Facebook :Travel @ Manager

พูดได้ว่าหลังจากเหตุการณ์ “หมูป่าติดถ้ำ” ก็ทำให้การท่องเที่ยวในเชียงรายหลายๆ แห่ง โดยเฉพาะอำเภอแม่สายมีความคึกคักเป็นที่รู้จักขึ้นมาอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวถ้ำหลวงเอง สระขุนน้ำมรกต และชุมชนในละแวกใกล้เคียงอย่างบ้านผาหมี และบ้านผาฮี้
ในวันนี้เราก็มาอยู่ที่ “บ้านผาฮี้” ตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ชุมชนเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างทางจากดอยตุง ดอยช้างมูบ ลงมาสู่ถ้ำหลวง โดยอยู่ห่างจากบ้านผาหมีซึ่งอยู่ต่ำกว่าลงมาทางพื้นราบอีกราว 13 กิโลเมตร

เรามีโอกาสได้พูดคุยกับพ่อหลวงอรัญ พรจิไพศาล ผู้ใหญ่บ้านผาฮี้ ที่เล่าให้ฟังว่า คนในหมู่บ้านผาฮี้เป็นชาวอาข่าที่เดิมในอดีตเคยปลูกฝิ่น แต่ภายหลังราวปี 2524 ภาครัฐเข้ามาส่งเสริมให้ปลูกกาแฟ และเมื่อโครงการพัฒนาดอยตุงเข้ามาเปิดแปลงทดลองวิจัยกาแฟเมื่อปี 2531 จนทำให้ชาวบ้านผาฮี้มีการปลูกกาแฟเป็นอาชีพหลักเลี้ยงตัวสืบมาจนปัจจุบัน
มาจนปี 2560 ที่คนในชุมชนหันมาพัฒนาหมู่บ้านในเชิงท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ควบคู่กับการปลูกและขายเมล็ดกาแฟอันเป็นอาชีพหลัก และเมื่อเกิดเหตุการณ์หมูป่าติดถ้ำเมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 หมู่บ้านผาฮี้ก็เลยกลายมาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ภาพอันงดงามของหมู่บ้านแห่งนี้ที่ถูกเผยแพร่ออกไปโดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย ก็ยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนบ้านผาฮี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ


ทิวทัศน์ที่งามสะดุดตาของหมู่บ้านผาฮี้ก็คือบ้านเรือนในหมู่บ้านที่สร้างลดหลั่นกันไปตามแนวเขา ส่วนเบื้องหน้าคือช่องเขาขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “กิ่วคอนาง” หรือ “กิ่วลม” ซึ่งพ่อหลวงอรัญกล่าวว่า พื้นที่ของบ้านผาฮี้นั้นอยู่หลังดอยนางนอน โดยดอยนางนอนที่มองจากที่ไกลๆ แล้วดูเหมือนหญิงสาวนอนหงายอยู่นั้นประกอบไปด้วยเขา 3 ลูกด้วยกัน ลูกแรกเรียกว่า “ดอยจ้อง” อันเป็นที่ตั้งของถ้ำหลวง และเป็นส่วนใบหน้า ถัดมาคือ “ดอยผู้เฒ่า” เป็นส่วนหน้าอก และ “ดอยตุง” เป็นส่วนท้อง ช่องเขาที่เห็นนี้เป็นส่วนคอพอดีจนเป็นที่มาของชื่อ “กิ่วคอนาง” นั่นเอง
จุดที่ชมวิวกิ่วคอนางได้สวยที่สุดจุดหนึ่งก็คือที่ “ร้านกาแฟผาฮี้” ซึ่งเป็นของพ่อหลวงอรัญนี่เอง โดยร้านกาแฟเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2554 แล้ว ด้วยราคากาแฟหลักสิบ แต่วิวหลักล้าน ทำให้ร้านกาแฟผาฮี้ที่มีสัญลักษณ์เป็นร่มสีแดงเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือน และเมื่อปี 2560 ก็ได้ทำโฮมสเตย์อยู่ในบริเวณร้านกาแฟแห่งนี้ด้วย ใครสนใจมาชิมกาแฟหรือมาพักผ่อนชมวิวสวยๆ ก็สามารถติดต่อได้ที่โทร. 08 9431 7479 หรือแฟนเพจ : กาแฟผาฮี้ โดยพ่อหลวงอรัญบอกว่าช่วงที่สวยน่าเที่ยวมากที่สุดก็คือช่วงปลายฝนต้นหนาวนั่นเอง


ชมร้านกาแฟผาฮี้เรียบร้อยแล้วเราไปเดินชมหมู่บ้านกันบ้าง คนที่มาเที่ยวในหมู่บ้านผาฮี้สามารถเดินเล่นชมบรรยากาศต่างๆ ภายในหมู่บ้านที่ยังคงมีพื้นที่ทางวัฒนธรรมของชาวอาข่าอย่างลานสาวกอด ประตูผี ชิงช้าของชาวอาข่า เป็นต้น โดยที่หมู่บ้านแห่งนี้ยังคงรักษาประเพณีสำคัญของชาวอาข่าไว้อย่างครบถ้วน อาทิ ประเพณีโล้ชิงช้า ประเพณีปีใหม่ลูกข่าง เป็นต้น
ในหมู่บ้านมีโฮสเตย์อีกหลายแห่ง และมีร้านกาแฟอีกหลายร้านที่มีวิวแตกต่างกันไป เรียกว่าน่านั่งน่าชิมไปเสียหมด อาทิ ร้านกาแฟภูผาฮี้ กับสัญลักษณ์ร่มสีเขียว หรือร้านหมือแล ที่อยู่ใกล้เคียงกัน และอีกหลากหลายร้านให้เลือกนั่ง เป็นหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยร้านกาแฟแบบไม่ต้องพยายาม เพราะกาแฟคือวิถีชีวิต และคือจิตใจของชาวบ้านผาฮี้ กาแฟของที่นี่ล้วนปลูกเอง ตากเอง คั่วเอง เสิร์ฟมาเป็นแก้วโดยคนผาฮี้เอง




นอกจากนั้น ที่บ้านผาฮี้ยังมีสีสันเพิ่มขึ้นมาด้วย “สะพานไม้ไผ่ไร่ผาฮี้” อยู่ในบริเวณใกล้ๆ กับร้านกาแฟคอฟฟี่ฮิลล์ผาฮี้ ซึ่งจะอยู่ห่างออกไปจากตัวหมู่บ้านสักหน่อย ที่นี่นอกจากจะเป็นร้านกาแฟที่วิวสวยเด็ดแล้ว ก็ยังมีความเก๋ตรงที่ทำสะพานไม้ไผ่หรือ Bamboo walk ซึ่งเป็นทางเดินยาวเลาะไปตามเนินเขา ด้านบนประดับด้วยร่มสีสันสดใส มีจุดชมวิวให้แวะพักไปเป็นระยะ มองเห็นวิวไปได้กว้างไกล
ทางเดินยาวของสะพานไม้ไผ่นี้จะไปสุดอยู่ตรงหน้าช่องเขากิ่วคอนางให้ชมวิวกันได้แบบเต็มๆ ตา ก่อนที่จะนำเราไปสู่ร้านกาแฟคอฟฟี่ฮิลล์ผาฮี้ ให้ไปนั่งจิบกาแฟชิลพร้อมวิวสวยๆ กันต่อ


เนื่องจากสะพานไม้ไผ่แห่งนี้อยู่ห่างจากหมู่บ้านออกไป และเส้นทางที่ไปนั้นเป็นทางดินแคบๆ จึงไม่ควรขับรถเข้าไปเอง แต่คนที่อยากจะไปเยี่ยมชมทางร้านกาแฟก็มีบริการรถรับส่งโดยมีค่ารถไป/กลับ คนละ 40 บาท ค่าบำรุงสะพานไม้ไผ่ 20 บาท และในนั้นยังเปิดเป็นโฮมสเตย์อีกด้วย สอบถามได้ที่ โทร.08 1024 2743 หรือแฟนเพจ : Bamboo walk หลากสี

ถ้าใครมีแผนมาเยือนเชียงรายบอกเลยว่าไม่ควรพลาดที่จะมาเที่ยวในเส้นทางนี้ โดยหากให้ครบสมบูรณ์ก็สามารถท่องเที่ยวในเส้นทางเชื่อมโยงจากอำเภอเมืองมายังอำเภอแม่สาย โดยจากอำเภอเมืองสามารถแวะชมวิวดอยนางนอน อบต.แม่จัน อ.แม่จัน ซึ่งเป็นทางผ่าน และเป็นจุดชมวิวดอยนางนอนได้ชัดเจนและสวยงามที่สุด จากนั้นขึ้นไปเยี่ยมชมสวนแม่ฟ้าหลวง พระตำหนักดอยตุง พระธาตุดอยตุง สวนรุกขชาติดอยช้างมูบ จากนั้นขับรถเลาะมาตามชายแดนไทย-เมียนมา ทางอำเภอแม่สาย แวะจิบกาแฟและเยี่ยมชมหมู่บ้านผาฮี้ หมู่บ้านผาหมี แล้วลงสู่พื้นราบมาชมถ้ำหลวง และขุนน้ำนางนอน และพักผ่อนที่ตัวอำเภอแม่สายสัก 1 คืน ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก ได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย โทร.0 5374 4674
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
พูดได้ว่าหลังจากเหตุการณ์ “หมูป่าติดถ้ำ” ก็ทำให้การท่องเที่ยวในเชียงรายหลายๆ แห่ง โดยเฉพาะอำเภอแม่สายมีความคึกคักเป็นที่รู้จักขึ้นมาอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวถ้ำหลวงเอง สระขุนน้ำมรกต และชุมชนในละแวกใกล้เคียงอย่างบ้านผาหมี และบ้านผาฮี้
ในวันนี้เราก็มาอยู่ที่ “บ้านผาฮี้” ตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ชุมชนเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างทางจากดอยตุง ดอยช้างมูบ ลงมาสู่ถ้ำหลวง โดยอยู่ห่างจากบ้านผาหมีซึ่งอยู่ต่ำกว่าลงมาทางพื้นราบอีกราว 13 กิโลเมตร
เรามีโอกาสได้พูดคุยกับพ่อหลวงอรัญ พรจิไพศาล ผู้ใหญ่บ้านผาฮี้ ที่เล่าให้ฟังว่า คนในหมู่บ้านผาฮี้เป็นชาวอาข่าที่เดิมในอดีตเคยปลูกฝิ่น แต่ภายหลังราวปี 2524 ภาครัฐเข้ามาส่งเสริมให้ปลูกกาแฟ และเมื่อโครงการพัฒนาดอยตุงเข้ามาเปิดแปลงทดลองวิจัยกาแฟเมื่อปี 2531 จนทำให้ชาวบ้านผาฮี้มีการปลูกกาแฟเป็นอาชีพหลักเลี้ยงตัวสืบมาจนปัจจุบัน
มาจนปี 2560 ที่คนในชุมชนหันมาพัฒนาหมู่บ้านในเชิงท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ควบคู่กับการปลูกและขายเมล็ดกาแฟอันเป็นอาชีพหลัก และเมื่อเกิดเหตุการณ์หมูป่าติดถ้ำเมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 หมู่บ้านผาฮี้ก็เลยกลายมาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ภาพอันงดงามของหมู่บ้านแห่งนี้ที่ถูกเผยแพร่ออกไปโดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย ก็ยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนบ้านผาฮี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ทิวทัศน์ที่งามสะดุดตาของหมู่บ้านผาฮี้ก็คือบ้านเรือนในหมู่บ้านที่สร้างลดหลั่นกันไปตามแนวเขา ส่วนเบื้องหน้าคือช่องเขาขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “กิ่วคอนาง” หรือ “กิ่วลม” ซึ่งพ่อหลวงอรัญกล่าวว่า พื้นที่ของบ้านผาฮี้นั้นอยู่หลังดอยนางนอน โดยดอยนางนอนที่มองจากที่ไกลๆ แล้วดูเหมือนหญิงสาวนอนหงายอยู่นั้นประกอบไปด้วยเขา 3 ลูกด้วยกัน ลูกแรกเรียกว่า “ดอยจ้อง” อันเป็นที่ตั้งของถ้ำหลวง และเป็นส่วนใบหน้า ถัดมาคือ “ดอยผู้เฒ่า” เป็นส่วนหน้าอก และ “ดอยตุง” เป็นส่วนท้อง ช่องเขาที่เห็นนี้เป็นส่วนคอพอดีจนเป็นที่มาของชื่อ “กิ่วคอนาง” นั่นเอง
จุดที่ชมวิวกิ่วคอนางได้สวยที่สุดจุดหนึ่งก็คือที่ “ร้านกาแฟผาฮี้” ซึ่งเป็นของพ่อหลวงอรัญนี่เอง โดยร้านกาแฟเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2554 แล้ว ด้วยราคากาแฟหลักสิบ แต่วิวหลักล้าน ทำให้ร้านกาแฟผาฮี้ที่มีสัญลักษณ์เป็นร่มสีแดงเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือน และเมื่อปี 2560 ก็ได้ทำโฮมสเตย์อยู่ในบริเวณร้านกาแฟแห่งนี้ด้วย ใครสนใจมาชิมกาแฟหรือมาพักผ่อนชมวิวสวยๆ ก็สามารถติดต่อได้ที่โทร. 08 9431 7479 หรือแฟนเพจ : กาแฟผาฮี้ โดยพ่อหลวงอรัญบอกว่าช่วงที่สวยน่าเที่ยวมากที่สุดก็คือช่วงปลายฝนต้นหนาวนั่นเอง
ชมร้านกาแฟผาฮี้เรียบร้อยแล้วเราไปเดินชมหมู่บ้านกันบ้าง คนที่มาเที่ยวในหมู่บ้านผาฮี้สามารถเดินเล่นชมบรรยากาศต่างๆ ภายในหมู่บ้านที่ยังคงมีพื้นที่ทางวัฒนธรรมของชาวอาข่าอย่างลานสาวกอด ประตูผี ชิงช้าของชาวอาข่า เป็นต้น โดยที่หมู่บ้านแห่งนี้ยังคงรักษาประเพณีสำคัญของชาวอาข่าไว้อย่างครบถ้วน อาทิ ประเพณีโล้ชิงช้า ประเพณีปีใหม่ลูกข่าง เป็นต้น
ในหมู่บ้านมีโฮสเตย์อีกหลายแห่ง และมีร้านกาแฟอีกหลายร้านที่มีวิวแตกต่างกันไป เรียกว่าน่านั่งน่าชิมไปเสียหมด อาทิ ร้านกาแฟภูผาฮี้ กับสัญลักษณ์ร่มสีเขียว หรือร้านหมือแล ที่อยู่ใกล้เคียงกัน และอีกหลากหลายร้านให้เลือกนั่ง เป็นหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยร้านกาแฟแบบไม่ต้องพยายาม เพราะกาแฟคือวิถีชีวิต และคือจิตใจของชาวบ้านผาฮี้ กาแฟของที่นี่ล้วนปลูกเอง ตากเอง คั่วเอง เสิร์ฟมาเป็นแก้วโดยคนผาฮี้เอง
นอกจากนั้น ที่บ้านผาฮี้ยังมีสีสันเพิ่มขึ้นมาด้วย “สะพานไม้ไผ่ไร่ผาฮี้” อยู่ในบริเวณใกล้ๆ กับร้านกาแฟคอฟฟี่ฮิลล์ผาฮี้ ซึ่งจะอยู่ห่างออกไปจากตัวหมู่บ้านสักหน่อย ที่นี่นอกจากจะเป็นร้านกาแฟที่วิวสวยเด็ดแล้ว ก็ยังมีความเก๋ตรงที่ทำสะพานไม้ไผ่หรือ Bamboo walk ซึ่งเป็นทางเดินยาวเลาะไปตามเนินเขา ด้านบนประดับด้วยร่มสีสันสดใส มีจุดชมวิวให้แวะพักไปเป็นระยะ มองเห็นวิวไปได้กว้างไกล
ทางเดินยาวของสะพานไม้ไผ่นี้จะไปสุดอยู่ตรงหน้าช่องเขากิ่วคอนางให้ชมวิวกันได้แบบเต็มๆ ตา ก่อนที่จะนำเราไปสู่ร้านกาแฟคอฟฟี่ฮิลล์ผาฮี้ ให้ไปนั่งจิบกาแฟชิลพร้อมวิวสวยๆ กันต่อ
เนื่องจากสะพานไม้ไผ่แห่งนี้อยู่ห่างจากหมู่บ้านออกไป และเส้นทางที่ไปนั้นเป็นทางดินแคบๆ จึงไม่ควรขับรถเข้าไปเอง แต่คนที่อยากจะไปเยี่ยมชมทางร้านกาแฟก็มีบริการรถรับส่งโดยมีค่ารถไป/กลับ คนละ 40 บาท ค่าบำรุงสะพานไม้ไผ่ 20 บาท และในนั้นยังเปิดเป็นโฮมสเตย์อีกด้วย สอบถามได้ที่ โทร.08 1024 2743 หรือแฟนเพจ : Bamboo walk หลากสี
ถ้าใครมีแผนมาเยือนเชียงรายบอกเลยว่าไม่ควรพลาดที่จะมาเที่ยวในเส้นทางนี้ โดยหากให้ครบสมบูรณ์ก็สามารถท่องเที่ยวในเส้นทางเชื่อมโยงจากอำเภอเมืองมายังอำเภอแม่สาย โดยจากอำเภอเมืองสามารถแวะชมวิวดอยนางนอน อบต.แม่จัน อ.แม่จัน ซึ่งเป็นทางผ่าน และเป็นจุดชมวิวดอยนางนอนได้ชัดเจนและสวยงามที่สุด จากนั้นขึ้นไปเยี่ยมชมสวนแม่ฟ้าหลวง พระตำหนักดอยตุง พระธาตุดอยตุง สวนรุกขชาติดอยช้างมูบ จากนั้นขับรถเลาะมาตามชายแดนไทย-เมียนมา ทางอำเภอแม่สาย แวะจิบกาแฟและเยี่ยมชมหมู่บ้านผาฮี้ หมู่บ้านผาหมี แล้วลงสู่พื้นราบมาชมถ้ำหลวง และขุนน้ำนางนอน และพักผ่อนที่ตัวอำเภอแม่สายสัก 1 คืน ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก ได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย โทร.0 5374 4674
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager