Facebook :Travel @ Manager

“โกลกาตา” หรือที่รู้จักในชื่อเดิมว่า “กัลกัตตา” เมืองหลวงของรัฐเบงกอลตะวันตก และเมืองใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศอินเดีย รวมทั้งยังเคยเป็นเมืองหลวงของอินเดียในสมัยการปกครองของอังกฤษ
ด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมของโกลกาตา ทำให้เมืองใหญ่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ที่ต่างเดินทางมาสัมผัสอารยธรรม พร้อมชมความงดงามของสถาปัตยกรรมโคโลเนียล

และเมื่อในช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา สมาพันธ์อุตสาหกรรมของอินเดีย หรือ Confederation of India Industry (CII) การท่องเที่ยวแห่งรัฐเบงกอลตะวันตก จัดงาน Destination East ครั้งที่ 9 โดยเชิญเอเยนต์ทัวร์กว่า 40 ประเทศทั่วโลก เพื่อโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวในรัฐเบงกอลตะวันตกให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว
สมทรง สัจจาภิมุข รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส.เอส.ทราเวลเซอร์วิส จำกัด หนึ่งในเอเยนต์ทัวร์ของไทยที่ร่วมเดินทางไปร่วมงานครั้งนี้ เล่าถึงภาพรวมของงานให้ฟังว่า งาน Destination East ที่ทางการท่องเที่ยวรัฐเบงกอลตะวันตก จัดขึ้นปีนี้เป็นปีที่ 9 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพการขายแหล่งท่องเที่ยวและบริการทางการท่องเที่ยวของอินเดียในตลาดต่างประเทศ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวจากต่างประเทศได้รับข้อมูลสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว พร้อมทั้งมีโอกาสสำรวจแหล่งท่องเที่ยว ศึกษากิจกรรมทางการท่องเที่ยวที่หลากหลายของรัฐเบงกอลตะวันตก

หลังจากร่วมงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าบ้านได้พาไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย ตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ไปสัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในเมืองนี้ ขณะที่นั่งรถเพื่อจะไปยังจุดท่องเที่ยวแรกนั้น ก็จะได้ยินเสียงบีบแตรของรถเป็นระยะๆ เห็นการขับรถที่ไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไหร่นัก แต่เชื่อไหมว่าบนความเบียดเสียดนี้กลับมีความถ้อยทีถ้อยอาศัยของผู้คนบนท้องถนน ไม่มีใครแสดงอารมณ์หงุดหงิด หรือสบถคำหยาบคาย รวมถึงไม่มีอุบัติเหตุให้เห็นเลย

เมื่อมาถึงจุดหมายแรกของครั้งนี้อยู่ที่ “Sheetalnathji Temple” วัดศาสนาเชน ตั้งอยู่ที่ย่าน Sham Bazaar เป็นหนึ่งในวัดที่สวยที่สุดในโกลกาตาก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ 1867 วัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอาคารชั้นเดียว มียอดแหลมสูงตระหง่านอยู่ด้านบน มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นงดงาม

วิหารมีลวดลายสวยงามเป็นศิลปะตกแต่งแบบโมเสก โดยใช้กระจกแก้วสี มีความงดงามแวววาวสะดุดตา การตกแต่งภายในมีการตกแต่งอย่างหรูหราประดับด้วยกระจกสีสวยงามและกระจกคุณภาพดี ด้านบนเพดานของวัดตกแต่งด้วยโคมไฟระย้าที่ดูหรูหราและพื้นของวิหารทำจากหินอ่อนที่มีลวดลายดอกไม้ที่สวยงามสลักอยู่

จากนั้นเมื่อออกจากวัดเดินไปด้านในของซอย เพื่อไปยังอีกหนึ่งวัดเชนที่อยู่ด้านหลังเรียกว่า “Shree Jain Swetamber Dadaji ka Temple” เป็นวัดที่มีพื้นที่ไม่ใหญ่เท่าไหร่นัก ในวันที่เข้าไปเยี่ยมชมนั้นทางวัดกำลังมีพิธีสำคัญอยู่จึงไม่สามารถเข้าไปชมภายในวิหารได้ ส่วนด้านหลังของวิหารมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ มีหงส์และเป็ดน้อยส่งเสียงร้องและเล่นน้ำกันอย่างเพลิดเพลิน


เมื่อเยี่ยมชมสถานที่ทางศาสนาแล้ว ต่อจากนั้นเราเดินทางไปยัง ย่าน Kumartuli เป็นแหล่งผลิตเทพเจ้าและเทพี สร้างขึ้นโดยกลุ่มช่างปั้นกว่า 100 ครอบครัวที่อาศัยอยู่ในชุมชนนั้น เพื่อหาเลี้ยงชีพด้วยการแกะสลักหุ่นหลายรูปลักษณะสำหรับเทศกาลต่างๆ รูปปั้นงานประติมากรรมที่บรรจงสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือระดับมืออาชีพ ทำมาจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ไม้ไผ่และดินเหนียว หากใครที่หลงใหลในงานศิลป์ไม่ควรพลาดการเยี่ยมชม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีเอกลักษณ์ให้ได้ชมกัน


อีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองโกลกาตานั่นคือ “อนุสรณ์วิคตอเรีย” (Victoria Memorial Hall) อนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาว ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองโกลกาตา ในรัฐเบงกอลตะวันตกของอินเดีย เป็นหนึ่งในอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในรัฐเบงกอลตะวันตก ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวอินเดียและต่างชาติ


อนุสาวรีย์ที่ความสง่างามแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย เป็นอนุสรณ์ที่ยิ่งใหญ่และงดงาม โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ยอดเยี่ยมในยุคโคโลเนียล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครมาแล้วจะต้องไม่พลาดเข้ามาเยี่ยมชม

ไปต่อที่ “St. Paul's Cathedral” วิหารเซนต์ปอล กล่าวกันว่าเป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโกลกาตา ซึ่งตั้งอยู่บนถนน Cathedral วิหารหลังนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่หลังจากที่เกิดแผ่นดินไหวในปีค.ศ.1839 และปีค.ศ.1847 ในขณะนั้นวิหารได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก

สำหรับการออกแบบสถาปัตยกรรมของมหาวิหารคือ อินโด - กอธิค สไตล์สถาปัตยกรรมกอธิคที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองสภาพภูมิอากาศของอินเดีย ภายในมีห้องสมุดตั้งอยู่เหนือระเบียงด้านตะวันตก และจัดแสดงรูปแบบศิลปะในสมัยก่อนให้ชมกัน

ถ้าใครอยากจะสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนชาวอินเดียกันแบบใกล้ชิด สามารถนั่งรถรางไฟฟ้าโบราณชมเมืองกันได้ เป็นหนึ่งในวิธีการเดินทางระหว่างสถานที่ต่าง ๆ ภายในเมือง รถรางในเมืองโกลกาตาถือเป็นรถรางไฟฟ้าที่เก่าแก่ที่สุดของเอเชีย ที่เป็นการเคลื่อนไหวช้าๆ บนรางรถไฟฟ้าที่ถูกวางไว้บนถนนที่มีการจราจรคับคั่ง



สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
“โกลกาตา” หรือที่รู้จักในชื่อเดิมว่า “กัลกัตตา” เมืองหลวงของรัฐเบงกอลตะวันตก และเมืองใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศอินเดีย รวมทั้งยังเคยเป็นเมืองหลวงของอินเดียในสมัยการปกครองของอังกฤษ
ด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมของโกลกาตา ทำให้เมืองใหญ่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ที่ต่างเดินทางมาสัมผัสอารยธรรม พร้อมชมความงดงามของสถาปัตยกรรมโคโลเนียล
และเมื่อในช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา สมาพันธ์อุตสาหกรรมของอินเดีย หรือ Confederation of India Industry (CII) การท่องเที่ยวแห่งรัฐเบงกอลตะวันตก จัดงาน Destination East ครั้งที่ 9 โดยเชิญเอเยนต์ทัวร์กว่า 40 ประเทศทั่วโลก เพื่อโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวในรัฐเบงกอลตะวันตกให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว
สมทรง สัจจาภิมุข รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส.เอส.ทราเวลเซอร์วิส จำกัด หนึ่งในเอเยนต์ทัวร์ของไทยที่ร่วมเดินทางไปร่วมงานครั้งนี้ เล่าถึงภาพรวมของงานให้ฟังว่า งาน Destination East ที่ทางการท่องเที่ยวรัฐเบงกอลตะวันตก จัดขึ้นปีนี้เป็นปีที่ 9 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพการขายแหล่งท่องเที่ยวและบริการทางการท่องเที่ยวของอินเดียในตลาดต่างประเทศ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวจากต่างประเทศได้รับข้อมูลสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว พร้อมทั้งมีโอกาสสำรวจแหล่งท่องเที่ยว ศึกษากิจกรรมทางการท่องเที่ยวที่หลากหลายของรัฐเบงกอลตะวันตก
หลังจากร่วมงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าบ้านได้พาไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย ตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ไปสัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในเมืองนี้ ขณะที่นั่งรถเพื่อจะไปยังจุดท่องเที่ยวแรกนั้น ก็จะได้ยินเสียงบีบแตรของรถเป็นระยะๆ เห็นการขับรถที่ไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไหร่นัก แต่เชื่อไหมว่าบนความเบียดเสียดนี้กลับมีความถ้อยทีถ้อยอาศัยของผู้คนบนท้องถนน ไม่มีใครแสดงอารมณ์หงุดหงิด หรือสบถคำหยาบคาย รวมถึงไม่มีอุบัติเหตุให้เห็นเลย
เมื่อมาถึงจุดหมายแรกของครั้งนี้อยู่ที่ “Sheetalnathji Temple” วัดศาสนาเชน ตั้งอยู่ที่ย่าน Sham Bazaar เป็นหนึ่งในวัดที่สวยที่สุดในโกลกาตาก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ 1867 วัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอาคารชั้นเดียว มียอดแหลมสูงตระหง่านอยู่ด้านบน มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นงดงาม
วิหารมีลวดลายสวยงามเป็นศิลปะตกแต่งแบบโมเสก โดยใช้กระจกแก้วสี มีความงดงามแวววาวสะดุดตา การตกแต่งภายในมีการตกแต่งอย่างหรูหราประดับด้วยกระจกสีสวยงามและกระจกคุณภาพดี ด้านบนเพดานของวัดตกแต่งด้วยโคมไฟระย้าที่ดูหรูหราและพื้นของวิหารทำจากหินอ่อนที่มีลวดลายดอกไม้ที่สวยงามสลักอยู่
จากนั้นเมื่อออกจากวัดเดินไปด้านในของซอย เพื่อไปยังอีกหนึ่งวัดเชนที่อยู่ด้านหลังเรียกว่า “Shree Jain Swetamber Dadaji ka Temple” เป็นวัดที่มีพื้นที่ไม่ใหญ่เท่าไหร่นัก ในวันที่เข้าไปเยี่ยมชมนั้นทางวัดกำลังมีพิธีสำคัญอยู่จึงไม่สามารถเข้าไปชมภายในวิหารได้ ส่วนด้านหลังของวิหารมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ มีหงส์และเป็ดน้อยส่งเสียงร้องและเล่นน้ำกันอย่างเพลิดเพลิน
เมื่อเยี่ยมชมสถานที่ทางศาสนาแล้ว ต่อจากนั้นเราเดินทางไปยัง ย่าน Kumartuli เป็นแหล่งผลิตเทพเจ้าและเทพี สร้างขึ้นโดยกลุ่มช่างปั้นกว่า 100 ครอบครัวที่อาศัยอยู่ในชุมชนนั้น เพื่อหาเลี้ยงชีพด้วยการแกะสลักหุ่นหลายรูปลักษณะสำหรับเทศกาลต่างๆ รูปปั้นงานประติมากรรมที่บรรจงสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือระดับมืออาชีพ ทำมาจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ไม้ไผ่และดินเหนียว หากใครที่หลงใหลในงานศิลป์ไม่ควรพลาดการเยี่ยมชม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีเอกลักษณ์ให้ได้ชมกัน
อีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองโกลกาตานั่นคือ “อนุสรณ์วิคตอเรีย” (Victoria Memorial Hall) อนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาว ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองโกลกาตา ในรัฐเบงกอลตะวันตกของอินเดีย เป็นหนึ่งในอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในรัฐเบงกอลตะวันตก ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวอินเดียและต่างชาติ
อนุสาวรีย์ที่ความสง่างามแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย เป็นอนุสรณ์ที่ยิ่งใหญ่และงดงาม โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ยอดเยี่ยมในยุคโคโลเนียล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครมาแล้วจะต้องไม่พลาดเข้ามาเยี่ยมชม
ไปต่อที่ “St. Paul's Cathedral” วิหารเซนต์ปอล กล่าวกันว่าเป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโกลกาตา ซึ่งตั้งอยู่บนถนน Cathedral วิหารหลังนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่หลังจากที่เกิดแผ่นดินไหวในปีค.ศ.1839 และปีค.ศ.1847 ในขณะนั้นวิหารได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
สำหรับการออกแบบสถาปัตยกรรมของมหาวิหารคือ อินโด - กอธิค สไตล์สถาปัตยกรรมกอธิคที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองสภาพภูมิอากาศของอินเดีย ภายในมีห้องสมุดตั้งอยู่เหนือระเบียงด้านตะวันตก และจัดแสดงรูปแบบศิลปะในสมัยก่อนให้ชมกัน
ถ้าใครอยากจะสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนชาวอินเดียกันแบบใกล้ชิด สามารถนั่งรถรางไฟฟ้าโบราณชมเมืองกันได้ เป็นหนึ่งในวิธีการเดินทางระหว่างสถานที่ต่าง ๆ ภายในเมือง รถรางในเมืองโกลกาตาถือเป็นรถรางไฟฟ้าที่เก่าแก่ที่สุดของเอเชีย ที่เป็นการเคลื่อนไหวช้าๆ บนรางรถไฟฟ้าที่ถูกวางไว้บนถนนที่มีการจราจรคับคั่ง
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager