xs
xsm
sm
md
lg

"ไต้ต๋ง" จุดชมทะเลหมอกน้องใหม่แห่งเบตง ชมวิวร้อยเขา สองแผ่นดิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Facebook :Travel @ Manager
ไต้ต๋ง จุดชมทะเลหมอกน้องใหม่แห่งเบตง

“เบตง” แม้จะเป็นอำเภอที่อยู่ใต้สุดแดนสยามในเขตจังหวัดยะลา แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองในหมอก” ซึ่งมีจุดชมทะเลหมอกหลายแห่งที่ล้วนแล้วแต่งดงามไม่แพ้ภูหรือดอยทางภาคเหนือ เนื่องจากที่นี่มีสภาพพื้นที่เป็นภูเขาและป่าไม้หนาแน่น อีกทั้งยังมีฝนและความชื้นซึ่งเหมาะที่จะเกิดทะเลหมอก


จุดชมทะเลหมอกของเบตงที่เป็นที่รู้จักกันดีก็เช่น จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง (เขาไมโครเวฟ) มีความสูง ราว 621 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในวันที่อากาศเป็นใจจะมีทะเลหมอกหนานุ่มสวยงามให้ชมกัน รถยนต์เดินทางไปได้สะดวก และจุดชมทะเลหมอกยอดเขาฆูนุงซีลีปัต มีความสูง 670 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่ต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเดินทางขึ้นไปและต้องเดินเท้าต่ออีก แต่ด้านบนนั้นสามารถชมความงามของทะเลหมอกได้รอบทิศทางแบบ 360 องศา

ปัจจุบันที่เบตงยังมีจุดชมทะเลหมอกแห่งใหม่ที่มีความสวยงามไม่แพ้กันก็คือ “จุดชมวิวทะเลหมอกไต้ต๋ง” ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 บ้านจาเราะซูซู ต.ธารน้ำทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา ห่างจากตัวเมืองเบตงราว 19 กิโลเมตรเท่านั้น
ชมทิวเขาร้อยลูก และชมวิวสองแผ่นดิน
พระอาทิตย์ขึ้นกลางสวนยาง ด้านหลังจุดชมวิว
ในตำบลธารน้ำทิพย์นี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวไม่มากนัก แต่จากการที่ได้มี “โครงการวิจัยเรื่องยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองเบตงให้เป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดโครงการวิจัยเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ “เมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” โดยการสนับสนุนของหน่วยบูรณาการวิจัยและความร่วมมือเพื่อพัฒนาเชิงพื้นที่ (ABC) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ที่ต้องการใช้เรื่องท่องเที่ยวมาช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับคนเบตง ผศ.ดร.ชัยรัตน์ จุสปาโล อาจารย์คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตสงขลา ในฐานะหัวหน้าโครงการ จึงได้ประชุมหารือร่วมกับคนในชุมชนจากตำบลต่างๆ ของอำเภอเบตง เพื่อจะค้นหาแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ

จึงเป็นที่มาของ “จุดชมวิวทะเลหมอกไต้ต๋ง” ที่ชาวตำบลธารน้ำทิพย์ได้ช่วยกันค้นหาสถานที่เพื่อทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว จนเป็นจุดเริ่มต้นของการพูดคุยเพื่อขอใช้พื้นที่บนยอดเนินแห่งนี้มาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว จากพื้นที่ปลูกยางพาราธรรมดาๆ ให้กลายเป็นจุดชมทะเลหมอกสวยๆ และกลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของเบตง
สายหมอกลอยเรี่ยยอดเขา
ป่าอันอุดมสมบูรณ์เบื้องล่างสร้างความชุ่มชื้นจนเกิดเป็นสายหมอก
การเดินทางไปยังจุดชมวิวนี้แม้ระยะทางจะไม่ไกล แต่ก็ต้องใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง โดยเส้นทางในช่วงแรกเป็นถนนลาดยาง แต่อีกราวครึ่งทางที่ต้องผ่านสวนยางพาราของชาวบ้านจะเป็นทางดินลูกรังลัดเลาะขึ้นไปบนเขา ต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อและคนขับควรมีความชำนาญในพื้นที่

เมื่อรถขับเคลื่อนสี่ล้อพาเราขึ้นมาถึงก็พบว่าด้านบนจุดชมวิวก็เป็นสวนยางพาราของชาวบ้าน ซึ่งทางวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวไต้ต๋งได้ร่วมกันปรับปรุงพื้นที่ริมเนินเขาให้เป็นสถานที่ชมวิว ด้วยการสร้างแคร่ไม้ไผ่หลายๆ จุดให้นักท่องเที่ยวได้กระจายกันชมวิวกันแบบสบายๆ มีป้ายข้อมูลและป้ายชื่อให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
มองไปทางขวามือจะเห็นภูเขายอดแหลมไกลๆ นั่นคือยอดเขาฆูนุงซิลิปัต
นักท่องเที่ยวนั่งชมวิวที่แคร่ไม้ไผ่
อมร นิลรัตน์ หัวหน้าสำนักปลัดตำบลธารน้ำทิพย์ กล่าวว่า “จุดชมทะเลหมอกไต้ต๋ง เป็นพื้นที่สวนยางของชาวบ้านที่เปิดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชม โดยชาวบ้านได้ร่วมมือกันปรับปรุงเส้นทางรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น จุดกางเต็นท์ ห้องน้ำ โดยได้เปิดพื้นที่มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ปัจจุบันก็เป็นที่รู้จักของคนเบตงพอสมควร มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมาเที่ยวบ้างแต่ยังไม่มากนัก โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมจะมาเที่ยวก็คือช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไปหรือช่วงหน้าฝน เพราะถ้าฝนตกก็จะเห็นทะเลหมอกสวย แต่จริงๆ แล้วเบตงฝนก็ตกเกือบตลอดทั้งปี ดังนั้นจึงสามารถมาเที่ยวชมได้ตลอดปี ขึ้นอยู่กับว่าจะเห็นทะเลหมอกมากหรือน้อยเท่านั้น”

ในวันที่เราไปเยือนไต้ต๋งเป็นวันที่อากาศเป็นใจ เพราะมีทะเลหมอกหนาฟูให้ชมแบบเต็มตา โดยจากจุดชมวิวเมื่อออกไปเบื้องหน้าจะเป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ดังนั้นจึงมองไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น แต่แสงอาทิตย์ยามเช้าจะสาดส่องขึ้นมาจากด้านหลัง ทำให้สายหมอกและทิวเขาในบริเวณนั้นกลายเป็นสีทองสวยงาม
ทะเลหมอกกว้างไกลสุดสายตา
จุดถ่ายภาพกับธงชาติไทย
ที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็น “จุดชมวิวสองแผ่นดิน” เพราะในวันที่ฟ้าเปิดจะสามารถมองเห็นตัวเมืองเบตงอยู่ทางด้านหน้า สามารถมองเห็นตึก 25 ชั้นของโรงแรมแมนดารินเบตงได้แบบไกลๆ แต่ถ้ามองเอียงๆ ไปทางซ้ายมือจะเป็นเขตประเทศมาเลเซีย มีเทือกเขาสันกาลาคีรีเป็นเส้นแบ่งเขตใต้สุดสยาม และหากมองมาทางขวามือจะเห็นยอดเขาแหลมเด่นลอยอยู่เหนือหมอกไกลๆ นั่นก็คือยอดเขาฆูนุงซิลิปัตนั่นเอง

นอกจากนั้นที่นี่ยังเรียกว่าเป็น “จุดชมวิวเขาร้อยลูก” เพราะจากจุดชมวิวมองลงไปเบื้องล่างจะเห็นคลื่นภูเขาน้อยใหญ่นับร้อยลูก แต่เนื่องจากวันนี้หมอกหนามาก เราจึงมองไม่เห็นตัวเมืองเบตง และเห็นเพียงยอดเขาบางลูกที่โผล่พ้นหมอกขึ้นมาเท่านั้น
หมอกไหลเป็นสายบนยอดเขา
ฝั่งที่มองไปทางประเทศมาเลเซีย
นักท่องเที่ยวที่เดินทางขึ้นมาชมความงามของทะเลหมอกไต้ต๋งนี้มักเดินทางมากันแต่เช้ามืด มานั่งรอแสงแรกที่จะสาดส่องมายังสายหมอก จากนั้นช่วงสายๆ ก็จะเดินทางกลับ มีบางคนเช่นกันที่มาชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น แต่ไม่มากเท่ากับผู้ที่มาชมทะเลหมอกตอนเช้า

ทั้งนี้ผู้ที่สนใจอยากขึ้นมาชมทะเลหมอกที่ไต้ต๋งหรืออยากมากางเต็นท์บริเวณนี้ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและติดต่อรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่จะพาขึ้นมาได้ที่ อมร นิลรัตน์ โทร.08 9487 2867 หรือแสงไทย โทร.08 9909 1979 สำหรับคนที่ไม่ชินกับสภาพเส้นทางแนะนำว่าควรใช้บริการรถนำเที่ยวจะดีกว่า โดยราคาค่ารถขณะนี้อยู่ที่คนละ 100 บาท หนึ่งคันนั่งได้ไม่เกิน 13 คน (ทั้งนี้ในอนาคตค่ารถอาจปรับเพิ่มเป็น 150 บาท) โดยค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นทั้งค่ายานพาหนะและค่าบำรุงสถานที่ด้วย
นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกับทะเลหมอก




สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager



กำลังโหลดความคิดเห็น