xs
xsm
sm
md
lg

เช็คอิน “5 แลนด์มาร์ก” แห่ง “ปารีส” มหานครมากมนต์เสน่ห์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Facebook :Travel @ Manager
หอไอเฟล สัญลักษณ์แห่งปารีส
“Paris” (ปารีส) เป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน ทางตอนเหนือของประเทศ หลายๆ คนรู้จักกันดีว่าปารีสเป็นเมืองหลวงของแฟชั่น แต่นอกจากแฟชั่นแล้ว ที่นี่ก็ยังดึงดูดใจนักท่องเที่ยวด้วยสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ความสวยงามของสถาปัตยกรรม รวมไปถึงการเพลิดเพลินกับแหล่งชอปปิ้งต่างๆ นั่นทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกใฝ่ฝันอยากจะมาเยือนปารีสสักครั้ง

และหากอยากจะเริ่มต้นเที่ยวในปารีสแต่ไม่รู้จะเริ่มที่ไหนดี ขอแนะนำ 5 แลนด์มาร์กสำคัญของเมืองปารีสให้ได้รู้จักกัน เป็นไอเดียการท่องเที่ยวในเมืองที่มีเสน่ห์แห่งนี้
หอไอเฟล
โครงสร้างเป็นเหล็ก
“หอไอเฟล” (Tour Eiffel)
หากว่าพูดถึงปารีส ก็มักจะมีภาพของหอไอเฟลปรากฏขึ้นมาให้เห็น โดยหอไอเฟลนั้นถือว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก ถูกออกแบบโดย กุสตาฟ ไอเฟล สถาปนิกและวิศวกรชั้นนำของฝรั่งเศส สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของงานแสดงสินค้าโลก ในปี ค.ศ.1889

หอไอเฟลมีโครงสร้างเป็นเหล็ก มีความสูงราว 300 เมตร หรือความสูงประมาณตึก 75 ชั้น ซึ่งการชมหอไอเฟลนั้นสามารถชมได้หลายมุม ทั้งจากสวนชองป์ เดอ มาร์ส หรือเดินเล่นริมแม่น้ำแซนแล้วชมหอไอเฟลจากมุมไกล
วิวหอไอเฟลจากริมแม่น้ำแซน
หอไอเฟลเมื่อมองจากประตูชัยฝรั่งเศส
หอไอเฟลยามค่ำคืน
ด้านบนหอไอเฟลนั้นสามารถขึ้นไปชมได้ โดยซื้อบัตรผ่านเดินขึ้นบันไดไป หรือจะซื้อบัตรขึ้นลิฟต์ไปก็ได้ ด้านบนนั้นมีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก มีระเบียงให้เดินออกไปชมวิวรอบๆ เมือง ส่วนในยามค่ำคืนนั้น หอไอเฟลจะเปิดไฟให้ชมอย่างสวยงาม และจะมีบางช่วงที่เปิดไฟกะพริบระยิบระยับทั่วหอไอเฟล ซึ่งเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่น่ามารอชม
ประตูชัยฝรั่งเศส
ประตูชัยฝรั่งเศส บริเวณจัตุรัสชาร์ลส เดอ โกล
“ประตูชัยฝรั่งเศส” (Arc de triomphe de l'Étoile)
อีกหนึ่งแลนด์มาร์กของปารีส ตั้งอยู่บริเวณ “จัตุรัสชาร์ลส เดอ โกล” (Place Charles de Gaulle) เป็นจุดรวมที่ถนน 12 สายมาบรรจบกัน ทำให้จัตุรัสมีรูปร่างคล้ายดวงดาว และเป็นที่มาของชื่อดั้งเดิมของจัตุรัสว่า จัตุรัสแห่งดวงดาว

ประตูชัยแห่งนี้ออกแบบโดย ฌ็อง ชาวแกร็ง ในปี พ.ศ.2349 ตามรูปแบบศิลปะนีโอคลาสสิกที่ได้ดัดแปลงมาจากสถาปัตกรรมโรมันโบราณ มีความสูง 49.5 เมตร โดยเป็นประตูชัยที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน (อันดับหนึ่งคือประตูชัยเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ)
สถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก
สุสานทหารนิรนาม
สำหรับประตูชัยฝรั่งเศสนั้นสร้างขึ้นเพื่อสดุดีทหารที่เข้าร่วมรบเพื่อฝรั่งเศส โดยเฉพาะในสงครามนโปเลียน และในปัจจุบันยังเป็นสุสานของทหารนิรนาม ซึ่งด้านบนของประตูชัยนั้นสามารถเดินขึ้นบันไดวนไปชมด้านบนได้ โดยด้านบนนั้นสามารถมองเห็นกรุงปารีสได้โดยรอบ

ส่วนที่ใต้ประตูชัยนั้น มีสุสานของทหารนิรนาม หรือเรียกว่า “Tomb of the Unknown Soldier” ตั้งอยู่ ณ ใจกลางประตูชัย คือ เปลวไฟที่ไม่เคยมอดดับบนหลุมฝังศพเหล่าทหารนิรนาม ซึ่งเป็นเหยื่อในสงครามโลกครั้งที่ 1 และในทุกวันอาทิตย์จะมีการสวนสนาม นำพวงมาลามาวางที่นี่อีกด้วย
ถนนชองป์เซลิเซ (ทางซ้ายมือ)
ถนนชอปปิ้งชื่อดังระดับโลก
มีร้านค้าร้านอาหารตลอดสองข้างทาง
“ถนนชองป์เซลิเซ” (Avenue des Champs-Élysées)
ชื่อของถนนแห่งนี้มาจากคำว่า “ทุ่งเอลิเซียม” จากเทพปกรณัมกรีกในภาษาฝรั่งเศส ในอดีตบริเวณนี้เป็นท้องทุ่งและสวนธรรมดาในกรุงปารีสเท่านั้น ต่อมาเมื่อปี ค.ศ.1616 สมเด็จพระราชินีมารี เดอ เมดิซี มีพระประสงค์จะขยายพื้นที่ของสวนหย่อมในพระราชวังตุยเลอรี ให้กว้างออกไปมีความประสงค์ให้ออกแบบเป็นถนนที่มีต้นเกาลัดขนาดใหญ่ตั้งอยู่ระหว่างสองข้างทางมากถึง 588 ต้น ซึ่งต่อมาในปี ค.ศ.1724 ถนนชองป์เซลิเซ่ถูกตัดเส้นทางให้เชื่อมต่อกับจัตุรัสชาร์ล เดอ โกล

ปัจจุบัน ชองป์เซลิเซเป็นถนนชอปปิ้งชื่อดังระดับโลก ที่นี่มีทั้งโรงละคร คาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านค้าแบรนด์ดัง ใครที่มาถึงปารีสแล้ว ก็ต้องแวะมาเดินที่ถนนแห่งนี้ ถึงจะไม่ได้มาชอปปิ้ง แต่ได้มาเดินเล่นดูตึกสวยๆ กับบรรยากาศคาเฟ่ริมทางก็เพลินใจมากแล้ว ตึกส่วนใหญ่ที่อยู่บนถนนนี้เป็นสถาปัตยกรรมที่มีการผสมผสานศิลปะอาร์ตเดโคกับการตกแต่งในสไตล์อาร์ตนูโวไว้อย่างลงตัว
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์
พีระมิดแก้ว
“พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์” (Musée du Louvre)
พิพิธภัณฑ์ทางศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยขนาดพื้นที่กว้างขวาง มีการจัดแสดงผลงานมากมาย จึงว่ากันว่า หากต้องการชมผลงานทุกชิ้น อาจจะต้องใช้เวลาราว 1 สัปดาห์เลยทีเดียว

อาคารของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์นั้นเดิมเคยเป็นพระราชวังหลวง แต่ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลก และหากใครมาถึงแล้วก็ต้องมุ่งหน้ามาถ่ายรูปกับ “พีระมิดแก้ว” ที่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ ซึ่งใช้เป็นทางเข้าหลัก
พีระมิดหัวกลับ
การจัดแสดงในห้องยุคอียิปต์โบราณ
ส่วนด้านในพิพิธภัณฑ์บริเวณชั้นใต้ดินนั้นก็มี “พีระมิดหัวกลับ” เป็นอีกจุดยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวต้องไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก หากใครที่ชื่นชอบผลงานภาพยนตร์เรื่อง The Da Vinci Code อาจจะจำได้ว่าฉากจบพระเอกไปนั่งคุกเข่าทำความเคารพอยู่ตรงพีระมิดหัวกลับจุดนี้นี่เอง

พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์แบ่งออกเป็น 3 ปีก ได้แก่ Richelieu อยู่ทางทิศเหนือ Sully เป็นอาคารสี่เหลี่ยมทางทิศตะวันออก และ Denon อยู่ทิศใต้ขนานกับแม่น้ำแซน โดยทุกปีกจะมี 4 ชั้น และมีการจัดแสดงศิลปะแบ่งตามประเภทและยุคสมัย อาทิ ยุคกรีก ยุคอียิปต์โบราณ
ประติมากรรมยุคกรีกโบราณ
ห้องจัดแสดงยุคพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และ 16
ภาพโมนาลิซ่าอันโด่งดัง
แต่ใครที่มาเดินชมภายในพิพิธภัณฑ์ แนะนำให้ถือแผนผังของพิพิธภัณฑ์ติดมือมาด้วย เพราะในแผนผังนอกจากจะบอกชื่อห้อง และยุคสมัยที่จัดแสดงอยู่แล้ว ก็ยังบอกไฮไลต์ของแต่ละยุคสมัยให้เดินเลือกชมกันด้วย

ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดก็คือ “โมนาลิซ่า” ภาพวาดสีน้ำมันอันโด่งดัง ฝีมือของลีโอนาร์โด ดา วินชี ซึ่งเป็นภาพสุภาพสตรีที่มีรอยยิ้มอันเป็นปริศนา ผู้คนมากมายเบียดเสียดกันเข้ามาชมความงามอันเป็นปริศนานี้ โมนาลิซ่าจึงถูกเก็บรักษาอย่างดีภายในตู้กระจกปรับอากาศกันกระสุน ตัวจริงของภาพโมนาลิซ่านั้นไม่ได้ใหญ่โตเท่ากับที่จินตนาการ แต่ผู้คนก็ให้ความสนใจเธอกันเป็นจำนวนมาก
มหาวิหารน็อทร์-ดาม
ด้านข้างมหาวิหารน็อทร์-ดาม
มหาวิหารน็อทร์-ดาม (Cathédrale Notre-Dame de Paris)
หนึ่งในสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่ายิ่งของโลก โดยถูกยกให้เป็นโบสถ์ที่สวยงามที่สุดตามลักษณะสถาปัตยกรรมยุคกอธิคแบบฝรั่งเศส เริ่มก่อสร้างตั้งแต่เมื่อ ค.ศ. 1163 มาแล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1345 และมีการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ภายหลังเหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศส

ด้านหน้าของมหาวิหารมีประตูใหญ่อยู่สามประตู ที่เหนือประตูก็จะมีการแกะสลักเรื่องราวของแต่ละประตู ส่วนภายในมหาวิหารดูขรึมขลัง แต่ก็งดงามด้วยกระจกสีที่ติดประดับอยู่โดยรอบ หากเข้าไปด้านในแล้วก็ควรชมด้วยความสงบ เพราะที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาอยู่ด้วย
ด้านในมหาวิหารน็อทร์-ดาม
ด้านในมหาวิหารน็อทร์-ดาม
กิโลเมตรที่ 0 หรือ Point Zero
ลานด้านหน้ามหาวิหารนั้นมีจุดสำคัญหนึ่งจุดก็คือ “Point Zero” หรือกิโลเมตรที่ 0 สำหรับเป็นจุดเริ่มต้นการวัดระยะทางสู่กรุงปารีส หรือบางคนอาจจะเรียกว่าจุดนี้เป็นจุดศูนย์กลางของกรุงปารีส แถมยังมีความเชื่อว่าหากได้เหยียบตรงจุดนี้แล้วก็จะได้กลับมาเยือนปารีสอีกครั้ง
ภาพเก่าบริเวณยอดแหลมของมหาวิหารที่เพิ่งถูกไฟไหม้
ภาพสลดใจเมื่อมหาวิหารน็อทร์-ดามถุูกไฟไหม้เสียหายหนักในค่ำคืนวันที่ 15 เม.ย. 62 (ภาพ : เอเอฟพี)
น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่เมื่อวันที่ 15 เม.ย.62 (ตามเวลาท้องถิ่นที่กรุงปารีส) เกิดไฟไหม้อย่างรุนแรงอยู่หลายชั่วโมง จนบริเวณหลังคายอดแหลมของมหาวิหารพังครืนลงมาท่ามกลางเสียงร้องโกลาหลและสะอื้นร่ำไห้ของผู้ที่เห็นเหตุการณ์

และจากเหตุการณ์ไฟไหม้ ทำให้ยอดแหลมและหลังคาส่วนหนึ่งของมหาวิหารพังลงมา ยังโชคดีที่แท่นบูชา ไม้กางเขน กระจกสี และโบราณวัตถุภายในไม่ได้รับความเสียหาย แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีการคาดการณ์ว่ามหาวิหารน็อทร์-ดามอาจจะต้องปิดตัวลง 5-6 ปี เนื่องจากไฟได้ไหม้จนทำให้พื้นที่บางส่วนมีความทรุดโทรม ส่วนการบูรณะมหาวิหารก็ต้องใช้เวลาหลายปีเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้คนทั่วโลกยังรอให้มหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส กลับมางดงามดังเดิมอีกครั้ง ไม่ว่าจะต้องใช้เวลารออีกกี่ปีก็ตาม
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


กำลังโหลดความคิดเห็น