xs
xsm
sm
md
lg

“เกียวโต” มุมต่าง เมืองแห่งชา ป่าเขา และท้องทะเล (จบ)

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Facebook :Travel @ Manager
บ้านแบบฟุนายะที่อ่าวอิเนะ
ยังคงอยู่กันที่ “เกียวโต” (Kyoto) อดีตเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ที่เราได้ร่วมทริปมากับ สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ร่วมมือกับ Kyoto by the Sea, Kyoto in Forests และ Kyoto infused with tea โดยในตอนที่แล้ว ก็ได้ตะลุยที่เที่ยวกันในเขตยามาชิโร อันเป็นดินแดนแห่งชาของเกียวโต สำหรับในตอนนี้ เราก็จะไปตะลุยกันต่อในดินแดนแห่งทะเลทางตอนเหนือ และดินแดนแห่งป่าทางตอนกลาง
ลูกแพร์สดๆ จากต้น
ดินแดนแห่งท้องทะเล
ดินแดนแห่งทะเลของเกียวโตตั้งอยู่ติดฝั่งทะเลญี่ปุ่น เป็นดินแดนที่ถูกกล่าวถึงในตำนานเทพนิยายต่างๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณ ความงดงามของทิวทัศน์นี้ตระการตาถึงขั้นที่คนในยุคเฮอันนำไปประพันธ์เป็นบทกลอน โดยถูกเปรียบเปรยไว้ว่า เป็นดินแดนที่บรรดาขุนนางต่างหลงใหล กระทั่งในปัจจุบัน ดินแดนแห่งนี้ก็ยังคงมีมนต์ขลังไม่เสื่อมคลาย จากทิวทัศน์ที่งดงาม สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย และกิจกรรมน่าสนใจอีกไม่น้อย
ลองเก็บลูกแพร์ในสวนด้วยตัวเอง
เริ่มกันที่กิจกรรมเก็บผลไม้ที่ “Fruit Okoku Yasaka” ที่เมืองเคียวตังโกะ ซึ่งเมืองนี้ถือว่าเป็นแหล่งปลูกผลไม้ที่มีคุณภาพอีกแห่งหนึ่ง หากว่ามาที่สวนแห่งนี้ก็จะมีกิจกรรมให้เข้าไปลองเก็บผลไม้ด้วยตัวเอง โดยในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน ก็จะมีผลไม้ให้เก็บคือ พีช แพร์ และองุ่น โดยจะมีเจ้าหน้าที่แนะนำวิธีการเก็บให้ หรือใครอยากซื้อผลไม้สดๆ กลับบ้าน ที่นี่ก็มีให้เลือกซื้อ พร้อมกับมานั่งจิบเครื่องดื่มแบบชิลๆ ด้วย
ห้องจัดพิธีแต่งงานที่ Centrale Hotel Kyotango
ลองสวมชุดแต่งงานแบบกิโมโน
อีกหนึ่งกิจกรรมชวนทำก็คือ การทดลองใส่ชุดแต่งงานแบบกิโมโน ซึ่งที่ “Centrale Hotel Kyotango” นั้นมีฮอลสำหรับจัดพิธีแต่งงาน โดยมีบริการให้เช่าชุดแต่งงานแบบกิโมโนมาถ่ายภาพกับวิวสวยๆ ได้ด้วย
หมู่บ้านชาวประมงในอ่าวอิเนะ
บ้านฟุนายะแบบเก่า
ด้วยพื้นที่ที่อยู่ติดกับทะเล ทำให้มีหมู่บ้านชาวประมงที่โดดเด่นอย่างที่ “อิเนะ” (Ine) ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่เลียบแนวเส้นโค้งที่ทอดยาวของอ่าวอิเนะ เรียงรายไปด้วยบ้านริมทะเลที่มีลักษณะแปลกตา ที่เรียกว่า “ฟุนายะ” (Funaya) จะเป็นบ้านที่อยู่ติดริมทะเล ชั้นล่างทำเป็นที่จอดเรือ ส่วนด้านบนเดิมจะใช้เป็นที่เก็บข้าวของต่างๆ และจะมีบ้านอีกหลังที่อยู่บนฝั่ง ปัจจุบันชั้นบนของบ้านบางหลังก็ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นที่อยู่อาศัย หรือเปิดเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว

บ้านแบบฟุนายะนั้นเป็นสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของท้องถิ่น เพื่อให้สามารถนำเรือออกจากบ้านไปหาปลาได้อย่างสะดวก ซึ่งบริเวณอ่าวอิเนะนั้นมีการทำประมงอย่างเฟื่องฟู เนื่องจากลักษณะทางกายภาพของอ่าวที่มีเกาะด้านหน้าคอยกำบังคลื่นลม ทำให้ภายในอ่าวอิเนะไม่มีพายุเข้า และเป็นพื้นที่ที่เหมาะกับการทำประมงอย่างมาก
บ้านฟุนายะในปัจจุบัน
นั่งเรือชมอ่าวอิเนะ
ย่านอิเนะโนะฟุนายะ
โรงกลั่นเหล้ามุไคชุโช
บริเวณอ่าวอิเนะที่มีบ้านแบบฟุนายะนี้เรียกว่า “ย่านอิเนะโนะฟุนายะ” โดยบ้านเรือนริมอ่าวนั้นจะเรียงรายยาวกว่า 5 กิโลเมตร สามารถใช้บริการเรือเพื่อล่องชมบริเวณรอบอ่าวอิเนะได้ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ชมบ้าริมอ่าว พร้อมกับการให้อาหารฝูงนกนางนวลได้อย่างเพลิดเพลิน

เสร็จแล้วก็สามารถเดินชมรอบๆ บริเวณได้ เพราะมีจุดถ่ายรูปน่ารักๆ อยู่หลายจุด และอย่าลืมแวะชมที่ “โรงกลั่นเหล้ามุไคชุโช” โรงกลั่นเหล้าเก่าแก่ที่เปิดดำเนินการมากว่าสองร้อยปีจนถึงปัจจุบัน มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันว่าช่างผู้กลั่นเหล้าของที่นี่เป็นผู้หญิงทั้งหมด โดยเหล้าที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษของที่นี่ก็คือ เหล้าอิเนะมังไค ที่มีรสหวานและสีเหมือนไวน์โรเซ่
อามาโนะฮาชิดาเตะ
ด้านบนจุดชมวิวอามาโนะฮาชิดาเตะ
จากริมทะเล ก็เปลี่ยนขึ้นมาชมวิวบนที่สูงที่ “อามาโนะฮาชิดาเตะ” (Amanohashidate) ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามจุดชมวิวชายทะเลที่งดงามที่สุดของญี่ปุ่นมาตั้งแต่ครั้งโบราณ

อามาโนะฮาชิดาเตะ เป็นสันทรายยาวที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่อ่าวมิยาซุ เป็นทางเชื่อมระหว่างแผ่นดินสองฝั่งของอ่าว และยังมีเรื่องเล่าที่เป็นตำนานกล่าวไว้ว่า เมื่อนานมาแล้ว มีเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์หลงรักเทพธิดาที่อยู่บนโลกมนุษย์ จึงสร้างสะพานทอดยาวลงมาบนโลกมนุษย์เพื่อเดินทางมาพบกัน แล้ววันหนึ่งสะพานแห่งนั้นก็ได้พังทลายลงมา กลายมาเป็นหาดทรายยาวที่พาดผ่านทะเลดังที่เห็นในปัจจุบัน

วิธีการชมความงดงามของอามาโนะฮาชิดาเตะ สามารถปั่นจักยานไปเรื่อยๆ บนสันทราย หรือจะนั่งเรือข้ามฝั่งเพื่อชมวิวด้านข้าง แต่ที่ฮิตที่สุดน่าจะเป็นการขึ้นเขาเพื่อมาชมวิวมุมสูง โดยมีให้เลือกทั้งแบบนั่งเก้าอี้ หรือจะนั่งรถรางไฟฟ้า ซึ่งด้านบนนั้นจะมีมุมให้ก้มลงมองลอดใต้หว่างขา ก็จะเห็นสันทรายในมุมมองที่แตกต่างออกไป เป็นรูปมังกรตัวใหญ่กำลังเหาะทะยานขึ้นฟ้า และด้านบนจุดชมวิวนี้ก็ยังมีเครื่องเล่นสนุกๆ ให้เลือกเล่นอีกหลายอย่าง
รถไฟขบวน Tango Akamatsu
ภายในขบวนรถไฟ
อีกมุมมองหนึ่งที่จะสามารถชมทะเลญี่ปุ่นได้ในมุมที่แปลกตาก็คือ การนั่งรถไฟท่องเที่ยวในเส้นทางของ Kyoto Tango Railway ที่ให้บริการภายในพื้นที่ทางตอนเหนือของเกียวโต อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท Willer Trains ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่ารถไฟตันเท็ตสึ โดยเส้นทางนี้จะให้บริการทั้งรถไฟธรรมดาและรถไฟท่องเที่ยว

สำหรับรถไฟท่องเที่ยวนั้นก็จะประกอบด้วย Tango Aomatsu, Tango Kuromatsu และ Tango Akamatsu โดยเราเลือกที่จะโดยเส้นในขบวน “Tango Akamatsu” ขบวนสีแดง ที่จะวิ่งเลียบไปตามทะเลญี่ปุ่น โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากสถานีอามาโนะฮาชิดาเตะ ไปจนถึงสถานีนิชิไมซุรุ
ชมวิวทะเลญี่ปุ่น
สะพานข้ามแม่น้ำยูระ
การจะโดยสารรถไฟขบวนนี้จะต้องมีการจองตั๋วล่วงหน้า ซึ่งเมื่อขึ้นมาในขบวนแล้วก็สามารถเลือกที่นั่งได้อย่างอิสระ ภายในขบวนตกแต่งด้วยไม้สน มีที่นั่งติดริมหน้าต่างให้ได้ชมความงดงามตลอดสองข้างทาง มีเคาน์เตอร์บริการเครื่องดื่ม

ระหว่างเส้นทางที่รถไฟวิ่งผ่านนั้นก็มีทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะช่วงที่รถไฟวิ่งเลียบทะเลญี่ปุ่น ก็มีจุดที่รถไฟจะจอดให้ได้ถ่ายรูปวิวด้านนอกได้อย่างเต็มอิ่ม โดยเฉพาะบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำยูระ ที่ถือว่าเป็นอีกวิวที่สวยที่สุดในเส้นทางนี้
Maizuru Port Tore Tore Center
เลือกอาหารทะเลแบบเสียบไม้ให้ร้านนำไปย่างให้
รถไฟมาสิ้นสุดที่เมืองไมซุรุ ที่เมืองนี้ก็มีจุดน่าสนใจที่ชวนแวะก็คือ “Maizuru Port Tore Tore Center” ซึ่งเป็นตลาดปลาขนาดใหญ่ ด้านในตลาดมีทั้งอาหารทะเลสดๆ จากทะเลญี่ปุ่น กุ้งหอยปูปลาแบบครบครัน จะซื้อกลับไปปรุงที่บ้าน หรือเลือกซื้อแบบที่ทางร้านปรุงให้แล้วก็ได้ บางร้านก็มีอาหารทะเลแบบเสียบไม้ให้ได้เลือก เสร็จแล้วทางร้านก็จะนำไปย่างให้ร้อนๆ สามารถนั่งกินด้านในตลาดได้เลย นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารทะเลแปรรูปอีกหลายเมนูให้เลือกซื้อหากลับไปเป็นของฝากได้ด้วย
Goro Sky Tower
วิวของอ่าวไมซุรุและเมืองไมซุรุ
และจุดที่สามารถชมเมืองไมซุรุได้อย่างทั่วถึงก็คือ “Goro Sky Tower” ที่ตั้งอยู่บนเขา และตัวอาคารมีความสูง 301.2 เมตร โดยสามารถขึ้นไปชมวิวอ่าวไมซุรุและเมืองไมซุรุได้ที่ชั้นบนของอาคารซึ่งเป็นกระจก 360 องศา ด้านล่างของอาคารมีคาเฟ่ที่ให้บริการเครื่องดื่มและอาหาร มานั่งจิบกาแฟชมวิวสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน
คายาบูกิโนซาโตะ
บ้านหลังคาสูงมุงหญ้าคาแบบโบราณ
ดินแดนแห่งป่าเขา
ในดินแดนแห่งป่าเขาทางตอนกลางของเกียวโต เต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ยังมีบ้านเรือนสมัยเก่าที่อยู่อย่างกลมกลืนไปกับธรรมชาติ มีภูเขาเขียวขจี และยังเป็นแหล่งปลูกผักท้องถิ่นของเกียวโตอีกด้วย

ท่ามกลางธรรมชาติของป่าเขานั้น ก็ยังมีบ้านแบบโบราณของญี่ปุ่นตั้งอยู่ ที่นี่เรียกว่า “คายาบูกิโนซาโตะ” (Kayabuki-no-Sato) เป็นหมู่บ้านที่มีการมุงหลังคาด้วยหญ้าคาแบบโบราณ ลักษณะเป็นบ้านแบบหลังคาสูงที่มีการอนุรักษ์รูปแบบตัวอาคารด้านนอกที่มีการมุงหลังคาแบบคายาบูกิ ปัจจุบันบ้านบางหลังก็ยังมีคนอาศัยอยู่จริง บางหลังก็เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ เป็นคาเฟ่ หรือเปิดเป็นที่พักให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสบรรยากาศแบบบ้านญี่ปุ่นโบราณ
หมู่บ้านโบราณท่ามกลางธรรมชาติ
ในบริเวณนี้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ของสิ่งก่อสร้างทางวัฒนธรรมที่มีความสำคัญของประเทศญี่ปุ่น รอบๆ หมู่บ้านมีทั้งทุ่งนาและป่าไม้ ที่นี่จะมีสีเขียวสดใสในช่วงฤดูร้อน ส่วนในช่วงฤดูหนาวก็จะงดงามไปอีกแบบด้วยภาพหิมะสีขาวบริสุทธิ์ที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ
Rurikei Onsen Glax
และด้วยความที่พื้นที่แถบนี้เต็มไปด้วยต้นไม้และป่าเขา จึงเป็นที่นิยมในการมาพักผ่อนและทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการมาแคมปิ้ง อย่างเช่นที่ “Rurikei Onsen Glax” ซึ่งเป็นรีสอร์ตบนภูเขา มีทั้งที่พักส่วนที่เป็นอาคารและที่พักแบบแคมปิ้ง ให้ได้มาพักผ่อนกับกิจกรรมต่างๆ ทั้งการปิ้งบาร์บีคิว การมานั่งผิงกองไฟด้านหน้าเต๊นท์ รวมไปถึงการแช่ออนเซนให้สบายตัว

แหล่งท่องเที่ยวทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่อยู่ในเกียวโต ยังมีมุมสวยๆ ของเกียวโตมุมอื่นให้เข้าไปสัมผัสกันอีกมากมาย หากใครที่มีโอกาสไปเยือนเกียวโตในครั้งต่อไปลองออกมาหามุมมองใหม่ๆ ที่จะเพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยวในมุมต่างให้กับชีวิต
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


กำลังโหลดความคิดเห็น