ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยงามไม่เป็นสองรองใคร ทั้ง ขุนเขา ป่าไม้ น้ำตก ท้องทะเล ถ้ำ ฯลฯ ในบรรดาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวย ๆ งาม ๆ ที่มีอยู่มากมายในบ้านเรา แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับ“รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย” เป็นดังเพชรยอดมงกุฎที่ผ่านการคัดสรรเจียระไนมาเป็นอย่างดี เป็นที่ยอมรับกันไปในทั่วโลก
รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) หรือ “รางวัลกินรี” เป็นรางวัลที่ทาง“การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย”(ททท.) จัดทำขึ้นเพื่อมอบให้กับสถานประกอบการ ชุมชน หน่วยงาน ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวไทย โดยใช้สัญลักษณ์ “กินรี”เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพ
รางวัลกินรี ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2539 และได้มีการจัดประกวดมาอย่างต่อเนื่องทุก ๆ 2 ปี จนถึงปัจจุบัน ได้จัดประกวดผ่านมา 11 ครั้งแล้ว
สำหรับผลการประกวดรางวัลกินรีครั้งล่าสุด(ครั้งที่ 11 ปี 2560) ในประเภท“แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ” ผู้ที่สามารถคว้า“รางวัลยอดเยี่ยม”(รางวัลกินรีทอง) ไปครองได้มีอยู่ 3 แห่งด้วยกัน ซึ่งแต่ละแห่งต่างก็มีของดีมากมาย ชวนให้เราไปเที่ยวไทยเท่ สัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของ 3 สุดยอดแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติตามรอย“รางวัลกินรี” ที่นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการท่องเที่ยวที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก จ.เชียงใหม่
รางวัลยอดเยี่ยม : แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ
“อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก” ตั้งอยู่ที่ ต.โป่งน้ำร้อน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ มีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีพื้นที่ครอบคลุมใน 3 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ คือ อ.แม่อาย อ.ไชยปราการ และ อ.ฝาง
เดิมอุทยานฯแห่งนี้มีชื่อว่า “อุทยานแห่งชาติแม่ฝาง” ตามชื่อของบ่อน้ำร้อนฝาง แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2549 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก” ตามชื่อ(เดิม)ของ“ดอยผ้าห่มปก” ภูเขาที่มีความสำคัญของพื้นที่ที่มีความสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย สูง 2,285 เมตรจากระดับน้ำทะเล
จากนั้นในปี 2551 อุทยานฯแห่งนี้เปลี่ยนชื่ออีกครั้ง เป็น“อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก” หลังทางอุทยานฯมี “โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่” โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ซึ่งเปรียบดังฟ้ามาโปรดราษฎรผู้ยากไร้ในพื้นที่
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นของอุทยานฯฟ้าห่มปกก็คือ “ยอดดอยฟ้าห่มปก”(ชื่อใหม่) หรือ“ดอยผ้าห่มปก”(ชื่อเดิม) ซึ่งเราต้องเดินเท้าขึ้นไปประมาณ 3.5 กม.จาก “จุดกางเต็นท์กิ่วลม” จุดกางเต็นท์อันสวยงามที่ได้ชื่อว่าเป็น“ลานกางเต็นท์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย” ตั้งอยู่บนระดับความสูง 1,924 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ยอดดอยฟ้าห่มปกมีลักษณะเป็นภูเขาทุ่งหญ้าโล่งเตียน เนื่องจากมีสภาพชั้นดินตื้นและมีลมพัดแรง บนนี้เป็นจุดชมวิวชั้นดี นอกจากจะมองเห็นวิวทิวทัศน์ของขุนเขาน้อยใหญ่ระหว่างรอยต่อเขตชายแดนไทย-พม่าแล้ว บนนี้ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก พระอาทิตย์ขึ้น และจุดชมทะเลหมอกแสนงาม
ในวันที่ฟ้าเป็นใจเราสามารถมองเห็นทะเลหมอกสีขาวโพลนลอยฟูฟ่องอ้อยอิ่ง ท่ามกลางองค์ประกอบของทะเลภูเขาน้อยใหญ่อันสลับซับซ้อนสวยงามกว้างไกล
นอกจากยอดดอยฟ้าห่มปกที่มีความสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศแล้ว อุทยานฯดอยฟ้าห่มปกยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือ
-“บ่อน้ำพุร้อนฝาง” ที่ตั้งอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ มีลักษณะเป็นบ่อน้ำพุร้อนประเภทไกเซอร์ที่มีแรงดันสูงจนพวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน(ในบ่อหลัก) มีอุณหภูมิสูงราว 40-88 องศาเซลเซียส อีกทั้งยังมีไอร้อนลอยคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนำไข่ไปต้มในน้ำพุร้อนได้ในจุดที่ทางอุทยานฯจัดไว้
บ่อน้ำพุร้อนที่นี่มีอยู่หลายบ่อด้วยกัน ทางอุทยานฯจึงได้จัดทำห้องอาบน้ำแร่ อบไอน้ำ นวดแผนไทย ที่มีการสร้างอาคารแยกเป็นหลัง ๆ มีสะพานไม้เดินชมวิวทิวทัศน์ของบ่อน้ำพุ และมีการจัดภูมิทัศน์อย่างเป็นระเบียบสวยงาม นับเป็นอีกหนึ่งออนเซ็นเมืองไทยท่ามกลางสภาพแวดล้อมของธรรมชาติที่น่าสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ที่อุทยานฯฟ้าห่มปกยังมีสถานที่และกิจกรรมน่าสนใจอื่น ๆ อีก อาทิ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ น้ำตกโป่งน้ำดัง น้ำตกตาดหลวง น้ำตกนามะอื้น ถ้ำห้วยบอน ดอยลาง กิจกรรมดูนก ดูผีเสื้อ และเดินศึกษาระบบนิเวศบริเวณน้ำพุร้อนในเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ทางอุทยานฯจัดทำไว้เป็นอย่างดี เป็นต้น
ด้วยลักษณะเด่นของพื้นที่อุทยานฯฟ้าห่มปก ไม่ว่าจะเป็นยอดดอยที่สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ บ่อน้ำพุร้อนฝางอันสวยงาม กอปรกับการบริหารจัดการพื้นที่อย่างดีเยี่ยมเป็นระเบียบสวยงามสะอาดสะอ้าน มีการจัดโซนนิ่งแบ่งสัดส่วนพื้นที่ในอุทยานฯได้เป็นอย่างดี ในการประกวดรางวัลกินรีครั้งที่ 11 ปี 2560 “อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก”จึงคว้า“รางวัลยอดเยี่ยม” ประเภทแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ มาครองได้อย่างเต็มภาคภูมิ
นับเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่น่าเดินทางตามรอยรางวัลกินรีไปสัมผัสในมนต์เสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง
ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร(ป่าพรุโต๊ะแดง) จ.นราธิวาส
รางวัลยอดเยี่ยม : แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ
จากเชียงใหม่เราข้ามภาคล่องใต้ลงมาสู่ดินแดนด้ามขวาน เพื่อไปตามรอยรางวัลกินรีเที่ยวชมความงามอันน่ามหัศจรรย์ของป่าพรุกันที่ “ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร(ป่าพรุโต๊ะแดง)” จ.นราธิวาส
“ป่าพรุ”เป็นป่าลักษณะพิเศษมีลักษณะเด่นที่สำคัญคือ มีน้ำท่วมขังอยู่ตลอด
สำหรับหนึ่งในป่าพรุผืนสำคัญยิ่งของเมืองไทยก็คือ“ป่าพรุสิรินธร”หรือ“ป่าพรุโต๊ะแดง” ซึ่งเป็นป่าพรุขนาดใหญ่ผืนสุดท้าย(ของไทย)ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง
ป่าพรุสิรินธรมีเนื้อที่กว้างใหญ่กว่า 120,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอในจังหวัดนราธิวาส คือ อำเภอเมือง, สุไหงโก-ลก, ตากใบ และสุไหงปาดี
ป่าพรุแห่งนี้มีศูนย์กลางในการบริหารจัดการอยู่ที่ “ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร(ป่าพรุโต๊ะแดง)” ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
วันนี้ศูนย์วิจัยฯป่าพรุสิรินธรได้ทำการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้เรื่องราวของป่าพรุในรูปแบบของ “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติมีชีวิต”จนที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติของป่าพรุที่ดีที่สุดของเมืองไทย
สำหรับเส้นทางศึกษาธรรมชาติเที่ยวชมป่าพรุโต๊ะแดงนั้น มีทั้งทางน้ำและทางบก โดยทางน้ำได้แก่ เส้นทางศึกษาธรรมชาติคลองโต๊ะแดง และเส้นทางศึกษาธรรมชาติคลองควาย
ส่วนทางบกนั้นจะอยู่บริเวณที่ทำการศูนย์วิจัยฯป่าพรุสิรินธร มี 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางศึกษาธรรมชาติสมุนไพรป่าพรุโต๊ะแดง เส้นทางศึกษาธรรมชาติพิพิธภัณฑ์สาคู และเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าพรุโต๊ะแดง ที่ถือเป็นเส้นทางไฮไลท์และเส้นทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่
เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าพรุโต๊ะแดง มีการจัดทำทางเดินเป็นสะพานไม้สวยงามนำชมความน่ามหัศจรรย์ของผืนป่าพรุแห่งนี้ โดยตลอดเส้นทางจะมีป้ายสื่อความหมาย ฐานสื่อความหมาย อธิบายให้ข้อมูลไปตลอดสำหรับผู้ที่เดินเที่ยวด้วยตัวเอง
ส่วนนักท่องเที่ยวคณะไหนหากอยากต้องการฟังเรื่องราวและข้อมูลที่ลึกซึ้งพร้อมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ทางศูนย์วิจัยฯนอกจากจะมีไกด์ผู้รอบรู้มาคอยให้ข้อมูลแล้ว ที่นี่ยังมี “ไกด์เยาวชน” หรือ “มัคคุเทศก์น้อย” จากโครงการ“วัยใสไกด์ธรรมชาติ”ที่ทางศูนย์วิจัยฯ ได้จัดฝึกอบรมเยาวชนในพื้นที่ให้สามารถนำเที่ยวให้ข้อมูลกับนักท่องเที่ยว รวมถึงการเป็นเจ้าบ้านที่ดี และการตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
สำหรับสิ่งน่าสนใจในเส้นทางศึกษาธรรมชาติสายนี้ก็มีให้ชมให้ศึกษากันอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พืช สัตว์ ดิน น้ำ และระบบรากของพืชในป่าพรุ ที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจไปกับ พูพอนขนาดน้อย-ใหญ่ รากหายใจ รากค้ำยัน เป็นต้น
สำหรับความสัมพันธ์ของระบบนิเวศทั้งหมดในป่าพรุนี้ ทางศูนย์วิจัยฯป่าพรุสิรินธรได้สะท้อนแนวคิดออกมาเป็นป้ายข้อความว่า “พรุโต๊ะแดง ป่าเดียว น้ำเดียว ในแดนดิน” ซึ่งแสดงถึงตัวตนอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของป่าพรุสิรินธรออกมาได้อย่างชัดเจน
ด้วยการจัดทำเส้นทางที่ดี เป็นระบบระเบียบ พร้อมทั้งมีองค์ความรู้สอดแทรกไปตลอดเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ภายใต้แนวคิด“พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติมีชีวิต” ตลอดจนการบริหารจัดการที่ดี มีการทำงานร่วมกับชุมชนอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง รวมไปถึงการมุ่งปลูกฝังเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้ใส่ใจกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้ที่นี่เป็น 1 ใน 3 ที่ได้รับรางวัลกินรีทอง ในสาขารางวัลยอดเยี่ยม ประเภทแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ จากการประกาศผลรางวัลกินรีครั้งที่ 11 ปี 2560
