Facebook :Travel @ Manager

เมืองไทยเรา นอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัดวาอารามสวยๆ หรือแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่เปิดมานานแล้ว ให้เลือกไปเที่ยวชมกันอยู่มากมาย ในระยะหลังๆ มานี้ ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เกิดขึ้นมาให้แวะเวียนกันไปในหลายๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็นพวกตลาด หรือสถานที่ถ่ายรูปสวยๆ ให้ผู้คนได้ไปแชะภาพและเช็คอินกัน
อย่างที่เที่ยวที่เพิ่งเปิดมาได้ไม่นานใกล้ๆ กรุงเทพฯ ก็มีอยู่หลายจุด เพราะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลามากนัก ขับรถออกมานอกเมืองไม่นานก็ได้เที่ยวกันสมใจแล้ว


อีกแห่งหนึ่งที่กำลังมาแรง เห็นหลายๆ คนเช็คอิน แชร์ภาพอยู่ในโลกโซเชียลก็คือ ที่ “สุพรรณบุรี” กับวิวทุ่งนาสวยๆ สุดลูกหูลูกตาที่ “หอชมทุ่งต้นตาล” ที่ตั้งอยู่ใน ต.ต้นตาล อ.สองพี่น้อง
แต่เดิมในบริเวณนี้ก็เป็นทุ่งนาทั่วไป ในภายหลัง ชาวบ้านในชุมชนต้นตาลได้ร่วมมือกันจัดสร้างเป็นหอชมทุ่งแห่งนี้ขึ้นมา เพื่อดึงดูดในนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมในบริเวณนี้


สำหรับ “หอชมทุ่งต้นตาล” เป็นหอแปดเหลี่ยม มีความกว้าง 11 เมตร มีความสูง 16 เมตร ฐานบนสุดกว้าง 4 เมตร มีทั้งหมด 3 ชั้น วัสดุโครงสร้างทำจากไม้ไผ่ 2,000 ลำ ใช้ระยะเวลาการสร้าง 1 เดือน อยู่กลางสระน้ำขนาดใหญ่ ใครที่มีกำลังขาและกำลังใจ ก็สามารถปีนบันไดไม้ไผ่ขึ้นไปชมวิวทุ่งนาแบบ 360 องศา กันที่ชั้นบนสุดได้เลย
ในแต่ละชั้นของหอชมทุ่ง จะมีแคร่ไม้ไผ่ให้นั่งพักเหนื่อยชมวิวกัน ส่วนที่ชั้นบนสุดก็มีเปลญวนฝีมือของชาวชุมชนต้นตาลผูกไว้ให้นอนเล่นรับลมกันแบบสบายใจ วิวที่ชั้นบนก็จะเห็นทุ่งนาสวยๆ เต็มพื้นที่กว่า 120 ไร่ ในแต่ละช่วงเดือนก็จะได้เห็นสีสันของต้นข้าวที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ยังเป็นต้นกล้าสีเขียว เริ่มออกรวง ไปจนกระทั่งเป็นสีเหลืองทอง เรียกว่าเป็นวิวที่เปลี่ยนไปไม่ซ้ำกันเลย และนอกจากวิวทุ่งนาสุดลูกหูลูกตาแล้ว วันไหนที่ฟ้าเปิดก็สามารถมองเห็นไปถึงวัดไผ่โรงวัวได้เลยทีเดียว


ด้านล่างของหอคอย ก็ยังทำเป็นสะพานไม้ให้เดินไปนั่งพักรับลมในเพิง สามารถมาให้อาหารปลาที่อยู่ในสระน้ำได้
ที่หอชมทุ่งแห่งนี้ เปิดให้บริการทุกวัน แต่จะมีคนเยอะหน่อยก็คือวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ส่วนใครที่ขับรถมา แนะนำให้นำไปจอดที่อาคารอเนกประสงค์ (ติดกับโรงเรียนแม่พระประจักษ์) ทางชุมชนมีบริการรถซาเล้งรับ-ส่งไปยังหอชมทุ่ง (ค่าบริการไป-กลับ คนละ 20 บาท)


ชมวิวทุ่งนาสวยๆ กันแล้ว ถ้าหากใครที่เริ่มหิว ก็มาต่อกันที่ “ตลาดน้ำสะพานโค้ง” ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก (สามารถขับรถเลาะมาตามคันนาได้ แต่อยู่ในระหว่างการปรับปรุงถนน หรือย้อนกลับมาทางตลาดบางลี่ก็ได้)
“ตลาดน้ำสะพานโค้ง” ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับ “วัดทองประดิษฐ์” (คนที่ขับรถมาก็สามารถจอดรถภายในวัดได้) และหากว่ามาถึงตลาดแห่งนี้แล้ว สิ่งที่จะเห็นเป็นอย่างแรกก็คือ “สุ่มปลายักษ์” ที่ถือว่าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของที่นี่ ใครมาถึงแล้วก็ต้องมาถ่ายรูปคู่กับเจ้าสุ่มยักษ์เสียหน่อย


สุ่มปลายักษ์ที่เห็นนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านในพื้นที่ ที่ช่วยกันสร้างขึ้นมาจากไม้ไผ่ในชุมชนกว่า 5,000 ลำ และเหตุที่เลือกเป็นสุ่มปลาก็เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ชาวบ้านในอำเภอสองพี่น้อง และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำลำคลองมีไว้ใช้กันเกือบทุกบ้าน ทั้งหาปลากินกันเองในครอบครัว และประกอบเป็นอาชีพ
ซึ่งสุ่มปลายักษ์นี้ก็สามารถปีนขึ้นบันไดไม้ไผ่ขึ้นไปด้านบนได้เช่นกัน สุ่มปลายักษ์มีทั้งหมด 4 ชั้น ชั้นบนสุดเป็นปากสุ่ม มีที่ยืนชมวิวโล่งๆ ได้ 360 องศา ส่วนที่ชั้นอื่นๆ ก็สามารถมองชมวิวด้านนอกได้เช่นกัน มีทั้งวิวตลาดน้ำด้านล่าง วิวลำคลองสวยๆ และวิวทุ่งนาเขียวขจี


ด้านล่างของสุ่มปลายักษ์ จะเชื่อมต่อกับสะพานไม้ไผ่ที่ทอดยาวมาจากฝั่งวัด ผ่านลำคลอง ยาวมาเป็นสะพานโค้ง ที่นี่เลยได้ชื่อว่า “ตลาดน้ำสะพานโค้ง” ซึ่งก็จะมีอาหาร เครื่องดื่ม และขนมต่างๆ ที่ชาวบ้านในชุมชนพายเรือมาเทียบท่าขายของ อาหารและขนมต่างๆ ส่วนใหญ่ก็จะทำมาจากผลผลิตที่ได้จากในชุมชน อาทิ ข้าวโพดปิ้ง กุ้งย่าง ส้มตำ ซาลาเปา ที่ขายในราคาย่อมเยา


เดินเที่ยวตลาดแล้ว ชิมของอร่อยๆ ไปหลายอย่างแล้ว ปีนขึ้นไปชมวิวมุมสูงบนสุ่มปลายักษ์ก็แล้ว อย่าลืมแวะถ่ายรูปตามมุมต่างๆ ในตลาด และกิจกรรมอีกอย่างที่ตลาดแห่งนี้คือ นั่งเรือโบราณชมวิว เป็นเรือพายแบบโบราณ ที่มีฝีพายแจวเรือให้นั่งชมวิถีชีวิตชาวบ้านริมคลอง และให้บรรยากาศตลาดน้ำท่ามกลางธรรมชาติ
ใครจะมาที่ตลาดแห่งนี้ก็สามารถมาได้ทุกวัน ในวันธรรมดาอาจจะมีของมาขายน้อยหน่อย ถ้าอยากได้บรรยากาศคึกคักก็แนะนำให้มาในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และถ้าชอปปิ้งกันจนจุใจแล้ว ก่อนกลับอย่าลืมแวะไหว้พระที่ “วัดทองประดิษฐ์” เพื่อความเป็นสิริมงคลกันด้วย


สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
เมืองไทยเรา นอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัดวาอารามสวยๆ หรือแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่เปิดมานานแล้ว ให้เลือกไปเที่ยวชมกันอยู่มากมาย ในระยะหลังๆ มานี้ ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เกิดขึ้นมาให้แวะเวียนกันไปในหลายๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็นพวกตลาด หรือสถานที่ถ่ายรูปสวยๆ ให้ผู้คนได้ไปแชะภาพและเช็คอินกัน
อย่างที่เที่ยวที่เพิ่งเปิดมาได้ไม่นานใกล้ๆ กรุงเทพฯ ก็มีอยู่หลายจุด เพราะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลามากนัก ขับรถออกมานอกเมืองไม่นานก็ได้เที่ยวกันสมใจแล้ว
อีกแห่งหนึ่งที่กำลังมาแรง เห็นหลายๆ คนเช็คอิน แชร์ภาพอยู่ในโลกโซเชียลก็คือ ที่ “สุพรรณบุรี” กับวิวทุ่งนาสวยๆ สุดลูกหูลูกตาที่ “หอชมทุ่งต้นตาล” ที่ตั้งอยู่ใน ต.ต้นตาล อ.สองพี่น้อง
แต่เดิมในบริเวณนี้ก็เป็นทุ่งนาทั่วไป ในภายหลัง ชาวบ้านในชุมชนต้นตาลได้ร่วมมือกันจัดสร้างเป็นหอชมทุ่งแห่งนี้ขึ้นมา เพื่อดึงดูดในนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมในบริเวณนี้
สำหรับ “หอชมทุ่งต้นตาล” เป็นหอแปดเหลี่ยม มีความกว้าง 11 เมตร มีความสูง 16 เมตร ฐานบนสุดกว้าง 4 เมตร มีทั้งหมด 3 ชั้น วัสดุโครงสร้างทำจากไม้ไผ่ 2,000 ลำ ใช้ระยะเวลาการสร้าง 1 เดือน อยู่กลางสระน้ำขนาดใหญ่ ใครที่มีกำลังขาและกำลังใจ ก็สามารถปีนบันไดไม้ไผ่ขึ้นไปชมวิวทุ่งนาแบบ 360 องศา กันที่ชั้นบนสุดได้เลย
ในแต่ละชั้นของหอชมทุ่ง จะมีแคร่ไม้ไผ่ให้นั่งพักเหนื่อยชมวิวกัน ส่วนที่ชั้นบนสุดก็มีเปลญวนฝีมือของชาวชุมชนต้นตาลผูกไว้ให้นอนเล่นรับลมกันแบบสบายใจ วิวที่ชั้นบนก็จะเห็นทุ่งนาสวยๆ เต็มพื้นที่กว่า 120 ไร่ ในแต่ละช่วงเดือนก็จะได้เห็นสีสันของต้นข้าวที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ยังเป็นต้นกล้าสีเขียว เริ่มออกรวง ไปจนกระทั่งเป็นสีเหลืองทอง เรียกว่าเป็นวิวที่เปลี่ยนไปไม่ซ้ำกันเลย และนอกจากวิวทุ่งนาสุดลูกหูลูกตาแล้ว วันไหนที่ฟ้าเปิดก็สามารถมองเห็นไปถึงวัดไผ่โรงวัวได้เลยทีเดียว
ด้านล่างของหอคอย ก็ยังทำเป็นสะพานไม้ให้เดินไปนั่งพักรับลมในเพิง สามารถมาให้อาหารปลาที่อยู่ในสระน้ำได้
ที่หอชมทุ่งแห่งนี้ เปิดให้บริการทุกวัน แต่จะมีคนเยอะหน่อยก็คือวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ส่วนใครที่ขับรถมา แนะนำให้นำไปจอดที่อาคารอเนกประสงค์ (ติดกับโรงเรียนแม่พระประจักษ์) ทางชุมชนมีบริการรถซาเล้งรับ-ส่งไปยังหอชมทุ่ง (ค่าบริการไป-กลับ คนละ 20 บาท)
ชมวิวทุ่งนาสวยๆ กันแล้ว ถ้าหากใครที่เริ่มหิว ก็มาต่อกันที่ “ตลาดน้ำสะพานโค้ง” ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก (สามารถขับรถเลาะมาตามคันนาได้ แต่อยู่ในระหว่างการปรับปรุงถนน หรือย้อนกลับมาทางตลาดบางลี่ก็ได้)
“ตลาดน้ำสะพานโค้ง” ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับ “วัดทองประดิษฐ์” (คนที่ขับรถมาก็สามารถจอดรถภายในวัดได้) และหากว่ามาถึงตลาดแห่งนี้แล้ว สิ่งที่จะเห็นเป็นอย่างแรกก็คือ “สุ่มปลายักษ์” ที่ถือว่าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของที่นี่ ใครมาถึงแล้วก็ต้องมาถ่ายรูปคู่กับเจ้าสุ่มยักษ์เสียหน่อย
สุ่มปลายักษ์ที่เห็นนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านในพื้นที่ ที่ช่วยกันสร้างขึ้นมาจากไม้ไผ่ในชุมชนกว่า 5,000 ลำ และเหตุที่เลือกเป็นสุ่มปลาก็เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ชาวบ้านในอำเภอสองพี่น้อง และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำลำคลองมีไว้ใช้กันเกือบทุกบ้าน ทั้งหาปลากินกันเองในครอบครัว และประกอบเป็นอาชีพ
ซึ่งสุ่มปลายักษ์นี้ก็สามารถปีนขึ้นบันไดไม้ไผ่ขึ้นไปด้านบนได้เช่นกัน สุ่มปลายักษ์มีทั้งหมด 4 ชั้น ชั้นบนสุดเป็นปากสุ่ม มีที่ยืนชมวิวโล่งๆ ได้ 360 องศา ส่วนที่ชั้นอื่นๆ ก็สามารถมองชมวิวด้านนอกได้เช่นกัน มีทั้งวิวตลาดน้ำด้านล่าง วิวลำคลองสวยๆ และวิวทุ่งนาเขียวขจี
ด้านล่างของสุ่มปลายักษ์ จะเชื่อมต่อกับสะพานไม้ไผ่ที่ทอดยาวมาจากฝั่งวัด ผ่านลำคลอง ยาวมาเป็นสะพานโค้ง ที่นี่เลยได้ชื่อว่า “ตลาดน้ำสะพานโค้ง” ซึ่งก็จะมีอาหาร เครื่องดื่ม และขนมต่างๆ ที่ชาวบ้านในชุมชนพายเรือมาเทียบท่าขายของ อาหารและขนมต่างๆ ส่วนใหญ่ก็จะทำมาจากผลผลิตที่ได้จากในชุมชน อาทิ ข้าวโพดปิ้ง กุ้งย่าง ส้มตำ ซาลาเปา ที่ขายในราคาย่อมเยา
เดินเที่ยวตลาดแล้ว ชิมของอร่อยๆ ไปหลายอย่างแล้ว ปีนขึ้นไปชมวิวมุมสูงบนสุ่มปลายักษ์ก็แล้ว อย่าลืมแวะถ่ายรูปตามมุมต่างๆ ในตลาด และกิจกรรมอีกอย่างที่ตลาดแห่งนี้คือ นั่งเรือโบราณชมวิว เป็นเรือพายแบบโบราณ ที่มีฝีพายแจวเรือให้นั่งชมวิถีชีวิตชาวบ้านริมคลอง และให้บรรยากาศตลาดน้ำท่ามกลางธรรมชาติ
ใครจะมาที่ตลาดแห่งนี้ก็สามารถมาได้ทุกวัน ในวันธรรมดาอาจจะมีของมาขายน้อยหน่อย ถ้าอยากได้บรรยากาศคึกคักก็แนะนำให้มาในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และถ้าชอปปิ้งกันจนจุใจแล้ว ก่อนกลับอย่าลืมแวะไหว้พระที่ “วัดทองประดิษฐ์” เพื่อความเป็นสิริมงคลกันด้วย
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager