Facebook :Travel @ Manager
“อาหารใต้” เป็นหนึ่งในอาหารที่ “ตระเวนกิน” ชื่นชอบมากที่สุด เพราะรสชาติที่จัดจ้านของเครื่องแกงและส่วนผสมต่าง รวมถึงพืชผักท้องถิ่นที่นำมาเป็นวัตถุดิบในการทำอาหารแต่ละจานนั้นทำให้อาหารที่ออกมารสชาติเข้มข้น อร่อยถูกลิ้น
ซึ่งหากว่าใครอยากจะลองชิมอาหารปักษ์ใต้อร่อยๆ โดยไม่ต้องเดินทางลงใต้ ก็ขอแนะนำความอร่อยที่ร้าน “คอระฆัง” ที่เป็นร้านอาหารไทยเน้นอาหารใต้สไตล์ภูเก็ต แล้วก็ยังมีเมนูโรตีหลากหลายให้อิ่มอร่อยกันด้วย
เดินเข้ามาด้านในร้านแล้วก็เห็นมุมชวนนั่งทั้งชั้นล่างและชั้นบน เปิดโล่งให้เห็นวิวเมืองด้านนอก ส่วนด้านในร้านก็มีภาพเขียนสีบนกำแพงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในกรุงเทพฯ
สำหรับเมนูอาหารภายในร้านนั้นเป็นเน้นที่อาหารใต้สไตล์ภูเก็ต แต่มีการปรับรสชาติไม่ให้เผ็ดมากเกินไปเพื่อให้คนกรุงกินได้ เครื่องแกงต่างๆ ทางร้านก็โขลกเองใหม่ๆ ปรุงกันหม้อต่อหม้อ พวกปลาก ปู และอาหารทะเลต่างๆ ก็สั่งตรงจากชาวประมง คัดคุณภาพตามมาตรฐานของร้าน ส่วนเมนูโรตีก็เป็นสูตรเดียวกับร้าน กู โรตีชาชัก แต่นำมาปรับสูตรเล็กน้อย
มาลองชิมเมนูอร่อยของทางร้าน เริ่มจาก ขนมจีนน้ำยาปู (550 บาท) มีความแตกต่างอยู่ที่ไม่ได้ใช้เนื้อปลาตำลงไปในเครื่องแกง แต่เน้นที่เนื้อปูเกรดเอ เครื่องแกงใต้ทางร้านโขลกเอง แต่ลดความเผ็ดจัดจ้านลม ทำให้รสชาติกลมกล่อมมากขึ้น ใช้เนื้อปูทั้งส่วนอกปูและปูก้อนใส่ลงไปในน้ำแกงทำให้ได้รสชาติความหวานหอมจากเนื้อปู เสิร์ฟมาเป็นเซ็ตพร้อมขนมจีน ผักลวก ผักสด ไข่เป็ดต้มยางมะตูม และปลาตัวเล็กทอดกรอบ เซ็ตนี้สามารถกินได้ประมาณ 3 คน สามารถสั่งความเผ็ดมากหรือน้อยได้เพราะทำสดใหม่หม้อต่อหม้อ
ต่อกันที่ความจัดจ้านของ แกงเหลืองปลากะพง (490 บาท) เป็นพริกแกงเหลืองของทางใต้ที่ทางร้านเพิ่มเครื่องแกงพิเศษสูตรเฉพาะของตัวเองลงไปด้วย ใส่เนื้อปลากะพง เลือกที่ไซส์ตัวละ 4-6 กิโลกรัม เนื่องจากเนื้อแน่น ไม่ยุ่ย และหนังไม่หนาจนเกินไป ผักที่ใส่มาให้คือหน่อไม้สดต้มกับขมิ้น (หรือจะเลือกผักชนิดอื่นที่ทางร้านมีก็ได้) รสชาติความจัดจ้านมีทั้งเปรี้ยวเผ็ดเค็ม กินแกล้มกับผักสดที่เสิร์ฟมาด้วยกัน
แล้วมาแก้เผ็ดด้วย หมูคั่วเกลือ (150 บาท) จานนี้ใช้หมูสามชั้นนำมาหมักตามสูตรของทางร้าน คลุกแป้ง นำลงไปทอดร้อนๆ เป็นเครื่องกินแนมที่ชิมแล้วหนังหมูไม่แข็ง ไม่เหนียว เนื้อนุ่มแน่น ได้รสชาติ กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด
อีกจานชวนกินคือ ใบเหลียงผัดไข่ (140 บาท) เป็นใบเหลียงสดที่ต้องสั่งจากเจ้าประจำ เลือกเฉพาะใบอ่อนๆ นำมาผัดแบบใช้น้ำมันน้อย ใส่ไข่ ผัดแบบแห้งๆ แต่ได้รสชาติ
พวกเมนูน้ำพริกก็อร่อยไม่น้อยหน้า ลองชิม น้ำพริกกุ้งเสียบ (250 บาท) ที่ใช้กะปิจากภูเก็ต ใส่กุ้งเสียบ ปรุงรสให้หวานนำ เค็มตาม เปรี้ยวนิดหน่อย เสิร์ฟพร้อมผักสด ผักลวกตามฤดูกาล และไข่เป็ดต้มยางมะตูม
อิ่มจากเมนูอาหารคาวหลากหลาย ต้องมาลองชิมเมนูโรตีกันบ้าง เริ่มจาก โรตีต้นตำรับ (29 บาท) เป็นโรตีสด ทางร้านนวดแป้งที่ใส่ทั้งแป้ง ไข่ และนม นวดจนเนื้อเนียน นำไปปั้น และหมักด้วยเนย ทำแป้งสดใหม่ทุกวัน สามารถสั่งได้ว่าจะเลือกแบบนุ่มหรือแบบกรอบ ราดด้วยนมข้นหวาน
อีกจานเป็นเมนูยอดฮิต โรตีทิชชูวิปครีมฝอยทอง (85 บาท) ใช้แป้งโรตีแบบเดียวกันแต่ตีออกมาให้บางๆ ทอดด้วยวิธีพิเศษให้กรอบนานและมีกลิ่นหอม ใส่วิปครีมสดสูตรพิเศษหวานมันที่ทางร้านตีเอง มีฝอยทองสดไม่แช่น้ำเชื่อม เส้นเหนียวนุ่ม ไม่เหม็นคาว
หรือจะเป็นเมนู โรตีตูมตามชีส (75 บาท) ที่ตีแป้งโรตีสอดไส้เนยแล้ใส่มอสซาเรลลาชีสลงไป ทอดร้อนๆ เสิร์ฟมาในกระทะร้อน ตัดเป็นชิ้นๆ แล้วเนยจะละลายไหลออกมา ด้านบนราดด้วยนมข้นหวาน ชิมโรตีนุ่มเหนียว ได้ความมันและเค็มจากเนยเค็ม มีชีสหอมมันที่อร่อยเข้ากันมากๆ
ของหวานอีกอย่างที่แนะนำให้ลองคือ บีโกหมอย (85 บาท) เป็นขนมหวานสไตล์ไหหลำ ชื่อแปลว่าข้าวเหนียวดำเปียก ทำออกมาเป็นข้าวเหนียวดำเปียกมะพร้าวอ่อน ไม่เละเกินไป ไม่หวานมากนัก ด้านบนเสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมกะทิสดโฮมเมดหอมมัน ราดด้วยกะทิอบควันเทียนหอมๆ
ส่วนเครื่องดื่มแนะนำก็คือ ชาชักไข่มุก (95 บาท) เป็นชาใต้รสชาติเข้มข้น ไม่ฝาด ไม่เปรี้ยว ชงผสมกับน้ำต้มสุก ใส่นมข้นหวานและนมสด ปรุงให้รสชาติไม่หวานแหลมเกินไป ใส่ไข่มุกที่ทางร้านต้มเอง เป็นไข่มุกไข่ปลาลูกเล็กๆ ที่ทางร้านตมเอง มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง ใส่ลงในน้ำชาทิ้งไว้ก็ไม่อืด ไม่ยุ่ย
ส่วนใครที่ชอบน้ำหวานๆ ซ่าๆ แนะนำให้ลอง บ๊วยสไปรท์ (115 บาท) ที่ทำมาเอาใจวัยรุ่น ใช้บ๊วยผสมน้ำตาลและเกลือ ทำเป็นน้ำแข็ง เสิร์ฟพร้อมกับสไปรท์ เวลากินก็เทสไปรท์ลงไป คนให้ละลายเข้ากัน จะได้ทั้งความหวานซ่า และความเค็ม
หลากหลายเมนูที่ได้ลองชิมไปนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความอร่อยที่ร้าน “คอระฆัง” ยังมีอีกหลายจานที่ชวนให้มาลองชิม อาทิ คั่วกลิ้งกระดูกอ่อน (150 บาท) ไข่เจียวปู (550 บาท) โรตีแฮมชีส (75 บาท) ชุดไอศกรีมกะทิสด (120 บาท) เป็นต้น
* * * * * * * * * * * * * * * * *
ร้าน “คอระฆัง” ตั้งอยู่ที่ถนนมหาไชย แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กทม. การเดินทางจากถนนราชดำเนินกลางให้เลี้ยวเข้าสู่ถนนมหาไชย ร้านจะตั้งอยู่ริมถนนทางซ้ายมือ ตรงข้ามกับวัดเทพธิดาราม สามารถจอดรถได้ที่วัดเทพธิดารามและวัดราชนัดดา (เสียค่าจอด) ร้านเปิดทุกวัน เวลา 11.00-24.00 น. (Last Order 23.00 น.) หากมาช่วงมื้อเที่ยว หรือหลัง 20.00 น. เป็นต้นไป แนะนำให้จองโต๊ะล่วงหน้า โทร. 08-5328-2828 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/korrakang ร้านยังมีอีกสาขาที่อารีย์สัมพันธ์ พหลโยธินซอย 7
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
“อาหารใต้” เป็นหนึ่งในอาหารที่ “ตระเวนกิน” ชื่นชอบมากที่สุด เพราะรสชาติที่จัดจ้านของเครื่องแกงและส่วนผสมต่าง รวมถึงพืชผักท้องถิ่นที่นำมาเป็นวัตถุดิบในการทำอาหารแต่ละจานนั้นทำให้อาหารที่ออกมารสชาติเข้มข้น อร่อยถูกลิ้น
ซึ่งหากว่าใครอยากจะลองชิมอาหารปักษ์ใต้อร่อยๆ โดยไม่ต้องเดินทางลงใต้ ก็ขอแนะนำความอร่อยที่ร้าน “คอระฆัง” ที่เป็นร้านอาหารไทยเน้นอาหารใต้สไตล์ภูเก็ต แล้วก็ยังมีเมนูโรตีหลากหลายให้อิ่มอร่อยกันด้วย
เดินเข้ามาด้านในร้านแล้วก็เห็นมุมชวนนั่งทั้งชั้นล่างและชั้นบน เปิดโล่งให้เห็นวิวเมืองด้านนอก ส่วนด้านในร้านก็มีภาพเขียนสีบนกำแพงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในกรุงเทพฯ
สำหรับเมนูอาหารภายในร้านนั้นเป็นเน้นที่อาหารใต้สไตล์ภูเก็ต แต่มีการปรับรสชาติไม่ให้เผ็ดมากเกินไปเพื่อให้คนกรุงกินได้ เครื่องแกงต่างๆ ทางร้านก็โขลกเองใหม่ๆ ปรุงกันหม้อต่อหม้อ พวกปลาก ปู และอาหารทะเลต่างๆ ก็สั่งตรงจากชาวประมง คัดคุณภาพตามมาตรฐานของร้าน ส่วนเมนูโรตีก็เป็นสูตรเดียวกับร้าน กู โรตีชาชัก แต่นำมาปรับสูตรเล็กน้อย
มาลองชิมเมนูอร่อยของทางร้าน เริ่มจาก ขนมจีนน้ำยาปู (550 บาท) มีความแตกต่างอยู่ที่ไม่ได้ใช้เนื้อปลาตำลงไปในเครื่องแกง แต่เน้นที่เนื้อปูเกรดเอ เครื่องแกงใต้ทางร้านโขลกเอง แต่ลดความเผ็ดจัดจ้านลม ทำให้รสชาติกลมกล่อมมากขึ้น ใช้เนื้อปูทั้งส่วนอกปูและปูก้อนใส่ลงไปในน้ำแกงทำให้ได้รสชาติความหวานหอมจากเนื้อปู เสิร์ฟมาเป็นเซ็ตพร้อมขนมจีน ผักลวก ผักสด ไข่เป็ดต้มยางมะตูม และปลาตัวเล็กทอดกรอบ เซ็ตนี้สามารถกินได้ประมาณ 3 คน สามารถสั่งความเผ็ดมากหรือน้อยได้เพราะทำสดใหม่หม้อต่อหม้อ
ต่อกันที่ความจัดจ้านของ แกงเหลืองปลากะพง (490 บาท) เป็นพริกแกงเหลืองของทางใต้ที่ทางร้านเพิ่มเครื่องแกงพิเศษสูตรเฉพาะของตัวเองลงไปด้วย ใส่เนื้อปลากะพง เลือกที่ไซส์ตัวละ 4-6 กิโลกรัม เนื่องจากเนื้อแน่น ไม่ยุ่ย และหนังไม่หนาจนเกินไป ผักที่ใส่มาให้คือหน่อไม้สดต้มกับขมิ้น (หรือจะเลือกผักชนิดอื่นที่ทางร้านมีก็ได้) รสชาติความจัดจ้านมีทั้งเปรี้ยวเผ็ดเค็ม กินแกล้มกับผักสดที่เสิร์ฟมาด้วยกัน
แล้วมาแก้เผ็ดด้วย หมูคั่วเกลือ (150 บาท) จานนี้ใช้หมูสามชั้นนำมาหมักตามสูตรของทางร้าน คลุกแป้ง นำลงไปทอดร้อนๆ เป็นเครื่องกินแนมที่ชิมแล้วหนังหมูไม่แข็ง ไม่เหนียว เนื้อนุ่มแน่น ได้รสชาติ กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด
อีกจานชวนกินคือ ใบเหลียงผัดไข่ (140 บาท) เป็นใบเหลียงสดที่ต้องสั่งจากเจ้าประจำ เลือกเฉพาะใบอ่อนๆ นำมาผัดแบบใช้น้ำมันน้อย ใส่ไข่ ผัดแบบแห้งๆ แต่ได้รสชาติ
พวกเมนูน้ำพริกก็อร่อยไม่น้อยหน้า ลองชิม น้ำพริกกุ้งเสียบ (250 บาท) ที่ใช้กะปิจากภูเก็ต ใส่กุ้งเสียบ ปรุงรสให้หวานนำ เค็มตาม เปรี้ยวนิดหน่อย เสิร์ฟพร้อมผักสด ผักลวกตามฤดูกาล และไข่เป็ดต้มยางมะตูม
อิ่มจากเมนูอาหารคาวหลากหลาย ต้องมาลองชิมเมนูโรตีกันบ้าง เริ่มจาก โรตีต้นตำรับ (29 บาท) เป็นโรตีสด ทางร้านนวดแป้งที่ใส่ทั้งแป้ง ไข่ และนม นวดจนเนื้อเนียน นำไปปั้น และหมักด้วยเนย ทำแป้งสดใหม่ทุกวัน สามารถสั่งได้ว่าจะเลือกแบบนุ่มหรือแบบกรอบ ราดด้วยนมข้นหวาน
อีกจานเป็นเมนูยอดฮิต โรตีทิชชูวิปครีมฝอยทอง (85 บาท) ใช้แป้งโรตีแบบเดียวกันแต่ตีออกมาให้บางๆ ทอดด้วยวิธีพิเศษให้กรอบนานและมีกลิ่นหอม ใส่วิปครีมสดสูตรพิเศษหวานมันที่ทางร้านตีเอง มีฝอยทองสดไม่แช่น้ำเชื่อม เส้นเหนียวนุ่ม ไม่เหม็นคาว
หรือจะเป็นเมนู โรตีตูมตามชีส (75 บาท) ที่ตีแป้งโรตีสอดไส้เนยแล้ใส่มอสซาเรลลาชีสลงไป ทอดร้อนๆ เสิร์ฟมาในกระทะร้อน ตัดเป็นชิ้นๆ แล้วเนยจะละลายไหลออกมา ด้านบนราดด้วยนมข้นหวาน ชิมโรตีนุ่มเหนียว ได้ความมันและเค็มจากเนยเค็ม มีชีสหอมมันที่อร่อยเข้ากันมากๆ
ของหวานอีกอย่างที่แนะนำให้ลองคือ บีโกหมอย (85 บาท) เป็นขนมหวานสไตล์ไหหลำ ชื่อแปลว่าข้าวเหนียวดำเปียก ทำออกมาเป็นข้าวเหนียวดำเปียกมะพร้าวอ่อน ไม่เละเกินไป ไม่หวานมากนัก ด้านบนเสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมกะทิสดโฮมเมดหอมมัน ราดด้วยกะทิอบควันเทียนหอมๆ
ส่วนเครื่องดื่มแนะนำก็คือ ชาชักไข่มุก (95 บาท) เป็นชาใต้รสชาติเข้มข้น ไม่ฝาด ไม่เปรี้ยว ชงผสมกับน้ำต้มสุก ใส่นมข้นหวานและนมสด ปรุงให้รสชาติไม่หวานแหลมเกินไป ใส่ไข่มุกที่ทางร้านต้มเอง เป็นไข่มุกไข่ปลาลูกเล็กๆ ที่ทางร้านตมเอง มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง ใส่ลงในน้ำชาทิ้งไว้ก็ไม่อืด ไม่ยุ่ย
ส่วนใครที่ชอบน้ำหวานๆ ซ่าๆ แนะนำให้ลอง บ๊วยสไปรท์ (115 บาท) ที่ทำมาเอาใจวัยรุ่น ใช้บ๊วยผสมน้ำตาลและเกลือ ทำเป็นน้ำแข็ง เสิร์ฟพร้อมกับสไปรท์ เวลากินก็เทสไปรท์ลงไป คนให้ละลายเข้ากัน จะได้ทั้งความหวานซ่า และความเค็ม
หลากหลายเมนูที่ได้ลองชิมไปนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความอร่อยที่ร้าน “คอระฆัง” ยังมีอีกหลายจานที่ชวนให้มาลองชิม อาทิ คั่วกลิ้งกระดูกอ่อน (150 บาท) ไข่เจียวปู (550 บาท) โรตีแฮมชีส (75 บาท) ชุดไอศกรีมกะทิสด (120 บาท) เป็นต้น
* * * * * * * * * * * * * * * * *
ร้าน “คอระฆัง” ตั้งอยู่ที่ถนนมหาไชย แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กทม. การเดินทางจากถนนราชดำเนินกลางให้เลี้ยวเข้าสู่ถนนมหาไชย ร้านจะตั้งอยู่ริมถนนทางซ้ายมือ ตรงข้ามกับวัดเทพธิดาราม สามารถจอดรถได้ที่วัดเทพธิดารามและวัดราชนัดดา (เสียค่าจอด) ร้านเปิดทุกวัน เวลา 11.00-24.00 น. (Last Order 23.00 น.) หากมาช่วงมื้อเที่ยว หรือหลัง 20.00 น. เป็นต้นไป แนะนำให้จองโต๊ะล่วงหน้า โทร. 08-5328-2828 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/korrakang ร้านยังมีอีกสาขาที่อารีย์สัมพันธ์ พหลโยธินซอย 7
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
