Facebook :Travel @ Manager

แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดบุรีรัมย์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว คือ “ปราสาทหินพนมรุ้ง” แต่วันนี้อยากแนะนำอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลกันและควรค่าแก่การไปชม นั่นก็คือ “วัดเขาพระอังคาร”

“วัดเขาพระอังคาร” ตั้งอยู่ที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ไม่ไกลจากเขาพนมรุ้ง ตัววัดตั้งอยู่บนยอดเขาพระอังคารซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว
ก่อนอื่นขอเล่าถึงลักษณะของเขาพระอังคาร ภูเขาลูกนี้เป็นเนินเขาฐานกว้าง เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟในยุคควอเทอร์นารีเมื่อประมาณ 700,000 ปีมาแล้ว หากมองจากที่สูงจะเห็นเป็นรูปพญาครุฑที่กำลังกระพือปีกหรือคว่ำหน้าหันหัวไปทางทิศใต้ โดยมีปากปล่องใหญ่อยู่ที่เขากระดูกซึ่งเป็นจุดสูงสุด เกิดจากหินหลอมละลายปะทุออกมาแล้วเย็นตัวอย่างรวดเร็ว จึงพอกสะสมตัวในทางดิ่ง กลายเป็นเนินเขาสูงชันแบบ Plug Dome รอบเขากระดูกเป็นแอ่ง Caldera ซึ่งเกิดจากการทรุดถล่มของปากปล่องภูเขาไฟ โดยเป็นตัวอย่างชัดเจนที่สุดในประเทศไทย และวัดเขาพระอังคารตั้งอยู่ตรงขอบของแอ่งนี้ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 320 เมตร

ก่อนที่จะมีการสร้างวัดเขาพระอังคารขึ้นในบริเวณนี้ มีหลักฐานว่าที่นี่เคยเป็นพุทธสถานมาแต่โบราณ โดยได้พบโบราณวัตถุคือใบเสมาหินบะซอลต์สมัยทวารวดีซึ่งพบเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยตั้งอยู่รอบอุโบสถ ใบเสมาเหล่านี้มีภาพสลักรูปบุคคล สถูป ดอกบัว และธรรมจักร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 13-14 อายุประมาณ 1,300 ปี
อีกทั้งในประวัติลายแทงธาตุพนมกล่าวว่าเมื่อ พ.ศ.8 มีการนำพระอังคารธาตุ (เถ้ากระดูก) ของพระพุทธเจ้ามาประดิษฐานที่เขาลูกนี้ จนถึง พ.ศ. 2520 พระอาจารย์ปัญญา วุฒิโธ จึงได้มาสร้างวัดบนยอดเขา และนำพระอังคารธาตุขึ้นบรรจุในสถูปบนยอดของอุโบสถที่สร้างขึ้นโดยนำศิลปะสมัยต่างๆ มาผสมผสานกันภายในบริเวณวัด

เมื่อมาถึงยังวัดจะมองเห็นอุโบสถที่ประยุกต์จากสถาปัตยกรรมหลายสมัย เป็นพระปรางค์ที่มียอดเจดีย์ 3 องค์บนฐานเดียวกัน มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ตามมุมและซุ้มทิศต่างๆ เมื่อเข้าไปภายในกราบพระประธานก็จะได้รับบรรยากาศอันเงียบสงบ มองไปรอบๆ ภายในอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องราวพุทธชาดกที่มีความพิเศษคือมีตัวอักษรบรรยายเรื่องราวเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ชาวต่างชาติที่มาเยือนได้พอเข้าใจว่าแต่ละภาพเล่าถึงเรื่องราวอะไร
บริเวณรอบๆ อุโบสถมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยจำนวน 108 องค์ ตั้งเรียงรายล้อมรอบอุโบสถไว้ อีกทั้งยังมีใบเสมาหินทรายสลักภาพบุคคล สถูป ดอกบัว และธรรมจักรสมัยทวารวดี 8 คู่ ตั้งไว้รอบๆ โบสถ์ ในวิหารหลังหนึ่งด้านข้างพระอุโบสถประดิษฐานพระคันธารราษฎร์และรอยพระพุทธบาทจำลอง

ขณะที่บริเวณลานสนามกลางแจ้งหน้าวัดมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ (พระพุทธรูปนอน) ขนาดใหญ่ สร้างด้วยงานพุทธศิลป์รูปแบบเฉพาะตัว เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเขาอังคารให้ผู้ที่มาเยือนได้สักการะกัน
ผู้ที่อยากเดินทางมาชมและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัด สามารถเดินทางมาได้โดยจากบุรีรัมย์ใช้เส้นทางสายบุรีรัมย์-นางรอง-บ้านตะโก-บ้านตาเป็ก ซึ่งเป็นทางเดียวกับไปปราสาทหินพนมรุ้ง เมื่อเดินทางถึงบ้านตาเป็ก เลี้ยวขวาตามทางไปอำเภอละหานทรายประมาณ 13 กิโลเมตรจะพบทางแยกขวาไปวัดเขาอังคารอีก 7 กิโลเมตร โดยเขาพระอังคารอยู่ห่างจากปราสาทหินพนมรุ้งไปอีกประมาณ 20 กิโลเมตร



สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดบุรีรัมย์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว คือ “ปราสาทหินพนมรุ้ง” แต่วันนี้อยากแนะนำอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลกันและควรค่าแก่การไปชม นั่นก็คือ “วัดเขาพระอังคาร”
“วัดเขาพระอังคาร” ตั้งอยู่ที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ไม่ไกลจากเขาพนมรุ้ง ตัววัดตั้งอยู่บนยอดเขาพระอังคารซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว
ก่อนอื่นขอเล่าถึงลักษณะของเขาพระอังคาร ภูเขาลูกนี้เป็นเนินเขาฐานกว้าง เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟในยุคควอเทอร์นารีเมื่อประมาณ 700,000 ปีมาแล้ว หากมองจากที่สูงจะเห็นเป็นรูปพญาครุฑที่กำลังกระพือปีกหรือคว่ำหน้าหันหัวไปทางทิศใต้ โดยมีปากปล่องใหญ่อยู่ที่เขากระดูกซึ่งเป็นจุดสูงสุด เกิดจากหินหลอมละลายปะทุออกมาแล้วเย็นตัวอย่างรวดเร็ว จึงพอกสะสมตัวในทางดิ่ง กลายเป็นเนินเขาสูงชันแบบ Plug Dome รอบเขากระดูกเป็นแอ่ง Caldera ซึ่งเกิดจากการทรุดถล่มของปากปล่องภูเขาไฟ โดยเป็นตัวอย่างชัดเจนที่สุดในประเทศไทย และวัดเขาพระอังคารตั้งอยู่ตรงขอบของแอ่งนี้ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 320 เมตร
ก่อนที่จะมีการสร้างวัดเขาพระอังคารขึ้นในบริเวณนี้ มีหลักฐานว่าที่นี่เคยเป็นพุทธสถานมาแต่โบราณ โดยได้พบโบราณวัตถุคือใบเสมาหินบะซอลต์สมัยทวารวดีซึ่งพบเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยตั้งอยู่รอบอุโบสถ ใบเสมาเหล่านี้มีภาพสลักรูปบุคคล สถูป ดอกบัว และธรรมจักร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 13-14 อายุประมาณ 1,300 ปี
อีกทั้งในประวัติลายแทงธาตุพนมกล่าวว่าเมื่อ พ.ศ.8 มีการนำพระอังคารธาตุ (เถ้ากระดูก) ของพระพุทธเจ้ามาประดิษฐานที่เขาลูกนี้ จนถึง พ.ศ. 2520 พระอาจารย์ปัญญา วุฒิโธ จึงได้มาสร้างวัดบนยอดเขา และนำพระอังคารธาตุขึ้นบรรจุในสถูปบนยอดของอุโบสถที่สร้างขึ้นโดยนำศิลปะสมัยต่างๆ มาผสมผสานกันภายในบริเวณวัด
เมื่อมาถึงยังวัดจะมองเห็นอุโบสถที่ประยุกต์จากสถาปัตยกรรมหลายสมัย เป็นพระปรางค์ที่มียอดเจดีย์ 3 องค์บนฐานเดียวกัน มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ตามมุมและซุ้มทิศต่างๆ เมื่อเข้าไปภายในกราบพระประธานก็จะได้รับบรรยากาศอันเงียบสงบ มองไปรอบๆ ภายในอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องราวพุทธชาดกที่มีความพิเศษคือมีตัวอักษรบรรยายเรื่องราวเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ชาวต่างชาติที่มาเยือนได้พอเข้าใจว่าแต่ละภาพเล่าถึงเรื่องราวอะไร
บริเวณรอบๆ อุโบสถมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยจำนวน 108 องค์ ตั้งเรียงรายล้อมรอบอุโบสถไว้ อีกทั้งยังมีใบเสมาหินทรายสลักภาพบุคคล สถูป ดอกบัว และธรรมจักรสมัยทวารวดี 8 คู่ ตั้งไว้รอบๆ โบสถ์ ในวิหารหลังหนึ่งด้านข้างพระอุโบสถประดิษฐานพระคันธารราษฎร์และรอยพระพุทธบาทจำลอง
ขณะที่บริเวณลานสนามกลางแจ้งหน้าวัดมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ (พระพุทธรูปนอน) ขนาดใหญ่ สร้างด้วยงานพุทธศิลป์รูปแบบเฉพาะตัว เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเขาอังคารให้ผู้ที่มาเยือนได้สักการะกัน
ผู้ที่อยากเดินทางมาชมและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัด สามารถเดินทางมาได้โดยจากบุรีรัมย์ใช้เส้นทางสายบุรีรัมย์-นางรอง-บ้านตะโก-บ้านตาเป็ก ซึ่งเป็นทางเดียวกับไปปราสาทหินพนมรุ้ง เมื่อเดินทางถึงบ้านตาเป็ก เลี้ยวขวาตามทางไปอำเภอละหานทรายประมาณ 13 กิโลเมตรจะพบทางแยกขวาไปวัดเขาอังคารอีก 7 กิโลเมตร โดยเขาพระอังคารอยู่ห่างจากปราสาทหินพนมรุ้งไปอีกประมาณ 20 กิโลเมตร
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager