xs
xsm
sm
md
lg

กราบสักการะพระบรมราชสรีรางคารในหลวง ร.๙ ณ วัดราชบพิธ-วัดบวรนิเวศ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Facebook :Travel @ Manager
ด้านหน้าพระอุโบสถวัดราชบพิธฯ
หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2560 ก็ได้มีพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์จากวัดพระศรีรัตนศาสดารามมาบรรจุที่ฐานชุกชีหินอ่อนของพระพุทธอังคีรสแห่งวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และบรรจุที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์แห่งวัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2560

วัดทั้งสองแห่งถือเป็นวัดสำคัญของกรุงเทพฯ และพระพุทธรูปทั้งสององค์อันเป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารของรัชกาลที่ ๙ ก็เป็นพระพุทธรูปสำคัญ มีพุทธลักษณะที่งดงามและเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนมานับแต่อดีตจนปัจจุบัน
พระพุทธอังคีรส พระประธานในพระอุโบสถวัดราชบพิธฯ
พระเจดีย์สีทองแห่งวัดราชบพิธฯ
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

“วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม” เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นวัดแรกหลังจากทรงเสด็จขึ้นครองราชย์เพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับพระอัครมเหสี พระราชเทวี และเจ้าจอมพระสนมเอกของพระองค์ ภายในวัดมีสุสานหลวงอันเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ซึ่งรัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างไว้เพื่อประดิษฐานพระสรีรังคารแห่งสายพระราชสกุลในพระองค์

พระอุโบสถวัดราชบพิธฯ ยังมีความสวยงามโดดเด่นที่ภายนอกเป็นศิลปะแบบไทย แต่ภายในงดงามไปด้วยศิลปะยุโรปแบบโกธิค ลวดลายจำลองเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประดับมุกที่บานประตูได้รับยกย่องว่าเป็นศิลปะชิ้นสำคัญของกรุงรัตนโกสินทร์ ส่วนภายในผสมผสานงานศิลปะชั้นสูงหลายแขนง มีการนำพระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๕ ผสมผสานการประดับด้วยตราลัญจกรของแผ่นดินอันทรงคุณค่า บนเพดานประดับด้วยโคมไฟระย้างดงามยิ่งนัก
สุสานหลวง
นายทหารบนบานประตูวัดราชบพิธฯ
ส่วน “พระพุทธอังคีรส” เป็นพระพุทธรูปประธานภายในพระอุโบสถวัดราชบพิธฯ นามของพระพุทธรูปมาจากพระนามของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง แปลว่ามีพระรัศมีแผ่ซ่านออกจากพระวรกาย เป็นพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ ปางสมาธิ ขนาดหน้าตัก 60 นิ้ว หล่อขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ ต่อต้นรัชกาลที่ ๕ ใช้วิธีกระไหล่ทองคำ ด้วยทองคำหนัก 180 บาท ซึ่งเป็นทองที่พระบาทพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสวมใส่เมื่อทรงพระเยาว์ องค์พระประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีหินอ่อนจากประเทศอิตาลี โดยที่ใต้ฐานพระได้บรรจุพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ด้วยกัน เช่น พระบรมอัฐิของรัชกาลที่ ๒ รัชกาลที่ ๓ รัชกาลที่ ๔ รัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๗ รวมถึงรัชกาลที่ ๙ ด้วยเช่นกัน
พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร
วัดบวรนิเวศนิหาร

"วัดบวรนิเวศวิหาร" เป็นวัดสำคัญอีกแห่งหนึ่งสร้างขึ้นโดยสมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ หรือวังหน้าในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ แต่ในสมัยของพระองค์ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ ต่อมารัชกาลที่ ๓ ได้ทรงอาราธนาสมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้าฟ้ามงกุฏ (สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔) ซึ่งผนวชเป็นพระภิกษุอยู่วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) เสด็จมาครองเมื่อ พ.ศ.2375

วัดบวรนิเวศยังเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์หลายรัชกาลได้ทรงผนวชและมาประทับ ณ วัดแห่งนี้ ทั้งรัชกาลที่ ๖ รัชกาลที่ ๗ รวมถึงรัชกาลที่ ๙
พระพุทธชินสีห์และพระสุวรรณเขตในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร
ภายในพระอุโบสถของวัดบวรนิเวศวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน 2 องค์คือพระพุทธชินสีห์ และพระสุวรรณเขต

พระสุวรรณเขต หรือหลวงพ่อโต หรือหลวงพ่อเพชร คือพระประธานองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ด้านในสุด เป็นพระประธานองค์แรกของพระอุโบสถนี้ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ อัญเชิญมาจากวัดสระตะพาน จังหวัดเพชรบุรี เป็นพระพุทธรูปโลหะลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย ศิลปะอยุธยา หน้าตักกว้าง 9 ศอก 21 นิ้ว
พระเจดีย์ใหญ่วัดบวรนิเวศวิหาร
ส่วนพระพุทธชินสีห์ ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าพระพุทธสุวรรณเขต เป็นพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย หน้าตักกว้าง 5 ศอก 4 นิ้ว สันนิษฐานว่า สมเด็จพระธรรมราชาลิไทแห่งกรุงสุโขทัย โปรดให้สร้างขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันกับพระพุทธชินราช และพระศรีศาสดา เดิมประดิษฐานอยู่ที่พระวิหารด้านทิศเหนือของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก ต่อมาสมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาศักดิพลเสพ โปรดให้อัญเชิญมาประดิษฐานที่มุขหลังของพระอุโบสถจัตุรมุข วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อ พ.ศ.2374 ก่อนจะอัญเชิญพระพุทธชินสีห์มาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ ด้านหน้าพระพุทธสุวรรณเขต เมื่อ พ.ศ.2380 แล้วได้ติดทองกะไหล่พระรัศมี ฝังพระเนตร และฝังเพชรที่พระอุณาโลมใหม่ พร้อมทั้งปิดทององค์พระพุทธรูป

บริเวณฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์เป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ อีกทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ด้วยเช่นกัน
อีกหนึ่งมุมในวัดบวรนิเวศวิหาร
นอกจากนั้นภายในวัดยังมีพระมหาเจดีย์ใหญ่สีทองสุกใสสูงโดดเด่นเป็นสง่า เป็นเจดีย์ทรงกลมกลม ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และมีพระเจดีย์ไพรีพินาศ อันเป็นที่ประดิษฐานพระไพรีพินาศ พระพุทธรูปปางประทานพรซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญและมีชื่อเสียงแห่งวัดบวรฯ อีกทั้งยังมีวิหารพระศาสดา ประดิษฐานพระศาสดา พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในคราวเดียวกับพระพุทธชินสีห์ และประดิษฐานพระไสยาสน์ พระนอนสมัยสุโขทัยที่มีพุทธลักษณะงดงามมากอีกด้วย
บานประตูเซี่ยวกางหน้าวัดบวรนิเวศวิหาร
ชาวไทยทุกท่านสามารถเดินทางมากราบสักการะพระบรมราชสรีรางคารของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เพื่อน้อมดวงจิตรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ณ วัดทั้งสองแห่งนี้ได้

“วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม” ตั้งอยู่บนถนนเฟื่องนคร แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กทม. สอบถามโทร.0 2222 3930 “วัดบวรนิเวศวิหาร” ตั้งอยู่บนถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. สอบถามโทร.0 2629 5854

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


กำลังโหลดความคิดเห็น