โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน

“เรือกอนโดล่า 2 ชั้นหนึ่งเดียวในญี่ปุ่นที่มุ่งไปสู่ท้องฟ้าที่ระดับความสูง 2,156 เมตร”
นี่เป็นข้อความที่ปรากฏเด่นหราบนปกโบรชัวร์นำเที่ยวเจแปนแอลป์ด้วย “กอนโดล่า” 2 ชั้น หนึ่งเดียวในญี่ปุ่น ที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของภูมิภาคชูบุ แห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย
เจ้ากอนโดล่าลำนี้ ไม่ได้มีรูปลักษณะเหมือนเรือกอนโดล่าแบบที่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี หากแต่เป็น “กระเช้าลอยฟ้า ชินโฮตากะ” (Shin-Hotaka Ropeway) กระเช้ากอนโดล่าที่จะพาเราเหินฟ้าขึ้นไปพิชิตเทือกเขา“เจแปนแอลป์” สัมผัสหลังคาญี่ปุ่น พร้อมชมความงามยอดเขาที่มีความสูงเป็นอันดับ 3 ของดินแดนอาทิตย์อุทัย ที่นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่ชวนประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
เจแปนแอลป์

เจแปนแอลป์ (Japan Alps) เป็นหนึ่งในเทือกเขาสำคัญของประเทศญี่ปุ่น เป็นเทือกเขาที่ทอดยาวกว้างใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ในหลายจังหวัดของภูมิภาคชูบุ (Chubu) ดินแดนทางภาคกลางของประเทศญี่ปุ่น อาทิ จังหวัดโทยามะ นากาโนะ และกิฟุ เป็นต้น
เทือกเขาเจแปนแอลป์มีลักษณะภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้ชื่อว่าเป็น“หลังคาญี่ปุ่น” ที่มีทัศนียภาพสวยงามกว้างไกล ตามแนวของเทือกเขาลูกนี้มีทางแยกไปยังเมืองสำคัญๆ ของแต่ละจังหวัดที่เทือกเขาเจแปนแอลป์พาดผ่าน ทำให้สามารถมองเห็นหลังคาญี่ปุ่นทอดตัวตระหง่านเด่นชัดได้จากในหลายๆ จุดของภูมิภาคชูบุ

เทือกเขาเจแปนแอลป์ มียอดสูงสุดคือ ยอดเขา “โอคุโฮะทากะดาเกะ” (Okuhotakadake) ที่มีความสูง 3,190 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกิฟุ (Gifu) และเป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น
โดยภูเขาสูงอันดับ 1 ในญี่ปุ่น คือ ภูเขาไฟฟูจิ (Fuji) หรือฟูจิซัง มียอดสูงสุด 3,776 เมตร อันดับ 2 คือ ภูเขาคิตะดาเกะ (Kitadake) จ.ยามะนาชิ มียอดสูงสุด 3,193 เมตร ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ ยอดเขาโอคุโฮะทาเกดาเกะ แห่งเทือกเขาเจแปนแอลป์ (ตอนเหนือ) และยอดเขาไอโนะดาเกะ (Ainodake) แห่งเทือกเขาเจแปนแอลป์(ตอนใต้) ใน จ.ยามะนาชิ และ จ.ชิซึโอกะ ที่มีความสูง 3,190 เมตร เท่าเทียมกัน

เทือกเขาเจแปนแอลป์ (ตอนเหนือ) แห่งภูมิภาคชูบุ มีไฮไลต์ทางการท่องเที่ยว คือ เส้นทางเจแปนแอลป์ ทาเตยามะ-คุโรเบะ จ.โทยามะ (Tateyama Kurobe Alpine Route) ที่มีหลากหลายสิ่งชวนอะเมซิ่งให้ทัศนา อาทิ ความงามของพืชพรรณแบบอัลไพน์ (Alpine plants) แห่งพื้นที่ชุ่มน้ำทุ่งมิดางะฮาระ, กระเช้าไฟฟ้าทาเตยามะ ที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น โดยไม่มีเสาคั่นในระหว่างทางเลยแม้สักต้นเดียว และ กำแพงหิมะยุคิโนะโอทานิ (ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน เม.ย-กลางเดือน มิ.ย.) กับทัศนียภาพของกองหิมะที่ทับถมจนกลายเป็นกำแพงหิมะสูงร่วม 10 เมตร อันน่าตื่นตาตื่นใจ

นอกจากนี้ เทือกเขาเจแปนแอลป์ ยังมีกิจกรรมขึ้นกระเช้าลอยฟ้า ชินโฮตากะ เพื่อขึ้นไปชมวิวอันสวยงามอลังการ เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของหลังคาญี่ปุ่นแห่งนี้
กระเช้าลอยฟ้า ชินโฮตากะ
สำหรับกิจกรรมนั่งกระเช้าลอยฟ้า ชินโฮตากะ พิชิตเจแปนแอลป์ในทริปนี้ ผมกับเพื่อนๆ บินลัดฟ้าจากเมืองไทยสู่แดนอาทิตย์อุทัย ด้วยการมาลงที่ “สนามบินนานาชาติชูบุ เซ็นแทรร์” เมืองนาโกยา ซึ่งเป็นดังประตูสู่ภูมิภาคชูบุ

จากนั้นใช้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะ ทั้งรถไฟ รถบัส ออกเดินทางต่อไปตามแหล่งท่องเที่ยวในเมืองต่างๆ โดยมีตัวช่วยสำคัญคือ “บัตรพาสรถบัสด่วน โชริวโด” ซึ่งเป็นแพกเกจบัตรโดยสารรถบัสด่วนและรถบัสปกติสำหรับนักท่องเที่ยวแบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง ซึ่งมันช่วยประหยัดราคา (จากราคาปกติ) ลงไปได้มากโข ร่วม 50% เลยทีเดียว

บัตรพาสรถบัสด่วน โชริวโด มีทั้งแบบโปรแกรม 3 วัน และ 5 วัน โดยจะพาเราไปสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ ในเส้นทางตามรอยมังกรผงาดฟ้าของภูมิภาคชูบุ ไม่ว่าจะเป็น หมู่บ้านชิราคาวาโกะ มรดกโลกเลื่องชื่อที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาอันสวยงาม, เมืองคานาซาวา ที่มากไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยว มีทั้งความทันสมัยและความเก่าแก่คลาสสิกผสมผสานกันอย่างกลมกลืน, เมืองทาคายาม่า ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายอดีตย้อนยุคจนได้รับฉายาว่าเป็น“ลิตเติ้ลเกียวโต”, เกโระ ออนเซ็น เมืองแห่งออนเซ็นชื่อดังติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น, และการนั่งกระเช้าลอยฟ้า ชินโฮตากะ พิชิตเจแปนแอลป์ ที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญในเส้นทางของบัตรพาสโชริวโดสายนี้

โดยผมนั่งรถไฟ ควบคู่ไปกับการใช้บัตรพาสฯ จากนาโกยา เดินทางสู่ “โรงแรมโฮตากะ” (Hotel Hotaka) เมืองทางคายามะ จ.กิฟุ โรงแรมบรรยากาศดีมีบริการออนเซ็น วิวทิวทัศน์รอบข้างสวยงาม จากโรงแรมสามารถมองเห็นเทือกเขาเจแปนแอลป์ได้อย่างชัดเจนสวยงาม
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของโรงแรมโฮตากะ คือ ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสถานีทางขึ้นกระเช้าลอยฟ้าชินโฮตากะ ชนิดที่เดินออกจากโรงแรมไม่กี่สิบก้าวก็ถึงจุดซื้อตั๋วขึ้นกระเช้า อีกทั้งยังมีรถบัสที่สามารถใช้บัตรพาสโชริวโดได้วิ่งรับ-ส่ง นักท่องเที่ยวที่สถานีชินโฮตากะแห่งนี้เลย นับว่าสะดวกสบายไม่น้อย

หลังนอนพักผ่อนที่โรงแรมโฮตากะ 1 คืน เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราเดินจากโรงแรมมารอซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าลอยฟ้าชินโฮตากะ ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติชูบุซังคะคุ เมืองทาคายามะ จ.กิฟุ
สำหรับการขึ้นกระเช้าลอยฟ้า ชินโฮตากะ ไต่สู่จุดหมายเพื่อไปพิชิตเจแปนแอลป์ มีอยู่ 2 ช่วงด้วยกัน ช่วงแรกคือ “สถานีชินโฮตากะออนเซน” ตั้งอยู่บนระดับความสูง 1,117 เมตร เป็นกระเช้าชั้นเดียวหน้าต่างบานใส สามารถชมวิวได้รอบทิศ ใช้เวลา 4 นาที เหินฟ้าสู่ “สถานีนะเบะไดระโคเกง”

ในระหว่างที่รอขึ้นกระเช้าไปยังช่วงต่อไป (ช่วง 2) นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวชินโฮตากะ “ซังคะคุคัง” ได้ ซึ่งที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแห่งนี้ มีการจัดแสดงนิทรรศการข้อมูลของธรรมชาติ ขุนเขา สัตว์ พืชพรรณ ในพื้นที่อุทยานฯชูบุซังคะคุ และเทือกเขาเจแปนแอลป์
ต่อจากนั้นเป็นเส้นทางขึ้นกระเช้าในช่วงที่ 2 คือ จากสถานี“ชิราคาบาไทระ” ที่ตั้งอยู่บนความสูง 1,308 เมตร กับไฮไลท์คือการขึ้นกระเช้ากอนโดล่า 2 ชั้น หนึ่งเดียวในญี่ปุ่น ใช้เวลา 7 นาที ลอยละล่องเหินฟ้ามุ่งสู่จุดหมายที่สถานี “ชิโฮตากะคุจิ”

ในระหว่างรอขึ้นกระเช้าช่วง 2 ที่สถานีชิราคาบาไทระนั้นมีสิ่งน่าสนใจให้แวะพักเที่ยวกัน อย่างเช่น แกลลอรี ร้านเบเกอรี และร้านอาหาร (ที่มีเนื้อฮิดะ เนื้อชื่อดังของญี่ปุ่นให้บริการด้วย) นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนกลางแจ้งคือ สวนยามาโนะ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ และบ่อน้ำพุร้อนออนเซ็นแบบแช่เท้า ให้แช่เท้าผ่อนคลายกันฟรี

ขณะที่บริเวณสถานีชิโฮตากะคุจิที่เป็นจุดหมาย จุดไฮไลท์นั้น นอกจากจะมีชั้นดาดฟ้าหรือลานระเบียงชมวิวให้ไปดินเลือกชมวิวแจ่มๆ กันตามใจชอบแล้ว ในพื้นที่ด้านล่างถัดลงมาหน่อยก็ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เดินชมความงามของผืนป่าแหล่งเทือกเขาเจแปนแอลป์กันได้ในวงรอบสั้นๆ ใช้เวลาเดินไม่นาน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมน่าทำในระหว่างรอขึ้นกระเช้ากลับลงสู่เบื้องล่างไม่น้อยเลย
พิชิตหลังคาญี่ปุ่น

สำหรับเส้นทางการขึ้นกระเช้าลอยฟ้าชินโฮตากะใน 2 ช่วงนั้น ระหว่างทางเราจะได้ชมทัศนียภาพอันสวยงามกว้างไกลของที่ราบสูงนะเบะไดระ และเทือกเขาเจแปนแอลป์ที่ภาพความงามจะผันเปลี่ยนไปตามฤดูกาล
นักเดินทางส่วนใหญ่จะชมชอบภาพทิวทัศน์ของเทือกเขาเจแปนแอลป์ในช่วงหน้าหนาวเป็นพิเศษ เพราะมันถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ดูสวยงานโรแมนติกยิ่งนัก (ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาว ซึ่งได้ผ่านพ้นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีไปแล้ว จึงเหลือเพียงกิ่งก้านจากต้นไม้ที่สลัดใบ ภาพบรรยากาศมันจึงดูโล่งแล้งและเหงาหน่อยๆ)

ส่วนเมื่อขึ้นมาถึงยังบริเวณจุดหมาย คือ สถานีชิโฮตากะคุจิ บนนี้จะมีชั้นดาดฟ้า หรือลานระเบียงชมวิว ซึ่งตั้งอยู่บนระดับความสูง 2,156 เมตร ให้เราออกไปเดินเลือกมุมชมเทือกเขาเจแปนแอลป์กันได้ตามใจชอบ
บนระเบียงชมวิวแห่งนี้สามารถชมวิวได้เกือบรอบทิศทาง เมื่อมองออกไปจะเห็นถึงความสวยงามอลังการของเทือกเขาเจแปนแอลป์ได้เป็นอย่างดี

ส่วนใครอยากรู้ว่ายอดเขาลูกไหนชื่ออะไร ทางญี่ปุ่นเขาได้ทำภาพพร้อมข้อมูลแสดงจุดสูงสุดของยอดเขาสำคัญต่างๆ ไว้ให้เราได้ชมกัน ไม่ว่าจะเป็น อย่างเช่น ยอดมินามิดาเกะ (3,033 ม.) ยอดมาเอะโฮตาเคดาเกะ (3,090 ม.) ยอดยะริกะตาเกะ (3,180 ม.) และไฮไลต์คือยอดเขาโอคุโฮะทาเกดาเกะ ที่มีความสูง 3,190 เมตร จากระดับน้ำทะเล ถือเป็นยอดเขาสูงสุดอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น

นอกจากนี้ บนนี้ยังมีไอศกรีม (ไอติม) อร่อยๆ ขาย ให้เติมความหนาวหนักขึ้นไปอีก มีบริการถ่ายรูปด่วน มีกล้องส่องทางไกลให้ส่อง และมีการทำพร็อพเล็กๆ เอาไว้ให้ถ่ายรูปคู่กันแบบไม่รกหูรกตา
อย่างไรก็ดี สำหรับผมแล้วที่ระเบียงแห่งนี้ วิวทิวทัศน์ในเบื้องหน้าที่มองออกไปนั้นสวยทุกมุม สวยสมดังคำว่า “หลังคาญี่ปุ่น” ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งการเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่น่าประทับใจไม่น้อย

....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
“เรือกอนโดล่า 2 ชั้นหนึ่งเดียวในญี่ปุ่นที่มุ่งไปสู่ท้องฟ้าที่ระดับความสูง 2,156 เมตร”
นี่เป็นข้อความที่ปรากฏเด่นหราบนปกโบรชัวร์นำเที่ยวเจแปนแอลป์ด้วย “กอนโดล่า” 2 ชั้น หนึ่งเดียวในญี่ปุ่น ที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของภูมิภาคชูบุ แห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย
เจ้ากอนโดล่าลำนี้ ไม่ได้มีรูปลักษณะเหมือนเรือกอนโดล่าแบบที่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี หากแต่เป็น “กระเช้าลอยฟ้า ชินโฮตากะ” (Shin-Hotaka Ropeway) กระเช้ากอนโดล่าที่จะพาเราเหินฟ้าขึ้นไปพิชิตเทือกเขา“เจแปนแอลป์” สัมผัสหลังคาญี่ปุ่น พร้อมชมความงามยอดเขาที่มีความสูงเป็นอันดับ 3 ของดินแดนอาทิตย์อุทัย ที่นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่ชวนประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
เจแปนแอลป์
เจแปนแอลป์ (Japan Alps) เป็นหนึ่งในเทือกเขาสำคัญของประเทศญี่ปุ่น เป็นเทือกเขาที่ทอดยาวกว้างใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ในหลายจังหวัดของภูมิภาคชูบุ (Chubu) ดินแดนทางภาคกลางของประเทศญี่ปุ่น อาทิ จังหวัดโทยามะ นากาโนะ และกิฟุ เป็นต้น
เทือกเขาเจแปนแอลป์มีลักษณะภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้ชื่อว่าเป็น“หลังคาญี่ปุ่น” ที่มีทัศนียภาพสวยงามกว้างไกล ตามแนวของเทือกเขาลูกนี้มีทางแยกไปยังเมืองสำคัญๆ ของแต่ละจังหวัดที่เทือกเขาเจแปนแอลป์พาดผ่าน ทำให้สามารถมองเห็นหลังคาญี่ปุ่นทอดตัวตระหง่านเด่นชัดได้จากในหลายๆ จุดของภูมิภาคชูบุ
เทือกเขาเจแปนแอลป์ มียอดสูงสุดคือ ยอดเขา “โอคุโฮะทากะดาเกะ” (Okuhotakadake) ที่มีความสูง 3,190 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกิฟุ (Gifu) และเป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น
โดยภูเขาสูงอันดับ 1 ในญี่ปุ่น คือ ภูเขาไฟฟูจิ (Fuji) หรือฟูจิซัง มียอดสูงสุด 3,776 เมตร อันดับ 2 คือ ภูเขาคิตะดาเกะ (Kitadake) จ.ยามะนาชิ มียอดสูงสุด 3,193 เมตร ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ ยอดเขาโอคุโฮะทาเกดาเกะ แห่งเทือกเขาเจแปนแอลป์ (ตอนเหนือ) และยอดเขาไอโนะดาเกะ (Ainodake) แห่งเทือกเขาเจแปนแอลป์(ตอนใต้) ใน จ.ยามะนาชิ และ จ.ชิซึโอกะ ที่มีความสูง 3,190 เมตร เท่าเทียมกัน
เทือกเขาเจแปนแอลป์ (ตอนเหนือ) แห่งภูมิภาคชูบุ มีไฮไลต์ทางการท่องเที่ยว คือ เส้นทางเจแปนแอลป์ ทาเตยามะ-คุโรเบะ จ.โทยามะ (Tateyama Kurobe Alpine Route) ที่มีหลากหลายสิ่งชวนอะเมซิ่งให้ทัศนา อาทิ ความงามของพืชพรรณแบบอัลไพน์ (Alpine plants) แห่งพื้นที่ชุ่มน้ำทุ่งมิดางะฮาระ, กระเช้าไฟฟ้าทาเตยามะ ที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น โดยไม่มีเสาคั่นในระหว่างทางเลยแม้สักต้นเดียว และ กำแพงหิมะยุคิโนะโอทานิ (ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน เม.ย-กลางเดือน มิ.ย.) กับทัศนียภาพของกองหิมะที่ทับถมจนกลายเป็นกำแพงหิมะสูงร่วม 10 เมตร อันน่าตื่นตาตื่นใจ
นอกจากนี้ เทือกเขาเจแปนแอลป์ ยังมีกิจกรรมขึ้นกระเช้าลอยฟ้า ชินโฮตากะ เพื่อขึ้นไปชมวิวอันสวยงามอลังการ เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของหลังคาญี่ปุ่นแห่งนี้
กระเช้าลอยฟ้า ชินโฮตากะ
สำหรับกิจกรรมนั่งกระเช้าลอยฟ้า ชินโฮตากะ พิชิตเจแปนแอลป์ในทริปนี้ ผมกับเพื่อนๆ บินลัดฟ้าจากเมืองไทยสู่แดนอาทิตย์อุทัย ด้วยการมาลงที่ “สนามบินนานาชาติชูบุ เซ็นแทรร์” เมืองนาโกยา ซึ่งเป็นดังประตูสู่ภูมิภาคชูบุ
จากนั้นใช้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะ ทั้งรถไฟ รถบัส ออกเดินทางต่อไปตามแหล่งท่องเที่ยวในเมืองต่างๆ โดยมีตัวช่วยสำคัญคือ “บัตรพาสรถบัสด่วน โชริวโด” ซึ่งเป็นแพกเกจบัตรโดยสารรถบัสด่วนและรถบัสปกติสำหรับนักท่องเที่ยวแบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง ซึ่งมันช่วยประหยัดราคา (จากราคาปกติ) ลงไปได้มากโข ร่วม 50% เลยทีเดียว
บัตรพาสรถบัสด่วน โชริวโด มีทั้งแบบโปรแกรม 3 วัน และ 5 วัน โดยจะพาเราไปสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ ในเส้นทางตามรอยมังกรผงาดฟ้าของภูมิภาคชูบุ ไม่ว่าจะเป็น หมู่บ้านชิราคาวาโกะ มรดกโลกเลื่องชื่อที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาอันสวยงาม, เมืองคานาซาวา ที่มากไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยว มีทั้งความทันสมัยและความเก่าแก่คลาสสิกผสมผสานกันอย่างกลมกลืน, เมืองทาคายาม่า ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายอดีตย้อนยุคจนได้รับฉายาว่าเป็น“ลิตเติ้ลเกียวโต”, เกโระ ออนเซ็น เมืองแห่งออนเซ็นชื่อดังติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น, และการนั่งกระเช้าลอยฟ้า ชินโฮตากะ พิชิตเจแปนแอลป์ ที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญในเส้นทางของบัตรพาสโชริวโดสายนี้
โดยผมนั่งรถไฟ ควบคู่ไปกับการใช้บัตรพาสฯ จากนาโกยา เดินทางสู่ “โรงแรมโฮตากะ” (Hotel Hotaka) เมืองทางคายามะ จ.กิฟุ โรงแรมบรรยากาศดีมีบริการออนเซ็น วิวทิวทัศน์รอบข้างสวยงาม จากโรงแรมสามารถมองเห็นเทือกเขาเจแปนแอลป์ได้อย่างชัดเจนสวยงาม
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของโรงแรมโฮตากะ คือ ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสถานีทางขึ้นกระเช้าลอยฟ้าชินโฮตากะ ชนิดที่เดินออกจากโรงแรมไม่กี่สิบก้าวก็ถึงจุดซื้อตั๋วขึ้นกระเช้า อีกทั้งยังมีรถบัสที่สามารถใช้บัตรพาสโชริวโดได้วิ่งรับ-ส่ง นักท่องเที่ยวที่สถานีชินโฮตากะแห่งนี้เลย นับว่าสะดวกสบายไม่น้อย
หลังนอนพักผ่อนที่โรงแรมโฮตากะ 1 คืน เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราเดินจากโรงแรมมารอซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าลอยฟ้าชินโฮตากะ ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติชูบุซังคะคุ เมืองทาคายามะ จ.กิฟุ
สำหรับการขึ้นกระเช้าลอยฟ้า ชินโฮตากะ ไต่สู่จุดหมายเพื่อไปพิชิตเจแปนแอลป์ มีอยู่ 2 ช่วงด้วยกัน ช่วงแรกคือ “สถานีชินโฮตากะออนเซน” ตั้งอยู่บนระดับความสูง 1,117 เมตร เป็นกระเช้าชั้นเดียวหน้าต่างบานใส สามารถชมวิวได้รอบทิศ ใช้เวลา 4 นาที เหินฟ้าสู่ “สถานีนะเบะไดระโคเกง”
ในระหว่างที่รอขึ้นกระเช้าไปยังช่วงต่อไป (ช่วง 2) นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวชินโฮตากะ “ซังคะคุคัง” ได้ ซึ่งที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแห่งนี้ มีการจัดแสดงนิทรรศการข้อมูลของธรรมชาติ ขุนเขา สัตว์ พืชพรรณ ในพื้นที่อุทยานฯชูบุซังคะคุ และเทือกเขาเจแปนแอลป์
ต่อจากนั้นเป็นเส้นทางขึ้นกระเช้าในช่วงที่ 2 คือ จากสถานี“ชิราคาบาไทระ” ที่ตั้งอยู่บนความสูง 1,308 เมตร กับไฮไลท์คือการขึ้นกระเช้ากอนโดล่า 2 ชั้น หนึ่งเดียวในญี่ปุ่น ใช้เวลา 7 นาที ลอยละล่องเหินฟ้ามุ่งสู่จุดหมายที่สถานี “ชิโฮตากะคุจิ”
ในระหว่างรอขึ้นกระเช้าช่วง 2 ที่สถานีชิราคาบาไทระนั้นมีสิ่งน่าสนใจให้แวะพักเที่ยวกัน อย่างเช่น แกลลอรี ร้านเบเกอรี และร้านอาหาร (ที่มีเนื้อฮิดะ เนื้อชื่อดังของญี่ปุ่นให้บริการด้วย) นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนกลางแจ้งคือ สวนยามาโนะ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ และบ่อน้ำพุร้อนออนเซ็นแบบแช่เท้า ให้แช่เท้าผ่อนคลายกันฟรี
ขณะที่บริเวณสถานีชิโฮตากะคุจิที่เป็นจุดหมาย จุดไฮไลท์นั้น นอกจากจะมีชั้นดาดฟ้าหรือลานระเบียงชมวิวให้ไปดินเลือกชมวิวแจ่มๆ กันตามใจชอบแล้ว ในพื้นที่ด้านล่างถัดลงมาหน่อยก็ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เดินชมความงามของผืนป่าแหล่งเทือกเขาเจแปนแอลป์กันได้ในวงรอบสั้นๆ ใช้เวลาเดินไม่นาน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมน่าทำในระหว่างรอขึ้นกระเช้ากลับลงสู่เบื้องล่างไม่น้อยเลย
พิชิตหลังคาญี่ปุ่น
สำหรับเส้นทางการขึ้นกระเช้าลอยฟ้าชินโฮตากะใน 2 ช่วงนั้น ระหว่างทางเราจะได้ชมทัศนียภาพอันสวยงามกว้างไกลของที่ราบสูงนะเบะไดระ และเทือกเขาเจแปนแอลป์ที่ภาพความงามจะผันเปลี่ยนไปตามฤดูกาล
นักเดินทางส่วนใหญ่จะชมชอบภาพทิวทัศน์ของเทือกเขาเจแปนแอลป์ในช่วงหน้าหนาวเป็นพิเศษ เพราะมันถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ดูสวยงานโรแมนติกยิ่งนัก (ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาว ซึ่งได้ผ่านพ้นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีไปแล้ว จึงเหลือเพียงกิ่งก้านจากต้นไม้ที่สลัดใบ ภาพบรรยากาศมันจึงดูโล่งแล้งและเหงาหน่อยๆ)
ส่วนเมื่อขึ้นมาถึงยังบริเวณจุดหมาย คือ สถานีชิโฮตากะคุจิ บนนี้จะมีชั้นดาดฟ้า หรือลานระเบียงชมวิว ซึ่งตั้งอยู่บนระดับความสูง 2,156 เมตร ให้เราออกไปเดินเลือกมุมชมเทือกเขาเจแปนแอลป์กันได้ตามใจชอบ
บนระเบียงชมวิวแห่งนี้สามารถชมวิวได้เกือบรอบทิศทาง เมื่อมองออกไปจะเห็นถึงความสวยงามอลังการของเทือกเขาเจแปนแอลป์ได้เป็นอย่างดี
ส่วนใครอยากรู้ว่ายอดเขาลูกไหนชื่ออะไร ทางญี่ปุ่นเขาได้ทำภาพพร้อมข้อมูลแสดงจุดสูงสุดของยอดเขาสำคัญต่างๆ ไว้ให้เราได้ชมกัน ไม่ว่าจะเป็น อย่างเช่น ยอดมินามิดาเกะ (3,033 ม.) ยอดมาเอะโฮตาเคดาเกะ (3,090 ม.) ยอดยะริกะตาเกะ (3,180 ม.) และไฮไลต์คือยอดเขาโอคุโฮะทาเกดาเกะ ที่มีความสูง 3,190 เมตร จากระดับน้ำทะเล ถือเป็นยอดเขาสูงสุดอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ บนนี้ยังมีไอศกรีม (ไอติม) อร่อยๆ ขาย ให้เติมความหนาวหนักขึ้นไปอีก มีบริการถ่ายรูปด่วน มีกล้องส่องทางไกลให้ส่อง และมีการทำพร็อพเล็กๆ เอาไว้ให้ถ่ายรูปคู่กันแบบไม่รกหูรกตา
อย่างไรก็ดี สำหรับผมแล้วที่ระเบียงแห่งนี้ วิวทิวทัศน์ในเบื้องหน้าที่มองออกไปนั้นสวยทุกมุม สวยสมดังคำว่า “หลังคาญี่ปุ่น” ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งการเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่น่าประทับใจไม่น้อย
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager