xs
xsm
sm
md
lg

พิชิตความกล้าปีนผา “หาดไร่เลย์” ยลเสน่ห์ชาวเล “เกาะลันตา”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Facebook :Travel @ Manager
ความงดงามของ “หาดไร่เลย์” จ.กระบี่
“กระบี่ เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก” เป็นคำขวัญสั้นๆ ที่เชิญชวนให้คนชอบเที่ยวอย่าง “ตะลอนเที่ยว” มักจะหาเวลามาเที่ยวยังจังหวัด “กระบี่” อยู่บ่อยครั้ง เพราะว่ามีความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางบก ทางทะเล และมีเรื่องราวของวัฒนธรรม ประเพณีและวิถีชีวิตของชาวใต้ที่น่าหลงใหล
สะพานข้ามเชื่อมเกาะลันตาน้อยกับเกาะลันตาใหญ่
ว่าแล้วทริปนี้ “ตะลอนเที่ยว” ก็แบกเป้และกล้องคู่กาย พร้อมรองเท้าผ้าใบคู่ใจ ออกเดินทางมาตะลุยกระบี่ และเลือกไปเที่ยวเกาะที่ไม่วุ่นวาย ไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวเลทางภาคใต้ที่น่าสนใจ โดยมีจุดมุ่งหมายมาที่ “เกาะลันตา” เป็นเกาะขนาดใหญ่ในทะเลอันดามัน ประกอบไปด้วย เกาะลันตาน้อย และเกาะลันตาใหญ่

เราเลือกที่จะไปเที่ยวยังเกาะลันตาใหญ่ ซึ่งการเดินทางเดี๋ยวนี้ก็แสนจะสะดวกสบาย มีสะพานให้ใช้สัญจรข้ามเชื่อมเกาะลันตาน้อยไปยังเกาะลันตาใหญ่ เพียงแค่ขับรถลงแพข้ามมาที่เกาะลันตาน้อย จากนั้นก็ขับรถวิ่งขึ้นสะพานข้ามมายังเกาะลันตาใหญ่ได้เลย เรียกว่าช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางไปได้พอสมควร ไม่ต้องเสียเวลารอต่อแพข้ามฝั่ง
ท้องทะเลอันเงียบสงบที่เกาะลันตา
ทันทีที่มาถึงยังเกาะลันตาใหญ่ เราก็มุ่งหน้ามาสัมผัสเสน่ห์ของชุมชนเก่าแก่บนเกาะลันตา กันที่ “เมืองเก่าลันตา” (Lanta Old Town) เมื่อมาถึงย่านชุมชนเก่าแก่นี้ เราสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของวิถีชีวิตชาวชุมชนแบบดั้งเดิม ซึ่งที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของพี่น้องชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ที่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย มีความรักใคร่กลมเกลียวกันเป็นอย่างดี อยู่กันอย่างสงบและมีความสันติสุข
บ้านเรือนไม้เก่าแก่ที่ย่านชุมชนเมืองเก่าลันตา
ตลอดแนวถนนสั้นๆ ทั้งสองฟากฝั่ง เราได้เห็นบ้านเรือนไม้เก่าแก่ ที่แต่ละหลังทรงคุณค่างดงาม และยังดูมีชีวิตชีวา เพราะว่าชาวบ้านยังคงอยู่อาศัย บางหลังถูกดัดแปลงให้เป็นเกสต์เฮาส์เก๋ๆ ชวนพัก บ้างเป็นร้านกาแฟ ร้านอาหารสวยๆ ตั้งอยู่ริมทะเลชวนกิน บางหลังก็เปิดหน้าบ้านเป็นร้านขายของฝากของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว แล้วก็ยังมีศาลเจ้าจีนเก่าแก่ประจำชุมชนให้เข้าไปไหว้เจ้าขอพรด้วย
“พิพิธภัณฑ์ชุมชนชาวเกาะลันตา” จัดแสดงเรื่องราวชาวเกาะลันตา
แล้วถ้าหากอยากรู้ประวัติความเป็นมาของชาวเกะลันตา พร้อมกับรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณีต่างๆ ที่น่าสนใจของชาวเกาะลันตาก็มาชมกันที่นี่ “พิพิธภัณฑ์ชุมชนชาวเกาะลันตา” เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ที่สวยงามเป็นอย่างมาก เพราะนำเอาอาคารไม้สัก 2 ชั้น ที่เมื่ออดีตเป็นที่ว่าการอำเภอเกาะลันตาหลังเก่า สร้างขึ้นในสมัย ร.5 มีอายุกว่า 100 ปี มาจัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทรงคุณค่า ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณ ให้ได้รู้เรื่องราวความเป็นมาของชาวเกาะลันตา วิถีชีวิต รวมถึงวัฒนธรรมและประเพณีของชาวเกาะลันตาตั้งแต่อดีต
ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของชุมชนบ้านทุ่งหยีเพ็ง
เราเพลิดเพลิน เดินเที่ยวเมืองเก่าลันตาอยู่สักพัก จากนั้นก็ออกเดินทางไปสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชนเชิงนิเวศที่น่าสนใจ นั่นคือ “บ้านทุ่งหยีเพ็ง” เป็นหมู่บ้านชาวประมงดั้งเดิม ตั้งอยู่ด้านชายฝั่งทะเลทิศตะวันออกของเกาะลันตาใหญ่ ชาวบ้านในหมู่บ้านประกอบอาชีพทำประมงและการเกษตรเป็นหลัก ที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ป่าชายเลน ป่าบก และถูกโอบล้อมไปด้วยผืนป่าอันเขียวขจี กอปรกับชาวบ้านมีหัวใจรักษ์ธรรมชาติ รักผืนป่าชายเลนที่ตัวเองอยู่อาศัยและใช้ดำรงชีพทำมาหากิน จึงร่วมใจกันอนุรักษ์ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์นี้ไว้เป็นอย่างดี โดยมีนราธร หงษ์ทอง ประธานชุมชนท่องเที่ยวบ้านทุ่งหยีเพ็ง ร่วมกับชาวบ้านพัฒนาหมู่บ้านทุ่งหยีเพ็งขึ้นมาเพื่อรองรับการท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเที่ยวชมหมู่บ้าน มาสัมผัสกับธรรมชาติ และเรียนรู้เรื่องราววิถีชีวิตในหมู่บ้านที่ชาวบ้านอยู่ร่วมกับธรรมชาติแบบไม่เบียดเบียน อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
นั่งเรือหางยาวเที่ยวชมป่าโกงกางที่บ้านทุ่งหยีเพ็ง
เมื่อมาถึงที่หมู่บ้านหยีเพ็ง เราก็ไม่รอช้ารีบลงเรือที่ชาวบ้านเตรียมไว้ พาออกไปชมผืนป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ที่อนุรักษ์ไว้ ซึ่งตลอดทางที่เรือแล่นเราก็ได้เห็นป่าโกงกางอันหนาแน่น ร่มครึ้มเขียวขจี มีความอุดมสมบูรณ์จริงๆ มีเจ้าลิงจ๋อออกมาทักทายอยู่เป็นระยะ มีหอย มีปู มีปลา โดยเฉพาะปลาตีนมีให้เห็นมากมาย
ร่วมกิจกรรมสร้างบ้านปลากับชาวบ้านทุ่งหยีเพ็ง
การล่องเรือออกมาครั้งนี้ เราได้ร่วมสร้างบ้านปลากับชาวบ้านด้วย บ้านปลานี้คือ ซั้งที่มีขนาดใหญ่ว่าปกติ สร้างโดยเอากิ่งโกงกาง หรือไม้ยืนต้นอื่นๆ มาประกอบกันเป็นโครง แล้วมุงด้วยใบไม้ อาทิ ทางมะพร้าว ใบเต่าร้าง ใบจาก มาประกอบเป็นบ้านปลา สร้างเป็นที่อยู่ของปลา จำลองจากธรรมชาติจริง เพื่อล่อปลามาอาศัย และนำไปปักยึดในลำคลองตามแนวป่าโกงกาง เลือกที่เป็นวัง หรือ แอ่ง มีน้ำท่วมถึงตลอด ปักทิ้งไว้ประมาณ 1-6 เดือน ล่อปลาให้มาอาศัย ปลาที่พบก็มีปลากะพงแดง ปลาเก๋า ปลากระบอก เป็นต้น
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนบ้านทุ่งหยีเพ็ง
หลังจากล่องเรือชมป่าชายเลนและได้สร้างบ้านปลากันแล้ว เรากลับมาที่หมู่บ้านเผื่อมาเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชุมชนบ้านทุ่งหยีเพ็ง มีเส้นทางให้เดินยาว 770 เมตร เป็นทางเดินคอนกรีตให้เดินลัดเลาะไปตามแนวป่าโกงกางอันร่มครึ้ม ได้สัมผัสและศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอย่างเพลิดเพลิน แล้วได้เห็น “ปูก้ามดาบ” เป็นปูขนาดเล็กเห็นได้ตามป่าชายเลน ป่าโกงกาง มีลักษณะที่โดดเด่นคือ เฉพาะปูตัวผู้เท่านั้น จะมีก้ามใหญ่อยู่ทางข้างซ้าย ก้ามใหญ่นี้จะชูชันสูงอยู่ตลอดเวลา ส่วนปูตัวเมียมีก้ามทั้งคู่เท่ากัน ซึ่งปูก้ามดาบที่พบที่บ้านทุ่งหยีเพ็งมีหลากหลายสีสัน และมีปูก้ามดาบสีสวยต่างจากที่อื่น คือ ปูก้ามดาบสีฟ้าสดใส จนได้ชื่อว่า “ปูสีฟ้า”
ปูก้ามดาบสีฟ้าสดใส หาชมได้ที่ป่าชายเลนบ้านทุ่งหยีเพ็ง
สำหรับกิจกรรมที่บ้านทุ่งหยีเพ็งไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชนอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก ไม่ว่าจะเป็นพายเรือคายัคชมผืนป่าอนุรักษ์ หรือนั่งเรือแจวชมวิวแบบชิลๆ อิ่มอร่อยกับอาหารพื้นบ้าน อาหารทะเลสด ซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่น อย่างกะปิ ผ้าบาติกผ้ามัดย้อม และของที่ระลึกจากกะลามะพร้าว
ทัศนียภาพของหาดไร่เลย์ มีหน้าผาสูงชันเหมาะแก่การปีนผา
เราเดินทางออกมาจากบ้านทุ่งหยีเพ็ง พร้อมโบกมือลาเกาะลันตาใหญ่ เพราะมีโปรแกรมต่อไปที่จะต้องนั่งเรือออกทะเลไปยังแหล่งท่องเที่ยวปีนผา ที่ขึ้นชื่อของ จ.กระบี่ นั่นก็คือ “หาดไร่เลย์” ที่นักปีนผาตัวยงไม่ว่าจะชาวไทยหรือต่างชาติ หรือจะเป็นนักปีนผามือสมัครเล่น (อย่างเรา) ก็พิสมัยอยากจะลองปีนผาที่หาดไร่เลย์กับเขาสักครั้งในชีวิต
ก่อนจะเริ่มปีนผาก็ต้องใส่อุปกรณ์ปีนผาให้เรียบร้อย
ทันทีที่นั่งเรือมาถึงยังหาดไร่เลย์ เวลาไม่คอยท่า ความกล้าไม่รีรอใคร เรามุ่งหน้าไปยังร้านที่ให้บริการปีนเขากับนักท่องเที่ยว ซึ่งมีหลายร้านให้เลือกมากมาย หลังจากเลือกร้านได้แล้ว ก็จะมีครูฝึกที่มีความชำนาญในการปีนผามาช่วยใส่อุปกรณ์สำหรับการปีนผาให้พร้อมสรรพ จากนั้นจึงออกเดินเท้าไปยังจุดที่ปีนผาบริเวณหาดไร่เลย์ตะวันออก ซึ่งตรงนี้เป็นจุดปีนผาสำหรับนักปีนผามือใหม่ทั้งหลาย (รวมเราด้วย)
พิชิตความกล้าปีนผาบริเวณหาดไร่เลย์
เมื่อมาถึงยังจุดปีนผา เราก็พบกับบรรดานักปีนผามือสมัครเล่นมากมายส่วนหนึ่งอยู่เบื้องล่างเป็นกองเชียร์ และอีกส่วนก็กำลังปีนป่ายกันอย่างสนุกสนาน เอาล่ะ!! เมื่ออุปกรณ์พร้อม พละกำลังก็พร้อม ใจก็พร้อมแล้ว และฟังคำอธิบายการปีนจากครูฝึกว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรแล้ว ก็ถึงเวลาของเราที่พร้อมจะพิชิตหน้าผาที่สูงชัน ด้วยการค่อยๆ เกาะเกี่ยวมือไปตามชะง่อนหินผา หาจุดยึดเหนี่ยวตัวขึ้นไป พร้อมกับขาก็ค่อยๆ ก้าวไต่ตามไปเรื่อยๆ
ปีนป่ายหน้าผาสูงชัน
แล้วก็คอยฟังครูฝึกที่อยู่ข้างล่างคอยบอกไกด์ไลน์ ว่าควรจะปีนป่ายไปทิศทางไหน เพราะว่าเมื่อปีนขึ้นไปบนหน้าผาหินที่สูงชันแล้ว สิ่งเดียวที่เราทำได้คือมองไปเบื้องหน้า และสายตาก็คอยมองหาชะง่อนหินที่สามารถให้เราเกาะเกี่ยวและเหนี่ยวตัวขึ้นไปให้จงได้ เรียกว่าเมื่อพอขึ้นไปถึงยังจุดสุดท้ายของหน้าผาที่ครูฝึกกำหนดไว้ได้ ก็ทำเอาหายใจหายคอแบบโล่งปอด ได้สูดอากาศบริสุทธิ์จากมุมสูงสักพักให้พอหายเหนื่อย จากนั้นก็ค่อยๆ โรยตัวลงมายังพื้นด้านล่าง พอถึงพื้นแล้วเรียกว่าเกิดอาการขาสั่นแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวกันเลย และ “ตะลอนเที่ยว” ก็ต้องขอปิดฉากทริปเที่ยวกระบี่แต่เพียงเท่านี้ อยากบอกว่า “กระบี่” มีดี มาเที่ยวกี่ทีไม่รู้เบื่อเลย
สนุกกับการปีนหน้าผา
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวใน จ.กระบี่ ได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ โทร. 0-7562-2163, 0-7561-2811-2 และติดต่อท่องเที่ยวบ้านทุ่งหยีเพ็ง ได้ที่ คุณนราธร หงษ์ทอง โทร. 08-9590-9173
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


กำลังโหลดความคิดเห็น