Facebook :Travel @ Manager
ใกล้จะถึง “เทศกาลตรุษจีน” ซึ่งถือเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของคนจีนเข้ามาแล้ว ในช่วงนี้ชาวจีนจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนในเมืองไทยต่างพากันจัดงานพิธีต่างๆขึ้น เพื่อเซ่นไหว้ขอบคุณและขอพรเทพเจ้า เทวดา และบรรพบุรุษที่ล่วงลับ พร้อมขอให้คุ้มครองลูกหลานให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มีสุขภาพแข็งแรง อาชีพการงานมีความมั่นคง ประสบความสำเร็จ และประสบโชคดีมีชัยไปตลอดทั้งปี
โดยในหลายๆ พื้นที่ของเมืองไทยจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งบ้านเรานั้นได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการจัดงานเทศกาลตรุษจีนนอกแผ่นดินจีนได้อย่างยิ่งใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะในย่าน “เยาวราช” ย่านชุมชนจีนเก่าแก่และใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปในระดับโลก
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า คำว่า “เยาวราช” นั้น มีความหมายว่า “พระราชาที่ทรงพระเยาว์” ซึ่งหมายถึง รัชกาลที่ ๕ ที่ขึ้นครองราชย์เมื่อมีพระชนมายุ 15 พรรษา ผู้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างถนนเส้นนี้ในปี พ.ศ.2435-2443 โดยมีระยะทาง 1,532 เมตร ตั้งแต่คลองโอ่งอ่างถึงวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ในอดีตถนนเยาวราชเป็นแหล่งทำมาหากินและที่อยู่อาศัยของชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นแหล่งอาหารสด อาหารแห้งเพื่อนำไปประกอบอาหารจีนมากมาย
ในปัจจุบันนี้ “เยาวราช” ยังคงเป็นย่านธุรกิจการค้าและย่านอาหารที่สำคัญอยู่เช่นเดิม แต่มีสีสันเพิ่มขึ้นตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ซึ่งนอกจากจะมีสถานที่และกิจกรรมน่าสนใจให้เลือกทำมากมาย อย่างเช่น การไหว้พระ ไหว้เทพเจ้าขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่ “วัดมังกรกมลาวาส” หรือ “วัดเล่งเน่ยยี่” หรือการเดินเลือกซื้อวัตถุดิบ เครื่องเทศ ยาจีนแล้ว ที่นี่ก็ยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ชิคๆ ให้สายชิลได้เดินชมตลอดเส้น ซึ่งแต่ละมุมนั้นก็จะซุกซ่อนทอดยาวกินรัศมีรอบๆ ถนนเยาวราชนั่นเอง
วันนี้เราจึงขอพาทุกคนเดินถ่ายภาพไล่ยาวกันตั้งแต่ “ย่านราชวงศ์” และ “ย่านทรงวาด” ซึ่งบริเวณนี้จะมีตึกอาคารเก่าๆ ให้ได้เห็นมากมาย เมื่อเดินลัดเลาะมาเรื่อยๆ ก็จะเข้าสู่ “ย่านเยาวราช” ซึ่งหากมาในช่วงนี้ก็จะมีสีสันของช่วงเทศกาลตรุษจีนให้ได้เห็นกัน และจะมีความคึกคักเป็นพิเศษ อาคารบ้านเรือน ร้านรวงสถานที่ต่างๆ จะถูกประดับประดับไปด้วยสีแดง และสิ่งของมงคลต่างๆ รวมถึงมีการจำหน่ายข้าวของเซ่นไหว้ ขนม หมู เป็ด ไก่ ฯลฯ กันเป็นจำนวนมาก
และเมื่อเดินมาจนถึงที่ “ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณวงเวียนน้ำพุโอเดียน ใกล้กับ “วัดไตรมิตรวิทยาราม” บริเวณถนนมิตรภาพไทย-จีน แล้วก็จะเริ่มเข้าสู่ “ย่านตลาดน้อย” อีกหนึ่งย่านถ่ายรูปชิคๆ ที่มีกำแพงสตรีทอาร์ตซุกซ่อนอยู่มากมายหลายแห่ง
ผลงานสตรีทอาร์ตที่แฝงอยู่ในย่านตลาดน้อยจะความพิเศษอยู่ตรงที่ศิลปินผู้ร่วมถ่ายทอดผลงานนั้นๆ จะวาดรูปแฝงไปกับชุมชน และเรื่องราวที่วาดนั้นจะเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของผู้คนในย่านตลาดน้อย อย่างเช่น ภาพช่างตีเหล็ก ซึ่งมีที่มาจากอาชีพที่เคยได้รับความนิยมจากคนในชุมชนนี้ในอดีต ซึ่งปัจจุบันเหลืออาชีพตีเหล็กเหลือเพียงรายเดียวเท่านั้น ศิลปินจึงวาดภาพนี้ไว้ที่กำแพงบ้านของช่างตีเหล็กรายนั้นเพื่อสะท้อนเรื่องราวประวัติศาสตร์ไว้
หากใครมีเวลาเดินลัดเลาะในย่านตลาดน้อยนี้ก็จะพบเจอกับมุมถ่ายรูปเก๋ๆ และรูปวาดสวยๆ อีกมากมาย สามารถเดินเล่นเก็บภาพได้จนตะวันตกดินเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อแสงหมดแล้วก็สามารถเดินย้อนกลับมาที่ถนนเยาวราชได้อีกครั้ง เพราะในยามค่ำคืนที่นี่ก็จะกลายเป็น “ถนนอาหาร” หรือ “Street Food” สายยาวที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย สองฟากถนนเต็มไปด้วยอาหารนานาชนิดทั้งในแบบภัตตาคาร ร้านหรู ร้านตึกแถว ร้านริมถนน ร้านแผงลอย ให้เลือกอิ่มอร่อยกันมากมาย
นับเป็นเสน่ห์ของเยาวราชตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งในยามกลางวันและยามค่ำคืนที่มากไปด้วยบรรยากาศอันน่าตื่นตาตื่นใจหลากหลายให้ได้เลือกสัมผัสกัน
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ใกล้จะถึง “เทศกาลตรุษจีน” ซึ่งถือเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของคนจีนเข้ามาแล้ว ในช่วงนี้ชาวจีนจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนในเมืองไทยต่างพากันจัดงานพิธีต่างๆขึ้น เพื่อเซ่นไหว้ขอบคุณและขอพรเทพเจ้า เทวดา และบรรพบุรุษที่ล่วงลับ พร้อมขอให้คุ้มครองลูกหลานให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มีสุขภาพแข็งแรง อาชีพการงานมีความมั่นคง ประสบความสำเร็จ และประสบโชคดีมีชัยไปตลอดทั้งปี
โดยในหลายๆ พื้นที่ของเมืองไทยจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งบ้านเรานั้นได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการจัดงานเทศกาลตรุษจีนนอกแผ่นดินจีนได้อย่างยิ่งใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะในย่าน “เยาวราช” ย่านชุมชนจีนเก่าแก่และใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปในระดับโลก
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า คำว่า “เยาวราช” นั้น มีความหมายว่า “พระราชาที่ทรงพระเยาว์” ซึ่งหมายถึง รัชกาลที่ ๕ ที่ขึ้นครองราชย์เมื่อมีพระชนมายุ 15 พรรษา ผู้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างถนนเส้นนี้ในปี พ.ศ.2435-2443 โดยมีระยะทาง 1,532 เมตร ตั้งแต่คลองโอ่งอ่างถึงวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ในอดีตถนนเยาวราชเป็นแหล่งทำมาหากินและที่อยู่อาศัยของชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นแหล่งอาหารสด อาหารแห้งเพื่อนำไปประกอบอาหารจีนมากมาย
ในปัจจุบันนี้ “เยาวราช” ยังคงเป็นย่านธุรกิจการค้าและย่านอาหารที่สำคัญอยู่เช่นเดิม แต่มีสีสันเพิ่มขึ้นตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ซึ่งนอกจากจะมีสถานที่และกิจกรรมน่าสนใจให้เลือกทำมากมาย อย่างเช่น การไหว้พระ ไหว้เทพเจ้าขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่ “วัดมังกรกมลาวาส” หรือ “วัดเล่งเน่ยยี่” หรือการเดินเลือกซื้อวัตถุดิบ เครื่องเทศ ยาจีนแล้ว ที่นี่ก็ยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ชิคๆ ให้สายชิลได้เดินชมตลอดเส้น ซึ่งแต่ละมุมนั้นก็จะซุกซ่อนทอดยาวกินรัศมีรอบๆ ถนนเยาวราชนั่นเอง
วันนี้เราจึงขอพาทุกคนเดินถ่ายภาพไล่ยาวกันตั้งแต่ “ย่านราชวงศ์” และ “ย่านทรงวาด” ซึ่งบริเวณนี้จะมีตึกอาคารเก่าๆ ให้ได้เห็นมากมาย เมื่อเดินลัดเลาะมาเรื่อยๆ ก็จะเข้าสู่ “ย่านเยาวราช” ซึ่งหากมาในช่วงนี้ก็จะมีสีสันของช่วงเทศกาลตรุษจีนให้ได้เห็นกัน และจะมีความคึกคักเป็นพิเศษ อาคารบ้านเรือน ร้านรวงสถานที่ต่างๆ จะถูกประดับประดับไปด้วยสีแดง และสิ่งของมงคลต่างๆ รวมถึงมีการจำหน่ายข้าวของเซ่นไหว้ ขนม หมู เป็ด ไก่ ฯลฯ กันเป็นจำนวนมาก
และเมื่อเดินมาจนถึงที่ “ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณวงเวียนน้ำพุโอเดียน ใกล้กับ “วัดไตรมิตรวิทยาราม” บริเวณถนนมิตรภาพไทย-จีน แล้วก็จะเริ่มเข้าสู่ “ย่านตลาดน้อย” อีกหนึ่งย่านถ่ายรูปชิคๆ ที่มีกำแพงสตรีทอาร์ตซุกซ่อนอยู่มากมายหลายแห่ง
ผลงานสตรีทอาร์ตที่แฝงอยู่ในย่านตลาดน้อยจะความพิเศษอยู่ตรงที่ศิลปินผู้ร่วมถ่ายทอดผลงานนั้นๆ จะวาดรูปแฝงไปกับชุมชน และเรื่องราวที่วาดนั้นจะเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของผู้คนในย่านตลาดน้อย อย่างเช่น ภาพช่างตีเหล็ก ซึ่งมีที่มาจากอาชีพที่เคยได้รับความนิยมจากคนในชุมชนนี้ในอดีต ซึ่งปัจจุบันเหลืออาชีพตีเหล็กเหลือเพียงรายเดียวเท่านั้น ศิลปินจึงวาดภาพนี้ไว้ที่กำแพงบ้านของช่างตีเหล็กรายนั้นเพื่อสะท้อนเรื่องราวประวัติศาสตร์ไว้
หากใครมีเวลาเดินลัดเลาะในย่านตลาดน้อยนี้ก็จะพบเจอกับมุมถ่ายรูปเก๋ๆ และรูปวาดสวยๆ อีกมากมาย สามารถเดินเล่นเก็บภาพได้จนตะวันตกดินเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อแสงหมดแล้วก็สามารถเดินย้อนกลับมาที่ถนนเยาวราชได้อีกครั้ง เพราะในยามค่ำคืนที่นี่ก็จะกลายเป็น “ถนนอาหาร” หรือ “Street Food” สายยาวที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย สองฟากถนนเต็มไปด้วยอาหารนานาชนิดทั้งในแบบภัตตาคาร ร้านหรู ร้านตึกแถว ร้านริมถนน ร้านแผงลอย ให้เลือกอิ่มอร่อยกันมากมาย
นับเป็นเสน่ห์ของเยาวราชตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งในยามกลางวันและยามค่ำคืนที่มากไปด้วยบรรยากาศอันน่าตื่นตาตื่นใจหลากหลายให้ได้เลือกสัมผัสกัน
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
