Facebook :Travel @ Manager

อยู่เมืองไทยช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิของอากาศช่างร้อนแสนร้อนจนร่างกายแทบจะละลาย “ตะลอนเที่ยว” เลยต้องขอหนีหลบลมร้อน ไปท้าลมหนาวสัมผัสอากาศเย็นๆ มีหิมะให้ได้เห็นแบบชื่นใจกันสักหน่อย เราจึงขอเหินฟ้าจากเมืองไทยมาที่นาโกย่า สนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ แล้วต่อเครื่องบินภายในประเทศ มาลงที่สนามบินเมมันเบ็ตสึ จากนั้นนั่งรถมุ่งหน้ามาเที่ยวที่เมือง “อะบาชิริ” (Abashiri) ตั้งอยู่ทางตะวันออกของฮอกไกโด เป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวในฤดูหนาวที่น่าสนใจ

โดยแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นจุดเด่นของเมืองอะบาชิริที่จูงใจให้เราอยากมาเยือนที่นี่เป็นอย่างยิ่ง ก็คือความมหัศจรรย์อันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว นั่นคือการมาเที่ยวเปิดประสบการณ์ท้าความหนาวกันที่ “Abashiri Drift Ice Sightseeing Aurora” เป็นที่เที่ยวไฮไลต์กับการมาล่องเรือตัดน้ำแข็งออโรร่าไปในทะเลโอคอตส์ก (Sea of Okhotsk) เพื่อชมธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็งที่ลอยล่องมาไกลจากรัสเซีย ซึ่งสามารถมาล่องเรือเที่ยวได้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคมถึงต้นเดือนเมษายน

เมื่อเรามาถึงยังท่าเรืออะบาชิริ เรือออโอร่าลำใหญ่ก็จอดรอต้อนรับอยู่ เรารีบลงเรือทันทีแล้วเดินสำรวจภายในเรือมีพื้นที่ 3 ชั้น ชั้นที่ 1 และชั้น 2 มีเก้าอี้ให้ได้นั่งชมวิวผ่านกระจกบานใหญ่ มีร้านขายของเล็กๆ มีห้องน้ำให้บริการ และชั้น 3 เป็นดาดฟ้ามีพื้นที่ให้ยืนชมวิวและมีเก้าอี้ให้นั่งด้วย


เราเลือกที่จะนั่งท้าลมหนาวสลับกับยืนชมวิวทะเลอยู่บนดาดฟ้าเรือ ยามเมื่อเรือค่อยๆ แล่นสู่ทะเลโอคอตส์ก จะได้เห็นหิน Boshi ที่มีรูปทรงคล้ายหมวก (Boshi ภาษาญี่ปุ่นแปลว่าหมวก) สมัยก่อนหินก้อนนี้เป็นสถานที่นำโกะเฮไปตั้งไว้ (โกะเฮ คือกระดาษสีขาวที่เป็นสัญลักษณ์ของเครื่องบูชาเทพเจ้าในลัทธิชินโต) ซึ่งหิน Boshi นี้เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองอะบาชิริและทะเลโอคอตส์ก


เรือออโรร่าแล่นออกทะเลไปช่างช้าๆ แต่ทว่าเรามาในช่วงเดือนมีนาคมเช่นนี้ ทำให้ธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็งไม่มีให้เห็นแล้ว ซึ่งช่วงเวลาที่จะได้เห็นแผ่นน้ำแข็งมากที่สุดคือช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ และยิ่งเกิดภาวะโลกร้อนทำให้แผ่นน้ำแข็งละลายเร็วขึ้นไปอีก เราจึงได้แต่เห็นภาพของผืนน้ำทะเลอันกว้างใหญ่เท่านั้น


ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เห็นธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็งอันน่ามหัศจรรย์นั้น แต่เราก็ได้นั่งชมวิวชิลๆ มองออกไปในทะเลเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา ก็ยังได้เห็นภาพของภูเขาหิมะขนาดใหญ่อันงดงาม และก็มีเจ้านกนางนวลที่แสนจะเชื่องบินมาเกาะบนเรือให้ได้ถ่ายรูปคู่อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

เราใช้เวลาล่องเรือออโรร่าประมาณ 1 ชั่วโมง ได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติจนอิ่มเอมใจเป็นยิ่งนัก และเรายังได้แวะเที่ยว “Abashiri-Banya” ที่อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ ที่นี่เป็นเหมือนตลาดขายสินค้าพื้นเมือง (Okhotsk Mark) ด้านในมีร้านอาหารให้ได้นั่งกินอาหารทะเลสดๆ พร้อมกับชมวิวเพลินๆ แล้วยังมีอาหารทะเลทั้งแบบสด แบบแช่แข็งและแบบแห้งให้ได้เลือกหา อีกทั้งยังมีของฝากของที่ระลึกของท้องถิ่นมากมาย ให้ได้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน

แล้วใกล้ๆ กันยังมี “Ryuhyo Glass Museum” เป็นพิพิธภัณฑ์เครื่องแก้ว มีผลิตภัณฑ์เครื่องแก้วสวยๆ ทำจากการเป่าแก้วด้วยงานแฮนด์เมด มีโรงงานเป่าแก้วให้ได้เห็นถึงกระบวนการทำเครื่องแก้วเหล่านี้ และมีสินค้าจำพวกเครื่องแก้วต่างๆ ที่ถูกทำขึ้นอย่างสวยงามให้ได้ชมและเลือกซื้อกัน หรือถ้าใครมีเวลาก็สามารถทำเวิร์คชอป ทำเครื่องแก้ว ทำเครื่องประดับต่างๆได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งยังมีร้านคาเฟ่เล็กๆ ให้ได้นั่งกินดื่มชิลๆ


หลังจากได้ล่องเรือและเลือกซื้อของฝากกันพอหอมปากหอมคอ เรามุ่งหน้ามาเที่ยวกันต่อที่ “Lake Abashiri Smelt Fishing” เพื่อมาสัมผัสกับกิจกรรมยอดนิยมที่ทำกันเฉพาะฤดูหนาว นั่นคือการมานั่งตกปลาบนน้ำแข็งที่ทะเลสาบอะบาชิริ ที่เมื่อยามหน้าหนาวมาเยือนน้ำในทะเลสาบจะแข็งจนกลายเป็นผืนน้ำแข็งอันกว้างใหญ่ สามารถลงไปเดินเล่นได้ และใต้ผืนน้ำแข็งจะมีปลาวาคาซากิ เป็นปลาน้ำจืดกินได้ ให้ได้ตกปลากันอย่างสนุกสนาน


เราได้สนุกกับกิจกรรมตกปลาบนน้ำแข็ง โดยมีเจ้าหน้าที่นำสว่านมาเจาะรูบนน้ำแข็งเกิดเป็นหลุมเล็กๆ แล้วก็มีอุปกรณ์ตกปลา คือเบ็ดตกปลา 1 คันเล็กๆ พร้อมกับเหยื่อเป็นหนอนแดงตัวเล็กๆ ซึ่งมีตะขอเกี่ยวเหยื่อไว้หลายอันในเบ็ด เราก็นั่งบนเก้าอี้(หรือใครจะยืนตกก็ได้ตามใจชอบ) หย่อนเบ็ดลงไปในหลุมที่เจาะรูไว้ นั่งตกปลาไปเรื่อยๆ ท่ามกลางบรรยากาศความหนาวเย็น และชื่นชมความสวยงามของทะเลสาบ หรือจะเลือกเข้าไปนั่งตกปลาข้างในเต็นท์ก็มีให้บริการ



การมานั่งตกปลาที่นี่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน เบ็ด 1 คัน จะมีเหยื่อหลายตัวติดอยู่ที่ตะขอ ทำให้อาจจะมีปลาติดขึ้นมาได้หลายตัว หากปลาติดเบ็ดก็ให้ค่อยๆ ใช้มือสาวเส้นเอ็นเบ็ดขึ้นมา ก็จะได้ปลาวาคาซากิตัวเป็นๆ ติดเบ็ดขึ้นมาให้ได้ดีใจกันยกใหญ่ แต่การตกปลาก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของแต่ละคนด้วย บางคนตกปลาได้เยอะ บางคนตกปลาได้น้อย (ซึ่งเราเป็นพวกทำบาปไม่ขึ้น เลยตกปลาไม่ได้สักตัว) สำหรับปลาที่ตกขึ้นมาได้ ก็จะนำไปทำเป็นเทมปุระปลาวาคาซากิให้ได้ลิ้มรสกัน ซึ่งมีความอร่อยลิ้นมากๆ

หลังจากได้สนุกสนานกับกิจกรรมตกปลาอย่างเพลิดเพลินจนหมดเวลาแล้ว เราได้เดินทางออกจากเมืองอะบาชิริมายังเมืองคิตามิ (Kitami) เพื่อมาเที่ยวที่ “Kita No Daichi Aquarium” (Yama no Aquarium) พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคิตะโนะไดจิ เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดเล็ก ด้านในมีตู้ปลาหลายตู้จัดแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืดหลากหลายสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในฮอกไกโดให้ได้ชม มีไฮไลต์คือตู้ปลาอิโต เป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่อาศัยอยู่ทั้งในแม่น้ำและทะเลสาบที่ฮอกไกโด แหวกว่ายอวดโฉมความใหญ่โตของขนาดตัวไปมาอย่างเชื่องช้า ปลาอิโตสามารถมีขนาดใหญ่ที่สุดหนักได้ถึง 20 กิโลกรัม และยังมีตู้โชว์ปลาน้ำจืดจากต่างประเทศอย่างปลาอะเมซอนตัวใหญ่ยักษ์ให้ได้ชมด้วย

เมื่อการเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดของเวลา “ตะลอนเที่ยว” ก็ต้องทำการโบกมือลาทริปแห่งการเดินทางหนีร้อนมาสัมผัสความหนาวในครั้งนี้ ด้วยการเก็บเอาภาพความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และความสนุกสนานทั้งหมดไว้ในห้วงแห่งความทรงจำอันแสนประทับใจไว้ตราบนานเท่านาน
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
อยู่เมืองไทยช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิของอากาศช่างร้อนแสนร้อนจนร่างกายแทบจะละลาย “ตะลอนเที่ยว” เลยต้องขอหนีหลบลมร้อน ไปท้าลมหนาวสัมผัสอากาศเย็นๆ มีหิมะให้ได้เห็นแบบชื่นใจกันสักหน่อย เราจึงขอเหินฟ้าจากเมืองไทยมาที่นาโกย่า สนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ แล้วต่อเครื่องบินภายในประเทศ มาลงที่สนามบินเมมันเบ็ตสึ จากนั้นนั่งรถมุ่งหน้ามาเที่ยวที่เมือง “อะบาชิริ” (Abashiri) ตั้งอยู่ทางตะวันออกของฮอกไกโด เป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวในฤดูหนาวที่น่าสนใจ
โดยแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นจุดเด่นของเมืองอะบาชิริที่จูงใจให้เราอยากมาเยือนที่นี่เป็นอย่างยิ่ง ก็คือความมหัศจรรย์อันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว นั่นคือการมาเที่ยวเปิดประสบการณ์ท้าความหนาวกันที่ “Abashiri Drift Ice Sightseeing Aurora” เป็นที่เที่ยวไฮไลต์กับการมาล่องเรือตัดน้ำแข็งออโรร่าไปในทะเลโอคอตส์ก (Sea of Okhotsk) เพื่อชมธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็งที่ลอยล่องมาไกลจากรัสเซีย ซึ่งสามารถมาล่องเรือเที่ยวได้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคมถึงต้นเดือนเมษายน
เมื่อเรามาถึงยังท่าเรืออะบาชิริ เรือออโอร่าลำใหญ่ก็จอดรอต้อนรับอยู่ เรารีบลงเรือทันทีแล้วเดินสำรวจภายในเรือมีพื้นที่ 3 ชั้น ชั้นที่ 1 และชั้น 2 มีเก้าอี้ให้ได้นั่งชมวิวผ่านกระจกบานใหญ่ มีร้านขายของเล็กๆ มีห้องน้ำให้บริการ และชั้น 3 เป็นดาดฟ้ามีพื้นที่ให้ยืนชมวิวและมีเก้าอี้ให้นั่งด้วย
เราเลือกที่จะนั่งท้าลมหนาวสลับกับยืนชมวิวทะเลอยู่บนดาดฟ้าเรือ ยามเมื่อเรือค่อยๆ แล่นสู่ทะเลโอคอตส์ก จะได้เห็นหิน Boshi ที่มีรูปทรงคล้ายหมวก (Boshi ภาษาญี่ปุ่นแปลว่าหมวก) สมัยก่อนหินก้อนนี้เป็นสถานที่นำโกะเฮไปตั้งไว้ (โกะเฮ คือกระดาษสีขาวที่เป็นสัญลักษณ์ของเครื่องบูชาเทพเจ้าในลัทธิชินโต) ซึ่งหิน Boshi นี้เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองอะบาชิริและทะเลโอคอตส์ก
เรือออโรร่าแล่นออกทะเลไปช่างช้าๆ แต่ทว่าเรามาในช่วงเดือนมีนาคมเช่นนี้ ทำให้ธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็งไม่มีให้เห็นแล้ว ซึ่งช่วงเวลาที่จะได้เห็นแผ่นน้ำแข็งมากที่สุดคือช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ และยิ่งเกิดภาวะโลกร้อนทำให้แผ่นน้ำแข็งละลายเร็วขึ้นไปอีก เราจึงได้แต่เห็นภาพของผืนน้ำทะเลอันกว้างใหญ่เท่านั้น
ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เห็นธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็งอันน่ามหัศจรรย์นั้น แต่เราก็ได้นั่งชมวิวชิลๆ มองออกไปในทะเลเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา ก็ยังได้เห็นภาพของภูเขาหิมะขนาดใหญ่อันงดงาม และก็มีเจ้านกนางนวลที่แสนจะเชื่องบินมาเกาะบนเรือให้ได้ถ่ายรูปคู่อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
เราใช้เวลาล่องเรือออโรร่าประมาณ 1 ชั่วโมง ได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติจนอิ่มเอมใจเป็นยิ่งนัก และเรายังได้แวะเที่ยว “Abashiri-Banya” ที่อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ ที่นี่เป็นเหมือนตลาดขายสินค้าพื้นเมือง (Okhotsk Mark) ด้านในมีร้านอาหารให้ได้นั่งกินอาหารทะเลสดๆ พร้อมกับชมวิวเพลินๆ แล้วยังมีอาหารทะเลทั้งแบบสด แบบแช่แข็งและแบบแห้งให้ได้เลือกหา อีกทั้งยังมีของฝากของที่ระลึกของท้องถิ่นมากมาย ให้ได้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน
แล้วใกล้ๆ กันยังมี “Ryuhyo Glass Museum” เป็นพิพิธภัณฑ์เครื่องแก้ว มีผลิตภัณฑ์เครื่องแก้วสวยๆ ทำจากการเป่าแก้วด้วยงานแฮนด์เมด มีโรงงานเป่าแก้วให้ได้เห็นถึงกระบวนการทำเครื่องแก้วเหล่านี้ และมีสินค้าจำพวกเครื่องแก้วต่างๆ ที่ถูกทำขึ้นอย่างสวยงามให้ได้ชมและเลือกซื้อกัน หรือถ้าใครมีเวลาก็สามารถทำเวิร์คชอป ทำเครื่องแก้ว ทำเครื่องประดับต่างๆได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งยังมีร้านคาเฟ่เล็กๆ ให้ได้นั่งกินดื่มชิลๆ
หลังจากได้ล่องเรือและเลือกซื้อของฝากกันพอหอมปากหอมคอ เรามุ่งหน้ามาเที่ยวกันต่อที่ “Lake Abashiri Smelt Fishing” เพื่อมาสัมผัสกับกิจกรรมยอดนิยมที่ทำกันเฉพาะฤดูหนาว นั่นคือการมานั่งตกปลาบนน้ำแข็งที่ทะเลสาบอะบาชิริ ที่เมื่อยามหน้าหนาวมาเยือนน้ำในทะเลสาบจะแข็งจนกลายเป็นผืนน้ำแข็งอันกว้างใหญ่ สามารถลงไปเดินเล่นได้ และใต้ผืนน้ำแข็งจะมีปลาวาคาซากิ เป็นปลาน้ำจืดกินได้ ให้ได้ตกปลากันอย่างสนุกสนาน
เราได้สนุกกับกิจกรรมตกปลาบนน้ำแข็ง โดยมีเจ้าหน้าที่นำสว่านมาเจาะรูบนน้ำแข็งเกิดเป็นหลุมเล็กๆ แล้วก็มีอุปกรณ์ตกปลา คือเบ็ดตกปลา 1 คันเล็กๆ พร้อมกับเหยื่อเป็นหนอนแดงตัวเล็กๆ ซึ่งมีตะขอเกี่ยวเหยื่อไว้หลายอันในเบ็ด เราก็นั่งบนเก้าอี้(หรือใครจะยืนตกก็ได้ตามใจชอบ) หย่อนเบ็ดลงไปในหลุมที่เจาะรูไว้ นั่งตกปลาไปเรื่อยๆ ท่ามกลางบรรยากาศความหนาวเย็น และชื่นชมความสวยงามของทะเลสาบ หรือจะเลือกเข้าไปนั่งตกปลาข้างในเต็นท์ก็มีให้บริการ
การมานั่งตกปลาที่นี่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน เบ็ด 1 คัน จะมีเหยื่อหลายตัวติดอยู่ที่ตะขอ ทำให้อาจจะมีปลาติดขึ้นมาได้หลายตัว หากปลาติดเบ็ดก็ให้ค่อยๆ ใช้มือสาวเส้นเอ็นเบ็ดขึ้นมา ก็จะได้ปลาวาคาซากิตัวเป็นๆ ติดเบ็ดขึ้นมาให้ได้ดีใจกันยกใหญ่ แต่การตกปลาก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของแต่ละคนด้วย บางคนตกปลาได้เยอะ บางคนตกปลาได้น้อย (ซึ่งเราเป็นพวกทำบาปไม่ขึ้น เลยตกปลาไม่ได้สักตัว) สำหรับปลาที่ตกขึ้นมาได้ ก็จะนำไปทำเป็นเทมปุระปลาวาคาซากิให้ได้ลิ้มรสกัน ซึ่งมีความอร่อยลิ้นมากๆ
หลังจากได้สนุกสนานกับกิจกรรมตกปลาอย่างเพลิดเพลินจนหมดเวลาแล้ว เราได้เดินทางออกจากเมืองอะบาชิริมายังเมืองคิตามิ (Kitami) เพื่อมาเที่ยวที่ “Kita No Daichi Aquarium” (Yama no Aquarium) พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคิตะโนะไดจิ เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดเล็ก ด้านในมีตู้ปลาหลายตู้จัดแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืดหลากหลายสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในฮอกไกโดให้ได้ชม มีไฮไลต์คือตู้ปลาอิโต เป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่อาศัยอยู่ทั้งในแม่น้ำและทะเลสาบที่ฮอกไกโด แหวกว่ายอวดโฉมความใหญ่โตของขนาดตัวไปมาอย่างเชื่องช้า ปลาอิโตสามารถมีขนาดใหญ่ที่สุดหนักได้ถึง 20 กิโลกรัม และยังมีตู้โชว์ปลาน้ำจืดจากต่างประเทศอย่างปลาอะเมซอนตัวใหญ่ยักษ์ให้ได้ชมด้วย
เมื่อการเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดของเวลา “ตะลอนเที่ยว” ก็ต้องทำการโบกมือลาทริปแห่งการเดินทางหนีร้อนมาสัมผัสความหนาวในครั้งนี้ ด้วยการเก็บเอาภาพความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และความสนุกสนานทั้งหมดไว้ในห้วงแห่งความทรงจำอันแสนประทับใจไว้ตราบนานเท่านาน
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


