Facebook :Travel @ Manager

แม้ในกรุงเทพฯ จะสัมผัสลมหนาวได้แบบริบหรี่เต็มที แต่ขณะนี้อากาศทางภาคเหนือก็กำลังเย็นสบาย เหมาะที่จะเก็บกระเป๋ามาท่องเที่ยวเป็นที่สุด
“ตะลอนเที่ยว” เพิ่งได้เดินทางไปท่องเที่ยวภาคเหนือที่ "อำเภอเมืองปาน" จังหวัดลำปาง อำเภอที่หลายๆ คนอาจไม่คุ้นหู ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่เมื่อได้ไปเยือนแล้วกลับประทับใจกับวิถีชีวิตของคนในชุมชนน่ารักหลายๆ แห่ง รวมไปถึงธรรมชาติสวยงามมหัศจรรย์ของน้ำพุร้อนแจ้ซ้อนซึ่งมีพื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ในอำเภอเมืองปาน จนต้องมาบอกต่อชักชวนให้คนอื่นๆ มาเที่ยวกันบ้าง

และในเส้นทางที่ไปสู่อำเภอเมืองปานนี้ยังเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่อย่าง “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก” ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ พัฒนาและสาธิตการทำเกษตรกรรม อาทิ การปลูกเห็ดหอมและกาแฟเพื่อเป็นอาชีพเสริมแก่ชาวบ้านในแถบนั้น บ้านพักในโครงการหลวงตีนตกยังขึ้นชื่อในเรื่องของทิวทัศน์ที่แสนร่มรื่นและงดงาม มีลำธารแม่ลายไหลผ่านชุ่มฉ่ำยิ่งนัก
ไม่ไกลกับศูนย์ฯ ตีนตกเป็นที่ตั้งของ “หมู่บ้านแม่กำปอง” แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความฮิปความเก๋ ด้วยบรรยากาศของหมู่บ้านที่น่ารักน่าเดินเล่น เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกมีดีไซน์ มีร้านกาแฟหลายร้านที่ตกแต่งมาให้ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมาก

และหากมาเที่ยวถึงแม่กำปองแล้ว “ตะลอนเที่ยว” ก็ขอแนะนำให้เลยมาลำปางเสียเลย รับรองเส้นทางท่องเที่ยวครั้งนี้จะเต็มอิ่มไปด้วยความประทับใจ โดยขับรถเลยมาจากหมู่บ้านแม่กำปองไม่ไกล ก็จะเข้าสู่เขตอำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง ซึ่งมีจุดชมวิว “กิ่วฝิ่น” เป็นแหล่งท่องเที่ยวจุดแรก
“กิ่วฝิ่น” เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่ในเขตรอยต่อระหว่างลำปางและเชียงใหม่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,517 ม. ในวันที่ท้องฟ้าเปิดสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ถึง 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน มองเห็นคลื่นภูเขาไกลสุดลูกหูลูกตา และยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกชั้นดีที่ความสวยงามไม่น้อย โดยในช่วงหน้าหนาวอากาศที่นี่ก็จะเย็นสดชื่นสุดๆ ไปเลย

จากกิ่วฝิ่นขับรถต่ออีกราว 6 ก.ม. ก็จะมาถึง “หมู่บ้านป่าเหมี้ยง” อีกหนึ่งชุมชนน่ารักที่ได้บุกเบิกเรื่องของการท่องเที่ยวชุมชนมาเป็นเวลานาน พื้นที่ตั้งของหมู่บ้านที่อยู่บนดอยสูงแห่งเทือกเขาผีปันน้ำ ทำให้หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้มีอากาศเย็นสบายและเงียบสงบ
ชื่อของหมู่บ้าน “ป่าเหมี้ยง” มาจาก “ต้นเหมี้ยง” (บ้างเขียนเมี่ยง) ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ปลูกโอบล้อมหมู่บ้านป่าเหมี้ยงไว้ โดยต้นเหมี้ยงก็คือต้นชานั่นเอง แต่ที่นี่จะไม่นิยมเก็บยอดอ่อนเพื่อทำใบชา แต่จะเก็บใบอ่อนเพื่อนำไปหมักผ่านกระบวนการต่างๆ จนมีรสเปรี้ยว เรียกว่า “เหมี้ยง” โดยถือเป็นของกินเล่นในวัฒนธรรมของภาคเหนือโดยทั่วไปคล้ายกับการกินหมาก คนเหนือแต่ละบ้านจะมีเหมี้ยงไว้ต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยือน


นอกจากจะทำเหมี้ยงไว้เคี้ยวกินเล่นแล้ว ที่นี่ยังนำใบเหมี้ยงแก่มาแปรรูปเป็น “หมอนใบชา” โดยเอาใบเหมี้ยงแก่มาอบแห้งจนมีกลิ่นหอมแล้วนำไปยัดไส้หมอน นอนหนุนไปก็สูดกลิ่นไปชาหอมๆ ไปด้วย ช่วยทำให้หายใจคล่อง ผ่อนคลายหลับสบายอีกด้วย
“ตะลอนเที่ยว” ได้เดินเล่นในหมู่บ้านป่าเหมี้ยง ได้ชมฐานการเรียนรู้ต่างๆ ทั้งฐานการเก็บใบเหมี้ยง ฐานการทำหมอนใบชา จึงได้เห็นว่าหมู่บ้านนี้น่ารักน่าอยู่ไม่น้อย แต่ละบ้านปลูกต้นไม้ดอกไม้ มีถนนเล็กๆ เป็นเนินไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นจุดชมวิวหมู่บ้านมุมสูงได้อย่างสวยงาม แถมยังมีงานสตรีทอาร์ตเล็กๆ แอบซ่อนอยู่ในหมู่บ้านเป็นรูปแมวเหมียวโผล่ทะลุกำแพงออกมา โดยได้ทีมช่างทีมเดียวกับที่วาดงานสตรีทอาร์ตริมแม่น้ำวังในตัวเมืองลำปาง ซึ่งเป็นโปรเจ็คของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง "ทรงพล สวาสดิ์ธรรม" ที่อยากสร้างสีสันให้บ้านป่าเหมี้ยงสดใสมากขึ้นกว่าเดิม ในอนาคตก็จะมีภาพสตรีทอาร์ตภาพอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วย ไว้มาติดตามดูกันต่อ


และหากใครมาบ้านป่าเหมี้ยงในช่วงวันแห่งความรักเดือนกุมภาพันธ์ ก็มีโบนัสแถมให้ด้วยคือจะได้ชมดอกเสี้ยวสีขาวอมชมพูผลิบานขาวโพลนไปทั่วทั้งภูเขา แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ สดชื่น ชมได้ทั้งในหมู่บ้านและบริเวณริมถนน
ขอแนะนำให้พักค้างและทำกิจกรรมในชุมชนที่บ้านป่าเหมี้ยงสักคืน จะได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศให้เต็มที่ โดยมีค่าใช้จ่ายเพียงคนละ 850 บาท เท่านั้น ครอบคลุมทั้งค่าที่พัก อาหาร และกิจกรรมในชุมชน (ดูรายละเอียดได้ในเพจเฟซบุค : ชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง นครลำปาง)


เดินทางกันต่อมายังอีกหนึ่งไฮไลท์ของเส้นทางนี้ นั่นคือ “อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน” ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมทั้ง อ.เมืองปาน อ.แจ้ห่ม อ.วังเหนือ และ อ.เมืองลำปาง ที่แจ้ซ้อนนี้โด่งดังในเรื่องของน้ำพุร้อนและทัศนียภาพที่สวยงาม มีน้ำพุร้อนทั้งหมด 9 บ่อ ในพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ มีลักษณะเป็นโขดหินน้อยใหญ่กระจัดกระจาย และมีไอน้ำลอยกรุ่นขึ้นจากบ่อปกคลุมรอบบริเวณราวกับสายหมอก สวยงามเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะในยามเช้าที่พระอาทิตย์สาดแสงแรกส่องผ่านไอน้ำดูงามราวกับภาพฝันเลยทีเดียว


ที่นี่มีทั้งบ่อแช่ตัวแบบบ่อรวมกลางแจ้ง บ่อแช่เท้าที่อยู่ริมลำธารบรรยากาศสุดชิลล์ มีบ่อแช่แบบส่วนตัวเป็นหลังๆ ที่สร้างได้งดงามกลมกลืนกับพื้นที่ แล้วก็ยังมีบ่อต้มไข่ให้ได้สนุกสนานและเอร็ดอร่อยไปกับไข่ต้มน้ำพุร้อน โดยน้ำพุร้อนจะมีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 73 องศาเซลเซียส ถ้านำไข่ไก่ลงแช่นาน 17 นาทีก็จะได้ไข่ออนเซนที่ไข่แดงสุกกลมส่วนไข่ขาวจะยังเหลวกลืนคล่องคอ จะกินเปล่าๆ หรือเพิ่มรสชาติเหยาะซีอิ้วพริกไทยนิดหน่อยแบบไหนก็อร่อยทั้งนั้น ไม่มีกลิ่นคาวไข่ กินเพลินๆ แป๊บเดียวหมดไปแล้วสามฟอง หรือจะนำไปทำยำไข่น้ำแร่ ใส่หอมแดง ใส่พริกขี้หนู เติมน้ำปลาเสียหน่อย โอ้โหใครหนอช่างคิดเมนูนี้ อร่อยจริงๆ

มาถึงแหล่งท่องเที่ยวสุดท้ายในเส้นทางที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้มาเยือน ที่ “บ้านแม่แจ๋ม” ซึ่งอยู่ห่างจากอุทยานฯ แจ้ซ้อนมาอีกราว 30 ก.ม. หมู่บ้านแห่งนี้มีภูเขาโอบล้อมทำให้มีอากาศเย็นสบายตลอดปี และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่และบริเวณโดยรอบจะเป็นชาวไทยภูเขา ทั้งเผ่าเย้าและลาหู่ จึงมีประเพณี วัฒนธรรม ภาษาพูดและการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ต่างกันไป
คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่แล้วทำเกษตรกรรม โดยมีการส่งเสริมให้ปลูกพืชผลไม้เมืองหนาวอย่างลูกพลับ สาลี่ อะโวคาโด เสาวรส แต่ที่ทำกันจนเป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อมๆ ก็คือ “กาแฟอะราบิกา” คุณภาพดี ชาวบ้านปลูกกันมากว่า 20 ปีโดยการสนับสนุนจากโครงการหลวง กาแฟของที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของการเป็นเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช้สารพิษ


อีกหนึ่งผลิตผลที่สร้างรายได้ให้คนในหมู่บ้านได้เป็นอย่างดีก็คือ “ถั่วแมคคาเดเมีย” เนื่องจากดินที่อุดมสมบูรณ์และสภาพอากาศเหมาะสม ที่นี่จึงสามารถปลูกต้นแมคคาเดเมียและให้ผลผลิตได้เป็นอย่างดี เป็นที่ต้องการของตลาด และนอกจากจะกินผลอบแห้งแล้ว คนที่นี่ยังคิดค้นเมนูพิเศษอย่าง “น้ำพริกแมคคาเดเมีย” ที่นำเอาถั่วแมคาเดเมียมาตำรวมกับพริกหนุ่ม หอมแดง กระเทียม กลายเป็นน้ำพริกรสชาติหอมมันแปลกไปอีกแบบ ต้องมาลองชิมว่าอร่อยหรือไม่
นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีการทำเกษตรปลูกสวนส้ม ปลูกพริกหวาน รวมไปถึงอาชีพเสริมอย่างการทอผ้าส่งให้ศูนย์ศิลปาชีพและการจักสานไม้ไผ่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ โดยเมื่อวันที่ 1-2 ธ.ค. ที่ผ่านมา ทางจังหวัดลำปางก็ได้จัดงาน “แม่แจ๋ม แจ่มแต้หนา” ขึ้นที่หมู่บ้านแม่แจ๋มแห่งนี้ โดยได้นำเอาของดีที่กล่าวมา ทั้งผลิตผลทางการเกษตรและงานหัตถกรรมต่างๆ มานำเสนอให้นักท่องเที่ยวได้ยลกัน ทำให้คนได้รู้จักบ้านแม่แจ๋มมากขึ้น และคนในชุมชนเองก็จะได้กระตือรือร้นที่จะพัฒนาสินค้าของตนให้มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของนักท่องเที่ยวด้วย