นับเป็นอีกหนึ่งสิ่งการันตีในความยอดเยี่ยมของศูนย์วิจัยฯป่าพรุสิรินธรแห่งนี้ที่รอคอยให้ผู้สนใจได้ไปสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของแหล่งศึกษาธรรมชาติของป่าพรุที่ดีที่สุดในเมืองไทยกัน
อุทยานแห่งชาติตาดโตน จ.ชัยภูมิ
รางวัลยอดเยี่ยม : แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ
จากภาคใต้เดินทางมายังภาคอีสานสู่ “อุทยานแห่งชาติตาดโตน” เพื่อไปสัมผัสกับธรรมชาติอันน่ายล ของสุดยอดแห่งสุดยอดของแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติดีกรีรางวัลกินรีทอง 3 ปี ซ้อน จนสามารถคว้ารางวัล (Hall of Fame)มาครอบครองการันตีในคุณภาพอันยอดเยี่ยมของอุทยานฯแห่งนี้
อุทยานแห่งชาติตาดโตน ตั้งอยู่ที่ ต.นาฝาย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เป็นอุทยานแห่งชาติที่ประกอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อน มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ ชั้นที่ 1A มากกว่า 50 % เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำหลายสาย เช่น ลำห้วยปะทาว ลำห้วยเสียว ลำห้วยช่อระกา ลำห้วยชีลอง ไหลลงสู่แม่น้ำชี
อุทยานแห่งชาติตาดโตน มี “น้ำตกตาดโตน” อันเป็นที่มาของชื่ออุทยานฯ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ
น้ำตกตาดโตน เป็นน้ำตกงามคู่เมืองชัยภูมิ มีความกว้างประมาณ 50 เมตร สูงประมาณ 6 เมตร มีสายน้ำตกไหลผ่านแนวหินสู่แอ่งน้ำใหญ่ในเบื้องล่าง ท่ามกลางวิวทิวทัศน์อันสวยงาม ด้านบนเหนือตัวน้ำตกขึ้นไปเป็นธารน้ำตื้นๆแต่กว้าง มีหลายจุดสามารถลงเล่นน้ำอย่างเพลิดเพลินอุรา
น้ำตกตาดโตน มีสายน้ำไหลเย็นตลอดทั้งปี โดยแต่ช่วงฤดูกาล จะมีสายน้ำไหลมาก-น้อยแตกต่างกันไป
ขณะที่ในบริเวณเหนือตัวน้ำตกตาดโตนขึ้นไป ซึ่งเป็นลำธารบนลานหินกว้างใหญ่ จะมีการกั้นพื้นที่ที่ปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวเล่นน้ำ พร้อมมีเจ้าหน้าที่ฯคอยเป็นการ์ดดูแลความปลอดภัยเป็นอย่างดี
นอกจากน้ำตกตาดโตนแล้ว อุทยานฯตาดโตน ยังมี น้ำตกผาเอียง น้ำตกตาดฟ้า และสิ่งน่าสนใจอื่น ๆ อีก อย่างเช่น
-“ศาลเจ้าพ่อตาดโตน(ศาลปู่ด้วง)”และ“ศาลย่าดี” ที่ตั้งอยู่เคียงคู่กันเหนือตัวน้ำตก(เดินไปไม่ไกล) เป็นอีก 2 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญ ซึ่งชาวชัยภูมิให้ความเคารพนับถือกันมาก
-“จุดชมวิวภูโค้ง” เป็นยอดเขาสูงสุดของอุทยานฯตาดโตน ตั้งอยู่บนความสูง 945 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีสภาพพื้นที่โดยรอบเป็นทุ่งหญ้า บนนั้นเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ของขุนเขาและผืนป่าของจังหวัดชัยภูมิอันงดงาม
สำหรับผู้ที่มาเที่ยวอุทยานฯตาดโตน ทางอุทยานฯจะให้จอดรถไว้ด้านหน้าในบริเวณโซนที่จอดรถ ร้านอาหาร ร้านค้าจากนั้นเดินอีกไม่ไกลเข้าสู่ภายในบริเวณอุทยานฯ ซึ่งมีบรรยากาศร่มรื่นสวยงาม มีการจัดภูมิทัศน์อย่างสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้านดูสบายตาน่าเที่ยวชม
รวมถึงมีการมุ่งรณรงค์ส่งเสริมในเรื่องของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภายในอุทยานฯมีหลายจุดที่มีถังขยะชนิดที่แยกประเภทของขยะให้ทิ้งอย่างชัดเจน พร้อมทั้งรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวร่วมมือร่วมใจกัน“ลด” และคัดแยกขยะ ถือเป็นการใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมที่โดดเด่นไม่น้อย
ส่วนอีกหนึ่งจุดเด่นที่เป็นไฮไลท์ของอุทยานฯตาดโตนก็คือ ห้องน้ำ หรือ ห้องส้วม ที่มีการดูรักษาเป็นอย่างดี สะอาดเทียบได้กับห้องน้ำในโรงแรม จนสามารถคว้ารางวัลห้องส้วมสะอาด ห้องทำสาธารณะยอดเยี่ยมไปครองได้หลายรางวัลด้วยกัน
นอกจากนี้อุทยานฯตาดโตนยังเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรก ๆ ของไทยที่มีวิสัยทัศน์เตรียมพร้อมต่อการเข้าสู่ AEC
ด้วยการบริหารจัดการที่ดี มีวิสัยทัศน์ และมุ่งมั่นต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยในหลากหลายด้านตามที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ “อุทยานแห่งชาติตาดโตน” สามารถคว้า“รางวัลกินรีทอง” หรือ “รางวัลยอดเยี่ยม” ประเภทแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ มาครองได้ถึง 3 สมัยติด คือ ในการประกวด 3 ครั้งล่าสุด คือ ปี 2556, ปี 2558 และ ปี 2560 ขึ้นทำเนียบ “Hall of Fame” ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศ ที่มอบให้แก่ผู้ที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมในประเภทเดิม 3 ครั้งติดต่อกัน
พูดถึงรางวัล Hall of Fame จากการประกวดรางวัลกินรีนั้น จากการประกวดครั้งที่ 11 ปี พ.ศ. 2560 มีเพียง 2 แห่งเท่านั้น คือ อุทยานแห่งชาติตาดโตน และ “สามพราน ริเวอร์ไซด์” ที่สามารถคว้ารางวัลยอดเยี่ยม(รางวัลกินรีทอง) ประเภทแหล่งนันทนาการเพื่อการเรียนรู้ มาครองได้ถึง 3 สมัยติดต่อกัน คือ ปี 2556, ปี 2558 และ ปี 2560
สามพราน ริเวอร์ไซด์ ตั้งอยู่ที่ ต.ยายชา อ.สามพราน จ.นครปฐม เป็นแหล่งนันทนาการที่มีการบริหารจัดการพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยม ดำเนินงานด้วยแนวคิด “วิถีไทย วิถีพอเพียง” ให้บริการการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ความเป็นไทย ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
สามพราน ริเวอร์ไซด์ ได้นำเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตแบบไทย ๆ ตลอดจนภูมิปัญญาไทยต่าง ๆ มารวบรวมเป็นกิจกรรม ทั้งในด้านงานหัตถกรรม การประกอบอาชีพ งานศิลปะ การละเล่นพื้นเมือง นำเสนอผ่านกิจกรรมวิถีไทย สวนออร์แกนิค ตลาดสุขใจ ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ โรงแรมริมแม่น้ำ เรือนไทยริมทะเลสาบ อรุษยาสปา นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าไปท่องเที่ยวตามรอยกินรีมาก
นอกจาก 3 สุดยอดแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติตามรอยกินรีทอง(รางวัลยอดเยี่ยม)แล้ว ในการประกวดรางวัลกินรีครั้งที่ 11 ปี 2560 ยังมีการมอบรางวัล“กินรี” หรือ “รางวัลดีเด่น” ประเภทแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ให้อีก 6 รางวัล ได้แก่
ภาคเหนือ : อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จ.น่าน และ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จ.ลำปาง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ.อุบลราชธานี และ อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ จ.มุกดาหาร
ภาคใต้ : ถ้ำเล สเตโกดอน ตามหาหัวใจที่ปลายอุโมงค์ จ.สตูล และ เกาะกำตก อ่าวควาย เกาะค้างคาว เกาะญี่ปุ่น อุทยานแห่งชาติแหลมสน จ.ระนอง
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในระดับสุดยอดของไทย โดยมีรางวัลกินรีการันตีในคุณภาพและมาตรฐาน ซึ่งแต่ละแห่งต่างก็มีมนต์เสน่ห์ดึงดูด ชวนให้เราออกไปสัมผัสในความมหัศจรรย์ของธรรมชาติกัน
เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tourismthailand.org/tourismawards
www.facebook.com/thailandtourismawards
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager