Facebook :Travel @ Manager

“ปราสาทซ็อมโบร์เปร็ยกุก” หรือ “ปราสาทสมโบร์เปร็ยกุก” (Sambor Preikuk) ตั้งอยู่ที่จังหวัดกัมปงธม อยู่ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางทิศเหนือราว 206 กิโลเมตร เป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นในเมืองอิศานปุระ เมืองหลวงของอาณาจักรเจนละ อารยธรรมขอมที่เจริญรุ่งเรือง ในช่วงศตวรรษที่ 6-8
ปราสาทแห่งนี้นับว่าอีกหนึ่งปราสาทที่มีความเก่าแก่และมีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นปราสาทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นแหล่งมรดกโลกของกัมพูชา เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2017 ถือเป็นมรดกโลกแห่งที่ 3 ของประเทศ แหล่งมรดกโลกแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 20 ตารางกิโลเมตร และหลังจากได้รับการขึ้นทะเบียนทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ


ปัจจุบันกลุ่มปราสาทซ็อมโบร์เปร็ยกุก มีอายุกว่า 1300 ปี มีความเก่าแก่กว่าปราสาทนครวัดและปราสาทนครธมประมาณ 400 ปี โดยชื่อเรียกปราสาทแห่งนี้มีความหมายว่า มีวัดมากมายอยู่ในป่า โดยคำว่า “ซ็อมโบร์” แปลว่า เยอะ มากมาย ส่วนคำว่า “เปร็ย” แปลว่า ป่า และ “กุก” แปลว่า วัด ซึ่งถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวฝรั่งเศสในปี 1853

ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้จะมีปราสาทอยู่ทั้งสิ้น 293 แห่ง แต่ปัจจุบันเหลือให้เห็นอยู่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น เพราะเกิดการพังทลายลงมา รวมถึงเกิดความเสียหายจากลูกระเบิดในช่วงที่มีสงคราม ส่วนบริเวณรอบนอกจะถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำเหมือนกันนครวัด สำหรับการก่อสร้างปราสาทกลุ่มนี้สร้างด้วยอิฐ แล้ว มีลวดลายลงบนเนื้ออิฐ แต่ทับหลังบางส่วนก็มีการสลัก บนหินทราย แล้วยกมาประกอบ ลวดลายจำหลัก เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างจากศิลปะในยุคสมัยของนครวัด

เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณของกลุ่มปราสาทซ็อมโบร์เปร็ยกุก จะเห็นได้ว่าสถานที่แห่งนี้มีความร่มรื่นของร่มไม้ที่ขึ้นอยู่โดยรอบ จุดแรกจะพบกับซุ้มประตูเก่าแก่ตั้งอยู่บนเนินสูงมีต้นโพธิ์ขึ้นปกคลุมตามธรรมชาติ และพบกับซากโบราณสถานที่มีการบูรณะด้วยโครงสร้างเหล็กและหลังคา ซึ่งในส่วนนี้เองจะเป็น 1 ในวัดที่พังลงมาเมื่อปี 2006 เนื่องจากเกิดพายุฝนตกหนัก แต่ก่อนคือทางเดินผ่าน และยังมีลอยแกะสลักดอกบัวโบราณรวมถึงมีภาษาเขมรโบราณให้ได้เห็น



ส่วนปราสาทหลักของที่นี่มีลักษณะเป็นปราสาทขนาดใหญ่ เมื่อก่อนมีความสูงประมาณ 25 เมตร แต่เนื่องจากมีความเก่าแก่ทรุดโทรมจึงพังทลายลงมาบางส่วน ทำให้เหลืออยู่เพียง 17-18 เมตร และในอดีตนั้นภายในปราสาทจะมีศิวลึงค์และฐานโยนีประดิษฐานอยู่ ซึ่งศิวลึงค์ที่ตั้งอยู่ที่นี่ไม่ได้ทำจากหิน แต่เป็นศิวลึงที่ทำจากทองคำแท้ ปัจจุบันได้สูญหายไปแล้ว เหลืออยู่เพียงฐานโยนีเท่านั้น


ไม่ไกลกันนักจะพบกับอีกหนึ่งปราสาท ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ดีที่สุดของบริเวณนี้ ด้านหน้าจะมีสิงโตตั้งอยู่สองตัว มีลักษณะพิเศษโดดเด่นและแตกต่างจากสิงโตที่อื่นคือ เป็นสิงโตอ้าปาก และยกลำตัวขึ้นเล็กน้อย มีความหมายว่าเป็นสิงโตที่พร้อมจะโจมตีศัตรูที่เข้ามารุกราน



เมื่อก่อนนั้นจะมีสิงโตอยู่ด้านหน้าของประตูทั้ง 3 ด้าน รวมทั้งหมด 6 ตัว ด้านละ 2 ตัว ส่วนทางด้านทิศตะวันตกจะไม่มีเพราะประชาชนส่วนมาจะมีความเชื่อว่าจะไม่นอนหันหัวไปทางทิศตะวันตก ปัจจุบันนี้เหลือ 2 ตัวที่เหลือไว้ให้เราได้เห็นในบริเวณนี้ และนำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์กำปงธมจำนวน 3 ตัว และอีก 1 ตัวได้หายไปในช่วงสงครามกลางเมือง และบริเวณรอบๆ จะมีบันไดทางขึ้นหากใครได้ลองนับจำนวนขึ้นบันไดดู จะนับได้ว่าลงท้ายด้วยเลขคี่เท่านั้น เพราะเขามีความเชื่อว่าหากลงท้ายเลขคี่จะโชคดี


“ปราสาทซ็อมโบร์เปร็ยกุก” แม้จะเป็นสถานที่มีขนาดใหญ่ไม่เท่ากับปราสาทนครวัด แต่ปราสาทแห่งนี้ก็มีความเก่าแก่ และมีเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย หากใครมีโอกาสมาเยือนหรือมาท่องเที่ยวที่กัมพูชา ก็อย่าลืมแวะมาชมความงดงามของแหล่งมรดกโลกแห่งที่ 3 ของประเทศสักครั้ง
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
“ปราสาทซ็อมโบร์เปร็ยกุก” หรือ “ปราสาทสมโบร์เปร็ยกุก” (Sambor Preikuk) ตั้งอยู่ที่จังหวัดกัมปงธม อยู่ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางทิศเหนือราว 206 กิโลเมตร เป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นในเมืองอิศานปุระ เมืองหลวงของอาณาจักรเจนละ อารยธรรมขอมที่เจริญรุ่งเรือง ในช่วงศตวรรษที่ 6-8
ปราสาทแห่งนี้นับว่าอีกหนึ่งปราสาทที่มีความเก่าแก่และมีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นปราสาทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นแหล่งมรดกโลกของกัมพูชา เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2017 ถือเป็นมรดกโลกแห่งที่ 3 ของประเทศ แหล่งมรดกโลกแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 20 ตารางกิโลเมตร และหลังจากได้รับการขึ้นทะเบียนทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ
ปัจจุบันกลุ่มปราสาทซ็อมโบร์เปร็ยกุก มีอายุกว่า 1300 ปี มีความเก่าแก่กว่าปราสาทนครวัดและปราสาทนครธมประมาณ 400 ปี โดยชื่อเรียกปราสาทแห่งนี้มีความหมายว่า มีวัดมากมายอยู่ในป่า โดยคำว่า “ซ็อมโบร์” แปลว่า เยอะ มากมาย ส่วนคำว่า “เปร็ย” แปลว่า ป่า และ “กุก” แปลว่า วัด ซึ่งถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวฝรั่งเศสในปี 1853
ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้จะมีปราสาทอยู่ทั้งสิ้น 293 แห่ง แต่ปัจจุบันเหลือให้เห็นอยู่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น เพราะเกิดการพังทลายลงมา รวมถึงเกิดความเสียหายจากลูกระเบิดในช่วงที่มีสงคราม ส่วนบริเวณรอบนอกจะถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำเหมือนกันนครวัด สำหรับการก่อสร้างปราสาทกลุ่มนี้สร้างด้วยอิฐ แล้ว มีลวดลายลงบนเนื้ออิฐ แต่ทับหลังบางส่วนก็มีการสลัก บนหินทราย แล้วยกมาประกอบ ลวดลายจำหลัก เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างจากศิลปะในยุคสมัยของนครวัด
เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณของกลุ่มปราสาทซ็อมโบร์เปร็ยกุก จะเห็นได้ว่าสถานที่แห่งนี้มีความร่มรื่นของร่มไม้ที่ขึ้นอยู่โดยรอบ จุดแรกจะพบกับซุ้มประตูเก่าแก่ตั้งอยู่บนเนินสูงมีต้นโพธิ์ขึ้นปกคลุมตามธรรมชาติ และพบกับซากโบราณสถานที่มีการบูรณะด้วยโครงสร้างเหล็กและหลังคา ซึ่งในส่วนนี้เองจะเป็น 1 ในวัดที่พังลงมาเมื่อปี 2006 เนื่องจากเกิดพายุฝนตกหนัก แต่ก่อนคือทางเดินผ่าน และยังมีลอยแกะสลักดอกบัวโบราณรวมถึงมีภาษาเขมรโบราณให้ได้เห็น
ส่วนปราสาทหลักของที่นี่มีลักษณะเป็นปราสาทขนาดใหญ่ เมื่อก่อนมีความสูงประมาณ 25 เมตร แต่เนื่องจากมีความเก่าแก่ทรุดโทรมจึงพังทลายลงมาบางส่วน ทำให้เหลืออยู่เพียง 17-18 เมตร และในอดีตนั้นภายในปราสาทจะมีศิวลึงค์และฐานโยนีประดิษฐานอยู่ ซึ่งศิวลึงค์ที่ตั้งอยู่ที่นี่ไม่ได้ทำจากหิน แต่เป็นศิวลึงที่ทำจากทองคำแท้ ปัจจุบันได้สูญหายไปแล้ว เหลืออยู่เพียงฐานโยนีเท่านั้น
ไม่ไกลกันนักจะพบกับอีกหนึ่งปราสาท ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ดีที่สุดของบริเวณนี้ ด้านหน้าจะมีสิงโตตั้งอยู่สองตัว มีลักษณะพิเศษโดดเด่นและแตกต่างจากสิงโตที่อื่นคือ เป็นสิงโตอ้าปาก และยกลำตัวขึ้นเล็กน้อย มีความหมายว่าเป็นสิงโตที่พร้อมจะโจมตีศัตรูที่เข้ามารุกราน
เมื่อก่อนนั้นจะมีสิงโตอยู่ด้านหน้าของประตูทั้ง 3 ด้าน รวมทั้งหมด 6 ตัว ด้านละ 2 ตัว ส่วนทางด้านทิศตะวันตกจะไม่มีเพราะประชาชนส่วนมาจะมีความเชื่อว่าจะไม่นอนหันหัวไปทางทิศตะวันตก ปัจจุบันนี้เหลือ 2 ตัวที่เหลือไว้ให้เราได้เห็นในบริเวณนี้ และนำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์กำปงธมจำนวน 3 ตัว และอีก 1 ตัวได้หายไปในช่วงสงครามกลางเมือง และบริเวณรอบๆ จะมีบันไดทางขึ้นหากใครได้ลองนับจำนวนขึ้นบันไดดู จะนับได้ว่าลงท้ายด้วยเลขคี่เท่านั้น เพราะเขามีความเชื่อว่าหากลงท้ายเลขคี่จะโชคดี
“ปราสาทซ็อมโบร์เปร็ยกุก” แม้จะเป็นสถานที่มีขนาดใหญ่ไม่เท่ากับปราสาทนครวัด แต่ปราสาทแห่งนี้ก็มีความเก่าแก่ และมีเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย หากใครมีโอกาสมาเยือนหรือมาท่องเที่ยวที่กัมพูชา ก็อย่าลืมแวะมาชมความงดงามของแหล่งมรดกโลกแห่งที่ 3 ของประเทศสักครั้ง
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager