หนึ่งในภารกิจของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการลงพื้นที่จังหวัด“ลำพูน” เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ก็คือการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ในโครงการ “ไทยเที่ยวไทย...ไทยยั่งยืน” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวใน 55 เมืองรอง และมาตรการลดหย่อนภาษีในโค้งสุดท้ายปลายปีของรัฐบาล
ในภารกิจครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะได้ลองนั่งรถรางเที่ยวชมเมืองลำพูน เพื่อร่วมโปรโมทการท่องเที่ยวเมืองลำพูน
โดยหลังจากกราบสักการะอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี นายกรัฐมนตรีได้นั่งรถรางไปกราบสักการะพระรอดลำพูนที่วัดมหาวัน ก่อนจะเดินทางต่อไปยัง กู่ช้าง กู่ม้า และสุดท้ายนายกฯได้เดินทางไปวัดพระธาตุหริภุญชัย ซึ่งปรากฏเป็นข่าวนำของสื่อทุกสำนัก
สำหรับการ“นั่งรถรางเที่ยวเมืองลำพูน”(รถรางนำเที่ยวลำพูน) ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกทางการท่องเที่ยวที่น่าสนใจของผู้ที่มาแอ่วเวียงละปูน
โดยรถรางเที่ยวชมเมืองลำพูนจะมีเส้นทางวิ่งเป็นวงรอบ ระหว่างทางจะพาไปแวะเที่ยวชมจุดสำคัญ ๆ ทั้งหมด 10 จุด (หากรวมวัดพระธาตุหริภุญชัยที่เป็นจุดตั้งต้นและสิ้นสุดก็จะเป็น 11 จุด) เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักกับเมืองลำพูน (ในแบบฉบับย่อ) ดียิ่งขึ้น พร้อมๆ กับมีคนขับรถทำหน้าที่เป็นผู้บรรยาย ให้ความรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ ไปตลอดเส้นทาง
สำหรับจุดแรกหลังรถรางออกสตาร์ทคือ “พิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูน” ที่เป็นดังการทักทายให้เราได้รู้จักกับวิถีความเป็นมาของชาวลำพูน พร้อมกับมีข้าวของเก่าแก่ให้ชมกันหลากหลาย
ส่วนจุดที่สองเป็น “คุ้มเจ้ายอดเรือน” เป็นเรือนสรไน (เรือนพื้นถิ่นเอกลักษณ์ลำพูน) ที่แม้จะสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2470 แต่วันนี้ยังคงสภาพดีอยู่ จึงได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามฯ ในปี 2554 ภายในมีข้าวของเครื่องใช้จัดแสดงให้ชมกัน
จากนั้นนับจากจุดที่สามเป็นต้นไปจะเป็นการนำเที่ยววัดต่างๆ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลำพูน เริ่มจาก “อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี” ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย ในท่าประทับยืนสวยงามสง่า
ถัดไปเป็น“วัดจามเทวี”อันเป็นที่ประดิษฐาน “พระเจดีย์สุวรรณจังโกฏ” หรือ “กู่กุด” ซึ่งเป็นเจดีย์ที่บรรจุพระอัฐิของพระนางจามเทวี
จุดที่ห้าเป็น“วัดมหาวัน” หนึ่งในวัดสี่มุมเมืองที่มี “พระรอดหลวง” ซึ่งเป็นแม่พิมพ์พระสกุล“พระรอดลำพูน” อันลือลั่น เป็น 1 ใน 5 พระเบญจภาคีที่มีราคาแพงที่สุด ซึ่งนายกฯลุงตู่ ได้นั่งรถรางไปกราบสักการะพระรอดลำพูนที่วัดมหาวันแห่งนี้
จากวัดมหาวัน จุดต่อไปรถรางจะพาเราไปยัง “วัดพระคงฤาษี” วัดสี่มุมเมืองที่มีเจดีย์แปลกกว่าใครในลำพูน เป็นเจดีย์ที่มีซุ้มคูหาทั้ง 4 ทิศ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปยืนและพระฤาษี
ต่อมาในจุดที่เจ็ดคือ “วัดสันป่ายางหลวง” อีกหนึ่งวัดอันงดงามวิจิตรแห่งดินแดนล้านนา ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของ “พระเจ้าเขียวโขง” หรือ “พระพุทธอัญญรัตนมหานทีศรีหริภุญชัย” ที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่งนัก
ส่วนจุดที่แปดคือ “กู่ช้าง กู่ม้า” หนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่ชาวเมืองลำพูนเคารพนับถือกันมาก โดยเฉพาะกู่ช้าง ที่สร้างเป็นสถูปทรงกระบอกปลายมน เชื่อกันว่าเป็น “ปู้ก่ำงาเขียว” ช้างศึกคู่บารมีของพระนางจามเทวี ซึ่งหากใครได้มากราบไหว้ขอพรและได้ลอดท้องรูปปั้นช้างปู้ก่ำงาเขียว เชื่อว่าจะได้รับพรแห่งชัยชนะ สมหวังทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน และการดำเนินชีวิต
และด้วยความศักดิ์สิทธิ์อันร่ำลือไกล กับตำนานเรื่องเล่าขานอันน่าทึ่ง ทำให้ “กู่ช้าง-กู่ม้า” ถูกคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 24 แหล่งท่องเที่ยว “เขาเล่าว่า” อีกหนึ่งแคมเปญท่องเที่ยวใหม่จาก ททท. ในปี 2559
จากนั้นรถรางพามาต่อกันในจุดที่เก้ากับ“วัดพระยืน” อีกหนึ่งวัดสี่มุมเมืองที่โดดเด่นไปด้วย“เจดีย์วัดพระยืน” กับงานศิลปกรรมแบบพม่า มีซุ้มคูหาทั้ง 4 ทิศ ภายในประดิษฐานพระยืนสีทองอร่าม ดูงดงามเป็นเอกลักษณ์ยิ่งนัก
ก่อนที่รถรางจะพาไปยังจุดสุดท้ายคือ “วัดต้นแก้ว” วัดที่มีสิ่งน่าสนใจ อาทิ “เจดีย์ต้นก๊อ”ที่เป็นสถูปทรงกลมล้านนา มีพระพุทธรูปทรงเครื่องในวิหาร รวมถึงมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน และส่วนของศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับผ้าทอที่เราจะได้ชมฝีมือแม่อุ๊ยกับการทอผ้าด้วยลวดลายอันสวยงาม ซึ่งเป็นดังพิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่ใครถูกใจก็ซื้อหาติดไม้ติดมือกลับมาได้
จากนั้นรถรางจะวิ่งวนกลับมายังจุดตั้งต้นจุดขึ้นรถราง หรือจุดให้บริการนั่งรถราง คือ “วัดพระธาตุหริภุญชัย” ที่ตั้งอยู่บน ถ.อินทยงยศ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ลำพูน
วัดพระธาตุหริภุญชัย เป็นวัดสำคัญคู่บ้านคคู่เมืองลำพูน และเป็นที่ประดิษฐาน “พระธาตุหริภุญชัย” พระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลำพูน และพระธาตุประจำปีคนเกิดปีระกา(ไก่) ตามคติความเชื่อของชาวล้านนา ภายในประดิษฐานพระเกศธาตุบรรจุอยู่ในโกศทองคำ ซึ่งในแต่ละวันจะมีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาไหว้องค์พระธาตุหริภุญชัยกันไม่ได้ขาด
นอกจากพระธาตุหริภุญชัยที่เป็นศูนย์รวมใจของชาวลำพูนแล้ว วัดพระธาตุหริภุญชัยและบริเวณโดยรอบยังมีสิ่งน่าสนใจให้สักการะและเที่ยวชมกันอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “ซุ้มประตูโขงท่าสิงห์”, “พระเจ้าทองทิพย์” ในโบสถ์ด้านหน้า, “พระมหามุนีศรีหริภุญชัย” พระพุทธปฏิมาในวิหารหลวง, “หลวงพ่อพระนอน”, “พระเจ้าแดง”, “สุวรรณเจดีย์” หรือ “เจดีย์ปทุมวดี”, “รอยพระพุทธบาท 4 รอย”, “เสาสะดือเมือง” เป็นต้น
สำหรับผู้ที่มาแอ่วเมืองลำพูน หากมีเวลาก็น่าลองใช้บริการนั่งรถรางทัวร์เมืองลำพูน ซึ่งให้ถือเป็นการทำความรู้จักกับเมืองลำพูนและนครหริภุญชัยในแบบฉบับย่อ ที่ชวนสนุกเพลิดเพลิน แถมราคาย่อมเยา สมเหตุสมผล
นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจยิ่งของจังหวัดลำพูน ซึ่งแม้กระทั่งนายกฯลุงตู่ก็ยังเคยนั่งรถรางสายนี้มาแล้ว
.....................................................................................................
รถรางเที่ยวชมเมืองลำพูน(รถรางนำเที่ยวลำพูน) มีจุดจอดให้บริการอยู่ที่ลานหน้าวัดพระธาตุหริภุญชัย มีเส้นทางวิ่งเป็นวงรอบ เริ่มต้นและสิ้นสุดที่วัดพระธาตุหริภุญชัย ใช้เวลาวิ่งประมาณ 3 ชั่วโมง วันละ 2 รอบ คือ รอบเช้า 9.30 น. รอบบ่าย 13.30 น. ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท หากมาเป็นหมู่คณะต้องการจะเหมารอบ คิดรอบละ 1,000 บาท
ระหว่างทางวิ่งรถรางจะพาไปแวะเที่ยวชมจุดสำคัญ ๆ ในตัวเมืองลำพูนทั้งหมด 10 จุดด้วยกัน (หากรวมวัดพระธาตุหริภุญชัยที่เป็นจุดให้บริการขึ้น-ลง ก็จะเป็น 11 จุด) ได้แก่ 1.พิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูน 2.คุ้มเจ้ายอดเรือน 3.อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี 4.วัดจามเทวี 5.วัดมหาวัน 6.วัดพระคงฤาษี 7.วัดสันป่ายางหลวง 8.กู่ช้าง กู่ม้า 9.วัดพระยืน 10.วัดต้นแก้ว
ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการรถรางนำเที่ยวลำพูนโทร 053 530 757
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager