Facebook :Travel @ Manager
ร่างกายต้องการทะเลขึ้นมาเมื่อใด ตัวเลือกแรกๆ ในใจต้องยกให้ทะเลใกล้กรุงอย่าง “ชะอำ-หัวหิน” สองเมืองชายทะเลที่มีเสน่ห์คลาสสิกมิรู้คลาย ด้วยบรรยากาศที่งดงามชวนให้สบายตา พร้อมไปด้วยที่กินที่พักครบครัน นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยจึงเลือกเดินทางมาเที่ยวชะอำหัวหินในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
และด้วยความเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต ใครที่เคยมาเที่ยวชะอำและหัวหินในวันหยุดคงจะเห็นแล้วว่ามีนักท่องเที่ยวหนาแน่นทีเดียว ดังนั้นเพื่อให้ได้ซึมซับกับบรรยากาศของการพักผ่อนอย่างเต็มที่และได้รับอรรถรสอย่างเต็มเปี่ยม จึงอยากขอชวนมาเที่ยวกันในวันธรรมดา ที่จะทำให้รู้สึกว่าทะเลเป็นของเรา ท้องฟ้าเป็นของเรา ร้านค้าร้านอาหารก็ไม่ต้องรอคิวยาวเหยียด แถมโรงแรมที่พักก็ยังราคาถูกกว่าวันสุดสัปดาห์อีกต่างหาก เอาละ...อย่ามัวรอช้า ไปเขียนไปลามาเที่ยววันธรรมดากันเลย
สำหรับ “ชะอำและหัวหิน” นั้นถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเคียงคู่กันก็ว่าได้ แม้จะอยู่คนละเขตจังหวัด คืออำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ก็มีพื้นที่ติดกันและมีชายหาดที่ยาวเชื่อมต่อกัน แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ก็อยู่เรียงรายระหว่างเส้นทางให้แวะเยี่ยมเยือนถึงกันได้สะดวก
เริ่มตั้งแต่ “หาดชะอำ” อันเป็นชายหาดขึ้นชื่อยอดนิยมของคนไทยมายาวนาน โดยหาดชะอำแบ่งออกเป็นฝั่งเหนือและฝั่งใต้ ฝั่งที่คึกคักมากกว่าคือฝั่งเหนือ แต่ทั้งสองฝั่งต่างก็มีร้านค้าและที่พักหลากหลาย มีทั้งโรงแรมน้อยใหญ่ เกสต์เฮาส์ราคาเยา รวมถึงห้องน้ำ-ห้องอาบน้ำสำหรับคนที่มาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ
ชะอำมีหาดทรายกว้างและมีกิจกรรมริมหาดให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเช่าห่วงยางลอยคอเล่นน้ำ สนุกกับเรือกล้วยและเจ็ทสกี เล่นว่าวเครื่องบินกับลมทะเล ขี่ม้าแกลบบนหาดทราย หรือจะไปปั่นจักรยานสามัคคี ซึ่งเป็นจักรยานที่ทำขึ้นเป็นพิเศษให้ปั่นพร้อมๆ กันได้ตั้งแต่ 2-4 คน ก็ถือเป็นกิจกรรมที่ต้องห้ามพลาดหากไปเที่ยวชะอำ
ด้วยบรรยากาศสบายๆ ที่ครอบครัวมักพาลูกหลานมาปักหลักนั่งเก้าอี้ชายหาดเล่นน้ำทะเลกันทั้งวัน และด้วยความที่มีถนนเลียบหาดและเก้าอี้ชายหาดยาวตลอดแนว ทำให้บริเวณหาดชะอำมีความพลุกพล่าน คึกคักและครื้นเครง ซึ่งในวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดยาวคนจะหนาแน่นจนกระทั่งอาจทำให้รถติดบนถนนเลียบหาดได้ ดังนั้นหากใครสะดวกมาเที่ยวในวันธรรมดาก็จะสบายใจสบายตา ชิลกับบรรยากาศได้เต็มที่มากกว่า
นอกจากหาดชะอำแล้ว ในอำเภอชะอำยังมีอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรพลาดชมคือ “พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน” ซึ่งตั้งอยู่ในค่ายพระรามหก ห่างจากหาดชะอำมาประมาณ 8 กิโลเมตร พระราชนิเวศน์แห่งนี้เป็นพระราชวังฤดูร้อนที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นสำหรับแปรพระราชฐานมาประทับพักผ่อนอิริยาบถและรักษาพระองค์
พระราชนิเวศน์มฤคทายวันสร้างอย่างเรียบง่ายแต่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์ (เรือนไทยผสมยุโรป) เป็นหมู่พระที่นั่ง 3 องค์ที่มีอาคารประกอบรวม 16 หลังสร้างด้วยไม้สักทอง ตัวอาคารเป็นแบบเปิดโล่งสองชั้นใต้ถุนสูงหันหน้าสู่ชายทะเล เชื่อมต่อกันด้วยระเบียงทางเดินมีหลังคาคลุม การออกแบบเน้นความโปร่งโล่งรับทั้งลมทะเลและลมภูเขา สมกับเป็นที่ประทับตากอากาศที่สร้างให้เข้ากับสภาพธรรมชาติและภูมิอากาศชายทะเล
ในช่วงนี้พระราชนิเวศน์มฤคทายวันอยู่ระหว่างการบูรณะซ่อมแซมตัวอาคาร แต่ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตามปกติ (ปิดวันพุธ) เพียงแต่ชมได้เฉพาะด้านล่างและบริเวณโดยรอบเท่านั้น โดยเรายังสามารถชมความงามของพระตำหนักที่มีระเบียงทอดยาวลงไปสู่ชายทะเล ถ่ายภาพอาคารเรือนไม้ทรงปั้นหยา และชมความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่รอบๆ พระราชนิเวศน์แห่งนี้กันได้
นอกจากนั้นแล้วภายในค่ายพระรามหกยังมีอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่อยากชวนให้แวะชม นั่นคือ “อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร” ที่นี่เป็นศูนย์การเรียนรู้และฝึกอบรมด้านการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) รางวัลดีเด่น ประเภทนันทนาการเพื่อการเรียนรู้ ครั้งที่ 9 ประจำปี 2556 ซึ่งภายในอุทยานฯ มี “สวนป่าชายเลนทูลกระหม่อม” เป็นไฮไลท์
สวนป่าชายเลนทูลกระหม่อม เป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชดำริให้มีการฟื้นฟู เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2537 โดยพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงปลูกต้นโกงกางไว้ที่บริเวณปากคลองบางตราน้อยและคลองบางตราใหญ่ จนวันนี้ป่าชายเลนบริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์ มีพืชชายเลนหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโกงกาง แสม โปรง ฝาดดอกแดง ประสักดอกแดง ฯลฯ และมีสัตว์น้ำป่าชายเลนอย่างปลาตีน ปูก้ามดาบมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนที่นี่จะเดินเป็นวงกลม มีระยะทางราว 1 กิโลเมตร ระหว่างทางเราจะพบเจอพันธุ์ไม้ที่หลากหลาย โดยจะมีป้ายข้อมูลเกี่ยวกับต้นไม้และระบบนิเวศน์ของป่าชายเลนเป็นระยะ เหมาะที่จะพาเด็กๆ มาเรียนรู้เรื่องความสำคัญของป่าชายเลน อีกทั้งยังมีหอดูนก และสะพานแขวนข้ามคลองเล็กๆ ให้ถ่ายรูปเล่นกันด้วย
จากนั้นเราเดินทางต่อมายังหัวหินกันบ้าง แม้จะเป็นแนวชายหาดเดียวกันแต่ชะอำกับหัวหินก็มีบรรยากาศที่ต่างกันไม่น้อย อาจเพราะหาดหัวหินไม่มีถนนเลียบชายหาด ทำให้มีความสงบมากกว่า และนักท่องเที่ยวส่วนมากจะเป็นกลุ่มคู่รักและชาวต่างชาติที่มาพักผ่อนริมหาดกันอย่างสบายอารมณ์ แต่ที่มีเหมือนกันคือชายหาดกว้างน่าเดินเล่น และเจ้าม้าแกลบที่มาคอยให้บริการ อีกทั้งริมหาดยังเต็มไปด้วยโรงแรมหลากหลายให้เลือกพักได้ตามงบประมาณ ซึ่งขอบอกว่าส่วนใหญ่แล้วราคาห้องพักวันธรรมดาจะถูกกว่าวันหยุดหลายบาทเลย
ชายหาดโค้งยาวของหัวหินทอดจากทิศเหนือไปยังทิศใต้ ปลายสุดด้านทิศใต้เป็นที่ตั้งของเขาตะเกียบ ซึ่งมีวัดเขาตะเกียบอยู่ด้านบน เราสามารถเดินขึ้นบันไดหรือขับรถขึ้นไปบนเขาเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งวัดเขาตะเกียบ และยังสามารถชมวิวมุมสูงของหาดหัวหินได้อย่างสบายตาสบายใจ
ขณะที่ “สถานีรถไฟหัวหิน” ก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสุดคลาสสิกของหัวหินที่ใครๆ ก็อยากไปเก็บภาพประทับใจ สถานีรถไฟแห่งนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ “พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ” ซึ่งเดิมรัชกาลที่ ๖ ใช้เป็นที่เสด็จประทับทอดพระเนตรกองเสือป่าและลูกเสือทั่วประเทศที่ฝึกซ้อมยุทธวิธี แต่ก่อนตั้งอยู่ในพระราชวังสนามจันทร์ ต่อมาการรถไฟแห่งประเทศไทยได้รื้อถอนนำมาสร้างใหม่ที่สถานีรถไฟหัวหิน และกลายเป็นเอกลักษณ์ของหัวหินมาจนทุกวันนี้
และหากใครมองหาที่เดินเล่นชิลๆ ที่มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ที่หัวหิน ขอแนะนำให้มาที่ “ซีนสเปซ หัวหิน” ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้มอลล์สุดชิคริมทะเล ตั้งอยู่ในซอยหัวหิน 35 ที่นี่เป็นศูนย์รวมร้านอาหาร คาเฟ่น่ารักๆ ร้านค้ามากมาย รวมถึงโรงแรมที่พัก ตัวสถานที่ออกแบบให้เปิดโล่งรับลมและรับวิวทะเล บรรยากาศของที่นี่จึงเหมาะแก่การเดินเล่นและถ่ายรูปอัพลงโซเชียลไปเสียทุกมุม
ยิ่งบริเวณด้านหน้าหาดที่ทำเป็นบาร์ริมทะเลสุดเก๋ก็ยิ่งน่านั่ง โดยมีสระว่ายน้ำเล็กๆ พร้อมเก้าอี้ชายหาดให้นั่งเอนหลังสั่งอาหารเครื่องดื่มมากินกันคุยกันไปเพลินๆ และในยามเย็นที่แดดร่มลมตกก็จะมีบรรยากาศแสนโรแมนติกที่ใครๆ ต่างก็อยากจะมาจับจองที่นั่ง ซึ่งหากมาวันธรรมดาเราก็ไม่ต้องแย่งเก้าอี้กับใคร เลือกนั่งได้ตามสบาย
เที่ยวกันมาทั้งวัน ก่อนที่พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไป อยากชวนไปชมวิวเมืองหัวหินที่ “เขาหินเหล็กไฟ” ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่อยู่ห่างจากเมืองหัวหินไปเพียง 3 กิโลเมตร สามารถขับรถขึ้นไปบนเขาแล้วเดินจากที่จอดรถไปยังจุดชมวิวได้ไม่ไกล แต่ได้เห็นวิวแบบพาโนรามาเต็มตา โดยด้านบนมีจุดชมวิวถึง 6 จุดด้วยกัน โดยจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปชมก็คือทางฝั่งตะวันตะวันออกคือจุดที่ 4 และ 5 ซึ่งทำเป็นระเบียงให้ชมวิวกันอย่างสะดวก ตรงจุดนี้จะมองเห็นเมืองหัวหินและทะเลกว้างไกล และในยามเช้าก็จะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นกลางทะเลอ่าวไทยด้วย
ส่วนจุดชมวิวที่ 6 อยู่ทางทิศเหนือจะต้องเดินลึกเข้าไปอีก แต่ก็มีมุมถ่ายรูปสวยๆ กับก้อนหินใหญ่ และสามารถชมวิวอีกด้านหนึ่งของเมืองหัวหิน ซึ่งในยามเย็นก็จะเห็นแสงอาทิตย์สาดส่องท้องฟ้าเป็นสีทองสวยงามมากเช่นกัน
ไปส่งพระอาทิตย์ลับฟ้าแล้วก็ได้เวลาของการเดินตลาดกลางคืนกันแล้ว แม้จะมาเที่ยววันธรรมดาก็ไม่ต้องกลัวตลาดปิด เพราะ “ตลาดโต้รุ่ง” กลางเมืองหัวหินที่มีทั้งอาหาร ขนม ของกินและสินค้าของที่ระลึกสารพัดนั้นเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ช่วงเย็นย่ำไปจนถึงดึก ส่วน “ตลาดแทมมารีน” ที่อยู่ใกล้กับเขาตะเกียบ เน้นขายอาหารสารพัดอย่างรวมถึงของที่ระลึกน่ารักๆ ก็เปิดให้บริการตั้งแต่วันพฤหัส-อาทิตย์ และ “ตลาดซิเคด้า” ตลาดกลางคืนที่มีร้านค้าของที่ระลึกแฮนด์เมดน่ารักท่ามกลางบรรยากาศของสวนและต้นไม้ใหญ่สุดชิลก็เปิดให้บริการในวันศุกร์-อาทิตย์ เช่นกัน
อยากไปเที่ยวชะอำ-หัวหินแบบสบายๆ รีบยื่นใบลาไว้ตั้งแต่วันนี้เลย รับรองว่าจะรู้สึกฟินมากเมื่อได้ขับรถไปเที่ยวในขณะที่ทุกคนกำลังรีบเร่งไปทำงาน ยิ่งไปถึงแหล่งท่องเที่ยวแล้วได้เจอกับบรรยากาศดีๆ ชิลๆ ที่ไม่ต้องแออัดกับใครแล้ว ก็จะยิ่งรู้สึกว่า “วันธรรมดาน่าเที่ยว” จริงๆ
ผู้ที่ต้องการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับที่เที่ยว ที่กิน ที่พักที่ชะอำและหัวหิน สามารถสอบถามได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี โทร. 0 3247 1005 หรือ ททท. สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ โทร. 0 3251 3885, 0 3251 3871 หรือ 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย หรือดูรายละเอียดที่ www.weekdayspecialthailand.com
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ร่างกายต้องการทะเลขึ้นมาเมื่อใด ตัวเลือกแรกๆ ในใจต้องยกให้ทะเลใกล้กรุงอย่าง “ชะอำ-หัวหิน” สองเมืองชายทะเลที่มีเสน่ห์คลาสสิกมิรู้คลาย ด้วยบรรยากาศที่งดงามชวนให้สบายตา พร้อมไปด้วยที่กินที่พักครบครัน นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยจึงเลือกเดินทางมาเที่ยวชะอำหัวหินในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
และด้วยความเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต ใครที่เคยมาเที่ยวชะอำและหัวหินในวันหยุดคงจะเห็นแล้วว่ามีนักท่องเที่ยวหนาแน่นทีเดียว ดังนั้นเพื่อให้ได้ซึมซับกับบรรยากาศของการพักผ่อนอย่างเต็มที่และได้รับอรรถรสอย่างเต็มเปี่ยม จึงอยากขอชวนมาเที่ยวกันในวันธรรมดา ที่จะทำให้รู้สึกว่าทะเลเป็นของเรา ท้องฟ้าเป็นของเรา ร้านค้าร้านอาหารก็ไม่ต้องรอคิวยาวเหยียด แถมโรงแรมที่พักก็ยังราคาถูกกว่าวันสุดสัปดาห์อีกต่างหาก เอาละ...อย่ามัวรอช้า ไปเขียนไปลามาเที่ยววันธรรมดากันเลย
สำหรับ “ชะอำและหัวหิน” นั้นถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเคียงคู่กันก็ว่าได้ แม้จะอยู่คนละเขตจังหวัด คืออำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ก็มีพื้นที่ติดกันและมีชายหาดที่ยาวเชื่อมต่อกัน แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ก็อยู่เรียงรายระหว่างเส้นทางให้แวะเยี่ยมเยือนถึงกันได้สะดวก
เริ่มตั้งแต่ “หาดชะอำ” อันเป็นชายหาดขึ้นชื่อยอดนิยมของคนไทยมายาวนาน โดยหาดชะอำแบ่งออกเป็นฝั่งเหนือและฝั่งใต้ ฝั่งที่คึกคักมากกว่าคือฝั่งเหนือ แต่ทั้งสองฝั่งต่างก็มีร้านค้าและที่พักหลากหลาย มีทั้งโรงแรมน้อยใหญ่ เกสต์เฮาส์ราคาเยา รวมถึงห้องน้ำ-ห้องอาบน้ำสำหรับคนที่มาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ
ชะอำมีหาดทรายกว้างและมีกิจกรรมริมหาดให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเช่าห่วงยางลอยคอเล่นน้ำ สนุกกับเรือกล้วยและเจ็ทสกี เล่นว่าวเครื่องบินกับลมทะเล ขี่ม้าแกลบบนหาดทราย หรือจะไปปั่นจักรยานสามัคคี ซึ่งเป็นจักรยานที่ทำขึ้นเป็นพิเศษให้ปั่นพร้อมๆ กันได้ตั้งแต่ 2-4 คน ก็ถือเป็นกิจกรรมที่ต้องห้ามพลาดหากไปเที่ยวชะอำ
ด้วยบรรยากาศสบายๆ ที่ครอบครัวมักพาลูกหลานมาปักหลักนั่งเก้าอี้ชายหาดเล่นน้ำทะเลกันทั้งวัน และด้วยความที่มีถนนเลียบหาดและเก้าอี้ชายหาดยาวตลอดแนว ทำให้บริเวณหาดชะอำมีความพลุกพล่าน คึกคักและครื้นเครง ซึ่งในวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดยาวคนจะหนาแน่นจนกระทั่งอาจทำให้รถติดบนถนนเลียบหาดได้ ดังนั้นหากใครสะดวกมาเที่ยวในวันธรรมดาก็จะสบายใจสบายตา ชิลกับบรรยากาศได้เต็มที่มากกว่า
นอกจากหาดชะอำแล้ว ในอำเภอชะอำยังมีอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรพลาดชมคือ “พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน” ซึ่งตั้งอยู่ในค่ายพระรามหก ห่างจากหาดชะอำมาประมาณ 8 กิโลเมตร พระราชนิเวศน์แห่งนี้เป็นพระราชวังฤดูร้อนที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นสำหรับแปรพระราชฐานมาประทับพักผ่อนอิริยาบถและรักษาพระองค์
พระราชนิเวศน์มฤคทายวันสร้างอย่างเรียบง่ายแต่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์ (เรือนไทยผสมยุโรป) เป็นหมู่พระที่นั่ง 3 องค์ที่มีอาคารประกอบรวม 16 หลังสร้างด้วยไม้สักทอง ตัวอาคารเป็นแบบเปิดโล่งสองชั้นใต้ถุนสูงหันหน้าสู่ชายทะเล เชื่อมต่อกันด้วยระเบียงทางเดินมีหลังคาคลุม การออกแบบเน้นความโปร่งโล่งรับทั้งลมทะเลและลมภูเขา สมกับเป็นที่ประทับตากอากาศที่สร้างให้เข้ากับสภาพธรรมชาติและภูมิอากาศชายทะเล
ในช่วงนี้พระราชนิเวศน์มฤคทายวันอยู่ระหว่างการบูรณะซ่อมแซมตัวอาคาร แต่ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตามปกติ (ปิดวันพุธ) เพียงแต่ชมได้เฉพาะด้านล่างและบริเวณโดยรอบเท่านั้น โดยเรายังสามารถชมความงามของพระตำหนักที่มีระเบียงทอดยาวลงไปสู่ชายทะเล ถ่ายภาพอาคารเรือนไม้ทรงปั้นหยา และชมความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่รอบๆ พระราชนิเวศน์แห่งนี้กันได้
นอกจากนั้นแล้วภายในค่ายพระรามหกยังมีอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่อยากชวนให้แวะชม นั่นคือ “อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร” ที่นี่เป็นศูนย์การเรียนรู้และฝึกอบรมด้านการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) รางวัลดีเด่น ประเภทนันทนาการเพื่อการเรียนรู้ ครั้งที่ 9 ประจำปี 2556 ซึ่งภายในอุทยานฯ มี “สวนป่าชายเลนทูลกระหม่อม” เป็นไฮไลท์
สวนป่าชายเลนทูลกระหม่อม เป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชดำริให้มีการฟื้นฟู เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2537 โดยพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงปลูกต้นโกงกางไว้ที่บริเวณปากคลองบางตราน้อยและคลองบางตราใหญ่ จนวันนี้ป่าชายเลนบริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์ มีพืชชายเลนหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโกงกาง แสม โปรง ฝาดดอกแดง ประสักดอกแดง ฯลฯ และมีสัตว์น้ำป่าชายเลนอย่างปลาตีน ปูก้ามดาบมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนที่นี่จะเดินเป็นวงกลม มีระยะทางราว 1 กิโลเมตร ระหว่างทางเราจะพบเจอพันธุ์ไม้ที่หลากหลาย โดยจะมีป้ายข้อมูลเกี่ยวกับต้นไม้และระบบนิเวศน์ของป่าชายเลนเป็นระยะ เหมาะที่จะพาเด็กๆ มาเรียนรู้เรื่องความสำคัญของป่าชายเลน อีกทั้งยังมีหอดูนก และสะพานแขวนข้ามคลองเล็กๆ ให้ถ่ายรูปเล่นกันด้วย
จากนั้นเราเดินทางต่อมายังหัวหินกันบ้าง แม้จะเป็นแนวชายหาดเดียวกันแต่ชะอำกับหัวหินก็มีบรรยากาศที่ต่างกันไม่น้อย อาจเพราะหาดหัวหินไม่มีถนนเลียบชายหาด ทำให้มีความสงบมากกว่า และนักท่องเที่ยวส่วนมากจะเป็นกลุ่มคู่รักและชาวต่างชาติที่มาพักผ่อนริมหาดกันอย่างสบายอารมณ์ แต่ที่มีเหมือนกันคือชายหาดกว้างน่าเดินเล่น และเจ้าม้าแกลบที่มาคอยให้บริการ อีกทั้งริมหาดยังเต็มไปด้วยโรงแรมหลากหลายให้เลือกพักได้ตามงบประมาณ ซึ่งขอบอกว่าส่วนใหญ่แล้วราคาห้องพักวันธรรมดาจะถูกกว่าวันหยุดหลายบาทเลย
ชายหาดโค้งยาวของหัวหินทอดจากทิศเหนือไปยังทิศใต้ ปลายสุดด้านทิศใต้เป็นที่ตั้งของเขาตะเกียบ ซึ่งมีวัดเขาตะเกียบอยู่ด้านบน เราสามารถเดินขึ้นบันไดหรือขับรถขึ้นไปบนเขาเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งวัดเขาตะเกียบ และยังสามารถชมวิวมุมสูงของหาดหัวหินได้อย่างสบายตาสบายใจ
ขณะที่ “สถานีรถไฟหัวหิน” ก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสุดคลาสสิกของหัวหินที่ใครๆ ก็อยากไปเก็บภาพประทับใจ สถานีรถไฟแห่งนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ “พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ” ซึ่งเดิมรัชกาลที่ ๖ ใช้เป็นที่เสด็จประทับทอดพระเนตรกองเสือป่าและลูกเสือทั่วประเทศที่ฝึกซ้อมยุทธวิธี แต่ก่อนตั้งอยู่ในพระราชวังสนามจันทร์ ต่อมาการรถไฟแห่งประเทศไทยได้รื้อถอนนำมาสร้างใหม่ที่สถานีรถไฟหัวหิน และกลายเป็นเอกลักษณ์ของหัวหินมาจนทุกวันนี้
และหากใครมองหาที่เดินเล่นชิลๆ ที่มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ที่หัวหิน ขอแนะนำให้มาที่ “ซีนสเปซ หัวหิน” ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้มอลล์สุดชิคริมทะเล ตั้งอยู่ในซอยหัวหิน 35 ที่นี่เป็นศูนย์รวมร้านอาหาร คาเฟ่น่ารักๆ ร้านค้ามากมาย รวมถึงโรงแรมที่พัก ตัวสถานที่ออกแบบให้เปิดโล่งรับลมและรับวิวทะเล บรรยากาศของที่นี่จึงเหมาะแก่การเดินเล่นและถ่ายรูปอัพลงโซเชียลไปเสียทุกมุม
ยิ่งบริเวณด้านหน้าหาดที่ทำเป็นบาร์ริมทะเลสุดเก๋ก็ยิ่งน่านั่ง โดยมีสระว่ายน้ำเล็กๆ พร้อมเก้าอี้ชายหาดให้นั่งเอนหลังสั่งอาหารเครื่องดื่มมากินกันคุยกันไปเพลินๆ และในยามเย็นที่แดดร่มลมตกก็จะมีบรรยากาศแสนโรแมนติกที่ใครๆ ต่างก็อยากจะมาจับจองที่นั่ง ซึ่งหากมาวันธรรมดาเราก็ไม่ต้องแย่งเก้าอี้กับใคร เลือกนั่งได้ตามสบาย
เที่ยวกันมาทั้งวัน ก่อนที่พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไป อยากชวนไปชมวิวเมืองหัวหินที่ “เขาหินเหล็กไฟ” ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่อยู่ห่างจากเมืองหัวหินไปเพียง 3 กิโลเมตร สามารถขับรถขึ้นไปบนเขาแล้วเดินจากที่จอดรถไปยังจุดชมวิวได้ไม่ไกล แต่ได้เห็นวิวแบบพาโนรามาเต็มตา โดยด้านบนมีจุดชมวิวถึง 6 จุดด้วยกัน โดยจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปชมก็คือทางฝั่งตะวันตะวันออกคือจุดที่ 4 และ 5 ซึ่งทำเป็นระเบียงให้ชมวิวกันอย่างสะดวก ตรงจุดนี้จะมองเห็นเมืองหัวหินและทะเลกว้างไกล และในยามเช้าก็จะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นกลางทะเลอ่าวไทยด้วย
ส่วนจุดชมวิวที่ 6 อยู่ทางทิศเหนือจะต้องเดินลึกเข้าไปอีก แต่ก็มีมุมถ่ายรูปสวยๆ กับก้อนหินใหญ่ และสามารถชมวิวอีกด้านหนึ่งของเมืองหัวหิน ซึ่งในยามเย็นก็จะเห็นแสงอาทิตย์สาดส่องท้องฟ้าเป็นสีทองสวยงามมากเช่นกัน
ไปส่งพระอาทิตย์ลับฟ้าแล้วก็ได้เวลาของการเดินตลาดกลางคืนกันแล้ว แม้จะมาเที่ยววันธรรมดาก็ไม่ต้องกลัวตลาดปิด เพราะ “ตลาดโต้รุ่ง” กลางเมืองหัวหินที่มีทั้งอาหาร ขนม ของกินและสินค้าของที่ระลึกสารพัดนั้นเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ช่วงเย็นย่ำไปจนถึงดึก ส่วน “ตลาดแทมมารีน” ที่อยู่ใกล้กับเขาตะเกียบ เน้นขายอาหารสารพัดอย่างรวมถึงของที่ระลึกน่ารักๆ ก็เปิดให้บริการตั้งแต่วันพฤหัส-อาทิตย์ และ “ตลาดซิเคด้า” ตลาดกลางคืนที่มีร้านค้าของที่ระลึกแฮนด์เมดน่ารักท่ามกลางบรรยากาศของสวนและต้นไม้ใหญ่สุดชิลก็เปิดให้บริการในวันศุกร์-อาทิตย์ เช่นกัน
อยากไปเที่ยวชะอำ-หัวหินแบบสบายๆ รีบยื่นใบลาไว้ตั้งแต่วันนี้เลย รับรองว่าจะรู้สึกฟินมากเมื่อได้ขับรถไปเที่ยวในขณะที่ทุกคนกำลังรีบเร่งไปทำงาน ยิ่งไปถึงแหล่งท่องเที่ยวแล้วได้เจอกับบรรยากาศดีๆ ชิลๆ ที่ไม่ต้องแออัดกับใครแล้ว ก็จะยิ่งรู้สึกว่า “วันธรรมดาน่าเที่ยว” จริงๆ
ผู้ที่ต้องการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับที่เที่ยว ที่กิน ที่พักที่ชะอำและหัวหิน สามารถสอบถามได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี โทร. 0 3247 1005 หรือ ททท. สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ โทร. 0 3251 3885, 0 3251 3871 หรือ 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย หรือดูรายละเอียดที่ www.weekdayspecialthailand.com
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
