Facebook :Travel @ Manager

ประเทศเวียดนามในปัจจุบันนี้ ถือเป็นอีกประเทศที่หลายคนอยากไปเยือนสักครั้ง เพราะไม่ว่าจะเป็นทางตอนเหนือหรือตอนใต้ ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายที่ล้วนมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างในครั้งนี้ “ตะลอนเที่ยว” จะขออาสาพาทุกคนไปตะลุย “ดาลัด” อีกหนึ่งเมืองสวยอากาศดี ที่เพียงแค่เอ่ยชื่อก็อดใจไม่ไหวที่จะได้ไปเยือนแล้ว

ก่อนที่จะไปตะลุยในเมืองกัน “ตะลอนเที่ยว” ขอแนะนำให้รู้จักกับที่นี่กันสักหน่อย โดย “ดาลัด” (Dalat) หรือ “ด่าหลัต” เป็นเมืองเอกของจังหวัดแลมดอง (ลัม ด่อง,เลิมดง : Lam Dong) ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม (อยู่เหนือโฮจิมินห์ขึ้นมาประมาณ 300 กม.) ตั้งอยู่บนที่ราบสูงเหนือกว่าระดับน้ำทะเล 1,500 เมตร มีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง มีอากาศดีเย็นสบายตลอดทั้งปี มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะป่าสนที่ขึ้นกระจายตัวอยู่ทั่วไป
เสน่ห์ของเมืองดาลัดถูกค้นพบในยุคอาณานิคมที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครองเวียดนาม โดย “อาเลกซ็องดร์ แยร์แซ็ง”นักวิทยาแบคทีเรียชาวฝรั่งเศส ได้เดินทางเข้ามาสำรวจพื้นที่ในดาลัด และรัฐบาลฝรั่งเศสก็ได้ลงมือสร้างเมืองเล็กๆ ในหุบเขาให้เจริญเติบโตขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2453 เพื่อให้เป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศของชาวฝรั่งเศส อีกทั้งยังตั้งเป้าหวังให้ดาลัดเป็นเมืองหลวงของสหพันธรัฐอินโดจีน (แต่ไม่สำเร็จ)
จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ด้วยองค์ประกอบต่างๆ ทั้งสภาพพื้นที่ความเป็นเมืองแห่งขุนเขา มีวิวทิวทัศน์สวยงาม อากาศดี เย็นสบาย ธรรมชาติป่าไม้อุดมสมบูรณ์ และความโดดเด่นของบ้านเรือนในสไตล์ตะวันตก โดยเฉพาะวิลล่าสไตล์ฝรั่งเศสที่มีอยู่ทั่วไป ทำให้วันนี้ดาลัดเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวพักผ่อนในอันดับต้นๆของเวียดนาม

ในครั้งนี้ “ตะลอนเที่ยว” จะขอพามายลเสน่ห์ของ “ปารีสตะวันออก” กัน โดยเริ่มแรกที่ “โบสถ์โดเมนเดมารี” (Domaine De Marie Convent) บนถนนโงเกวี่ยน (NgoQuyen) ไม่ไกลจากตัวเมืองดาลัดมากนัก โดยโบสถ์นี้จะตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเขา เมื่อไปถึงแล้วจะต้องเดินขึ้นบันไดไปเล็กน้อย ซึ่งโบสถ์นี้เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1930 ตั้งเเต่ในสมัยที่ฝรั่งเศสยังปกครองเวียดนามในฐานะอาณานิคม รูปทรงอาคารเป็นการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมเเบบฝรั่งเศสกับรูปเเบบของอาคารพื้นบ้านในเวียดนาม มีความโดดเด่นด้วยสีชมพูอ่อนๆ สวยงามหวานแหวว จนเป็นที่มาของชื่อ “โบสถ์สีชมพู” ที่เราคุ้นหูกันนั่นเอง

จากนั้นออกเดินทางต่อมาชมอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีกลิ่นอายของเมืองเก่านั่นก็คือที่ “สถานีรถไฟดาลัด” (Dalat Train Station) ที่ถือเป็นสถานีรถไฟที่เก่าแก่ที่สุดของเวียดนามและอินโดจีน ในอดีตเปิดใช้ในช่วงสงครามเวียดนามเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างเมืองไซง่อน (โฮจิมินห์) กับดาลัด แต่หลังจากสงครามเวียดนามสถานีรไฟแห่งนี้ได้รับความเสียหายหนักจึงหยุดให้บริการไป

ปัจจุบันได้มีการซ่อมแซมและเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแทน ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาถ่ายรูปกับรถไฟเครื่องจักรไอน้ำแบบดั้งเดิม หรือมานั่งชิลล์กินอะไรเบาๆ ในคาเฟ่เล็กๆ ที่เปิดในโบกี้ของขบวนรถไฟได้อีกด้วย


หลังจากชมความเก่าแก่ของสถาปัตยกรรมโบราณแล้ว “ตะลอนเที่ยว” ขอพาทุกคนมาชมธรรมชาติอันงดงามของดาลัดกันที่ “น้ำตกดาตันลา” (Datanla Waterfalls) ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองดาลัดไปทางทิศใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร มาที่นี่นอกจากได้ถ่ายรูปสวยๆ กับน้ำตกแล้ว ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำหลายอย่าง อย่างเช่น “การนั่งรถราง” (Roller Coaster) ลงไปชมตัวน้ำตก ใช้เวลาประมาณ 5 นาที แต่จะให้นั่งอย่างเดียวคงจะดูธรรมดาไป ผู้นั่งจะได้สนุกกับการบังคับตัวรถให้หยุดและเคลื่อนที่เร็วขึ้นหรือช้าลงได้ ส่วนถ้าใครกลัวก็สามารถชวนคู่หูนั่งไปด้วยกันได้ โดยผู้ที่นั่งด้านหลังจะเป็นผู้บังคับทิศทางของรถรางนั่นเอง ระหว่างทางก็จะมีวิวธรรมชาติอันเขียวชอุ่มและดอกไม้สวยๆ ให้ชมตลอดทาง

เมื่อลงมาถึงด้านล่างแล้ว ก็จะเจอกับทางเดินคอนกรีตสั้นๆ ทอดไปถึงตัวน้ำตกดาตันลาอันสวยงาม แต่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีความสูงประมาณ 20 เมตร และมีหลายชั้นให้นักท่องเที่ยวได้เดินเข้าไปถ่ายรูปกับน้ำตกแบบใกล้ๆ ส่วนชื่อของน้ำตกดาตันลานั้น หมายถึง “น้ำที่ซ่อนอยู่ใต้ใบไม้” ซึ่งก็แปลว่า “น้ำตกที่อยู่ในป่าที่หนาแน่น” นั่นเอง


นอกจากน้ำตกสวยๆ แล้ว ก็ยังมี “ทุ่งดอกไฮเดรนเยีย” (Garden Hydrangeas) ที่เบ่งบานออกดอกตลอดทั้งปี เพราะทุ่งแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่สูงทำให้มีอากาศเย็น ไม่ว่านักท่องเที่ยวจะมาเยือนในช่วงไหนก็จะได้เก็บภาพดอกไฮเดรนเยียแน่นอน ยิ่งในช่วงปลายปีที่อากาศหนาวๆ ดอกไฮเดรนเยียก็จะยิ่งสวย

สำหรับดอกไฮเดรนเยียที่ดาลัดจะมีสีฟ้าอมขาว ปลูกลดหลั่นไปตามเขาแบบสวนขั้นบันได ระหว่างพุ่มก็จะมีทางเดินเล็กๆ ที่เราสามารถเข้าไปแล้วถ่ายรูปได้ หรือบางจุดจะมีบันไดสูงๆ ให้เราปีนขึ้นไปนั่งถ่ายรูปได้ด้วย “ตะลอนเที่ยว” แนะนำให้ใส่ชุดสีสดๆ ตัดกับสีฟ้ามา รับรองสวยเด่นแน่นอน


อีกหนึ่งสถานที่ที่จะพลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนดาลัดก็คือ การมาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ “เจดีย์มังกร” (dragon pagoda) ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองดาลัดไปประมาณ 7 กิโลเมตรเท่านั้น ที่นี่เป็นวัดพุทธนิกายเซนที่มีชื่อเสียงของเวียดนาม วัดนี้ตกแต่งด้วยเซรามิกสีสันสวยงามทั้งวัด ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจคือ วิหารที่ภายในมีพระองค์ประธานให้ได้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล ผนังด้านบนเป็นเหมือนท้องฟ้าสดใส ส่วนผนังด้านข้างมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน


ไฮไลต์อีกอย่างก็คือ “เจดีย์มังกร 7 ชั้น” หรือหอระฆังที่สูงที่สุดในเวียดนาม มีความสูงถึง 37 เมตร ใกล้กันนั้นจะมีองค์เจ้าแม่กวนอิมที่ทำมาจากดอกกระดาษจำนวนมาก มองดูจากที่ไกลๆ จะเห็นองค์เจ้าแม่กวนอิมมีสีเหลืองทองเด่นเป็นสง่า


ส่วนในยามค่ำคืน “ตะลอนเที่ยว” แนะนำให้มาเดินเที่ยวที่ “ตลาดไนท์บาร์ซา” (Da Lat Night Market) ตลาดกลางคืนใจกลางเมือง ที่เป็นทั้งที่ช้อปปิ้ง เดินชิลล์ หาของพื้นเมืองกิน ซึ่งของส่วนใหญ่ที่ขายที่นี่จะเป็นพวกเสื้อผ้า เสื้อกันหนาว ของที่ระลึก ของกินแนวสตรีทฟู้ดมากมาย


รวมไปถึงของกินอร่อยๆ อย่าง “พิซซ่าเวียดนาม” ที่ทำจากแผ่นแป้งนำมาปิ้งบนเตาถ่าน ใส่ไข่ไก่ ไส้กรอกฉีก กุ้งป่น ต้นหอม ซอสมะเขือเทศ มายองเนส เมื่อสุกแล้วแม่ค้าจะพับเพื่อให้ถือและกินง่าย อากาศเย็นๆ กินพิซซ่าร้อนๆ ฟินอย่าบอกใคร

“ดาลัด” ในวันนี้ถือเป็นอีกจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทุกคนอยากไปสัมผัส เพราะนอกจากจะมีภูมิอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปีแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากสไตล์ที่ตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย หากได้มาเยือนสักครั้งหนึ่งแล้วจะประทับใจมิรู้ลืม
Facebook :Travel @ Manager
ประเทศเวียดนามในปัจจุบันนี้ ถือเป็นอีกประเทศที่หลายคนอยากไปเยือนสักครั้ง เพราะไม่ว่าจะเป็นทางตอนเหนือหรือตอนใต้ ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายที่ล้วนมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างในครั้งนี้ “ตะลอนเที่ยว” จะขออาสาพาทุกคนไปตะลุย “ดาลัด” อีกหนึ่งเมืองสวยอากาศดี ที่เพียงแค่เอ่ยชื่อก็อดใจไม่ไหวที่จะได้ไปเยือนแล้ว
ก่อนที่จะไปตะลุยในเมืองกัน “ตะลอนเที่ยว” ขอแนะนำให้รู้จักกับที่นี่กันสักหน่อย โดย “ดาลัด” (Dalat) หรือ “ด่าหลัต” เป็นเมืองเอกของจังหวัดแลมดอง (ลัม ด่อง,เลิมดง : Lam Dong) ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม (อยู่เหนือโฮจิมินห์ขึ้นมาประมาณ 300 กม.) ตั้งอยู่บนที่ราบสูงเหนือกว่าระดับน้ำทะเล 1,500 เมตร มีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง มีอากาศดีเย็นสบายตลอดทั้งปี มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะป่าสนที่ขึ้นกระจายตัวอยู่ทั่วไป
เสน่ห์ของเมืองดาลัดถูกค้นพบในยุคอาณานิคมที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครองเวียดนาม โดย “อาเลกซ็องดร์ แยร์แซ็ง”นักวิทยาแบคทีเรียชาวฝรั่งเศส ได้เดินทางเข้ามาสำรวจพื้นที่ในดาลัด และรัฐบาลฝรั่งเศสก็ได้ลงมือสร้างเมืองเล็กๆ ในหุบเขาให้เจริญเติบโตขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2453 เพื่อให้เป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศของชาวฝรั่งเศส อีกทั้งยังตั้งเป้าหวังให้ดาลัดเป็นเมืองหลวงของสหพันธรัฐอินโดจีน (แต่ไม่สำเร็จ)
จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ด้วยองค์ประกอบต่างๆ ทั้งสภาพพื้นที่ความเป็นเมืองแห่งขุนเขา มีวิวทิวทัศน์สวยงาม อากาศดี เย็นสบาย ธรรมชาติป่าไม้อุดมสมบูรณ์ และความโดดเด่นของบ้านเรือนในสไตล์ตะวันตก โดยเฉพาะวิลล่าสไตล์ฝรั่งเศสที่มีอยู่ทั่วไป ทำให้วันนี้ดาลัดเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวพักผ่อนในอันดับต้นๆของเวียดนาม
ในครั้งนี้ “ตะลอนเที่ยว” จะขอพามายลเสน่ห์ของ “ปารีสตะวันออก” กัน โดยเริ่มแรกที่ “โบสถ์โดเมนเดมารี” (Domaine De Marie Convent) บนถนนโงเกวี่ยน (NgoQuyen) ไม่ไกลจากตัวเมืองดาลัดมากนัก โดยโบสถ์นี้จะตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเขา เมื่อไปถึงแล้วจะต้องเดินขึ้นบันไดไปเล็กน้อย ซึ่งโบสถ์นี้เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1930 ตั้งเเต่ในสมัยที่ฝรั่งเศสยังปกครองเวียดนามในฐานะอาณานิคม รูปทรงอาคารเป็นการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมเเบบฝรั่งเศสกับรูปเเบบของอาคารพื้นบ้านในเวียดนาม มีความโดดเด่นด้วยสีชมพูอ่อนๆ สวยงามหวานแหวว จนเป็นที่มาของชื่อ “โบสถ์สีชมพู” ที่เราคุ้นหูกันนั่นเอง
จากนั้นออกเดินทางต่อมาชมอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีกลิ่นอายของเมืองเก่านั่นก็คือที่ “สถานีรถไฟดาลัด” (Dalat Train Station) ที่ถือเป็นสถานีรถไฟที่เก่าแก่ที่สุดของเวียดนามและอินโดจีน ในอดีตเปิดใช้ในช่วงสงครามเวียดนามเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างเมืองไซง่อน (โฮจิมินห์) กับดาลัด แต่หลังจากสงครามเวียดนามสถานีรไฟแห่งนี้ได้รับความเสียหายหนักจึงหยุดให้บริการไป
ปัจจุบันได้มีการซ่อมแซมและเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแทน ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาถ่ายรูปกับรถไฟเครื่องจักรไอน้ำแบบดั้งเดิม หรือมานั่งชิลล์กินอะไรเบาๆ ในคาเฟ่เล็กๆ ที่เปิดในโบกี้ของขบวนรถไฟได้อีกด้วย
หลังจากชมความเก่าแก่ของสถาปัตยกรรมโบราณแล้ว “ตะลอนเที่ยว” ขอพาทุกคนมาชมธรรมชาติอันงดงามของดาลัดกันที่ “น้ำตกดาตันลา” (Datanla Waterfalls) ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองดาลัดไปทางทิศใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร มาที่นี่นอกจากได้ถ่ายรูปสวยๆ กับน้ำตกแล้ว ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำหลายอย่าง อย่างเช่น “การนั่งรถราง” (Roller Coaster) ลงไปชมตัวน้ำตก ใช้เวลาประมาณ 5 นาที แต่จะให้นั่งอย่างเดียวคงจะดูธรรมดาไป ผู้นั่งจะได้สนุกกับการบังคับตัวรถให้หยุดและเคลื่อนที่เร็วขึ้นหรือช้าลงได้ ส่วนถ้าใครกลัวก็สามารถชวนคู่หูนั่งไปด้วยกันได้ โดยผู้ที่นั่งด้านหลังจะเป็นผู้บังคับทิศทางของรถรางนั่นเอง ระหว่างทางก็จะมีวิวธรรมชาติอันเขียวชอุ่มและดอกไม้สวยๆ ให้ชมตลอดทาง
เมื่อลงมาถึงด้านล่างแล้ว ก็จะเจอกับทางเดินคอนกรีตสั้นๆ ทอดไปถึงตัวน้ำตกดาตันลาอันสวยงาม แต่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีความสูงประมาณ 20 เมตร และมีหลายชั้นให้นักท่องเที่ยวได้เดินเข้าไปถ่ายรูปกับน้ำตกแบบใกล้ๆ ส่วนชื่อของน้ำตกดาตันลานั้น หมายถึง “น้ำที่ซ่อนอยู่ใต้ใบไม้” ซึ่งก็แปลว่า “น้ำตกที่อยู่ในป่าที่หนาแน่น” นั่นเอง
นอกจากน้ำตกสวยๆ แล้ว ก็ยังมี “ทุ่งดอกไฮเดรนเยีย” (Garden Hydrangeas) ที่เบ่งบานออกดอกตลอดทั้งปี เพราะทุ่งแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่สูงทำให้มีอากาศเย็น ไม่ว่านักท่องเที่ยวจะมาเยือนในช่วงไหนก็จะได้เก็บภาพดอกไฮเดรนเยียแน่นอน ยิ่งในช่วงปลายปีที่อากาศหนาวๆ ดอกไฮเดรนเยียก็จะยิ่งสวย
สำหรับดอกไฮเดรนเยียที่ดาลัดจะมีสีฟ้าอมขาว ปลูกลดหลั่นไปตามเขาแบบสวนขั้นบันได ระหว่างพุ่มก็จะมีทางเดินเล็กๆ ที่เราสามารถเข้าไปแล้วถ่ายรูปได้ หรือบางจุดจะมีบันไดสูงๆ ให้เราปีนขึ้นไปนั่งถ่ายรูปได้ด้วย “ตะลอนเที่ยว” แนะนำให้ใส่ชุดสีสดๆ ตัดกับสีฟ้ามา รับรองสวยเด่นแน่นอน
อีกหนึ่งสถานที่ที่จะพลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนดาลัดก็คือ การมาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ “เจดีย์มังกร” (dragon pagoda) ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองดาลัดไปประมาณ 7 กิโลเมตรเท่านั้น ที่นี่เป็นวัดพุทธนิกายเซนที่มีชื่อเสียงของเวียดนาม วัดนี้ตกแต่งด้วยเซรามิกสีสันสวยงามทั้งวัด ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจคือ วิหารที่ภายในมีพระองค์ประธานให้ได้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล ผนังด้านบนเป็นเหมือนท้องฟ้าสดใส ส่วนผนังด้านข้างมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน
ไฮไลต์อีกอย่างก็คือ “เจดีย์มังกร 7 ชั้น” หรือหอระฆังที่สูงที่สุดในเวียดนาม มีความสูงถึง 37 เมตร ใกล้กันนั้นจะมีองค์เจ้าแม่กวนอิมที่ทำมาจากดอกกระดาษจำนวนมาก มองดูจากที่ไกลๆ จะเห็นองค์เจ้าแม่กวนอิมมีสีเหลืองทองเด่นเป็นสง่า
ส่วนในยามค่ำคืน “ตะลอนเที่ยว” แนะนำให้มาเดินเที่ยวที่ “ตลาดไนท์บาร์ซา” (Da Lat Night Market) ตลาดกลางคืนใจกลางเมือง ที่เป็นทั้งที่ช้อปปิ้ง เดินชิลล์ หาของพื้นเมืองกิน ซึ่งของส่วนใหญ่ที่ขายที่นี่จะเป็นพวกเสื้อผ้า เสื้อกันหนาว ของที่ระลึก ของกินแนวสตรีทฟู้ดมากมาย
รวมไปถึงของกินอร่อยๆ อย่าง “พิซซ่าเวียดนาม” ที่ทำจากแผ่นแป้งนำมาปิ้งบนเตาถ่าน ใส่ไข่ไก่ ไส้กรอกฉีก กุ้งป่น ต้นหอม ซอสมะเขือเทศ มายองเนส เมื่อสุกแล้วแม่ค้าจะพับเพื่อให้ถือและกินง่าย อากาศเย็นๆ กินพิซซ่าร้อนๆ ฟินอย่าบอกใคร
“ดาลัด” ในวันนี้ถือเป็นอีกจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทุกคนอยากไปสัมผัส เพราะนอกจากจะมีภูมิอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปีแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากสไตล์ที่ตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย หากได้มาเยือนสักครั้งหนึ่งแล้วจะประทับใจมิรู้ลืม
Facebook :Travel @ Manager