Facebook :Travel @ Manager

หน้าร้อนมาถึง หัวใจก็เรียกร้องต้องการทะเล และแน่นอนว่า “หัวหิน” เป็นตัวเลือกแรกๆ ในดวงใจ ด้วยความเป็นเมืองตากอากาศแห่งแรกๆ ในไทย ที่ยังคงเสน่ห์ยืนยาวตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๖ จวบจนปัจจุบัน ทำให้ “หัวหิน” แห่ง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่มีเสน่ห์แบบย้อนยุคไม่เหมือนที่ไหนๆ มาเที่ยวทีไรก็ไม่รู้เบื่อ
และหากใครมาเยือนหัวหินช่วงเดือนเมษายน ก็ยิ่งพิเศษตรงที่ช่วงนี้เขากำลังมีกิจกรรม “นั่งรถรางนำเที่ยวชมเมืองหัวหิน เส้นทางหัวหินรำลึก” ที่จะมีบริการกันฟรีๆ ในทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ วันละ 3 รอบ ตลอดเดือนเมษายนนี้เท่านั้น

รถรางที่ว่านี้เป็นความร่วมมือของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับสถานีรถไฟหัวหิน สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (YEC) ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน และกลุ่มกะตอยรักษ์หัวหิน ที่นำเอารถรางมาให้นักท่องเที่ยวได้นั่งชมเมืองชิลชิล ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ของเดือนเมษายน โดยจะมีบริการวันละ 3 รอบ คือรอบ 10.00 น. 14.00 น. และ 17.00 น. ซึ่ง “ตะลอนเที่ยว” ได้ไปนั่งมาแล้ว จึงอยากมารีวิวให้ไปลองเที่ยวกันบ้าง
สำหรับจุดขึ้นรถรางก็จะอยู่ที่หน้า “สถานีรถไฟหัวหิน” สถานีรถไฟที่สวยคลาสสิกที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทยที่ยังคงรูปแบบอาคารไม้อันสวยงามอ่อนช้อยเอาไว้ จุดเด่นของสถานีแห่งนี้อยู่ที่ “พลับพลาสนามจันทร์” พลับพลาจัตุรมุขที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ เดิมอยู่ในพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม ใช้เป็นที่เสด็จประทับทอดพระเนตรกองเสือป่าและลูกเสือทั่วประเทศที่ฝึกซ้อมยุทธวิธี และหลังจากสิ้นรัชสมัยของพระองค์ การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้รื้อถอนนำมาสร้างใหม่ที่สถานีรถไฟหัวหิน และเรียกชื่อใหม่ว่า “พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ” เป็นเอกลักษณ์ของหัวหินมาจนทุกวันนี้

รถรางจะรอรับนักท่องเที่ยวอยู่ที่สถานีรถไฟหัวหิน ก่อนที่จะพาออกเดินทางชมเมืองหัวหินตามเวลาที่กำหนด ผู้บรรยายบนรถเริ่มชี้ชวนชมแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในระหว่างเส้นทางที่ผ่าน โดยทางด้านซ้ายมือไม่ไกลจากสถานีรถไฟเป็นที่ตั้งของ “สนามกอล์ฟหลวงหัวหิน” สนามกอล์ฟมาตรฐานแห่งแรกของไทย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๖ ส่วนทางขวามือเป็น “สวนสาธารณะโผน กิ่งเพชร” แชมเปี้ยนโลกมวยสากลรุ่นฟลายเวทคนแรกของไทย ซึ่งเป็นชาวหัวหินโดยกำเนิด

รถเริ่มวิ่งออกถนนใหญ่ ผ่าน “ตลาดฉัตร์ไชย” ตลาดเก่าแก่ริมถนนเพชรเกษม สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๗ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาเป็นรูปโค้ง 7 โค้ง อันเป็นสัญลักษณ์หมายถึง ร.๗ นั่นเอง ปัจจุบันตลาดแห่งนี้ก็ยังเปิดขายอาหารสด-แห้ง และของที่ระลึกให้ประชาชนทั่วไปได้ไปซื้อหากัน และที่อยู่ติดบริเวณซอยหัวหิน 72 ในช่วงกลางวันก็ดูเป็นถนนธรรมดาๆ แต่ในยามค่ำคืนจะเปลี่ยนหน้าตากลายเป็น “ตลาดโต้รุ่งหัวหิน” ซึ่งเป็นถนนคนเดินยามเย็นไปจนถึงยามดึก โดยสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านอาหารหลากหลาย ทั้งของกินเล่น กินจริง ของคาวหวาน รวมไปถึงของที่ระลึกน่าซื้อหา ทุกๆ เย็นชาวไทยและต่างชาติจะมาเดินเล่นช้อปปิ้งกันเป็นจำนวนมาก
รถรางเลี้ยวขวาเข้าสู่ซอยหัวหิน 55 หรือถนนชมสินธุ์ ซึ่งในละแวกนี้เรียกว่าเป็นย่านใจกลางหัวหินก็ว่าได้ ในบริเวณนี้เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมน้อยใหญ่ให้เลือกละลานตา จากนั้นรถวิ่งผ่านท่าเทียบเรือหัวหิน ก่อนจะเลี้ยวขวาพาเราเข้าสู่ถนนนเรศดำริห์ ซึ่งเป็นย่านชุมชนเก่าแก่ของหัวหิน


ตรงจุดนี้รถรางจอดให้เราเดินเท้าเป็นระยะทางสั้นๆ เพื่อเข้าไปยัง “กลุ่มศาลเจ้าพ่อสายน้ำเขียว” อันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเคารพสักการะของชาวประมงหัวหิน ตัวศาลอยู่บริเวณริมทะเล เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนและมีรูปเคารพของเทพหลายองค์ อาทิ เจ้าพ่อสายน้ำเขียว เจ้าแม่ทับทิม เจ้าแม่กวนอิม เจ้าพ่อสมบูรณ์

จากบริเวณศาลเจ้านี้หากมองไปริมทะเลทางซ้ายมือจะเห็น “สะพานปลาหัวหิน” อยู่ไกลๆ ส่วนทางขวามือจะเป็นชายหาดหัวหินที่มีกลุ่มหินใหญ่เป็นสัญลักษณ์ เมื่อก่อนนี้ชาวบ้านเรียกว่า “แหลมหิน” ก่อนจะได้รับพระราชทานชื่อใหม่ว่า “หัวหิน” โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมพระนเรศวรฤทธิ์ จากจุดนี้มองเห็นโขดหินท่ามกลางทรายละเอียดสีน้ำตาลอ่อนๆ เห็นนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศของทะเลและชายหาด


จากนั้นรถรางพาเราไปย้อนรำลึกอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งอยู่คู่หัวหินมาเป็นเวลานาน นั่นก็คือ “โรงแรมรถไฟ” หรือปัจจุบันคือโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า หัวหิน โรงแรมแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นพร้อมๆ กับการเป็นเมืองตากอากาศของหัวหิน โดยรัชกาลที่ ๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง ดำเนินการสร้างที่พักตากอากาศขึ้นให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนโรงแรมของต่างประเทศภายใต้ชื่อโรงแรมรถไฟหัวหิน ซึ่งนับว่าเป็นโรงแรมตากอากาศแห่งแรกในสยามที่หรูหราที่สุดในยุคนั้น ตัวอาคารเป็นทรงโคโลเนียลตกแต่งด้วยไม้แกะสลัก มีห้องอาหาร บาร์ ห้องเกม สนามเทนนิส และสนามกอล์ฟ โรงแรมรถไฟจึงเป็นที่เลื่องลือในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ และยังคงได้รับความนิยมมาจนปัจจุบัน
วันนี้เราได้มีโอกาสเดินเข้ามาชมบริเวณสวนของโรงแรมที่โดดเด่นไปด้วยต้นไม้ที่ตัดแต่งเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น ช้างตัวโต ได้ถ่ายรูปกับมุมน้ำพุอันร่มรื่นที่มีอาคารสวยๆ ของโรงแรมเป็นฉากหลัง

แวะพักชมโรงแรมสักครู่แล้วจากนั้นเราก็เดินทางต่อ รถวิ่งผ่าน “วัดหัวหิน” วัดที่สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยคนหัวหินนิยมมากราบสักการะรูปปั้น “หลวงพ่อนาค” ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดหัวหินรูปแรก และเป็นพระเกจิคู่พระทัยของรัชกาลที่ ๖
จากนั้นรถวิ่งตรงยาวมาจนถึง "ศูนย์การค้าหัวหินบลูพอร์ต" แวะพักให้นั่งดื่มน้ำคลายร้อน หรือใครจะเข้าห้องน้ำห้องท่าหรือแว้บไปเดินเล่นในห้างสักครู่ก็ได้ แล้วรถรางจึงพาเรากลับมายังสถานีรถไฟหัวหินอีกครั้งเป็นอันสิ้นสุดเส้นทางนั่งรถรางชมเมือง ย้อนวันวานเมืองหัวหิน
แม้ว่าจะไม่ใช่เส้นทางท่องเที่ยวใหม่ แต่ก็เป็นการรวมเอาจุดเช็คอินสำคัญๆ แบบย้อนยุคของหัวหินเอาไว้ครบในเส้นทางเดียว ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่อยากสัมผัสกับหัวหินในมุมกว้างๆ มีเวลาซัก 45-60 นาที มารำลึกความหลังสมัยคุณยายยังสาว คุณแม่ยังเด็ก แบบไม่ต้องขับรถเอง

ไหนๆ ก็มาในธีมย้อนยุคแล้ว นอกเหนือจากเส้นทางรถรางนี้ก็ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ให้อารมณ์หวนนึกถึงอดีตคล้ายกันอีกหนึ่งแห่ง ก็คือที่ “เพลินวาน” สถานที่ท่องเที่ยวแนวย้อนยุคที่จำลองบรรยากาศย่านการค้าในยุคอดีตให้เราได้รำลึกถึงบรรยากาศในวัยเด็ก เขามีแนวคิดว่าอยากให้เพลินวานเป็นศูนย์รวมความสุข สถานที่หยุดเวลาและเรื่องราวมากมายในอดีตไว้ เพื่อให้ความทรงจำดีๆ ของวันวานย้อนคืนกลับมาสร้างความอิ่มเอมใจให้กับผู้คนยุคนี้
ภายในเพลินวานก็มีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ มีร้านอาหารหลากหลาย รวมถึงร้านค้าให้ช้อปปิ้งกันได้หลากหลายแนวอีกด้วย สามารถแวะเข้าไปเที่ยวชมและเดินเล่นกันได้ไม่ต้องเสียค่าเข้าชม

ยังมีเวลาอีก 3 อาทิตย์ภายในเดือนเมษายนนี้สำหรับการนั่งรถรางเที่ยวหัวหินกัน ดังนั้นใครจะมาหัวหินต้องจดลงในแพลนไว้เลยว่าอย่าพลาดกิจกรรมดีๆ และฟรีอย่างนี้ ยิ่งถ้าใครแต่งตัวย้อนยุคสมัยท่านชายพจน์- ปริศนา มานั่งรถรางด้วย ททท. ประจวบฯ ก็ขอมอบของที่ระลึกให้อีกต่างหากในฐานะที่ช่วยสร้างเสริมบรรยากาศความย้อนยุคให้แก่เมือง สำหรับใครที่สนใจหรือมีข้อสงสัยต้องการสอบถาม สามารถติดต่อได้ที่ ททท. ประจวบคีรีขันธ์ โทร.0 3251 3885, 0 3251 3871 หรือเฟซบุคแฟนเพจ : TAT PRACHUAP

สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวหัวหินในรูปแบบทัวร์ด้วยรถไฟ บริษัทช้างออนทัวร์ร่วมกับ ททท.ประจวบฯ ก็มีแพ็คเกจท่องเที่ยว “สถานีรถไฟหัวหิน ความทรงจำแห่งรัก” ในวันเสาร์อาทิตย์ที่ 27-28 เมษายน 2562 โดยวันที่ 27 เม.ย. จะเดินทางด้วยรถไฟปรับอากาศขบวนพิเศษ 911 (สถานีหัวลำโพง-สถานีหัวหิน) ตั้งแต่เวลา 06.30 น. ชมความสวยงามของสถานีหัวหิน แล้วพานำเที่ยวในเส้นทางรถราง โดยจะพาไปถึงเพลินวาน จากนั้นเข้าพักที่โรงแรมวรบุระ หัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา พร้อมดินเนอร์ริมทะเล และวันที่ 28 เม.ย. จะเป็นการนำเที่ยววัดเขาตะเกียบ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน และหมู่บ้านศิลปินหัวหิน จากนั้นเดินทางกลับจากสถานีรถไฟหัวหินด้วยรถไฟปรับอากาศขบวนพิเศษ 911 ในเวลา 15.39 น. โดยมีเพียงราคาท่านละ 4,990 บาท หรือเที่ยวเป็นคู่ คู่ละ 8,888 บาท เท่านั้น สอบถามได้ที่บริษัทช้างออนทัวร์ โทร.08 9193 5363
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
หน้าร้อนมาถึง หัวใจก็เรียกร้องต้องการทะเล และแน่นอนว่า “หัวหิน” เป็นตัวเลือกแรกๆ ในดวงใจ ด้วยความเป็นเมืองตากอากาศแห่งแรกๆ ในไทย ที่ยังคงเสน่ห์ยืนยาวตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๖ จวบจนปัจจุบัน ทำให้ “หัวหิน” แห่ง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่มีเสน่ห์แบบย้อนยุคไม่เหมือนที่ไหนๆ มาเที่ยวทีไรก็ไม่รู้เบื่อ
และหากใครมาเยือนหัวหินช่วงเดือนเมษายน ก็ยิ่งพิเศษตรงที่ช่วงนี้เขากำลังมีกิจกรรม “นั่งรถรางนำเที่ยวชมเมืองหัวหิน เส้นทางหัวหินรำลึก” ที่จะมีบริการกันฟรีๆ ในทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ วันละ 3 รอบ ตลอดเดือนเมษายนนี้เท่านั้น
รถรางที่ว่านี้เป็นความร่วมมือของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับสถานีรถไฟหัวหิน สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (YEC) ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน และกลุ่มกะตอยรักษ์หัวหิน ที่นำเอารถรางมาให้นักท่องเที่ยวได้นั่งชมเมืองชิลชิล ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ของเดือนเมษายน โดยจะมีบริการวันละ 3 รอบ คือรอบ 10.00 น. 14.00 น. และ 17.00 น. ซึ่ง “ตะลอนเที่ยว” ได้ไปนั่งมาแล้ว จึงอยากมารีวิวให้ไปลองเที่ยวกันบ้าง
สำหรับจุดขึ้นรถรางก็จะอยู่ที่หน้า “สถานีรถไฟหัวหิน” สถานีรถไฟที่สวยคลาสสิกที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทยที่ยังคงรูปแบบอาคารไม้อันสวยงามอ่อนช้อยเอาไว้ จุดเด่นของสถานีแห่งนี้อยู่ที่ “พลับพลาสนามจันทร์” พลับพลาจัตุรมุขที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ เดิมอยู่ในพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม ใช้เป็นที่เสด็จประทับทอดพระเนตรกองเสือป่าและลูกเสือทั่วประเทศที่ฝึกซ้อมยุทธวิธี และหลังจากสิ้นรัชสมัยของพระองค์ การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้รื้อถอนนำมาสร้างใหม่ที่สถานีรถไฟหัวหิน และเรียกชื่อใหม่ว่า “พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ” เป็นเอกลักษณ์ของหัวหินมาจนทุกวันนี้
รถรางจะรอรับนักท่องเที่ยวอยู่ที่สถานีรถไฟหัวหิน ก่อนที่จะพาออกเดินทางชมเมืองหัวหินตามเวลาที่กำหนด ผู้บรรยายบนรถเริ่มชี้ชวนชมแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในระหว่างเส้นทางที่ผ่าน โดยทางด้านซ้ายมือไม่ไกลจากสถานีรถไฟเป็นที่ตั้งของ “สนามกอล์ฟหลวงหัวหิน” สนามกอล์ฟมาตรฐานแห่งแรกของไทย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๖ ส่วนทางขวามือเป็น “สวนสาธารณะโผน กิ่งเพชร” แชมเปี้ยนโลกมวยสากลรุ่นฟลายเวทคนแรกของไทย ซึ่งเป็นชาวหัวหินโดยกำเนิด
รถเริ่มวิ่งออกถนนใหญ่ ผ่าน “ตลาดฉัตร์ไชย” ตลาดเก่าแก่ริมถนนเพชรเกษม สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๗ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาเป็นรูปโค้ง 7 โค้ง อันเป็นสัญลักษณ์หมายถึง ร.๗ นั่นเอง ปัจจุบันตลาดแห่งนี้ก็ยังเปิดขายอาหารสด-แห้ง และของที่ระลึกให้ประชาชนทั่วไปได้ไปซื้อหากัน และที่อยู่ติดบริเวณซอยหัวหิน 72 ในช่วงกลางวันก็ดูเป็นถนนธรรมดาๆ แต่ในยามค่ำคืนจะเปลี่ยนหน้าตากลายเป็น “ตลาดโต้รุ่งหัวหิน” ซึ่งเป็นถนนคนเดินยามเย็นไปจนถึงยามดึก โดยสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านอาหารหลากหลาย ทั้งของกินเล่น กินจริง ของคาวหวาน รวมไปถึงของที่ระลึกน่าซื้อหา ทุกๆ เย็นชาวไทยและต่างชาติจะมาเดินเล่นช้อปปิ้งกันเป็นจำนวนมาก
รถรางเลี้ยวขวาเข้าสู่ซอยหัวหิน 55 หรือถนนชมสินธุ์ ซึ่งในละแวกนี้เรียกว่าเป็นย่านใจกลางหัวหินก็ว่าได้ ในบริเวณนี้เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมน้อยใหญ่ให้เลือกละลานตา จากนั้นรถวิ่งผ่านท่าเทียบเรือหัวหิน ก่อนจะเลี้ยวขวาพาเราเข้าสู่ถนนนเรศดำริห์ ซึ่งเป็นย่านชุมชนเก่าแก่ของหัวหิน
ตรงจุดนี้รถรางจอดให้เราเดินเท้าเป็นระยะทางสั้นๆ เพื่อเข้าไปยัง “กลุ่มศาลเจ้าพ่อสายน้ำเขียว” อันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเคารพสักการะของชาวประมงหัวหิน ตัวศาลอยู่บริเวณริมทะเล เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนและมีรูปเคารพของเทพหลายองค์ อาทิ เจ้าพ่อสายน้ำเขียว เจ้าแม่ทับทิม เจ้าแม่กวนอิม เจ้าพ่อสมบูรณ์
จากบริเวณศาลเจ้านี้หากมองไปริมทะเลทางซ้ายมือจะเห็น “สะพานปลาหัวหิน” อยู่ไกลๆ ส่วนทางขวามือจะเป็นชายหาดหัวหินที่มีกลุ่มหินใหญ่เป็นสัญลักษณ์ เมื่อก่อนนี้ชาวบ้านเรียกว่า “แหลมหิน” ก่อนจะได้รับพระราชทานชื่อใหม่ว่า “หัวหิน” โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมพระนเรศวรฤทธิ์ จากจุดนี้มองเห็นโขดหินท่ามกลางทรายละเอียดสีน้ำตาลอ่อนๆ เห็นนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศของทะเลและชายหาด
จากนั้นรถรางพาเราไปย้อนรำลึกอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งอยู่คู่หัวหินมาเป็นเวลานาน นั่นก็คือ “โรงแรมรถไฟ” หรือปัจจุบันคือโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า หัวหิน โรงแรมแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นพร้อมๆ กับการเป็นเมืองตากอากาศของหัวหิน โดยรัชกาลที่ ๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง ดำเนินการสร้างที่พักตากอากาศขึ้นให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนโรงแรมของต่างประเทศภายใต้ชื่อโรงแรมรถไฟหัวหิน ซึ่งนับว่าเป็นโรงแรมตากอากาศแห่งแรกในสยามที่หรูหราที่สุดในยุคนั้น ตัวอาคารเป็นทรงโคโลเนียลตกแต่งด้วยไม้แกะสลัก มีห้องอาหาร บาร์ ห้องเกม สนามเทนนิส และสนามกอล์ฟ โรงแรมรถไฟจึงเป็นที่เลื่องลือในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ และยังคงได้รับความนิยมมาจนปัจจุบัน
วันนี้เราได้มีโอกาสเดินเข้ามาชมบริเวณสวนของโรงแรมที่โดดเด่นไปด้วยต้นไม้ที่ตัดแต่งเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น ช้างตัวโต ได้ถ่ายรูปกับมุมน้ำพุอันร่มรื่นที่มีอาคารสวยๆ ของโรงแรมเป็นฉากหลัง
แวะพักชมโรงแรมสักครู่แล้วจากนั้นเราก็เดินทางต่อ รถวิ่งผ่าน “วัดหัวหิน” วัดที่สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยคนหัวหินนิยมมากราบสักการะรูปปั้น “หลวงพ่อนาค” ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดหัวหินรูปแรก และเป็นพระเกจิคู่พระทัยของรัชกาลที่ ๖
จากนั้นรถวิ่งตรงยาวมาจนถึง "ศูนย์การค้าหัวหินบลูพอร์ต" แวะพักให้นั่งดื่มน้ำคลายร้อน หรือใครจะเข้าห้องน้ำห้องท่าหรือแว้บไปเดินเล่นในห้างสักครู่ก็ได้ แล้วรถรางจึงพาเรากลับมายังสถานีรถไฟหัวหินอีกครั้งเป็นอันสิ้นสุดเส้นทางนั่งรถรางชมเมือง ย้อนวันวานเมืองหัวหิน
แม้ว่าจะไม่ใช่เส้นทางท่องเที่ยวใหม่ แต่ก็เป็นการรวมเอาจุดเช็คอินสำคัญๆ แบบย้อนยุคของหัวหินเอาไว้ครบในเส้นทางเดียว ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่อยากสัมผัสกับหัวหินในมุมกว้างๆ มีเวลาซัก 45-60 นาที มารำลึกความหลังสมัยคุณยายยังสาว คุณแม่ยังเด็ก แบบไม่ต้องขับรถเอง
ไหนๆ ก็มาในธีมย้อนยุคแล้ว นอกเหนือจากเส้นทางรถรางนี้ก็ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ให้อารมณ์หวนนึกถึงอดีตคล้ายกันอีกหนึ่งแห่ง ก็คือที่ “เพลินวาน” สถานที่ท่องเที่ยวแนวย้อนยุคที่จำลองบรรยากาศย่านการค้าในยุคอดีตให้เราได้รำลึกถึงบรรยากาศในวัยเด็ก เขามีแนวคิดว่าอยากให้เพลินวานเป็นศูนย์รวมความสุข สถานที่หยุดเวลาและเรื่องราวมากมายในอดีตไว้ เพื่อให้ความทรงจำดีๆ ของวันวานย้อนคืนกลับมาสร้างความอิ่มเอมใจให้กับผู้คนยุคนี้
ภายในเพลินวานก็มีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ มีร้านอาหารหลากหลาย รวมถึงร้านค้าให้ช้อปปิ้งกันได้หลากหลายแนวอีกด้วย สามารถแวะเข้าไปเที่ยวชมและเดินเล่นกันได้ไม่ต้องเสียค่าเข้าชม
ยังมีเวลาอีก 3 อาทิตย์ภายในเดือนเมษายนนี้สำหรับการนั่งรถรางเที่ยวหัวหินกัน ดังนั้นใครจะมาหัวหินต้องจดลงในแพลนไว้เลยว่าอย่าพลาดกิจกรรมดีๆ และฟรีอย่างนี้ ยิ่งถ้าใครแต่งตัวย้อนยุคสมัยท่านชายพจน์- ปริศนา มานั่งรถรางด้วย ททท. ประจวบฯ ก็ขอมอบของที่ระลึกให้อีกต่างหากในฐานะที่ช่วยสร้างเสริมบรรยากาศความย้อนยุคให้แก่เมือง สำหรับใครที่สนใจหรือมีข้อสงสัยต้องการสอบถาม สามารถติดต่อได้ที่ ททท. ประจวบคีรีขันธ์ โทร.0 3251 3885, 0 3251 3871 หรือเฟซบุคแฟนเพจ : TAT PRACHUAP
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวหัวหินในรูปแบบทัวร์ด้วยรถไฟ บริษัทช้างออนทัวร์ร่วมกับ ททท.ประจวบฯ ก็มีแพ็คเกจท่องเที่ยว “สถานีรถไฟหัวหิน ความทรงจำแห่งรัก” ในวันเสาร์อาทิตย์ที่ 27-28 เมษายน 2562 โดยวันที่ 27 เม.ย. จะเดินทางด้วยรถไฟปรับอากาศขบวนพิเศษ 911 (สถานีหัวลำโพง-สถานีหัวหิน) ตั้งแต่เวลา 06.30 น. ชมความสวยงามของสถานีหัวหิน แล้วพานำเที่ยวในเส้นทางรถราง โดยจะพาไปถึงเพลินวาน จากนั้นเข้าพักที่โรงแรมวรบุระ หัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา พร้อมดินเนอร์ริมทะเล และวันที่ 28 เม.ย. จะเป็นการนำเที่ยววัดเขาตะเกียบ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน และหมู่บ้านศิลปินหัวหิน จากนั้นเดินทางกลับจากสถานีรถไฟหัวหินด้วยรถไฟปรับอากาศขบวนพิเศษ 911 ในเวลา 15.39 น. โดยมีเพียงราคาท่านละ 4,990 บาท หรือเที่ยวเป็นคู่ คู่ละ 8,888 บาท เท่านั้น สอบถามได้ที่บริษัทช้างออนทัวร์ โทร.08 9193 5363
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager