Facebook :Travel @ Manager
“ญี่ปุ่น” เป็นประเทศยอดฮิตติดอันดับที่ครองใจนักท่องเที่ยว ด้วยวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ สภาพอากาศเย็นสบาย มีการเดินทางสะดวก รวมถึงมีแหล่งช้อปปิ้งให้เลือกซื้อมากมายหลากหลายชนิด ทำให้เป็นที่ดึงดูดใจของเหล่านักเดินทางต้องการไปสัมผัสกันสักครั้ง
เมื่อเรามาถึงญี่ปุ่นแล้ว ถ้าไม่ไปยลความงดงามของแลนด์มาร์กสำคัญอย่าง “ภูเขาไฟฟูจิ” ก็เหมือนมาไม่ถึง ฉะนั้นครั้งนี้จึงขอชวนไปชมแบบใกล้ชิด พร้อมสัมผัสบรรยากาศอันแสนโรแมนติกในช่วงของฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่บริเวณ “ทะเลสาบคาวากุจิโกะ”
การเดินทางมายังทะเลสาบแห่งนี้ ถ้ามาจากกรุงโตเกียวจะสามารถเดินทางมาได้ทั้งรถไฟและรถบัส ซึ่งมีบริการอยู่หลายรอบด้วยกัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางมาชมแบบเช้าเย็นกลับ และบางคนที่อยากสัมผัสบรรยากาศอย่างเต็มอิ่มก็จะอยู่ค้าง 1 คืน เพื่อเที่ยวกันครบกันทุกจุด หลังจากตัดสินใจเลือกนั่งรถบัสในรอบเช้าเพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวคุ้มค่า ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชั่วโมงเท่านั้น ก็มาถึงยังจุดหมายปลายทางที่สถานีคาวากุจิโกะ
“ทะเลสาบคาวากุจิโกะ” ถือเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของทะเลสาบทั้ง 5 ที่อยู่รอบภูเขาไฟฟูจิ และเป็นสถานที่สวยติดอันดับในการถ่ายภาพวิวภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย ที่นี่ยังเป็นเหมือนเมืองสำหรับการพักผ่อน สะดวกในการเดินทางมาท่องเที่ยวเนื่องจาก มีทั้งโรงแรม เรียวกัง ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบทะเลสาบสามารถนั่งรถบัสหรือจะเช่ารถจักรยานปั่นเก็บภาพบรรยายกาศโดยรอบได้
ทะเลสาบแห่งนี้นับว่าเป็นเส้นที่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิมากที่สุด จนเรียกได้ว่าเป็นประตูสู่ฟูจิ เป็นจุดชมความงามของภูเขาไฟฟูจิในหลากหลายวิว ซึ่งบริเวณทะเลสาบจะเน้นชมวิวแนวธรรมชาติ โดยการนั่งรถ Retro bus เพื่อที่จะชมวิวตามจุดสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้โดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ชมซากุระตามฤดูกาล ดูสวนดอกไม้ในหน้าร้อน หรือจะเลือกที่จะขึ้นกระเช้าไฟฟ้าชมวิวและล่องเรือในทะเลสาบ
และในช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ก็จะได้บรรยากาศสีสันใบไม้ต่างๆ โดยเฉพาะใบเมเปิ้ลที่กำลังค่อยๆ เปลี่ยนจากสีเขียว เป็นสีเหลืองและแดงตามลำดับก่อนที่จะร่วงหล่นโรยราลงพื้น เมื่อมาท่องเที่ยวยังบริเวณทะเลสาบคาวากุจิโกะแล้ว ก็สามารถซื้อตั๋วรถ Retro bus เพื่อไปชมฟูจิตามจุดจอดรถป้ายต่างๆ โดยมีแบบซื้อตั๋วเป็นเที่ยวราคาก็จะขึ้นอยู่กับระยะของสถานี และตั๋วแบบพาส 2 วัน ซึ่งจะขึ้น-ลงกี่รอบก็ได้ ในทั้ง 3 เส้นทาง ได้แก่ Red line, Green line และ Blue line
โดยสาย Red line จะเป็นสายที่ได้รับความนิยมที่สุด เพราะเป็นสายที่วิ่งรอบทะเลสาบคาวากูจิ ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญไม่ว่าจะเป็น Kawaguchiko Herb Hall, Kawaguchiko Museum of Art, Kawaguchiko Natural Living Center และอีกมากมาย สายสีแดงมีทั้งหมด 22 ป้าย สามารถขึ้นรถที่ป้ายหมายเลย 1 สถานีคาวิกุจิโกะ
ส่วนเส้นทางของสาย Green line เป็นสายที่วิ่งเรียบทะเลสาบคาวากูจิในคนละเส้นทางกับสาย Red line และวนรอบทะเลสาปไซโกะที่อยู่ข้างๆ เส้นทางนี้ก็ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติมากมาย เช่น Saiko Iyashi-no-Sato Nenba มีทั้งหมด 71 ป้าย และสาย Blue line เป็นสายที่เดินทางไปไกลที่สุดผ่านทะเลสาบ Shojiko และ Motosuko เป็นเส้นทางที่แยกจากทั้งสองสายบนออกไป เหมาะสำหรับผู้ที่เที่ยวแถบนี้แบบค้างคืน ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวและมีจุดจอดถึง 127 ป้าย
เนื่องจากระยะเวลามีไม่มากพอ จึงนำภาพบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีในเส้นทาง Red line มาให้ชมกัน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับใครที่มีแผนการเดินทางในช่วงนี้ โดยจุดไฮไลท์ชมวิวฟูจิก็มีให้ได้ถ่ายรูปกันหลากหลาย อย่างป้าย Sunnide resort ก็จะเห็นวิวฟูจิกันมุมกว้างแบบเต็มตา
หรือจะมาชมสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีที่ป้าย 18 Kawaguchiko Monkey Show Theater อุโมงค์เมเปิ้ลที่กำลังออกสีสันสดใสสวยงาม และเป็นยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอีกด้วย ที่ต่างเดินทางมาเก็บภาพกันอย่างไม่ขาดสายตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เพราะในช่วงค่ำคืนจะเปิดไฟประดับสว่างไสว พร้อมสัมผัสอากาศที่หนาวเย็นชวนโรแมนติก
หากได้เดินชมวิวรอบทะเลสาบในช่วงเช้าจะเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวและวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น เช่าเรือไปยังกลางทะเลทะสาบเพื่อตกปลาถือเป็นกิจกรรมยามว่างของคนที่นี่ รวมทั้งยังมีจักรยานถีบรูปเป็นแสนน่ารัก ให้เช่าเพื่อถีบออกไปพักผ่อนหย่อนใจคลายอารมณ์
หากใครสนใจมาท่องเที่ยวยังทะเลสาบคาวากุจิโกะในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ก็หาข้อมูลกันก่อนมาด้วย เพราะตอนนี้ใบเมเปิ้ลทยอยเปลี่ยนเป็นสีแดงออกมาให้ชมบ้างแล้ว และคาดว่าจะเหลือให้ชมกันในอีกไม่นานนัก รวมทั้งช่วงนี้เริ่มมีอากาศที่หนาวเย็นแล้ว อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้าเครื่องกันหนาวแบบจัดเต็มมาด้วย
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
“ญี่ปุ่น” เป็นประเทศยอดฮิตติดอันดับที่ครองใจนักท่องเที่ยว ด้วยวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ สภาพอากาศเย็นสบาย มีการเดินทางสะดวก รวมถึงมีแหล่งช้อปปิ้งให้เลือกซื้อมากมายหลากหลายชนิด ทำให้เป็นที่ดึงดูดใจของเหล่านักเดินทางต้องการไปสัมผัสกันสักครั้ง
เมื่อเรามาถึงญี่ปุ่นแล้ว ถ้าไม่ไปยลความงดงามของแลนด์มาร์กสำคัญอย่าง “ภูเขาไฟฟูจิ” ก็เหมือนมาไม่ถึง ฉะนั้นครั้งนี้จึงขอชวนไปชมแบบใกล้ชิด พร้อมสัมผัสบรรยากาศอันแสนโรแมนติกในช่วงของฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่บริเวณ “ทะเลสาบคาวากุจิโกะ”
การเดินทางมายังทะเลสาบแห่งนี้ ถ้ามาจากกรุงโตเกียวจะสามารถเดินทางมาได้ทั้งรถไฟและรถบัส ซึ่งมีบริการอยู่หลายรอบด้วยกัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางมาชมแบบเช้าเย็นกลับ และบางคนที่อยากสัมผัสบรรยากาศอย่างเต็มอิ่มก็จะอยู่ค้าง 1 คืน เพื่อเที่ยวกันครบกันทุกจุด หลังจากตัดสินใจเลือกนั่งรถบัสในรอบเช้าเพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวคุ้มค่า ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชั่วโมงเท่านั้น ก็มาถึงยังจุดหมายปลายทางที่สถานีคาวากุจิโกะ
“ทะเลสาบคาวากุจิโกะ” ถือเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของทะเลสาบทั้ง 5 ที่อยู่รอบภูเขาไฟฟูจิ และเป็นสถานที่สวยติดอันดับในการถ่ายภาพวิวภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย ที่นี่ยังเป็นเหมือนเมืองสำหรับการพักผ่อน สะดวกในการเดินทางมาท่องเที่ยวเนื่องจาก มีทั้งโรงแรม เรียวกัง ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบทะเลสาบสามารถนั่งรถบัสหรือจะเช่ารถจักรยานปั่นเก็บภาพบรรยายกาศโดยรอบได้
ทะเลสาบแห่งนี้นับว่าเป็นเส้นที่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิมากที่สุด จนเรียกได้ว่าเป็นประตูสู่ฟูจิ เป็นจุดชมความงามของภูเขาไฟฟูจิในหลากหลายวิว ซึ่งบริเวณทะเลสาบจะเน้นชมวิวแนวธรรมชาติ โดยการนั่งรถ Retro bus เพื่อที่จะชมวิวตามจุดสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้โดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ชมซากุระตามฤดูกาล ดูสวนดอกไม้ในหน้าร้อน หรือจะเลือกที่จะขึ้นกระเช้าไฟฟ้าชมวิวและล่องเรือในทะเลสาบ
และในช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ก็จะได้บรรยากาศสีสันใบไม้ต่างๆ โดยเฉพาะใบเมเปิ้ลที่กำลังค่อยๆ เปลี่ยนจากสีเขียว เป็นสีเหลืองและแดงตามลำดับก่อนที่จะร่วงหล่นโรยราลงพื้น เมื่อมาท่องเที่ยวยังบริเวณทะเลสาบคาวากุจิโกะแล้ว ก็สามารถซื้อตั๋วรถ Retro bus เพื่อไปชมฟูจิตามจุดจอดรถป้ายต่างๆ โดยมีแบบซื้อตั๋วเป็นเที่ยวราคาก็จะขึ้นอยู่กับระยะของสถานี และตั๋วแบบพาส 2 วัน ซึ่งจะขึ้น-ลงกี่รอบก็ได้ ในทั้ง 3 เส้นทาง ได้แก่ Red line, Green line และ Blue line
โดยสาย Red line จะเป็นสายที่ได้รับความนิยมที่สุด เพราะเป็นสายที่วิ่งรอบทะเลสาบคาวากูจิ ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญไม่ว่าจะเป็น Kawaguchiko Herb Hall, Kawaguchiko Museum of Art, Kawaguchiko Natural Living Center และอีกมากมาย สายสีแดงมีทั้งหมด 22 ป้าย สามารถขึ้นรถที่ป้ายหมายเลย 1 สถานีคาวิกุจิโกะ
ส่วนเส้นทางของสาย Green line เป็นสายที่วิ่งเรียบทะเลสาบคาวากูจิในคนละเส้นทางกับสาย Red line และวนรอบทะเลสาปไซโกะที่อยู่ข้างๆ เส้นทางนี้ก็ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติมากมาย เช่น Saiko Iyashi-no-Sato Nenba มีทั้งหมด 71 ป้าย และสาย Blue line เป็นสายที่เดินทางไปไกลที่สุดผ่านทะเลสาบ Shojiko และ Motosuko เป็นเส้นทางที่แยกจากทั้งสองสายบนออกไป เหมาะสำหรับผู้ที่เที่ยวแถบนี้แบบค้างคืน ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวและมีจุดจอดถึง 127 ป้าย
เนื่องจากระยะเวลามีไม่มากพอ จึงนำภาพบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีในเส้นทาง Red line มาให้ชมกัน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับใครที่มีแผนการเดินทางในช่วงนี้ โดยจุดไฮไลท์ชมวิวฟูจิก็มีให้ได้ถ่ายรูปกันหลากหลาย อย่างป้าย Sunnide resort ก็จะเห็นวิวฟูจิกันมุมกว้างแบบเต็มตา
หรือจะมาชมสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีที่ป้าย 18 Kawaguchiko Monkey Show Theater อุโมงค์เมเปิ้ลที่กำลังออกสีสันสดใสสวยงาม และเป็นยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอีกด้วย ที่ต่างเดินทางมาเก็บภาพกันอย่างไม่ขาดสายตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เพราะในช่วงค่ำคืนจะเปิดไฟประดับสว่างไสว พร้อมสัมผัสอากาศที่หนาวเย็นชวนโรแมนติก
หากได้เดินชมวิวรอบทะเลสาบในช่วงเช้าจะเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวและวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น เช่าเรือไปยังกลางทะเลทะสาบเพื่อตกปลาถือเป็นกิจกรรมยามว่างของคนที่นี่ รวมทั้งยังมีจักรยานถีบรูปเป็นแสนน่ารัก ให้เช่าเพื่อถีบออกไปพักผ่อนหย่อนใจคลายอารมณ์
หากใครสนใจมาท่องเที่ยวยังทะเลสาบคาวากุจิโกะในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ก็หาข้อมูลกันก่อนมาด้วย เพราะตอนนี้ใบเมเปิ้ลทยอยเปลี่ยนเป็นสีแดงออกมาให้ชมบ้างแล้ว และคาดว่าจะเหลือให้ชมกันในอีกไม่นานนัก รวมทั้งช่วงนี้เริ่มมีอากาศที่หนาวเย็นแล้ว อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้าเครื่องกันหนาวแบบจัดเต็มมาด้วย
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
