาณ 5 นาทีแล้วจึงยกขึ้นมา ภายในยอจะได้สัตว์น้ำต่าง ๆ ติดขึ้นมา จากนั้นชาวบ้านก็จะนำอุปกรณ์คล้ายกระชอนต่อไม้ยาวไปช้อนปลาในยอขึ้นมา แล้วหย่อนยอลงไปในน้ำเพื่อทำแบบเดิมจนกว่าจะได้ปลาเป็นที่พึงพอใจ
ชาวบ้านที่คลองปากประ นิยมมายกกันในช่วงเช้าหรือเย็นที่แดดไม่ร้อน โดยเฉพาะในช่วงเช้ามืดที่ตะวันเริ่มฉาบทอแสง
นั่นจึงทำให้เกิดเป็นภาพวิถีการยกยอยักษ์ ท่ามกลางพระอาทิตย์ดวงกลมโตที่กำลังค่อย ๆ โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาเหนือน่านน้ำคลองปากประและทะเลหลวง โดยมีเรือของชาวบ้านและเรือบริการนักท่องเที่ยววิ่งผ่านไป-มา
เกิดเป็นภาพพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้ามืด ที่แสงตะวันค่อย ๆ เรื่อเรืองฉาบฉายลงมาในลำคลองปากระ สะท้อนเงาน้ำระยิบระยับ ท่ามกลางองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ลงตัว โดยเฉพาะภาพวิถีชีวิตการยกยอยักษ์อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทำให้คลองปากประได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น และจุดถ่ายภาพวิถียามเช้าที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย
ล่องเรือทะเลน้อย
ผู้มาเยือนทะเลน้อยและพื้นที่เชื่อมโยง หากอยากเที่ยวแบบเก็บไฮไลท์และจุดสำคัญต่าง ๆ ให้ครบ ที่นี่เขามีบริการล่องเรือจากคลองปากประสู่ทะเลน้อย ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะสามารถเที่ยวทีเดียวแต่เก็บไฮไลท์ได้หมดเลย
สำหรับจุดเริ่มต้นของการล่องเรือที่คลองปากประนั้น เราสามารถเลือกได้ว่าจะชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นบน “สะพานปากประ” ก่อน หรือจะเลือกลงเรือไปชมพระอาทิตย์ขึ้นกลางลำน้ำท่ามกลางวิถีการยอยักษ์อย่างใกล้ชิดก็ได้
จากนั้นเรือจะมุ่งหน้าจากคลองปากประ พาไปชมยอยักษ์ที่ตั้งวางอยู่เรียงรายกลางลำน้ำ โดยใกล้ ๆ กันนั้นมี “ต้นลำพูเดียวดาย” ที่ขึ้นอยู่ต้นเดียวโดด ๆ เป็นอีกหนึ่งจุดสนใจ
ต่อจากนั้นเรือจะแล่นพาชมธรรมชาติของทะเลหลวงแล้วมุ่งหน้าไปชมความงามของสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ ที่ทอดยาวเชื่อม 2 ทะเล ก่อนที่เรือจะแล่นผ่านลำคลองมุ่งหน้าเข้าสู่ทะเลน้อย เพื่อใช้เวลาดื่มด่ำ ชมนก ชมบัว และควายน้ำกัน
สำหรับจุดชมนกสำคัญนั้นอยู่ที่ “อุทยานนกน้ำทะเลน้อย” ในเขตที่ทางการได้จัดสรรพื้นที่ล่องเรือชมนก ชมธรรมชาติไว้ให้ (พื้นที่ที่เหลือสงวนไว้เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนแหล่งอาศัยของนกและสัตว์ป่า)
ระหว่างนี้เราจะได้เห็นนกน้ำออกหากินกันเป็นจำนวนมากหลากหลายชนิด (นำโดยกลุ่มนกที่หาชมได้ทั่วไป) ทั้งที่มาเป็นฝูง เป็นคู่ หรือมาโดด ๆ แบบศิลปินเดี่ยว
นกหลายตัวเกาะอยู่บนต้นไม้ คาคบ บางตัวเดินนวยนาดในแอ่งน้ำ บางตัวเดินสอดส่ายสายตาหาเหยื่อ หลายตัวเกาะอยู่บนหลักในลำน้ำ บนกอหญ้า กอผักตบ กอบัว และก็มีหลายตัวที่โฉบบินอวดโฉมอย่างสง่า สวยงาม รวมถึงมีบางตัวยืนเกาะอยู่บนหลังควายที่มาหากินแถวนั้น นับเป็นภาพของวิถีแห่งนกที่มีให้ชมกันอย่างจุใจ ซึ่งล้วนต่างสร้างความเพลิดเพลินให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
นอกจากมวลหมู่นกน้ำแล้ว หากไปล่องเรือในช่วงปลายก.พ.-พ.ค. เราจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับภาพของ “ทะเลบัวแดง” (บัวสาย) ที่พากันเบ่งบานในยามเช้าดุจดังผืนพรมชมพูขนาดใหญ่กลางลำน้ำ ร่วมด้วย บัวหลวง บัวบา บัวเผื่อน และพืชพันธุ์น่าสนใจ อื่น ๆ อาทิ ผักตบชวา จอก แหน สาหร่ายต่างๆ กระจูด กง ย่านลิเภา กก และเสม็ดที่ยืนต้นตระหง่านอยู่ในพื้นที่ป่าบก เป็นต้น
ในเส้นทางล่องเรือทะเลน้อยยังมี “ควายน้ำ” เป็นอีกไฮไลท์สำคัญ ซึ่งพวกมันจะออกหากินเรื่อยไป ใครโชคดีก็จะได้เจอพวกมันแหวกว่ายหรือดำน้ำหากินเป็นฝูงใหญ่อยู่ใกล้ ๆ กับลำเรือ แต่ถ้าพอมีโชคก็จะได้เห็นมันหากินอยู่ไกลลิบ ๆ แต่ถ้าอับโชควันนั้นก็จะไม่ได้เห็นควายน้ำแต่อย่างใด
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของการท่องเที่ยวทะเลน้อยและพื้นที่เชื่อมโยงคือ สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ และคลองปากประ ซึ่งหากใครได้มีโอกาสมาเที่ยวสถานที่เหล่านี้ในช่วงวันธรรมดา นอกจากราคาที่พักจะถูกกว่าปกติแล้ว ที่สำคัญคือมันทำให้ทะเลน้อย เปรียบเสมือนดัง “โลกใบน้อย” ให้เราได้ดื่มด่ำซึมซับกับบรรยากาศความงดงามของการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่
นับเป็นเสน่ห์แห่งวันธรรมดาน่าเที่ยวที่น่าประทับใจไม่น้อย
....................................................................................................
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวตามที่กล่าวมาในบทความแล้ว บริเวณรอบ ๆ ทะเลน้อย และคลองปากประ ยังมีที่พัก ร้านอาหาร ให้บริการจำนวนมาก สำหรับผู้ที่มาเที่ยวทะเลน้อยไม่ควรพลาดการลิ้มลอง “ปลาดุกร้า” เมนูอาหารท้องถิ่นชื่อดังของภาคใต้ ซึ่งของแท้ต้นตำรับต้องที่ทะเลน้อย นอกจากนี้ใน อ.ควนขนุน ยังมี “ร้านขนมหวานป้ากี้” ที่มีขนมหวานหลากหลาย รสชาติดี ราคาถูก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของความอร่อย
ทั้งนี้ผู้สนใจเที่ยวทะเลน้อย-คลองปากประ-สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ และสถานที่ท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับ 3 แหล่งท่องเที่ยวดังกล่าว สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครศรีธรรมราช (ดูแลพื้นที่ นครศรีธรรมราช, พัทลุง) โทร. 0 7534 6515-6
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager