xs
xsm
sm
md
lg

บวชเณรน้อย “ปอยส่างลอง” เสน่ห์สีสันงานศรัทธาบุญสูงล้น ของคนไทใหญ่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)

Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
ประเพณีปอยส่างลอง งดงามเปี่ยมศรัทธา ทรงคุณค่าคู่วิถีไทใหญ่
...การได้บวชส่างลองจะได้อานิสงส์ผลบุญสูงสุด...

นี่คือความเชื่อของชาวไทใหญ่ ที่ได้สะท้อนออกมาผ่านงานประเพณี “ปอยส่างลอง” ซึ่งเป็นประเพณีที่สำคัญยิ่งของชาวไทใหญ่ที่ได้ยึดถือปฏิบัติและสืบทอดต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน จนกลายเป็นหนึ่งในประเพณีที่ทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่งของจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ประเพณีปอยส่างลอง
ส่างลองร่ายรำสนุกสนานบนคอตะแปในขบวนแห่โควหลู่ ชุมชนผาบ่อง
ปอยส่างลอง เป็นประเพณีการบรรพชาหรือการบวชเณรของชาวไทใหญ่ที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างช้านาน (เปรียบได้ดังประเพณีบวชลูกแก้วของชาวล้านนา)

คำว่า “ปอยส่างลอง” เป็นภาษาไทใหญ่ “ปอย” แปลว่า งาน เช่นงานปอยเหลินสิบเอ็ด ปอยจ่าตี่ “ส่าง” เพี้ยนมาจาก สางหรือขุนสาง หมายถึง พระพรหม หรืออีกความหมายหนึ่งมาจากคำว่าเจ้าส่าง ซึ่งหมายถึงสามเณร ส่วนคำว่า “ลอง” มาจาก “อลอง” หมายถึง พระโพธิสัตว์ หรือหน่อพุทธางกูร (หน่อเนื้อเชื้อไขพระพุทธเจ้า) หรือราชบุตร
ตะแปนำส่างลองร่ายรำ สนุกสนานเต็มที่ ที่วัดผาบ่องเหนือ หลังเสร็จสิ้นพิธีแห่โควหลู่
ปอยส่างลอง ถือคติในการบวชเณรที่เลียนแบบพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าตอนเป็นเจ้าชายสิทธัตถะก่อนออกผนวช ดังนั้นการกระทำทุกอย่างในช่วงที่เป็นส่างลองก็จะเสมือนว่าเป็นการปฏิบัติต่อกษัตริย์ หรือบางพื้นที่ก็เปรียบส่างลองเป็นดังเจ้าชายองค์น้อย

ด้วยเหตุนี้จึงต้องแต่งกายส่างลองกันให้สง่างามเต็มยศ โดยมีการแต่งกายส่างลองตามแบบกษัตริย์พม่าโบราณ นุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อมีชายเชิงงอนปักดิ้นไหม ประดับด้วยเพชรนิลจินดาทั้งสร้อย กำไล และแหวน ศีรษะโพกด้วยผ้าแพรและประดับด้วยดอกไม้ (หรือสวมมงกุฎ หรือ ชฎายอดแหลมที่มีในบางพื้นที่
จ้องหรือมวยผม ที่ร่วมรับบุญบนเครื่องโพกหัวส่างลอง
ขณะที่บนเครื่องประดับศีรษะส่างลองหลาย ๆ คน จะมี “จ้อง” ซึ่งเป็นมวยผมของผู้หญิง (ส่วนใหญ่เป็นญาติพี่น้อง) ที่ต้องการร่วมรับบุญไปกับส่างลอง จึงได้เก็บรักษาดูแลเส้นผมไว้เป็นอย่างดี เป็นเวลายาวนานหลายปี ก่อนจะตัดมัดเป็นจ้องนำไปไว้บนเครื่องโพกหัวของส่างลองเพื่อขอร่วมรับในกุศลผลบุญอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้

นอกจากนี้ยังต้องมีคนคอยกางร่ม หรือ “ทีคำ” หรือร่มทองคำกางกันแดดให้ ที่สำคัญคือจะต้องมี “ตะแปส่างลอง” หรือ “ตะแป” เป็นพี่เลี้ยงส่วนตัวคอยดูแลส่างลองอย่างใกล้ชิด พร้อมให้เด็กขี่คอไปตลอดไม่ยอมให้เท้าเด็กแตะพื้นดิน แม้กระทั่งตอนเข้าห้องน้ำ ตะแปก็ต้องให้เด็กขี่คอพาเข้าไป
ตะแปต้องให้ส่างลองขี่คอไปตลอด แม้กระทั่งยามไปเข้าห้องน้ำ
สำหรับผู้ที่จะมาทำหน้าที่เป็นตะแปนั้น ต้องเป็นผู้ที่สนิทสนมคุ้นเคยกับส่างลองเป็นอย่างดี และพ่อแม่ของเด็กก็ไว้เนื้อเชื่อใจอย่างมากถึงให้รับทำหน้าที่อันมีเกียรตินี้

เรื่องนี้สันนิษฐานว่าเป็นกุศโลบายเพื่อป้องกันไม่ให้ส่างลองซึ่งยังเป็นเด็กน้อยซุกซนจนได้รับอันตรายก่อนที่จะได้บวชเรียน รวมถึงข้าวของเครื่องประดับบนตัวส่างลองนั้นล้วนเต็มไปด้วยของมีค่ามากมาย จึงจำเป็นต้องมีตะแปเป็นพี่เลี้ยงช่วยดูแลป้องกันไม่ให้คนมาลักขโมย หรือคอยเป็นหูเป็นตาเวลาที่เด็กอาจเผลอพลั้งทำสิ่งของเครื่องประดับตกหล่นไป

บุญกุศลสูงล้น
ส่างลองต้องมีคนคอยกางร่ม หรือ “ทีคำ” ให้เสมอ
ปอยส่างลองเป็นประเพณีที่เกิดจากพลังศรัทธาในพระพุทธศาสนาของชาวไทใหญ่ ซึ่งเชื่อกันว่าการได้บวชส่างลองจะได้บุญกุศลสูงสุด มีอานิสงส์ยิ่งใหญ่กว่าการบวชพระเสียอีก เพราะเด็ก ๆ ที่บวชส่างลองนั้นยังมีจิตใจที่บริสุทธิ์อยู่ ชาวไทใหญ่จึงตั้งใจที่จะจัดงานบวชส่างลองกันอย่างเต็มที่เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด

ดังนั้นประเพณีปอยส่างลองจึงเป็นการรวบรวมอัตลักษณ์ วิถีวัฒนธรรม และงานศิลป์ต่าง ๆ ของชาวไทใหญ่เข้าไว้ด้วยกันอย่างมากมายภายในงานนี้ ไม่ว่าจะเป็น ความเชื่อ พิธีกรรม การแต่งกาย เครื่องประดับ ขบวนแห่ การแสดง อาหารการกิน เป็นต้น
ส่างลองตัวน้อยออกลีลาร่ายรำเต็มที่ในขบวนแห่โควหลู่ ชุมชนผาบ่อง
อย่างไรก็ดีแม้ว่าการบวชส่างลองจะเป็นพิธีที่เชื่อว่าจะได้อานิสงค์ผลบุญสูงล้น แต่ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากเป็นเงาตามตัว (ปัจจุบันตกอยู่ที่ราว 50,000 - 100,000 ต่อคน)

นั่นจึงทำให้ครอบครัวคนยากจนที่มีลูกชาย แม้อยากบวชก็ไม่สามารถทำได้ ส่วนครอบครัวฐานะดีที่มีแต่ลูกสาวก็ไม่สามารถบวชส่างลองได้

ดังนั้นเพื่อเป็นการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน จึงเกิดมี “พ่อข่าม” “แม่ข่าม” หรือผู้ที่รับเป็นเจ้าภาพอุปถัมภ์ในการบวชให้แก่เด็กชายที่ไม่มีทุนทรัพย์แต่ต้องการบวชส่างลอง เรียกง่ายๆ ว่า ฝ่ายหนึ่งได้บวช ฝ่ายหนึ่งได้บุญมีความสุขอิ่มใจกันทั้งสองฝ่าย

งานแห่งศรัทธา
แต่งหน้าส่างลองตั้งแต่เช้ามืดของวันรับสาง
ประเพณีปอยส่างลองนิยมจัดกันเป็นเวลา 3-7 วัน แล้วแต่เจ้าภาพจะกำหนด และแล้วแต่กำลังทรัพย์ของผู้เข้าร่วมบวช โดยปัจจุบันนิยมจัดกัน 3-4 วัน

อย่างไรก็ดีตามความเชื่อดั้งเดิมของการจัดงานปอยส่างลองนั้น จะต้องมีพิธีต่างๆ เพื่อเตรียมตัวก่อนบวชอยู่ 3 วันด้วยกัน ได้แก่

วันแรกเป็น “วันฮับส่างลอง” หรือ “วันรับส่างลอง” หรือ “วันรับส่าง” โดยตอนเย็นก่อนวันรับส่างลอง จะเป็นพิธีโกนผมส่าง ต่อจากนั้นในวันรุ่งขึ้น (วันรับส่าง) จะมีพิธีการอาบน้ำเงิน อาบน้ำทอง แต่งหน้าแต่งตัวกันตั้งแต่เช้ามืด (ตั้งแต่ตี 4-ตี5)
วงดนตรี นักร่ายรำ ออกนำหน้าพาขบวนส่างลองไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
จากนั้นส่างลองทั้งหมดจะขึ้นขี่คอตะแปแห่ไปยังวัดเพื่อนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์และกราบคารวะขอขมาลาโทษศาลเจ้าเมือง รวมถึงต้องไปนมัสการพระผู้ใหญ่ในเมือง

นอกจากนี้ส่างลองยังต้องไปเยี่ยมเยือนบ้านญาติเพื่อขอขมาลาโทษ ส่วนบ้านใดที่ส่างลองมาเยี่ยมก็จะถือว่าเป็นโชคเป็นบุญ จึงมีการเลี้ยงต้อนรับด้วยอาหารเครื่องดื่ม รวมทั้งมีการผูกข้อมือสู่ขวัญส่างลอง
ส่วนหนึ่งของขบวนโควหลู่ ชุมชนผาบ่อง
วันที่สอง คือ “วันข่ามแขก” หรือ“วันรับแขก” หรือ “วันแห่โควหลู่” (โคหลู่,คัวหลู่) ในวันนี้จะมีพิธีสำคัญคือพิธีการแห่ขบวนโควหลู่ หรือการแห่เครื่องไทยธรรมและอัฐบริขารต่างๆ โดยญาติพี่น้องและผู้ที่มีศรัทธาจะมาร่วมกันถือร่วมกันหามเครื่องไทยธรรมเดินนำหน้าขบวนส่างลอง

จากนั้นก็จะเป็นขบวนของส่างลอง เมื่อเข้าขบวนได้บรรดาตะแปต่างก็เดินโยกย้ายไปตามจังหวะดนตรีของกลอง ฆ้อง ฉาบ ที่บรรเลงอย่างสนุกสนาน ทำให้ส่างลองหลาย ๆ คน นึกสนุกจึงออกลีลาร่ายรำบนคอม้าส่างลองตามไปด้วย
พิธีผูกข้อมือเรียกขวัญรับส่างลองของชุมชนผาบ่อง
ขณะที่ส่างลองบางคนก็ดูหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความเกร็ง เมื่อม้าส่างลองโยกเขย่าตัวแรงเกินไป นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของงานที่มากไปด้วยสีสัน และความสนุกสนานเพลิดเพลิน

หลังจากขบวนแห่เสร็จ ในตอนเย็นจะมีการทำพิธีผูกข้อมือเรียกขวัญรับส่างลอง และพิธี “กินผัก 12 หมี่” ซึ่งเป็นการเลี้ยงอาหารส่างลองด้วยกับข้าว 12 อย่าง (ภาษาไทใหญ่ ผัก แปลว่า กับข้าว หมี่ แปลว่า อย่าง) โดยพ่อแม่จะต้องป้อนข้าวและกับทั้ง 12 อย่างให้ครบ เริ่มจากผู้เป็นแม่ก่อน จากนั้นจึงจะเป็นพ่อ เมื่อทั้งพ่อและแม่ป้อนเสร็จแล้ว จากนั้นจึงให้ส่างลองกินข้าวเองจนอิ่ม

จากนั้นในวันที่สาม วันสุดท้ายเป็น “วันข่ามส่าง” หรือ “วันหลู่” ซึ่งเป็นพิธีอันสำคัญก็คือการ “บรรพชาเป็นสามเณร
ส่างลองห่มจีวร พร้อมเป็นสามเณรน้อย
วันนี้บรรดาส่างลองจะเปล่งวาจาขอบรรพชากับพระอุปัชฌาย์ ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องนุ่งห่มจากชุดกษัตริย์มาเป็นจีวร สร้างความปลื้มปีติให้แก่พ่อแม่ และผู้ที่เข้ามาร่วมงานได้อิ่มบุญสุขใจกันอย่างถ้วนหน้า

ปอยส่างลอง ชุมชนผาบ่อง

ทุก ๆ ปี ด้วยศรัทธาอันแรงกล้าชาวไทใหญ่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน (และในพื้นที่อื่น ๆ) จึงมีการจัดงานประเพณีปอยส่างลองขึ้นในช่วงฤดูร้อน เดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่เด็ก ๆ ปิดเทอมภาคฤดูร้อน
ตั้งขบวนส่างลองที่วัดผาบ่องใต้ พร้อมออกเดินในการแห่โควหลู่
สำหรับปีนี้ตามปฏิทินของ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแม่ฮ่องสอน” มีกำหนดการจัดงานประเพณีปอยส่างลอง ทั้งหมด 14 งานใหญ่ ใน 5 อำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอน

หนึ่งในนั้นก็คืองานปอยส่างลอง ของ “ชุมชนผาบ่อง” ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ที่ปีนี้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 28-31 มี.ค. 62 ที่ผ่านมา ณ วัดผาบ่องเหนือ (เจ้าภาพ)

โดยงานวันแรก 28 มี.ค. เป็นวันโกนผมส่างลอง
ขบวนแห่ส่างลองไปทำพิธีที่ “สะพานข้าว ๙ เพื่อสุข”
วันที่ 29 มี.ค. เป็นวันรับส่างลอง ในช่วงเช้า มีพิธีรับขวัญส่างลอง (แต่งหน้า/แต่งตัว/เปลี่ยนชุด) พิธีขอขมาเจ้าเมือง ขอขมาสงฆ์ ขบวนแห่ส่างลองจากวัดผาบ่องเหนือไปวัดผาบ่องใต้

โดยปีนี้มีความพิเศษตรงที่มีการแห่ขบวนส่างลองไปทำพิธีที่ “สะพานข้าว ๙ เพื่อสุข” ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้แห่งใหม่ของชุมชนบ้านผาบ่อง

ต่อจากนั้นในช่วงเย็นของวันที่ 29 มี.ค. มีพิธีเปิดงานประเพณีปอยส่างลอง มีพิธีเรียกขวัญผูกข้อมือ และพิธีกินผัก 12 หมี่ (อาหาร 12 อย่าง)
ขบวนแห่โควหลู่แห่มาสิ้นสุดที่วัดผาบ่องเหนือ (เจ้าภาพ)
วันที่ 30 มี.ค. เป็นวันไฮไลท์มีขบวนแห่โควหลู่อันงดงามเป็นเอกลักษณ์มากไปด้วยความคึกคักสนุกสนานจากวัดผาบ่องใต้ไปวัดผาบ่องเหนือ เพื่อทำพิธีขอขมาเจ้าเมือง และให้ผู้เข้าร่วมงานรับประทานขนมหวาน (ที่สื่อถึงความเป็นมงคล) ร่วมกัน

โดยหลังจากที่บรรดาเหล่าส่างลองเข้าไปทำพิธีในโบสถ์แล้ว เมื่อกลับออกมา ม้าส่างลองหลาย ๆ คน ได้นำส่างลองขึ้นขี่คอ ร่ายรำเต้น โยกหมุน กันแบบจัดเต็ม เนื่องจากตอนที่อยู่ในขบวนแห่มีพื้นที่จำกัด ไม่สามารถออกลีลาวาดลวดลายกันได้อย่างเต็มที่
ตะแป ออกลีลาร่ายรำแบบจัดเต็มหลังเสร็จสิ้นพิธีขบวนแห่โควหลู่ที่วัดผาบ่องเหนือ
ช่วงนี้ผมเปรียบเป็นดังช่วงอังกอร์ส่งท้ายคอนเสิร์ต ซึ่งสนุกเร้าใจถึงขนาดมีใครหลาย ๆ คน ร่วมเต้นร่ายรำไปกับพี่ม้าส่างลองและน้อง ๆ ส่างลองด้วย

วันที่ 31 มี.ค. เป็นวันหลู่ หรือวันบวชพระเณร ซึ่งปีนี้ที่ชุมชนผาบ่องมีผู้บรรพชาเป็นสามเณร (ส่างลอง) 28 คน และผู้ที่อุปสมบทเป็นพระภิกษุ (จางลอง) 5 คนด้วยกัน
กระแส นิยมรัตน์ ประชาสัมพันธ์ชุมชนผาบ่อง
กระแส นิยมรัตน์ ประชาสัมพันธ์ชุมชนผาบ่อง เล่าให้ผมฟังว่า บ้านผาบ่องเป็นชุมชนชาวไทใหญ่ที่มีการอนุรักษ์ประเพณีปอยส่างลองสืบทอดกันมานับจากอดีตถึงปัจจุบัน โดยมีการจัดงานหมุนเวียนสลับกันไประหว่างวัดผาบ่องเหนือกับวัดผาบ่องใต้ ซึ่งชาวชุมชนที่นี้ล้วนต่างให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี
ขบวนแห่โควหลู่ ไฮไลท์สำคัญของประเพณีปอยส่างลอง
“งานปอยส่างลองเหมือนเป็นงานวันรวมญาติ ญาติพี่น้องคนรู้จัก เมื่อรู้ว่าบ้านไหนที่ตัวเองรู้จักก็พร้อมที่จะเดินทางไปร่วมงานด้วยความยินดี เพราะนี่ถือเป็นงานบุญที่จะได้รับอานิสงส์แรงกล้า”

พี่กระแสให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ชาวบ้านที่นี่เชื่อกันว่า การบวชพระ (จางลอง) บวชเณร (ส่างลอง) เป็นการบวชทดแทนพระคุณน้ำนมของมารดา โดยส่างลองเป็นการบวชทดแทนค่าน้ำนมด้านซ้าย จางลองเป็นการบวชทดแทนค่าน้ำนมด้านขวา

สำหรับจุดเด่นของงานปอยส่างลองบ้านผาบ่อง นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์ประเพณีดั้งเดิมของชาวไทใหญ่แล้ว ก็ยังเปิดโอกาสให้คนต่างถิ่นที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ เข้าร่วมบวชส่างลองด้วย นั่นจึงทำให้ชุดแต่งกายของส่างลองที่นี่มีการผสมผสานงานศิลปะของชนเผ่าตนเองขึ้นไป ตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผม ดูสวยงามทรงเสน่ห์ไปอีกแบบ
ส่างลองตัวน้อย ขอร่ายรำกับเขาบ้างในขบวนแห่โควหลู่
ขณะที่ตะแปนั้นก็มีกันหลายคน ทั้งคนดูแลและคนที่ให้เด็กขี่คอ ซึ่งชาวบ้านที่นี่เรียกกันว่า “ม้าส่างลอง” ที่ต้องมีอย่างน้อย 2 คน ขึ้นไป เพื่อสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันให้เด็กขี่คอ

นอกจากนี้ชาวชุมชนผาบ่องยังมีความเชื่อว่าส่างลองที่จะบวชเป็นเณรน้อยคือเจ้าชายองค์น้อยที่เป็นดังหน่อเนื้อพุทธางกูรของพระพุทธเจ้า (หน่อเนื้อเชื้อไขพระพุทธเจ้า) จึงดูแลและให้ความสำคัญเป็นพิเศษในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้พ่อแม่ญาติพี่น้องและผู้ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมรับบุญอานิสงส์อันใหญ่หลวงครั้งนี้
โฉมหน้าบรรดาเจ้าชายน้อย ส่างลองแห่งชุมชนผาบ่องปี 62
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของงานปอยส่างลอง หนึ่งในงานประเพณีประจำปีเลื่องชื่อของชาวไทใหญ่เมืองสามหมอก ซึ่งนอกจากจะมากไปด้วยสีสันงดงามเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังเป็นงานบุญที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งศรัทธาอันทรงคุณค่ายิ่ง

สำหรับปีนี้ (2562) แม้ในช่วงจัดการงานปอยส่างลองของเมืองสามหมอกจะเต็มไปด้วยหมอกควันไฟจากการเผาป่า (จากการกระทำของมนุษย์เห็นแก่ตัวหลาย ๆ คน)

แต่ควันไฟป่าที่แรงกล้าก็ไม่อาจหยุดยั้งมหาศรัทธาที่ชาวไทใหญ่มีต่องานประเพณีปอยส่างลองได้


....................................................................................................

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


กำลังโหลดความคิดเห็น