xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวเนิบๆ สัมผัส“น่าน”ที่แตกต่าง บนเส้นทาง“ตามรอยกินรี”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ตัวเมืองน่านบริเวณวัดภูมินทร์ กับความสะอาดเป็นระเบียบสวยงาม บริหารงานโดยเทศบาลเมืองน่าน หนึ่งในผู้ได้รับรางวัลกินรีครั้งที่ 11 ปี 2560
“น่าน เมืองเก่าที่มีชีวิต”

หนึ่งในจังหวัดอันทรงเสน่ห์แห่งดินแดนล้านนาตะวันออกที่มากไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ธรรมชาติ ขุนเขาป่าไม้ ศิลปวัฒนธรรม วัดวาอาราม ประเพณี วิถีชุมชน ที่มากไปด้วยมนต์ขลัง ดึงดูดให้ผู้คนเดินทางมาเยือนเมืองงามแห่งนี้กันอย่างต่อเนื่อง

น่านเป็นเมืองเล็ก ๆ น่ารัก ประเภท “Small is Beautiful” ที่เหมาะต่อการเที่ยวแบบ“สโลว์ไลฟ์”(Slow Life) ไปสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ให้ลึกซึ้ง ซึ่งวันนี้น่านมีอีกหนึ่งมุมมองน่าสนใจ ผ่านกิจกรรมท่องเที่ยว “ตามรอยรางวัลกินรี” ครั้งที่ 11 ปี 2560 ที่จะพาเราไปสัมผัสกับน่านในมุมมองที่แตกต่าง ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

รู้จักรางวัลกินรี
อช.ดอยภูคา อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวตามรอยกินรีครั้งที่ 11 ปี 2560 อันโดดเด่นของ จ.น่าน
“รางวัลกินรี” หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ “รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย” (Thailand Tourism Awards) ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2539 ซึ่งทาง"การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย"(ททท.) จัดขึ้นเพื่อมอบให้กับสถานประกอบการ ชุมชน หน่วยงาน ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวไทย โดยใช้สัญลักษณ์ “กินรี”เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพ

รางวัลกินรี จัดประกวดมาอย่างต่อเนื่องทุก ๆ 2 ปี จนถึงปัจจุบัน ได้จัดประกวดผ่านมา 11 ครั้งแล้ว โดยในครั้งล่าสุด(ครั้งที่ 11 ปี 2560) จังหวัดน่านสามารถคว้ารางวัลกินรี มาครองได้ถึง 3 รางวัล ซึ่งสถานที่แต่ละแห่งของแต่ละรางวัล ต่างก็มีมนต์เสน่ห์ที่แตกต่างชวนให้เราไปท่องเที่ยวเนิบ ๆ ตามรอยรางวัลกินรี ครั้งที่ 11 สัมผัสกับเมืองน่านในรูปแบบที่แตกต่างกัน

น่าน เมืองท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (เทศบาลเมืองน่าน)
รางวัลยอดเยี่ยม : องค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยว
วัดพระธาตุช้างค้ำ
เราเริ่มออกตามรอยรางวัลกินรีตัวแรกกันด้วยการไปสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของ “ตัวเมืองน่าน” ในเขตเทศบาลเมืองน่าน ที่เป็นย่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งผู้มาแอ่วจังหวัดน่านไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

ตัวเมืองน่านมีไฮไลท์ทางการท่องเที่ยวอยู่บริเวณ“ข่วงเมือง” ที่มีสามเหลี่ยมแห่งศิลปวัฒนธรรมเป็นจุดสำคัญให้เที่ยวชมกัน ได้แก่
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน(ปัจจุบันอาคารพิพิธภัณฑ์ปิดปรับปรุง
-“พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน”(ปัจจุบันอาคารพิพิธภัณฑ์ปิดปรับปรุง) ที่มีไฮไลท์คือ“งาช้างดำ”ของโบราณล้ำค่าคู่บ้านคู่เมืองน่าน และอุโมงค์ต้นลีลาวดีที่ด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ ที่ได้มีนักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก

-“วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร” ที่โดดเด่นไปด้วยเจดีย์ทรงลังกาศิลปะสุโขทัย รอบฐานองค์ระฆังประดับรูปช้างครึ่งตัว
พระประธานจตุรทิศ วัดภูมินทร์
-“วัดภูมินทร์” วัดที่โดดเด่นไปด้วยโบสถ์และวิหารทรงจัตุรมุขอันสวยงามคลาสสิกที่สร้างอยู่ในหลังเดียวกัน ภายในประดิษฐาน “พระประธานจตุรทิศ”ปางมารวิชัยสีทองอร่าม 4 องค์ ประทับนั่งอยู่บนฐานชุกชีเดียวกัน

ขณะที่ตามฝาผนังนั้นก็น่ายลไปด้วย ภาพจิตกรรมฝาผนังอันสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ นำโดยไฮไลท์คือภาพ “ปู่ม่าน ย่าม่าน” ที่ต่อมาถูกเรียกขานว่า“ภาพกระซิบรักบันลือโลก” อันสุดคลาสสิค
จิตรกรรมฝาผนัง ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน อันสุดคลาสสิคของวัดภูมินทร์
นอกจากบริเวณข่วงเมืองแล้วในตัวเมืองน่าน ยังมีสถานที่น่าสนใจชวนเที่ยวชมอีก อย่างเช่น “วัดมิ่งเมือง”, “วัดศรีพันต้น”, “วัดพระเกิด”, “วัดสวนตาล” และ“โฮงเจ้าฟองคำ” เรือนล้านนาเก่าแก่อันทรงเสน่ห์ที่เจ้าของจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ พร้อมเปิดเรือน(ส่วนบน)ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ส่วนด้านล่างบริเวณใต้ถุน เป็นจุดให้ข้อมูลความรู้เรื่องผ้าทอเมืองน่าน ซึ่งผู้สนใจสามารถซื้อผ้าทอผืนงามของที่นี่ติดมือกลับไปเป็นของที่ระลึกได้

ด้วยความโดดเด่นของตัวเมืองน่านที่ได้ชื่อว่าเป็น“เมืองเก่าที่มีชีวิต”ทาง“เทศบาลเมืองน่าน”ผู้ดูแลพื้นที่ จึงกำหนดให้เทศบาลเมืองน่านเป็นดัง ห้องรับแขกของจังหวัดน่านในพื้นที่เมืองเก่าที่มีชีวิต เพื่อการเป็น“เมืองท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมและเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้มน้ำมิตรไมตรี
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จ.น่าน(ตรงข้ามวัดภูมินทร์) เปิดให้บริการทุกวัน
อีกทั้งยังรณรงค์ให้ชาวบ้านในพื้นที่ช่วยกันดูแลห้องรับแขกของจังหวัดน่านให้สะอาดสะอ้าน ใครที่ไปแอ่วเมืองน่านจึงได้สัมผัสกับห้องรับแขกของจังหวัดน่านที่มีความสะอาดสะอ้านเป็นพิเศษ จนสามารถคว้ารางวัล“เมืองสะอาดอันดับ 1 ของอาเซียน” มาครองได้อย่างเต็มภาคภูมิ

ในตัวเมืองน่านยังมี “อารยสถาปัตย์”เพื่อผู้พิการและผู้สูงอายุ มีการปรับภูมิทัศน์ด้วยการนำสายไฟลงดินทั้งในบริเวณข่วงเมืองและเขตเมืองเก่าเพื่อความสวยงามของเมือง มี“ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเทศบาลเมืองน่าน"ที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวแบบไม่มีวันหยุด(ตั้งอยู่บริเวณข่วงเมืองตรงข้ามวัดภูมินทร์)
รู้จักกับเมืองน่านในฉบับย่อผ่านการนั่งรถรางชมเมือง ที่จัดโดยเทศบาลเมืองน่าน
นอกจากนี้ทางเทศบาลเมืองน่านยังมีบริการ “รถรางชมเมือง” ให้ผู้สนใจได้นั่งเที่ยวชมเมืองน่าน พร้อมสัมผัสและรู้จักกับมนต์เสน่ห์เมืองน่านในฉบับย่อ (ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง) แต่ว่าได้อรรถรสและอิ่มเอมในอารมณ์ไม่น้อย

ด้วยการบริหารจัดการด้านท่องเที่ยวที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ทำให้เทศบาลเมืองน่านคว้า “รางวัลยอดเยี่ยม”หรือ“รางวัลกินรีทองคำ”ประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยว มาครองได้ถึง 3 ครั้งด้วยกัน คือ ในปี 2553, ปี 2558 และ ล่าสุด(ครั้งที่ 11) ปี 2560

ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลบ่อสวก
รางวัลดีเด่น : แหล่งท่องเที่ยวชุมชน
สัมผัสวิถีชีวิตชนบทอันสงบเรียบง่ายที่ชุมชนบ่อสวก หนึ่งในผู้ได้รับรางวัลกินรีครั่งที่ 11
จากตัวเมืองน่าน เราออกนอกเมืองไปตามรอยรางวัลกินรีตัวที่สองกันต่อที่ “ชุมชนบ่อสวก” ต.บ่อสวก อ.เมือง จ.น่าน ซึ่งวันนี้ชาวชุมชนบ่อสวกได้รวมตัวกันจัดตั้ง “ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลบ่อสวก”ขึ้น เพื่อจัดกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชาวชุมชน ร่วมคิด วางแผน ปฏิบัติ รับผิดชอบ และรับผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อเป็นรายได้เสริมให้กับชาวบ้านให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมทั้งเกิดความภาคภูมิใจในชุมชนของตัวเอง

ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลบ่อสวก ดำเนินงานภายใต้แนวคิด “ถิ่นฐานโบราณคดี วิถีสบาย สไตล์บ่อสวก” ซึ่งวันนี้ได้มีการรื้อฟื้นภูมิปัญญาท้องถิ่น มรดกทางวัฒนธรรม และสิ่งอันทรงคุณค่าต่าง ๆ ในชุมชน ที่เคยสูญหายหรือไร้ผู้สืบทอด มาสร้างสรรค์เป็นกิจกรรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
แหล่งเตาเผาโบราณบ้านจ่ามนัส
สำหรับผู้มาเยือนชุมชนบ่อสวก จะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชุมชนอันเรียบง่ายแต่ทรงเสน่ห์ ซึ่งในสมัยโบราณชุมชนบ่อสวกเคยเป็นแหล่งเกลือสำคัญ และเคยเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาขนาดใหญ่ ซึ่งวันนี้ยังมีคงหลงเหลือแหล่งเตาเผาโบราณให้ได้ศึกษาในภูมิปัญญาของคนในอดีตกัน

โดยจุดท่องเที่ยวเรียนรู้สำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ “แหล่งเตาเผาโบราณบ้านจ่ามนัส” ที่มี “จ่ามนัส ติคำ” เป็นผู้ดูแลพื้นที่และให้ข้อมูลต่าง ๆ แก่นักท่องเที่ยวและผู้เข้ามาเยี่ยมชม
เครื่องปั้นดินเผาลายอินธนู เอกลักษณ์ของชุมชนบ่อสวก
แหล่งเตาเผาโบราณบ้านจ่ามนัส มีอายุเก่าแก่ราว 600-700 ปี ได้ชื่อว่าเป็นเตาเผาโบราณมีเก่าแก่และสมบูรณ์ที่สุดในล้านนา(ที่ยังหลงเหลืออยู่) ที่มีการขุดค้นอย่างถูกต้องตามขั้นตอนทางโบราณคดี และปัจจุบันได้เปิดหลุมขุดค้นบางส่วนไว้ให้ศึกษา

เตาเผาโบราณแห่งนี้มีรูปแบบของเครื่องถ้วยชามที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง รวมถึงลวดลายเฉพาะตัวของบ้านบ่อสวก นั่นคือ “เครื่องปั้นดินเผาประดับลายอินธนู” ที่ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชุมชนบ่อสวก
ข้าวของที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์เฮือนบ้านสวกแสนชื่น
นอกจากนี้ ในบริเวณบ้านของจ่ามนัส ยังจัดทำเป็น “พิพิธภัณฑ์เฮือนบ้านสวกแสนชื่น” เก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ในอดีตที่เคยใช้สอยในครัวเรือน อาทิ กระต่ายขูดมะพร้าว ครกไม้ ตาชั่งเก่า และเครื่องปั้นดินเผาโบราณที่ขุดค้นพบในบริเวณนี้มาจัดแสดงให้ชมกัน

ด้วยความโดดเด่นของการเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาแหล่งใหญ่จากเตาเผาโบราณ ทำให้ชาวชุมชนที่นี่ได้รื้อฟื้นการผลิตเครื่องปั้นดินเผาโบราณตามแบบบ้านบ่อสวกที่เคยสูญหายไปขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งมีการจัดกิจกรรม D.I.Y. ให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองทำเครื่องปั้นดินเผาแบบบ่อสวกด้วยตัวเองกับมือ โดยมีชาวบ้าน “กลุ่มเครื่องปั้นดินเผาบ่อสวก” มาคอยสอนให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
บ้านโบราณเฮือนอุ๊ยดี
นอกจากเตาเผาโบราณที่เป็นไฮไลท์สำคัญแล้ว ในชุมชนบ่อสวกยังมี “บ้านโบราณเฮือนอุ๊ยดี” เป็นอีกหนึ่งจุดชวนเที่ยวชม

บ้านโบราณเฮือนอุ๊ยดี เป็นเรือนไม้สไตล์ล้านนามีอายุเก่าแก่ ราว 100 ปี ตัวบ้านยกใต้ถุนสูง เสาเรือนทำจากไม้ทั้งต้น ภายในบ้านมีการแบ่งเป็นส่วนต่างๆตามลักษณะการใช้สอย ซึ่งปัจจุบันเรือนหลังนี้ยังคงมีผู้พักอาศัยอยู่ แต่ว่าก็เปิดบ้านให้ผู้สนใจได้เที่ยวชมกัน
กิจกรรม D.I.Y. ทำไส้อั่ว
ชุมชนบ่อสวกยังมีกิจกรรม D.I.Y. สนุก ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ลงมือทำกันอย่างเพลิดเพลินอีก อย่างเช่น การทำไส้อั่วสูตรพื้นบ้านของ“แม่คำป่วน มันจันทร์” การเรียนรู้การทอผ้าที่ “กลุ่มทอผ้าบ้านซาวหลวง” ซึ่งสร้างสรรค์ลายผ้ามาจากลวดลายเครื่องปั้นดินเผาโบราณของบ้านบ่อสวก

นอกจากนี้ที่นี่ยังมี “โฮมสเตย์บ้านบ่อสวก” ที่มีจุดเด่นคือเป็นโฮมสเตย์สไตล์ลูกทุ่งในบรรยากาศบ้าน ๆ แต่ว่ามีการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพ่ออุ๊ยแม่อุ๊ยอันชวนประทับใจ รวมถึงมีอาหารถิ่นรสเด็ดที่เน้นการรังสรรค์วัตถุดิบจากในชุมชน จัดเตรียมไว้ให้ผู้เข้าพักได้อิ่มอร่อยกัน
มุมพักผ่อนแบบอบอุ่นที่โฮมสเตย์บ้านบ่อสวก
ด้วยอัตลักษณ์ชุมชนอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ บวกกับการบริหารจัดการที่ดี เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน และการรื้อฟื้นของดีชุมชนมาสร้างสรรค์เป็นกิจกรรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจทำให้ “ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลบ่อสวกสามารถคว้ารางวัลกินรีครั้งที่ 11 ปี 2560 ในสาขา“รางวัลดีเด่น”ประเภทแหล่งท่องเที่ยวชุมชนมาครองได้อย่างเต็มภาคภูมิ

นับได้ว่าชุมชนบ่อสวกเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวชุมชนน่าสนใจที่น่าไปท่องเที่ยวตามรอยรางวัลกินรี ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ นอนโฮมสเตย์ ทำกิจกรรมต่าง ๆ สัมผัสกับวิถีอันเรียบง่ายแต่ทรงเสน่ห์ ซึ่งสามารถช่วยชาร์ตแบตให้กับชีวิตเราได้เป็นอย่างดี

อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
รางวัลดีเด่น : แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ
ตะวันลับฟ้าที่จุดชมวิว ลานดูดาว อุทยานฯดอยภูคา
ปิดทริปเส้นทางตามรอยรางวัลกินรี(ครั้งที่ 11 ปี 2560) ตัวที่สามในจังหวัดน่านกันที่ “อุทยานแห่งชาติดอยภูคา” อ.ปัว จ.น่าน หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีของดีระดับโลกให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสในความงามกัน

อุทยานแห่งชาติดอยภูคา มีผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ เป็นป่าต้นน้ำลำธาร ชั้น 1 A มีสภาพพื้นที่เป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี
อุทยานแห่งชาติดอยภูคา มีที่ทำการอุทยานฯและศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอยู่ที่ ต.ภูคา อ.ปัว ซึ่งนอกจากจะเป็นจุดหลักในการบริการจัดการอุทยานฯแห่งนี้แล้ว ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสำคัญของจังหวัดน่านที่นอกจากจะสวยงามน่ายลแล้วยังมีบรรยากาศที่โรแมนติกไม่น้อย
ต้นชมพูภูคาต้นไฮไลท์
สำหรับไฮไลท์สำคัญของอุทยานฯดอยภูคานั้นก็คือ “ต้นชมพูภูคา” พันธุ์ไม้หายากมากของโลกนี้ที่ครั้งหนึ่งเคยสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ว่ามีการค้นพบอีกครั้งที่ดอยภูคาแห่งนี้ ก่อนที่จะมีการอนุรักษ์และขยายพันธุ์เพื่อไม่ให้สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้อีกครั้ง

วันนี้จึงนับได้ว่าดอยภูคาเป็นแหล่งชมพูภูคาหนึ่งเดียวในโลกที่มีการสำรวจค้นพบอยู่ ณ ปัจจุบัน
ดอกชมพูภูคา แห่งดอยภูคา ที่จะบานในช่วง ก.พ.– มี.ค. ของทุกปี (ภาพ : อุทยานฯดอยภูคา)
ชมพูภูคา เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 15-25 เมตร เจริญเติบโตได้ดีในผืนป่าดงดิบตามไหล่เขาสูงชันที่มีความสูงประมาณ 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเลขึ้นไป

ทุก ๆ ปี ในราวช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม(ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศปีนั้น ๆ ) ดอกชมพูภูคาที่ดอยภูคาจะออกดอกบานสีชมพูสะพรั่งชูช่อสวยงาม ถือเป็นอีกหนึ่งอันซีนเมืองน่านที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางไปเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก

นอกจากดอกชมพูภูคาแล้ว ในบริเวณที่ทำการอุทยานฯดอยภูคา(ต.ภูคา) ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสเที่ยวชมกัน อาทิ
ศาลเจ้าหลวงภูคา
-“ศาลพญาภูคา” หรือ “ศาลเจ้าหลวงภูคา” ตั้งอยู่ติดกับต้นชมพูภูคา(ต้นหลัก-ริมถนน) เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่ชาวเมืองน่านให้ความเคารพนับถือ ใครที่เดินทางมาชมต้นชมพูภูคาจึงไม่ควรพลาดการไปสักการะพญาภูคาเสริมสิริมงคล

-“ดอยภูแว” มียออดดอยเป็นทุ่งหญ้าสูง 1,837 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีพันธุ์ไม้สำคัญอย่างเช่น กุหลาบพันปี และผืนป่าปาล์มดึกดำบรรพ์ขนาดใหญ่
เส้นทางศึกษาธรรมชาติ สัมผัสผืนป่าดอยภูคา
-เส้นทางศึกษาธรรมชาติชมพูภูคา(ระยะทางประมาณ 4 กม.) ที่พาเดินผ่านผืนป่าอันร่มรื่นสวยงามไปชมไฮไลท์คือต้นชมพูภูคากลางป่า และ “ต้นเต่าร้างยักษ์” ปาล์มหายากใกล้สูญพันธุ์ มีลักษณะคล้ายไม้ดึกดำบรรพ์

-น้ำตกต้นตอง เป็นน้ำตกหินปูนมี 3 ชั้น มีความสูงรวมกันประมาณ 60 เมตร สภาพบริเวณน้ำตกร่มรื่นเหมาะแก่การเล่นน้ำและเที่ยวพักผ่อน
ลานดูดาว ลานกางเต็นท์บรรยากาศดี
-ชมพืชพรรณไม้เด่นๆเฉพาะถิ่น อย่าง “ก่วมภูคา” ไม้ตระกูลเมเปิ้ล “เสี้ยวดอกขาว” ดอกไม้ประจำเมืองน่าน

-ชมวิวทิวทัศน์ของผืนป่าอันสวยงาม และพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่ “ลานดูดาว” ลานกางเต็นท์บรรยากาศดีที่ยามค่ำคืนของฤดูหนาวจะมองเห็นทะเลดาวดารดาษเต็มฟากฟ้า ขณะที่บริเวณรอบ ๆ นั้น รายล้อมไปด้วยต้น“นางพญาเสือโคร่ง” หรือ “ซากุระเมืองไทย” ซึ่งยามที่มันออกดอกบานสะพรั่งที่นี่จะดูสวยงามโรแมนติกมาก
สนุกสุดมันกับกิจกรรมล่องแก่งลำน้ำว้าตอนกลาง
อุทยานฯดอยภูคายังมีจุดท่องเที่ยวและสิ่งน่าสนใจอื่น ๆ อีก อาทิ น้ำตกภูฟ้า น้ำตกศิลาเพชร ถ้ำผาผึ้ง ถ้ำผาแดง สุสานหอยทะเล 200 ล้านปี และกิจกรรม “ล่องแก่งลำน้ำว้าตอนกลาง” อันสนุกสนานน่าตื่นตาตื่นใจกับเส้นทางล่องแก่ง ระดับ 3 - 5 ที่ต้องต้องลุยฝ่าแก่งน้ำเชี่ยวกรากกว่า 20 แก่ง

นอกเหนือจากสิ่งน่าสนใจต่าง ๆ ตามที่กล่าวมาแล้ว อุทยานฯดอยภูคา ยังมีอีกหนึ่งเสน่ห์สำคัญคือ การบริหารจัดการอุทยานฯอันโดดเด่น มีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม ห้องน้ำสะอาดสะอ้าน มีที่พักบรรยากาศดีเทียบเท่ากับโรงแรมหรู ๆ
อุทยานฯดอยภูคา เป็นระเบียบ สะอาด สวยงาม หนึ่งในผู้ได้รับรางวัลกินรีครั้งที่ 11 ปี 2560
อีกทั้งทางอุทยานฯยังมุ่งเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้อุทยานแห่งชาติดอยภูคา สามารถคว้ารางวัลกินรีครั้งที่ 11 ปี 2560 ในสาขา“รางวัลดีเด่น” ประเภทแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติมาครอง ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งการันตีในคุณภาพของอุทยานฯดอยภูคาแห่งนี้

และนี่ก็คืออีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ของเมืองน่าน กับเส้นทางท่องเที่ยวตามรอยกินรี ครั้งที่ 11 ปี 2560 ที่นอกจากจะได้รู้จักกับเมืองน่านในบรรยากาศที่แตกต่างแล้ว ยังจะได้สัมผัสกับสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวไทยที่มีรางวัลกินรีการันตีในคุณภาพอันยอดเยี่ยมอีกด้วย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tourismthailand.org/tourismawards
www.facebook.com/thailandtourismawards
 

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


กำลังโหลดความคิดเห็น