xs
xsm
sm
md
lg

10 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ สู่น้ำอภิเษกในหลวงรัชกาลที่ ๑๐

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Facebook :Travel @ Manager
สระน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดโพธิ์เก้าต้น หนึ่งในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ 108 แห่งทั่วไทย

พระราชพิธีมหามงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นในแผ่นดินไทยในระยะเวลาอันใกล้นี้ก็คือพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูล รัชกาลที่ ๑๐ ซึ่งทุกภาคส่วนก็พร้อมใจกันจัดเตรียมงานในทุกๆ ด้านให้ออกมาเรียบร้อยงดงามสมพระเกียรติมากที่สุด ซึ่งนอกจากจะเป็นงานพระราชพิธีที่สำคัญยิ่งต่อแผ่นดินไทยแล้ว ก็ยังเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ยลโบราณราชประเพณีที่ยิ่งใหญ่นี้ด้วยตาตนเองอีกด้วย


สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูล ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยมีกำหนดการพระราชพิธีเป็น 3 ช่วงด้วยกันคือ พระราชพิธีเบื้องต้น พระราชพิธีเบื้องกลาง และพระราชพิธีเบื้องปลาย

สำหรับในขณะนี้อยู่ในช่วงของพระราชพิธีเบื้องต้น ซึ่งมีพิธีสำคัญที่ทุกภาคส่วนกำลังจัดเตรียมกันอยู่ทั่วประเทศ นั่นก็คือ “การเตรียมทำน้ำอภิเษก” โดยจะทำพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วราชอาณาจักรจำนวน 108 แห่งตามโบราณราชประเพณีและทำพิธีพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 6 เมษายนนี้

นับเป็นครั้งแรกในแผ่นดินไทยที่มีการใช้น้ำจากทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัดเพื่อทำน้ำอภิเษกในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทั้งนี้ก็เพื่อแสดงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนจากทุกจังหวัดทั่วประเทศในพิธีมหามงคลของแผ่นดินในครั้งนี้นั่นเอง

สำหรับแหล่งน้ำศักดิ์จากทั่วราชอาณาจักรนั้น แต่ละแห่งก็ล้วนแล้วแต่มีความศักดิ์สิทธิ์ และมีความเป็นมาที่น่าสนใจ ซึ่งในวันนี้เราขอยกตัวอย่างมานำเสนอให้ชม 10 แห่ง 10 จังหวัดด้วยกัน
เชื่อว่าพระอาจารย์ธรรมโชติเสกน้ำมนต์ใส่ในสระแห่งนี้ จนทำให้มีความศักดิ์สิทธิ์มาจนปัจจุบัน
สิงห์บุรี

แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งสิงห์บุรี คือสระน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดโพธิ์เก้าต้น อ.บางระจัน ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีการนำน้ำไปใช้ในพระราชพิธีต่างๆ มาหลายครั้ง โดยเล่ากันว่าเมื่อ พ.ศ. 2308 พระอาจารย์ธรรมโชติผู้ซึ่งเป็นมิ่งขวัญและกำลังใจของเหล่านักรบแห่งค่ายบางระจัน ได้เสกน้ำมนต์ใส่ในสระแห่งนี้เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่ชาวบ้านบางระจัน ให้นำไปประพรมเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัวก่อนออกไปสู้รบกับข้าศึก น้ำในสระจึงมีความศักดิ์สิทธิ์มาจนถึงปัจจุบัน

น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ตักขึ้นมาจากสระแห่งนี้นำไปประกอบพิธีทำน้ำอภิเษกที่พระอุโบสถของวัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร อำเภอเมืองสิงห์บุรีในลำดับต่อไป
แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คิอน้ำภายในพระเศียรของหลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์

พระนครศรีอยุธยา


สำหรับแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นับว่าแปลกว่าจังหวัดอื่นๆ คือน้ำภายในพระเศียรของหลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ แห่งวัดตูม (อ.พระนครศรีอยุธยา) โดยหลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่วัดมาแต่ดั้งเดิม เป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ทรงเครื่องปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 87 เซนติเมตร สูง 150 ซนติเมตร

ดูภายนอกก็คล้ายพระพุทธรูปธรรมดา แต่แท้จริงแล้วหลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์มีความแปลกตรงที่พระเศียรตอนเหนือพระนลาฏสามารถเปิดออกได้ และสามารถถอดพระเกศมาลาออกได้ ภายในพระเศียรเป็นบ่อกว้างลึกลงไปเกือบถึงพระศอ มีนํ้าไหลซึมออกมาตลอดเวลา แม้จะตักน้ำออกหรือเช็ดจนแห้งแล้วก็จะกลับมีน้ำซึมออกมาอีกอย่างน่าอัศจรรย์

ทั้งนี้เชื่อกันว่า พระเศียรของหลวงพ่อทำขึ้นจากโลหะอาถรรพณ์หลายชนิดที่มีธาตุกายสิทธิ์คือ “เหล็กไหลเปียก” ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถดูดความชื้นในอากาศให้มารวมตัวกันจนกลายเป็นหยดน้ำได้ ชาวบ้านต่างเชื่อสืบต่อกันมาว่าน้ำในพระเศียรนี้เป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็ทรงนำน้ำในพระเศียรของหลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ไปรวมกับน้ำในบ่อพระพุทธมนต์ วัดพระพายหลวง บ่อพระร่วง เมืองเก่าสุโขทัยเพื่อใช้ในพิธีชุบพระแสงและเครื่องศัตราวุธในการออกรบด้วย

และในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ก็จะใช้น้ำในพระเศียรของหลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์และน้ำศักดิ์สิทธิ์ในบ่อข้างพระอุโบสถวัดตูมมาเป็นน้ำอภิเษกด้วย โดยจะนำไปประกอบพิธีเสกน้ำที่วิหารพระมงคลบพิตร อ.พระนครศรีอยุธยา
ตระพังทองเป็น 1 ใน 3 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของสุโขทัย
สุโขทัย

จังหวัดสุโขทัยมีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จำนวน 3 แห่ง คือ ตระพังทอง ในบริเวณวัดตระพังทอง ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย และอีก 2 แหล่งคือบ่อแก้ว และบ่อทอง ในบริเวณวัดเขาอินทร์ ตำบลท่าชัย อำเภอศรีสัชนาลัย

สำหรับ “ตระพังทอง” เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่ขุดขึ้นตามคติความเชื่อแบบพุทธศาสนาจากลังกา ในศิลาจารึกหลักที่ 1 หรือจารึกพ่อขุนรามคำแหงได้กล่าวถึงตระพังทองว่า ...กลางเมืองสุโขทัยนี้ มีน้ำตระพังโพยสีใสกินดี... ดั่งกินน้ำโขงเมื่อแล้ง อันแสดงถึงตระพังนี้เป็นแหล่งน้ำสำคัญในการอุปโภคบริโภคของคนสมัยสุโขทัยมาแต่โบราณ


บริเวณเกาะกลางสระน้ำเป็นที่ตั้งของโบราณสถานสำคัญของวัดตระพังทอง อันประกอบไปด้วยมณฑปจัตุรมุข อุโบสถ และเจดีย์ประธาน เรียกว่านทีสีมาหรืออุทกสีมา หรือการใช้น้ำเป็นที่กันขอบเขตสำหรับให้พระสงฆ์ทำสังฆกรรม ทั้งนี้จะนำน้ำจากตระพังทองไปประกอบพิธีเสกน้ำที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ.ศรีสัชนาลัย ต่อไป


บ่อน้ำทิพย์แห่งวัดสวนตาล
น่าน

แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดน่านคือที่ “บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดสวนตาล" อำเภอเมืองน่าน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณลานหน้าอุโบสถวัดสวนตาล หรือเรียกว่าบ่อน้ำทิพย์ โดยบ่อแห่งนี้ขุดขึ้นเพื่อนำน้ำมาใช้ในการสร้างพระเจ้าทองทิพย์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่งดงามในวิหารของวัดสวนตาล บ่อน้ำแห่งนี้อยู่ในตำแหน่งที่สายพระเนตรของพระเจ้าทองทิพย์ทอดถึง ราชสำนักเมืองน่านนำน้ำศักดิ์สิทธิ์จากบ่อนี้ไปใช้ในพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา และในพิธีสำคัญๆ ของแผ่นดินไทยอีกหลายครั้ง

สำหรับวัดสวนตาลเป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองน่านมาร่วม 600 ปี สร้างขึ้นในสมัยพระนางปทุมมาวดีชายาของพญาภูเข็ง เจ้าผู้ครองนครน่านเมื่อราวปี พ.ศ.1955 โดยสร้างขึ้น ณ บริเวณด้านนอกของกำแพงเมืองน่านด้านทิศเหนือ ซึ่งในอดีตเคยเป็นสวนตาลหลวงมาก่อน และเมื่อสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมาชื่อวัดจึงถูกเรียกตามชื่อของสวนตาลหลวงนั่นเอง โดยน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้จะนำไปประกอบพิธีเสกน้ำที่วัดพระธาตุแช่แห้ง ใน อ.ภูเพียง ต่อไป
อ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนภูมิพล บริเวณวัดพระพุทธบาทเขาหนาม แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จ.ตาก
ตาก


แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดตากคือที่ “อ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนภูมิพล” บริเวณวัดพระพุทธบาทเขาหนาม อ.สามเงา ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยพระนางเจ้าจามเทวี ทุกปีจะมีประชาชนจำนวนมากล่องเรือในเขื่อนภูมิพลไปนมัสการพระธาตุเพื่อเป็นสิริมงคลอยู่เสมอ


สำหรับเขื่อนภูมิพลเป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของไทย เดิมมีชื่อเรียกว่า “เขื่อนยันฮี” เมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม พ.ศ. 2500 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานพระปรมาภิไธย ให้เป็นชื่อเขื่อนว่า “เขื่อนภูมิพล” มีลักษณะเป็นเขื่อนคอนกรีตโค้งเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ได้จากเขื่อนภูมิพลนี้จะนำไปประกอบพิธีทำน้ำอภิเษกของจังหวัดตาก ณ พระอุโบสถวัดมณีบรรพตวรวิหาร อำเภอเมืองตาก

“บ่อน้ำพระอินทร์” บ่อน้ำโบราณของวัดพระธาตุพนม เป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของนครพนม
นครพนม

แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดนครพนมคือ “บ่อน้ำพระอินทร์” บ่อน้ำโบราณของวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เป็นบ่อเก่าแก่มีมาตั้งแต่สมัยก่อสร้างองค์พระธาตุพนม โดยในอดีตชาวบ้านต่างมาร่วมกันก่อสร้างองค์พระธาตุพนมเป็นจำนวนมาก ซึ่งระหว่างการก่อสร้างก็จำเป็นต้องใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค จึงได้ขุดบ่อขึ้นมาทั้ง 4 ทิศ คือทิศตะวันออก ทิศใต้ ทิศตะวันตก และทิศเหนือ

ปัจจุบันทางวัดได้ปิดบ่ออีก 3 บ่อไป เหลือเพียงบ่อทางทิศเหนือคือบ่อน้ำพระอินทร์แห่งนี้ โดยบ่อน้ำพระอินทร์ตั้งอยู่ทางทิศเหนือห่างจากองค์พระธาตุพนมประมาณ 60 เมตร มีขนาดกว้าง 1.5 เมตร ลึก 10 เมตร เป็นบ่อน้ำจืดใสสะอาด มีน้ำตลอดทั้งปี โดยจะนำน้ำไปประกอบพิธีเสกในพระอุโบสถวัดพระธาตุพนมต่อไป

ส่วนองค์พระธาตุพนมนั้นถือเป็นพระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองอีสาน เป็นที่เคารพศรัทธาของทั้งชาวไทยและชาวลาว ตามตำนานเล่าว่าผู้สร้างคือพระมหากัสสปะ พระอรหันต์ 500 องค์ และท้าวพระยาเมืองต่างๆ ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกหน้าอกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของสกลนคร ตั้งอยู่ที่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร
สกลนคร

แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดสกลนคร คือ “บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์” ซึ่งตั้งอยู่ที่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร อ.เมืองสกลนคร เดิมเป็นเพียงบ่อน้ำก่อด้วยศิลาแลง มีน้ำตามธรรมชาติผุดขึ้นมาตลอดทั้งปีไม่เคยแห้ง ปัจจุบันมีการบูรณะและสร้างเป็นรูปปั้นพญานาคพ่นน้ำบริเวณรอบบ่อเพื่อเป็นรูปแทนพระยาสุวรรณนาค พญานาคผู้ที่คอยปกป้องดูแลรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์ ที่พระธาตุเชิงชุม โดยน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้จะนำไปประกอบพิธีเสกน้ำภายในอุโบสถวัดพระธาตุเชิงชุม

สำหรับองค์พระธาตุเชิงชุม เป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนคร องค์พระธาตุที่เห็นในปัจจุบันเป็นพระธาตุองค์ใหม่ที่สร้างครอบองค์เดิมไว้ ภายในจึงมีลักษณะคล้ายถ้ำ ตำนานเล่าว่าที่นี่เป็นสถานที่ประทับรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าในภัทรกัปป์นี้ 4 พระองค์ อีกทั้งยังประดิษฐานหลวงพ่อพระองค์แสน พระพุทธรูปที่เคารพศรัทธาของชาวสกลนครอีกด้วย
บ่อพญานาคที่สร้างเชื่อมต่อกับบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งคำชะโนด
อุดรธานี

“บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์คำชะโนด” ในอำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี จะถูกใช้เป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในพระราชพิธีบรมราชภิเษกในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ โดยคำชะโนด หรือวังนาคินทร์คำชะโนด เป็นเกาะกลางอ่างเก็บน้ำกุดขาม บนเกาะเต็มไปด้วยต้นชะโนด ซึ่งเป็นพืชจำพวกปาล์ม มีความเชื่อสืบต่อกันมาว่าสถานที่แห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่สถิตของพญานาคปู่ศรีสุทโธ ย่าศรีประทุมมา

สำหรับบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์คำชะโนด ถือเป็นบ่อน้ำผุดมีน้ำซับตลอดปีไม่แคยเหือดแห้ง ชาวบ้านเรียกว่าปล่องพญานาค เป็นแหล่งน้ำสำคัญที่อยู่เกาะคำชะโนดและมีประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธามากราบไหว้อธิษฐานแล้วนำน้ำในบ่อมาดื่ม ล้างหน้า และใช้ลูบศรีษะเป็นสิริมงคลแก่ตนเองเป็นจำนวนมาก โดยน้ำศักดิ์สิทธิ์จากคำชะโนดจะนำไปประกอบพิธีเสกน้ำต่อไปที่พระอุโบสถวัดมัชฌิมาวาส อ.เมืองอุดรธานี
จ.สุราษฎร์ธานี ใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์จากบ่อที่วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร
สุราษฎร์ธานี

สำหรับที่ จ.สุราษฎร์ธานี ใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์จากบ่อที่วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร อ.ไชยา ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่และสำคัญของจังหวัดสุราษฎร์ธานี บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่วัดพระบรมธาตุไชยาฯ เป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่สมัยศรีวิชัย อายุประมาณ 1,200–1,300 ปี และก่อนหน้านี้ได้ใช้น้ำจากบ่อนี้ร่วมพิธีพระบรมราชาภิเษกในหลวงรัชกาลที่ ๙ เมื่อ พ.ศ.2493 และในครั้งนี้ น้ำศักดิ์สิทธิ์จะนำไปประกอบพิธีเสกน้ำที่พระวิหารหลวงวัดพระบรมธาตุไชยาต่อไป

สำหรับเจดีย์พระบรมธาตุไชยานั้นเป็นเจดีย์ในสมัยศรีวิชัยที่ยังคงสภาพดีที่สุด องค์พระธาตุมีความสูงจากฐานถึงยอด 24 เมตร มีรูปทรงเป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรมุขย่อ มุขด้านตะวันออกมีบันไดสำหรับให้คนขึ้นไปกราบนมัสการพระพุทธรูปที่อยู่ภายในเจดีย์
แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดระนองคือ “บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน” น้ำแร่ร้อนเมืองระนอง
ระนอง

ระนองได้ชื่อว่าเป็นเมืองน้ำแร่ ดังนั้นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดระนองก็คือ “บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน” ณ สวนสาธารณะรักษะวาริน อ.เมืองระนอง บ่อน้ำร้อนแห่งนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีอยู่ 3 บ่อ คือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูก ทั้ง 3 บ่อ มีอุณหภูมิสูงประมาณ 65 องศาเซลเซียส ได้รับการวิเคราะห์จากกรมวิทยาศาสตร์บริการว่าประกอบด้วยแร่ธาตุที่สำคัญ และเป็นแหล่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีสารกำมะถันเจือปน ทำให้ไม่มีกลิ่นของกำมะถันและมีความบริสุทธิ์ สามารถดื่มได้

สำหรับบ่อพ่อซึ่งจะถูกนำไปประกอบพิธีทำน้ำอภิเษกนี้เป็นบ่อที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เป็นบ่อวงกลมขนาด 2.80 เมตร รายล้อมด้วยสวนหย่อมและพุ่มไม้ น้ำร้อนมีลักษณะใสมีฟองก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ผุดขึ้นมาจากก้นบ่อ และไม่มีกลิ่นกำมะถัน และจะนำไปประกอบพิธีเสกน้ำที่พระอุโบสถวัดสุวรรณคีรีวิหาร อ.เมืองระนอง ต่อไป
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


กำลังโหลดความคิดเห็น