ในวันนั้น “ตะลอนเที่ยว” ก็ได้ไปชมจุดชมวิวของบ้านแม่แจ๋มที่เพิ่งเปิดใหม่สดๆ ร้อนๆ อย่าง “กิ่วหิน” ที่มีลักษณะเป็นทางเดินบนสันเขาแคบๆ ระยะทางราว 100 เมตร ตรงสุดทางเดินมีเพิงหินใหญ่สามารถขึ้นไปชมวิวได้แบบ 360 องศา และที่นี่ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ก็คือเส้นทางท่องเที่ยวที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้ไปสัมผัสและรับเอาความประทับใจกลับมาบอกต่อให้คนที่กำลังวางแผนเดินทางท่องเที่ยวภาคเหนือได้ลองตามมาเที่ยวกัน โดยเฉพาะคนที่หลงเสน่ห์การท่องเที่ยวในชุมชน ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตที่แตกต่างไปจากที่เราคุ้นเคย ทั้งยังได้ยลทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงามในแต่ละพื้นที่ อย่าลืมเลือก “ลำปาง” ให้เป็น “ปลายทางฝัน” โดยเฉพาะที่ “อำเภอเมืองปาน” แห่งนี้ด้วย

สอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักพัฒนาชุมชนจังหวัดลำปางโทร.0 5426 5055 สำนักพัฒนาชุมชนอำเภอเมืองปาน โทร.0 5427 6071
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
แม้ในกรุงเทพฯ จะสัมผัสลมหนาวได้แบบริบหรี่เต็มที แต่ขณะนี้อากาศทางภาคเหนือก็กำลังเย็นสบาย เหมาะที่จะเก็บกระเป๋ามาท่องเที่ยวเป็นที่สุด
“ตะลอนเที่ยว” เพิ่งได้เดินทางไปท่องเที่ยวภาคเหนือที่ "อำเภอเมืองปาน" จังหวัดลำปาง อำเภอที่หลายๆ คนอาจไม่คุ้นหู ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่เมื่อได้ไปเยือนแล้วกลับประทับใจกับวิถีชีวิตของคนในชุมชนน่ารักหลายๆ แห่ง รวมไปถึงธรรมชาติสวยงามมหัศจรรย์ของน้ำพุร้อนแจ้ซ้อนซึ่งมีพื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ในอำเภอเมืองปาน จนต้องมาบอกต่อชักชวนให้คนอื่นๆ มาเที่ยวกันบ้าง
และในเส้นทางที่ไปสู่อำเภอเมืองปานนี้ยังเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่อย่าง “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก” ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ พัฒนาและสาธิตการทำเกษตรกรรม อาทิ การปลูกเห็ดหอมและกาแฟเพื่อเป็นอาชีพเสริมแก่ชาวบ้านในแถบนั้น บ้านพักในโครงการหลวงตีนตกยังขึ้นชื่อในเรื่องของทิวทัศน์ที่แสนร่มรื่นและงดงาม มีลำธารแม่ลายไหลผ่านชุ่มฉ่ำยิ่งนัก
ไม่ไกลกับศูนย์ฯ ตีนตกเป็นที่ตั้งของ “หมู่บ้านแม่กำปอง” แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความฮิปความเก๋ ด้วยบรรยากาศของหมู่บ้านที่น่ารักน่าเดินเล่น เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกมีดีไซน์ มีร้านกาแฟหลายร้านที่ตกแต่งมาให้ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมาก
และหากมาเที่ยวถึงแม่กำปองแล้ว “ตะลอนเที่ยว” ก็ขอแนะนำให้เลยมาลำปางเสียเลย รับรองเส้นทางท่องเที่ยวครั้งนี้จะเต็มอิ่มไปด้วยความประทับใจ โดยขับรถเลยมาจากหมู่บ้านแม่กำปองไม่ไกล ก็จะเข้าสู่เขตอำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง ซึ่งมีจุดชมวิว “กิ่วฝิ่น” เป็นแหล่งท่องเที่ยวจุดแรก
“กิ่วฝิ่น” เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่ในเขตรอยต่อระหว่างลำปางและเชียงใหม่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,517 ม. ในวันที่ท้องฟ้าเปิดสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ถึง 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน มองเห็นคลื่นภูเขาไกลสุดลูกหูลูกตา และยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกชั้นดีที่ความสวยงามไม่น้อย โดยในช่วงหน้าหนาวอากาศที่นี่ก็จะเย็นสดชื่นสุดๆ ไปเลย
จากกิ่วฝิ่นขับรถต่ออีกราว 6 ก.ม. ก็จะมาถึง “หมู่บ้านป่าเหมี้ยง” อีกหนึ่งชุมชนน่ารักที่ได้บุกเบิกเรื่องของการท่องเที่ยวชุมชนมาเป็นเวลานาน พื้นที่ตั้งของหมู่บ้านที่อยู่บนดอยสูงแห่งเทือกเขาผีปันน้ำ ทำให้หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้มีอากาศเย็นสบายและเงียบสงบ
ชื่อของหมู่บ้าน “ป่าเหมี้ยง” มาจาก “ต้นเหมี้ยง” (บ้างเขียนเมี่ยง) ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ปลูกโอบล้อมหมู่บ้านป่าเหมี้ยงไว้ โดยต้นเหมี้ยงก็คือต้นชานั่นเอง แต่ที่นี่จะไม่นิยมเก็บยอดอ่อนเพื่อทำใบชา แต่จะเก็บใบอ่อนเพื่อนำไปหมักผ่านกระบวนการต่างๆ จนมีรสเปรี้ยว เรียกว่า “เหมี้ยง” โดยถือเป็นของกินเล่นในวัฒนธรรมของภาคเหนือโดยทั่วไปคล้ายกับการกินหมาก คนเหนือแต่ละบ้านจะมีเหมี้ยงไว้ต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยือน
นอกจากจะทำเหมี้ยงไว้เคี้ยวกินเล่นแล้ว ที่นี่ยังนำใบเหมี้ยงแก่มาแปรรูปเป็น “หมอนใบชา” โดยเอาใบเหมี้ยงแก่มาอบแห้งจนมีกลิ่นหอมแล้วนำไปยัดไส้หมอน นอนหนุนไปก็สูดกลิ่นไปชาหอมๆ ไปด้วย ช่วยทำให้หายใจคล่อง ผ่อนคลายหลับสบายอีกด้วย
“ตะลอนเที่ยว” ได้เดินเล่นในหมู่บ้านป่าเหมี้ยง ได้ชมฐานการเรียนรู้ต่างๆ ทั้งฐานการเก็บใบเหมี้ยง ฐานการทำหมอนใบชา จึงได้เห็นว่าหมู่บ้านนี้น่ารักน่าอยู่ไม่น้อย แต่ละบ้านปลูกต้นไม้ดอกไม้ มีถนนเล็กๆ เป็นเนินไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นจุดชมวิวหมู่บ้านมุมสูงได้อย่างสวยงาม แถมยังมีงานสตรีทอาร์ตเล็กๆ แอบซ่อนอยู่ในหมู่บ้านเป็นรูปแมวเหมียวโผล่ทะลุกำแพงออกมา โดยได้ทีมช่างทีมเดียวกับที่วาดงานสตรีทอาร์ตริมแม่น้ำวังในตัวเมืองลำปาง ซึ่งเป็นโปรเจ็คของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง "ทรงพล สวาสดิ์ธรรม" ที่อยากสร้างสีสันให้บ้านป่าเหมี้ยงสดใสมากขึ้นกว่าเดิม ในอนาคตก็จะมีภาพสตรีทอาร์ตภาพอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วย ไว้มาติดตามดูกันต่อ
และหากใครมาบ้านป่าเหมี้ยงในช่วงวันแห่งความรักเดือนกุมภาพันธ์ ก็มีโบนัสแถมให้ด้วยคือจะได้ชมดอกเสี้ยวสีขาวอมชมพูผลิบานขาวโพลนไปทั่วทั้งภูเขา แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ สดชื่น ชมได้ทั้งในหมู่บ้านและบริเวณริมถนน
ขอแนะนำให้พักค้างและทำกิจกรรมในชุมชนที่บ้านป่าเหมี้ยงสักคืน จะได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศให้เต็มที่ โดยมีค่าใช้จ่ายเพียงคนละ 850 บาท เท่านั้น ครอบคลุมทั้งค่าที่พัก อาหาร และกิจกรรมในชุมชน (ดูรายละเอียดได้ในเพจเฟซบุค : ชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง นครลำปาง)
เดินทางกันต่อมายังอีกหนึ่งไฮไลท์ของเส้นทางนี้ นั่นคือ “อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน” ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมทั้ง อ.เมืองปาน อ.แจ้ห่ม อ.วังเหนือ และ อ.เมืองลำปาง ที่แจ้ซ้อนนี้โด่งดังในเรื่องของน้ำพุร้อนและทัศนียภาพที่สวยงาม มีน้ำพุร้อนทั้งหมด 9 บ่อ ในพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ มีลักษณะเป็นโขดหินน้อยใหญ่กระจัดกระจาย และมีไอน้ำลอยกรุ่นขึ้นจากบ่อปกคลุมรอบบริเวณราวกับสายหมอก สวยงามเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะในยามเช้าที่พระอาทิตย์สาดแสงแรกส่องผ่านไอน้ำดูงามราวกับภาพฝันเลยทีเดียว
ที่นี่มีทั้งบ่อแช่ตัวแบบบ่อรวมกลางแจ้ง บ่อแช่เท้าที่อยู่ริมลำธารบรรยากาศสุดชิลล์ มีบ่อแช่แบบส่วนตัวเป็นหลังๆ ที่สร้างได้งดงามกลมกลืนกับพื้นที่ แล้วก็ยังมีบ่อต้มไข่ให้ได้สนุกสนานและเอร็ดอร่อยไปกับไข่ต้มน้ำพุร้อน โดยน้ำพุร้อนจะมีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 73 องศาเซลเซียส ถ้านำไข่ไก่ลงแช่นาน 17 นาทีก็จะได้ไข่ออนเซนที่ไข่แดงสุกกลมส่วนไข่ขาวจะยังเหลวกลืนคล่องคอ จะกินเปล่าๆ หรือเพิ่มรสชาติเหยาะซีอิ้วพริกไทยนิดหน่อยแบบไหนก็อร่อยทั้งนั้น ไม่มีกลิ่นคาวไข่ กินเพลินๆ แป๊บเดียวหมดไปแล้วสามฟอง หรือจะนำไปทำยำไข่น้ำแร่ ใส่หอมแดง ใส่พริกขี้หนู เติมน้ำปลาเสียหน่อย โอ้โหใครหนอช่างคิดเมนูนี้ อร่อยจริงๆ
มาถึงแหล่งท่องเที่ยวสุดท้ายในเส้นทางที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้มาเยือน ที่ “บ้านแม่แจ๋ม” ซึ่งอยู่ห่างจากอุทยานฯ แจ้ซ้อนมาอีกราว 30 ก.ม. หมู่บ้านแห่งนี้มีภูเขาโอบล้อมทำให้มีอากาศเย็นสบายตลอดปี และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่และบริเวณโดยรอบจะเป็นชาวไทยภูเขา ทั้งเผ่าเย้าและลาหู่ จึงมีประเพณี วัฒนธรรม ภาษาพูดและการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ต่างกันไป
คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่แล้วทำเกษตรกรรม โดยมีการส่งเสริมให้ปลูกพืชผลไม้เมืองหนาวอย่างลูกพลับ สาลี่ อะโวคาโด เสาวรส แต่ที่ทำกันจนเป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อมๆ ก็คือ “กาแฟอะราบิกา” คุณภาพดี ชาวบ้านปลูกกันมากว่า 20 ปีโดยการสนับสนุนจากโครงการหลวง กาแฟของที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของการเป็นเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช้สารพิษ
อีกหนึ่งผลิตผลที่สร้างรายได้ให้คนในหมู่บ้านได้เป็นอย่างดีก็คือ “ถั่วแมคคาเดเมีย” เนื่องจากดินที่อุดมสมบูรณ์และสภาพอากาศเหมาะสม ที่นี่จึงสามารถปลูกต้นแมคคาเดเมียและให้ผลผลิตได้เป็นอย่างดี เป็นที่ต้องการของตลาด และนอกจากจะกินผลอบแห้งแล้ว คนที่นี่ยังคิดค้นเมนูพิเศษอย่าง “น้ำพริกแมคคาเดเมีย” ที่นำเอาถั่วแมคาเดเมียมาตำรวมกับพริกหนุ่ม หอมแดง กระเทียม กลายเป็นน้ำพริกรสชาติหอมมันแปลกไปอีกแบบ ต้องมาลองชิมว่าอร่อยหรือไม่
นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีการทำเกษตรปลูกสวนส้ม ปลูกพริกหวาน รวมไปถึงอาชีพเสริมอย่างการทอผ้าส่งให้ศูนย์ศิลปาชีพและการจักสานไม้ไผ่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ โดยเมื่อวันที่ 1-2 ธ.ค. ที่ผ่านมา ทางจังหวัดลำปางก็ได้จัดงาน “แม่แจ๋ม แจ่มแต้หนา” ขึ้นที่หมู่บ้านแม่แจ๋มแห่งนี้ โดยได้นำเอาของดีที่กล่าวมา ทั้งผลิตผลทางการเกษตรและงานหัตถกรรมต่างๆ มานำเสนอให้นักท่องเที่ยวได้ยลกัน ทำให้คนได้รู้จักบ้านแม่แจ๋มมากขึ้น และคนในชุมชนเองก็จะได้กระตือรือร้นที่จะพัฒนาสินค้าของตนให้มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของนักท่องเที่ยวด้วย
ในวันนั้น “ตะลอนเที่ยว” ก็ได้ไปชมจุดชมวิวของบ้านแม่แจ๋มที่เพิ่งเปิดใหม่สดๆ ร้อนๆ อย่าง “กิ่วหิน” ที่มีลักษณะเป็นทางเดินบนสันเขาแคบๆ ระยะทางราว 100 เมตร ตรงสุดทางเดินมีเพิงหินใหญ่สามารถขึ้นไปชมวิวได้แบบ 360 องศา และที่นี่ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ก็คือเส้นทางท่องเที่ยวที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้ไปสัมผัสและรับเอาความประทับใจกลับมาบอกต่อให้คนที่กำลังวางแผนเดินทางท่องเที่ยวภาคเหนือได้ลองตามมาเที่ยวกัน โดยเฉพาะคนที่หลงเสน่ห์การท่องเที่ยวในชุมชน ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตที่แตกต่างไปจากที่เราคุ้นเคย ทั้งยังได้ยลทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงามในแต่ละพื้นที่ อย่าลืมเลือก “ลำปาง” ให้เป็น “ปลายทางฝัน” โดยเฉพาะที่ “อำเภอเมืองปาน” แห่งนี้ด้วย
สอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักพัฒนาชุมชนจังหวัดลำปางโทร.0 5426 5055 สำนักพัฒนาชุมชนอำเภอเมืองปาน โทร.0 5427 6071
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager