Facebook :Travel @ Manager

“ประเพณีบุญบั้งไฟ” เป็นประเพณีสำคัญในภาคอีสาน ที่จะจัดขึ้นเพื่อบูชาพญาแถนให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล เป็นความเชื่อที่ทำให้มีการจัดงานประเพณีขึ้นเป็นประจำทุกๆ ปี ในช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูฝน และเป็นประเพณีที่มีสีสัน คึกคัก เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
แต่สำหรับจังหวัดในภาคเหนืออย่าง “เพชรบูรณ์” ก็มีการจัดประเพณีบุญบั้งไฟขึ้นด้วยเช่นกัน และต้องถือว่าเป็นงานบุญบั้งไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ นั่นก็คือ “ประเพณีฮักบั้งไฟพุเตย” ณ ตำบลพุเตย อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์


การจัดงานฮักบั้งไฟพุเตย ก็เพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณี และสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชาวพุเตยในเขตเทศบาลตำบลพุเตยและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งส่วนใหญ่ได้อพยพย้ายถิ่นฐานมาจากภาคอีสาน โดยได้นำความเชื่อและวัฒนธรรมต่างๆ ติดตัวมาด้วย และงานบุญบั้งไฟในพื้นที่พุเตยนี้จัดขึ้นมาได้ราว 20 ปีแล้ว
สำหรับงานประเพณีบุญบั้งไฟนั้นก็มีความเชื่อว่า พญาแถน หรือ วัสสกาลเทพบุตร มีหน้าที่คอยดูแลให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล และมีความชื่นชอบไฟเป็นอย่างมาก หากหมู่บ้านใดไม่ทำการจัดงานบุญบั้งไฟเพื่อบูชา ฝนก็จะไม่ตกตามฤดูกาล อาจทำให้เกิดภัยพิบัติกับหมู่บ้านได้ และนอกจากนี้ การจุดบั้งไฟขึ้นสู่ท้องฟ้าก็เสมือนเป็นสัญญาณแจ้งข่าวว่าถึงฤดูกาลแห่งการเพาะปลูกแล้ว ขอให้พญาแถนช่วยบันดาลให้ฝนตกลงมาเพื่อให้ชาวบ้านได้เพาะปลูกทำการเกษตรต่อไปได้


“ประเพณีฮักบั้งไฟพุเตย” ในปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-19 พ.ค. 62 โดยภายในงานมีทั้งการแห่ขบวนบั้งไฟ การแข่งขันจุดบั้งไฟ การแสดงต่างๆ และการออกร้าน ในส่วนของบั้งไฟนั้นจะมี 2 วัน คือ 18 และ 19 พ.ค. 62
ก่อนการจัดงานราวๆ 1 เดือน ก็จะมีการจัดทำบั้งไฟ ตกแต่งรถบั้งไฟให้สวยงาม โดยฝีมือของชาวบ้านและกลุ่มเยาวชนตำบลพุเตย ที่ถือว่าเป็นการสืบสานงานศิลป์และภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษ นอกจากนี้ยังมีการซ้อมขบวนฟ้อนรำและดนตรีต่างๆ


งานบุญบั้งไฟในวันแรก เริ่มต้นจากพิธีการรำถวายเจ้าพ่อพุเตย ณ บริเวณลานหน้าศาลเจ้าพ่อพุเตย โดยนางรำจากขบวนต่างๆ จากนั้นก็มีการตั้งริ้วขบวนแห่บั้งไฟเอ้ (การเอ้บั้งไฟ แปลว่า การตกแต่ง ประดับประดาบั้งไฟให้สวยงาม) โดยในปีนี้มีขบวนบั้งไฟเข้าร่วม 15 ขบวน ทั้งจากในตำบลพุเตยและพื้นที่ใกล้เคียง ในแต่ละขบวนประกอบด้วยรถบั้งไฟเอ้ที่มีความวิจิตรงดงาม ขบวนนางรำ ขบวนผาแดงนางไอ่ ขบวนฮีต 12 คลอง 14 ขบวนแฟนซี เป็นต้น ซึ่งจะเคลื่อนไปยังหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลพุเตยให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ชมความงดงาม หลังจากนั้นก็จะมีพิธีเปิดและการแสดงจากนางรำของแต่ละขบวน
ส่วนในวันที่สอง เป็นการแข่งขันจุดบั้งไฟสูง โดยในงานจะมีการแข่งขันบั้งไฟแสน และ บั้งไฟหมื่น จากหลายจังหวัดมาเข้าร่วมแข่งขัน สร้างความตื่นตาตื่นใจ และลุ้นระทึกให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน สำหรับการแบ่งประเภทบั้งไฟนั้นจะแบ่งตามน้ำหนักของดินปืน บั้งไฟหมื่น จะบรรจุดินปืนราว 12-13 กิโลกรัม ส่วน บั้งไฟแสน จะบรรจุดินปืน 120 กิโลกรัม

การแข่งขันจุดบั้งไฟสูง จะทำการจุดบั้งไฟให้พุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า โดยตัดสินแพ้ชนะด้วยการจับระยะเวลาที่บั้งไฟอยู่บนท้องฟ้า บั้งไฟของใครอยู่นานกว่าก็จะเป็นผู้ชนะ
การจัด “ประเพณีฮักบั้งไฟพุเตย” นอกจากจะเป็นการสืบทอดประเพณีความเชื่อที่มีมาอย่างยาวนานแล้ว ยังถือว่าเป็นการสร้างเสริมแรงใจให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ มีความหวังว่าฝนจะตกตามฤดูกาลเพื่อให้สามารถทำการเกษตรได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังสร้างความสนุก ความคึกคัก และความร่วมมือร่วมใจของคนในพื้นที่ ที่จะร่วมกันจัดงานประเพณีอีสานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคเหนือให้เป็นที่รู้จักกันได้อย่างแพร่หลายต่อไป
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
“ประเพณีบุญบั้งไฟ” เป็นประเพณีสำคัญในภาคอีสาน ที่จะจัดขึ้นเพื่อบูชาพญาแถนให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล เป็นความเชื่อที่ทำให้มีการจัดงานประเพณีขึ้นเป็นประจำทุกๆ ปี ในช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูฝน และเป็นประเพณีที่มีสีสัน คึกคัก เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
แต่สำหรับจังหวัดในภาคเหนืออย่าง “เพชรบูรณ์” ก็มีการจัดประเพณีบุญบั้งไฟขึ้นด้วยเช่นกัน และต้องถือว่าเป็นงานบุญบั้งไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ นั่นก็คือ “ประเพณีฮักบั้งไฟพุเตย” ณ ตำบลพุเตย อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์
การจัดงานฮักบั้งไฟพุเตย ก็เพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณี และสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชาวพุเตยในเขตเทศบาลตำบลพุเตยและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งส่วนใหญ่ได้อพยพย้ายถิ่นฐานมาจากภาคอีสาน โดยได้นำความเชื่อและวัฒนธรรมต่างๆ ติดตัวมาด้วย และงานบุญบั้งไฟในพื้นที่พุเตยนี้จัดขึ้นมาได้ราว 20 ปีแล้ว
สำหรับงานประเพณีบุญบั้งไฟนั้นก็มีความเชื่อว่า พญาแถน หรือ วัสสกาลเทพบุตร มีหน้าที่คอยดูแลให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล และมีความชื่นชอบไฟเป็นอย่างมาก หากหมู่บ้านใดไม่ทำการจัดงานบุญบั้งไฟเพื่อบูชา ฝนก็จะไม่ตกตามฤดูกาล อาจทำให้เกิดภัยพิบัติกับหมู่บ้านได้ และนอกจากนี้ การจุดบั้งไฟขึ้นสู่ท้องฟ้าก็เสมือนเป็นสัญญาณแจ้งข่าวว่าถึงฤดูกาลแห่งการเพาะปลูกแล้ว ขอให้พญาแถนช่วยบันดาลให้ฝนตกลงมาเพื่อให้ชาวบ้านได้เพาะปลูกทำการเกษตรต่อไปได้
“ประเพณีฮักบั้งไฟพุเตย” ในปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-19 พ.ค. 62 โดยภายในงานมีทั้งการแห่ขบวนบั้งไฟ การแข่งขันจุดบั้งไฟ การแสดงต่างๆ และการออกร้าน ในส่วนของบั้งไฟนั้นจะมี 2 วัน คือ 18 และ 19 พ.ค. 62
ก่อนการจัดงานราวๆ 1 เดือน ก็จะมีการจัดทำบั้งไฟ ตกแต่งรถบั้งไฟให้สวยงาม โดยฝีมือของชาวบ้านและกลุ่มเยาวชนตำบลพุเตย ที่ถือว่าเป็นการสืบสานงานศิลป์และภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษ นอกจากนี้ยังมีการซ้อมขบวนฟ้อนรำและดนตรีต่างๆ
งานบุญบั้งไฟในวันแรก เริ่มต้นจากพิธีการรำถวายเจ้าพ่อพุเตย ณ บริเวณลานหน้าศาลเจ้าพ่อพุเตย โดยนางรำจากขบวนต่างๆ จากนั้นก็มีการตั้งริ้วขบวนแห่บั้งไฟเอ้ (การเอ้บั้งไฟ แปลว่า การตกแต่ง ประดับประดาบั้งไฟให้สวยงาม) โดยในปีนี้มีขบวนบั้งไฟเข้าร่วม 15 ขบวน ทั้งจากในตำบลพุเตยและพื้นที่ใกล้เคียง ในแต่ละขบวนประกอบด้วยรถบั้งไฟเอ้ที่มีความวิจิตรงดงาม ขบวนนางรำ ขบวนผาแดงนางไอ่ ขบวนฮีต 12 คลอง 14 ขบวนแฟนซี เป็นต้น ซึ่งจะเคลื่อนไปยังหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลพุเตยให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ชมความงดงาม หลังจากนั้นก็จะมีพิธีเปิดและการแสดงจากนางรำของแต่ละขบวน
ส่วนในวันที่สอง เป็นการแข่งขันจุดบั้งไฟสูง โดยในงานจะมีการแข่งขันบั้งไฟแสน และ บั้งไฟหมื่น จากหลายจังหวัดมาเข้าร่วมแข่งขัน สร้างความตื่นตาตื่นใจ และลุ้นระทึกให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน สำหรับการแบ่งประเภทบั้งไฟนั้นจะแบ่งตามน้ำหนักของดินปืน บั้งไฟหมื่น จะบรรจุดินปืนราว 12-13 กิโลกรัม ส่วน บั้งไฟแสน จะบรรจุดินปืน 120 กิโลกรัม
การแข่งขันจุดบั้งไฟสูง จะทำการจุดบั้งไฟให้พุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า โดยตัดสินแพ้ชนะด้วยการจับระยะเวลาที่บั้งไฟอยู่บนท้องฟ้า บั้งไฟของใครอยู่นานกว่าก็จะเป็นผู้ชนะ
การจัด “ประเพณีฮักบั้งไฟพุเตย” นอกจากจะเป็นการสืบทอดประเพณีความเชื่อที่มีมาอย่างยาวนานแล้ว ยังถือว่าเป็นการสร้างเสริมแรงใจให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ มีความหวังว่าฝนจะตกตามฤดูกาลเพื่อให้สามารถทำการเกษตรได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังสร้างความสนุก ความคึกคัก และความร่วมมือร่วมใจของคนในพื้นที่ ที่จะร่วมกันจัดงานประเพณีอีสานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคเหนือให้เป็นที่รู้จักกันได้อย่างแพร่หลายต่อไป
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager