xs
xsm
sm
md
lg

เปิดโลกกว้างตะลุย “อิชิกะวะ” มากเสน่ห์แหล่งท่องเที่ยว มาเยือนแล้วรักประทับใจ (จบ)

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Facebook :Travel @ Manager
หมู่บ้านฮิกาชิ ชายะ หมู่บ้านโรงน้ำชาเก่าแก่ในเมืองคานาซาวะ
“ตะลอนเที่ยว” พร้อมชาวคณะทัวร์ไทยยังคงออกเดินทางเปิดโลกกว้างตะลุยเที่ยวที่จังหวัดอิชิกะวะ (Ishikawa) ประเทศญี่ปุ่น กันต่อกับ “บริษัท เวิลด์โปรแทรเวิล จำกัด” เช้านี้ล้อหมุนออกเดินทางพาพวกเรามาเยือน “ตลาดเช้าวะจิมะ” (Wajima Morning Market) หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า “อาสะอิจิ” (Asaichi) ตลาดแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองวะจิมะ (Wajima City) เชื่อกันว่าตลาดแห่งนี้มีมานานกว่า 1,000 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยเฮอัน เป็นตลาด 1 ใน 3 ตลาดเช้าที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น เปิดทุกวัน เวลา 8.00 - 12.00 น. (หยุด 1-3 เดือนม.ค. วันที่ 2 และ 4 ของเดือน)
พ่อค้าชาวญี่ปุ่นขายอาหารทะเลที่ตลาดเช้าวะจิมะ
เมื่อมาถึงตลาดพวกเราได้เดินเที่ยวตลาด ที่เป็นเหมือนถนนคนเดินที่มีบรรยากาศรื่นรมย์ ตลอดสองข้างทางของถนนมีร้านรวงขายของมากมาย แล้วก็มีพ่อค้าแม่ขายชาวญี่ปุ่นที่น่ารัก มาเปิดแผงขายอาหารทะเลสดๆ และแบบปรุงสุกแล้ว รวมถึงผลิตภัณฑ์จากฟาร์มในท้องถิ่นให้ได้ลองลิ้มชิมรสและเลือกซื้อกัน และอีกจุดเด่นของที่ตลาดนี้ก็คือ มีร้านที่ขายเครื่องเขินประจำท้องถิ่นที่เป็นงานฝีมือ เรียกว่า วะจิมะ นูริ (Wajima nuri)
ตลาดเช้าวะจิมะ มีร้านขายเครื่องเขินของวะจิมะให้เลือกซื้อมากมาย
เครื่องเขินของวาจิมะ มีความแตกต่างจากที่อื่น ๆ ตรงที่มีความแข็งแรงใช้ดินของวาจิมะผสมกับสีทาหลายชั้น ถ้าเป็นไม้ก็จะใช้ผ้าพันก่อนทาสีเพื่อไม่ให้หักง่าย ถ้าเป็นภาชนะดินเผาก็สามารถใช้ใส่ของร้อนได้ โดยที่ยังคงเก็บรักษาความร้อนเอาไว้ได้ แต่สามารถจับได้ภายนอกไม่ร้อน การเขียนลายใช้วิธีการแกะเป็นลาย แล้วเอาทองคำเปลวลงมีความทนทานด้วยสารเคลือบผิวพิเศษ กระบวนการผลิตนั้นทำด้วยช่างฝีมือดี ทำให้เครื่องเขินของวะจิมะมีความสวยงาม ชวนให้ซื้อหาเป็นของที่ระลึกติดมือกลับบ้าน
พิพิธภัณฑ์โคมไฟคิริโกะ จัดแสดงคิริโกะที่มีความงดงาม
เดินเที่ยวตลาดแล้วได้ชอปซื้อเครื่องเขินของวะจิมะกันแล้ว พวกเรามุ่งหน้ามาเที่ยวกันต่อยังที่นี่ “พิพิธภัณฑ์โคมไฟคิริโกะ” (Wajime Kiriko Art Museum) ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเทศกาลโบราณ “คิริโกะ มัทซึริ” ซึ่งเป็นเทศกาลของภูมิภาคโนโตะ ที่จะจัดขึ้นทุกปีช่วงฤดูร้อนจนถึงฤดูใบไม้ร่วง โดยคำว่า "คิริโกะ" เป็นคำย่อของคำว่า “คิริโกะ โดโระ” ซึ่งโคมไฟขนาดใหญ่เหล่านี้จะถูกจุดไฟขึ้น และนำไปแขวนไว้ด้านหน้าศาลเจ้าเพื่อเป็นการนำทาง
ลวดลายอันสวยงามของคิริโกะ
พวกเราเดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ที่เป็นอาคารขนาดใหญ่สูงโปร่ง แล้วก็ได้ตื่นตาตื่นใจกับคิริโกะอันสวยงามตระการตามากมายตั้งเรียงรายอยู่ ซึ่งคิริโกะที่นำมาจัดแสดงนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคิริโกะที่ใช้จริงในงานเทศกาลแล้วได้นำมาจัดเก็บไว้ที่นี่ โดยมีคิริโกะขนาดปกติที่งดงาม และมีคิริโกะที่มีขนาดใหญ่โตโอฬาร ที่ถึงกับต้องแหงนคอดูกันเลย บางชิ้นมีความสูงถึง 10 เมตร และมีลวดลายสวยงามมากๆ ได้เห็นงานฝีมือไม้เคลือบของวะจิมะอันงดงามจับใจ และได้เห็นตัวอักษรสวยๆ ที่เขียนอยู่บนคิริโกะ ซึ่งตัวอักษรเหล่านั้นคือคำอธิษฐานของผู้ที่สร้างคิริโกะ ที่ต้องการสื่อแสดงความขอบคุณเทพเจ้าและบรรพบุรุษ ที่ทำให้พวกเขาออกทะเลหาปลาได้เยอะ ปลูกข้าวทำไร่นาได้อย่างอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้และมีความร่ำรวย
หอยนางรมโนโตะสดๆ ย่างบนเตาร้อนๆ
ชื่นชมกับคิริโกะกันพอสมควรแก่เวลา พวกเราก็หิ้วท้องมาอิ่มอร่อยกับอาหารเลิศรสที่หาชิมได้ที่คาบสมุทรโนโตะ นั้นก็คือ การมาอิ่มอร่อยกับความหวานฉ่ำของ “หอยนางรมโนโตะ” ที่มีเอกลักษณ์ตรงที่เป็นหอยนางรมตัวใหญ่อวบอ้วน สดใหม่จากท้องทะเล
อร่อยกับหอยนางรมโนโตะตัวใหญ่
ชาวญี่ปุ่นจะมีวิธีการกินหอยนางรม เรียกว่า “คะคิ” ในภาษาญี่ปุ่น โดยวิธีการกินหอยนางรมให้ได้อรรถรสที่อร่อยดีที่สุด ก็คือการนำหอยนางรมตัวใหญ่ๆ สดๆ มาย่างโดยไม่ต้องแกะเปลือกออก ย่างจนหอยสุกได้ดี แล้วค่อยแงะเปิดเปลือกหอยออกมา จะได้เห็นหอยนางรมตัวอวบอ้วน ส่งเข้าปากกินแบบไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มอะไรเลย จะได้สัมผัสกับรสชาติของหอยนางรมที่เคี้ยวเด้งหนึบเต็มปากเต็มคำ มีความสดหวานฉ่ำ เจือรสชาติความเค็มจากน้ำทะเลที่อยู่ในหอย เรียกว่าย่างกินกันเพลินปาก อิ่มจนพุงกาง
อาคารหลักของศาลเจ้าเคตะ ไทชะ
เมื่อพวกเราอิ่มท้องกันแล้ว ก็ได้เวลาออกเที่ยวกันต่อไปยังสถานที่เที่ยวถัดไป พวกเราพากันมายังที่ “ศาลเจ้าเคตะ ไทชะ” (Keta Taisha Shrine) เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นของศาลเจ้าแห่งแรกในโนโตะ เป็นศาลเจ้าชินโตอันศักดิ์สิทธิ์ ที่มีอายุกว่า 2,000 ปี สร้างขึ้นในช่วงสมัยนาราและสมัยเฮอัน

ภายในศาลเจ้าประกอบไปด้วยอาคารต่างๆ ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้อันร่มรื่น ที่เชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ และด้านหลังของอาคารหลักยังเป็นป่าศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของเทพโอคุนินูชิ (Okuninushi) เทพแห่งการค้นหารักแท้ จึงทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องของการมาอธิษฐานขอเรื่องความรัก หนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นนิยมมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้เพื่อมาขอให้พบรักแท้ มีแต่ความสุขสมหวังในเรื่องความรักที่ดีงาม
นักท่องเที่ยวเขียนคำอธิษฐานขอพรบนแผ่นไม้แล้วนำมาแขวนไว้
โดยทางวัดจะมีแผ่นป้ายไม้ทำเป็นรูปหัวใจให้เขียนคำอธิฐานขอพรเรื่องความรักที่ปรารถนาลงไป แล้วนำไปแขวนไว้ยังจุดต่างๆ ที่ทางวัดจัดให้ แล้วก็ยังมีเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวกับเรื่องความรักมากมาย ให้ได้เช่าบูชาไว้ติดตัว จะได้พบกับความรักที่สุขสมหวัง ซึ่งพวกเราทุกคนได้เข้าร่วมทำพิธีขอพรต่อองค์เทพเจ้า และได้ร่วมเขียนคำอธิฐานลงบนแผ่นป้ายไม้ขอพรเรื่องความรักกันทั่วหน้า ทุกคนล้วนมีรอยยิ้มเปื้อนหน้า เพราะได้ขอพรกับเทพเขจ้าแห่งความรักแล้ว เชื่อแน่ว่าทุกคนจะมีความสุขสมหวังเรื่องความรักกันเป็นแน่แท้
สวนเคนโระคุเอ็น ที่เที่ยวโดดเด่นของเมืองคานาซาวะ
หลังจากได้ขอพรเรื่องความรักกันกันแล้ว ก็ได้เวลาที่ต้องลาจากศาลเจ้า พวกเราขึ้นรถแล้วออกเดินทางมุ่งหน้ามายลสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่ห้ามพลาดหากได้มาเยือนเมืองคานาซาวะ นั่นการมาชมสวนสไตล์ญี่ปุ่นอันงดงามที่ “สวนเคนโระคุเอ็น” (Kenrokuen Garden) จัดว่าเป็นสวนขุนนางศักดินาที่มีความงดงามที่สุด ติด 1 ใน 3 ของสวนในประเทศญี่ปุ่น (อีก 2 แห่งคือสวนไคระคุเอ็นในเมืองมิโตะ และสวนโคระคุเอ็นในเมืองโอะคะยะมะ) สวนแห่งนี้เริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1676 บรรจงสร้างสรรค์สวนให้มีความยิ่งใหญ่สวยงามตระการตา
บรรยากาศความร่มรื่นภายในสวนเคนโระคุเอ็น
โดยคำว่า "เคนโระคุเอ็น" นั้นหมายความถึงสวนที่มีองค์ประกอบที่ดี 6 อย่างด้วยกัน คือ ความยิ่งใหญ่กว้างขวาง, ความเงียบสงบ, การสร้างสรรค์โดยมนุษย์, ความเก่าแก่, สายนํ้า, และทิวทัศน์ ซึ่งเมื่อได้เดินเข้ามาเที่ยวในสวนก็ได้ประจักษ์กับตากับภาพของสวนสวยที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางมาก พวกเราได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ ความสวยงามอลังการของเหล่าต้นไม้น้อยใหญ่ที่อยู่ภายในสวน มีความเขียวขจีร่มรื่น ชวนให้เดินเล่นชิลๆ แบบรื่นรมย์สบายใจ สูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่นใจ ซึ่งภายในสวนมีจุดเด่นที่น่าสนใจมากมาย อาทิ บ่อน้ำคาซุมิกะอิเคะที่เปรียบเสมือนกับทะเลอันกว้างใหญ่ โคมไฟหินที่ถูกออกแบบเหมือนกับเครื่องดนตรีโคโตะดั้งเดิมของญี่ปุ่น มีร้านน้ำชาให้เข้าไปนั่งจิบชาญี่ปุ่นเพลินใจ
เดินเล่นเพลิดเพลินที่หมู่บ้านฮิกาชิ ชายะ
เดินเที่ยวชมสวนจนเพลินกายเพลินใจแล้ว พวกเราก็มาเดินเที่ยวกันต่อที่นี่ “หมู่บ้านฮิกาชิ ชายะ” (Higashi Chaya District) ที่นี่เป็นหมู่บ้านโรงน้ำชาเก่าแก่และใหญ่ที่สุดในเมืองคานาซาวะ ที่ยังคงเอกลักษณ์สไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมเอาไว้ได้เป็นอย่างดี เป็นย่านเกอิชาที่ได้รับการบันทึกให้เป็น 1 ใน 2 ย่านเกอิชาที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น โดยมีชายะเป็นร้านแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ให้บริการบันเทิง อาหารและเครื่องดื่มในสมัยเอโดะ สามารถชมการเต้นรำและร้องเพลงของเกอิชาได้
นั่งจิบชาชิลๆ ที่หมู่บ้านฮิกาชิ ชายะ
เมื่อมาถึงหมู่บ้านฮิกาชิ ชายะ แห่งนี้ก็เหมือนได้พาตัวเองย้อนไปสู่ยุคสมัยเอโดะ ตลอดทางเดินปูพื้นถนนด้วยหิน โดดเด่นไปด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของอาคารไม้ 2 ชั้น ที่ปลูกสร้างเรียงรายอยู่สองข้างทาง ทำให้เห็นถึงบรรยากาศของร้านน้ำชาเก่าสมัยโบราณดูมีมนต์ขลังแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม มีมุมได้ให้เดินถ่ายรูปคู่กับอาคารไม้เก่าแก่ที่สวยงาม และภายในหมู่บ้านยังมีตรอกซอกซอยหลายจุดที่มีอาคารไม้เก่าแก่สไตล์ญี่ปุ่นโบราณหลังงามให้ได้เดินชม และถ่ายรูปแบบเพลิดเพลิน ซึ่งระหว่างเดินอยู่ก็จะได้เห็นสาวญี่ปุ่นใส่ชุดกิโมโนสวยๆ เดินสวนทางไปมา ได้บรรยากาศแห่งย่านเกอิชาเสียจริงเชียว

มาเที่ยวที่หมู่บ้านแห่งนี้ไม่ใช่แค่มาเดินเที่ยวถ่ายรูปชิลๆ เท่านั้น เพราะว่าอาคารบ้านเรือนไม้เก่าแก่ต่างๆ เหล่านั้น ต่างพากันเปิดเป็นร้านคาเฟ่เก๋ๆ ให้พวกเราได้ลองเข้าไปใช้บริการ ไปสัมผัสกับบรรยากาศโรงน้ำชาแบบสมัยก่อน ภายในร้านตกแต่งแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม มีห้องปูเสื่อทาทามิให้ได้นั่งจิบชาเขียวญี่ปุ่น เครื่องดื่มอื่นๆ และขนมญี่ปุ่นหลากหลาย อีกทั้งอาคารหลังอื่นก็เปิดเป็นร้านอาหารให้ได้เข้าไปฝากท้องอิ่มกับอาหารญี่ปุ่นเลิศรส ร้านกาแฟเก๋ๆ ชวนนั่งจิบกาแฟหอมๆ รวมถึงมีร้านขายของที่ระลึกน่ารักๆ สไตล์ญี่ปุ่นให้ได้เลือกซื้อหากัน
ชุดซามูไรทำจากทองคำ มีให้ชมที่พิพิธภัณฑ์ทองแห่งคานาซาวะ
พวกเราเดินเที่ยวอยู่ในหมู่บ้านฮิกาชิ ชายะ อยู่พักใหญ่อย่างเพลินใจ จากนั้นก็ต้องโบกมือลาแล้วมุ่งหน้าไปยังที่เที่ยวปิดฉากทัวร์ในครั้งนี้ โดยพากันมาที่ “พิพิธภัณฑ์ทองแห่งคานาซาวะ” (Hakuichi) เพื่อมาชมการจัดแสดงงานหัตถศิลป์ระดับสูงเกี่ยวกับการปิดทองด้วยทองคำเปลว ซึ่งเป็นงานหัตถศิลป์โบราณอันล้ำค่าของเมืองคานาซาวะ โดยที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจให้ได้ชม ภายในพิพิธภัณฑ์มีชุดซามูไรของท่านเจ้าเมืองมาเอดะทำจากทองคำทั้งชุด ซึ่งท่านเจ้าเมืองสวมจริงตอนออกรบที่ดูอลังการงานสร้างมากให้ได้ชม มีการสาธิตกรรมวิธีการทำทองคำเปลวอันตื่นตาตื่นใจให้ได้
อร่อยกับซอฟท์ครีมทองคำที่พิพิธภัณฑ์ทองแห่งคานาซาวะ
รวมถึงที่นี่ยังมีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของทองคำ ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ประดับด้วยทองคำเปลวสวยๆ รวมถึงมีเครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของทองคำเปลวให้ได้เลือกซื้อหลายหลากประเภท และไฮไลต์ที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนที่นี่คือ การลิ้มลองซอฟท์ครีมแปะด้วยทองคำเปลวที่ทำมาเป็นพิเศษ ได้ลองลิ้มแล้วโดนใจอย่างแรงกับซอฟท์ครีมนมสดหวานเนียนนุ่มละมุนลิ้น ฟินกับทองคำเปลวที่กินได้ อีกทั้งยังมีกาแฟและขนมที่ตกแต่งด้วยทองคำเปลว ใส่ในภาชนะทองคำอย่างสวยหรูให้ได้สัมผัสกัน

แม้ว่าระยะเวลาในการได้เดินทางมาเยือนจังหวัดอิชิกะวะ ประเทศญี่ปุ่น ในทริปนี้ของ “ตะลอนเที่ยว” จะต้องจบลงแล้ว แต่ว่าทุกสถานที่ที่ได้ไป ทุกเรื่องราวที่ได้เรียนรู้และสัมผัส ถือว่าเป็นการเปิดโลกกว้างใบใหม่ที่ดีงาม มีแต่ความรู้สึกรักและประทับใจ ในจังหวัด “อิชิกะวะ” ที่มีของดีซ่อนอยู่มากมาย วันหน้าฟ้าใหม่จะต้องหาโอกาสมาเยือนอีกให้จงได้
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

บริษัท เวิลด์โปรแทรเวิล จำกัด (World Pro Travel Co.,LTD.) เป็นบริษัททัวร์ที่มีการจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวอันหลากหลายมีความแปลกใหม่ ให้ผู้ที่รักและชื่นชอบการท่องเที่ยวได้เปิดโลกกว้าง ออกไปสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลกอันงดงาม ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2026-3372, line id : wpoutbound หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.worldprotravel.com/tour-program, www.facebook.com/WorldProTravel หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ E-mail : outbound@worldprotravel.com และดูข้อมูลการท่องเที่ยวจังหวัดอิชิกะวะได้ที่ http://www.hot-ishikawa.jp/thai
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
กำลังโหลดความคิดเห็น