Facebook :Travel @ Manager
“เกาะหมาก” จ.ตราด เป็นเกาะเป็นอันดับสามของหมู่เกาะช้าง รองจากเกาะช้างและเกาะกูด ตั้งอยู่ช่วงกลางระหว่างเกาะช้างกับเกาะกูด ในหลายๆหาดหลายๆอ่าว จะมีการสร้างสะพานเทียบเรือ (ของที่พัก) ทอดยาว ถือเป็นจุดถ่ายรูปและเสน่ห์อันโดดเด่นของเกาะแห่งนี้ และอีกหนึ่งเสน่ห์ของที่นี่ก็คือความสงบเป็นส่วนตัว มีธรรมชาติอันสวยงาม ทำให้เกาะหมากเป็นที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และยังเป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องกิจกรรมท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอนอีกด้วย
เหตุที่ “เกาะหมาก” ได้รับเลือกเป็นพื้นที่ต้นแบบโลว์คาร์บอนนั้น คุณธานินทร์ สุทธิธนกุล หรือ “พี่เอก” รองประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกาะหมาก ได้เล่าให้ฟังว่า เพราะที่เกาะหมากมีขนาดเหมาะสม มีธรรมชาติสมบูรณ์ ที่สำคัญคือชาวบ้าน ชาวชุมชน และผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความเข้มแข็ง พร้อมที่จะให้ความร่วมมือเพื่อช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมี “ธรรมนูญเกาะหมาก” เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คอยควบคุมคนในชุมชนและสื่อสารกับคนภายนอก เพื่อเน้นย้ำถึงความเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สำหรับ “ธรรมนูญเกาะหมาก” มีทั้งหมด 8 ข้อ ได้แก่
1. ไม่สนับสนุนให้เรือเฟอร์รี่นำยานพาหนะของนักท่องเที่ยวข้ามมายังเกาะหมาก
2. รถจักรยานยนต์ให้เช่าต้องไม่เกินร้อยละ 70 ของจำนวนห้องพักบนเกาะหมาก
3. ไม่สนับสนุนการใช้วัสดุจากโฟม หรือวัสดุที่ก่อให้เกิดมลพิษ เพื่อใส่อาหาร
4. ห้ามทิ้งขยะ สิ่งปฏิกูล ของเหลือรับประทานลงในที่สาธารณะ และแหล่งน้ำโดยเด็ดขาด
5. ไม่สนับสนุนให้ใช้สารเคมีที่มีสารตกค้างสูง
6. ห้ามส่งเสียงดังหรือกระทำการรบกวน หรือเป็นการเดือดร้อน ในเวลา 22.00 น. - 07.00 น.
7. ไม่สนับสนุนกีฬาทางบกและทางทะเลที่ใช้เครื่องยนต์ที่สร้างความเดือดร้อนแก่ชุมชน
8. ห้ามนำ ห้ามเสพ ห้ามจำหน่ายสารเสพติดผิดกฎหมายทุกชนิดบนเกาะ
จากธรรมนูญทั้ง 8 นี้ ก็ได้แสดงผลออกมาในรูปแบบของการท่องเที่ยว อย่างเช่น การเดินทางของนักท่องเที่ยวบนเกาะหมาก จะใช้เป็นยานพาหนะที่ไม่ปลดปล่อยคาร์บอนเป็นหลักได้แก่ รถไฟฟ้าโซล่าร์เซลล์และรถจักรยาน และยังมีสระว่ายน้ำในเกาะหมากรีสอร์ท ที่ใช้พลังงานจากโซล่าร์เซลล์ด้วยเช่นกัน
รวมถึงมีสวนเกษตรอินทรีย์ที่เกาะหมากรีสอร์ท ที่ปลูกผักและผลไม้ปลอดสารพิษ อาทิ ผักสลัด พริก มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว กะเพรา กล้วย มะละกอ มะพร้าว ฯลฯ แล้วนำผลผลิตที่ได้ไปใช้ประกอบอาหารให้กับลูกค้าของรีสอร์ท หากมีเหลือก็จำหน่ายให้กับรีสอร์ทหรือร้านอาหารอื่นๆ ในราคายุติธรรม และนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะหมากยังสามารถมาเดินเล่นและทำกิจกรรมเก็บไข่ เก็บผัก ปลูกข้าว และทำอาหารจากพืชผักได้อีกด้วย
นอกจากนั้นยังมีกิจกรรม DIY Workshop เพ้นท์กระเป๋าผ้า, กิจกรรม Trash Hero ซึ่งเป็นกิจกรรมเก็บขยะที่จัดขึ้นทุกวันเสาร์ เวลา 09.00 น. และกิจกรรม “Yoga on the Beach” ที่เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติในช่วงเดือนมกราคมของทุกปีเป็นอย่างมาก เนื่องจากที่เกาะหมากมีความสงบจึงเหมาะกับการเล่นโยคะ ซึ่งเมื่อวันที่ 8-9 ก.ย. ที่ผ่านมาได้มีการจัดกิจกรรม “Yoga Escape” โดยมีคุณกาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ และครูเอก จาก Yoga Me มาร่วมเล่นโยคะกับนักท่องเที่ยวและชาวบ้านบนเกาะ
และนอกจากธรรมนูญเกาะหมากแล้วพี่เอกยังเสนอถึง “กฎ 80-20” ว่าควรแบ่งพื้นที่บนเกาะหมากออกเป็น 2 ส่วนคือ 80% สำหรับเป็นแหล่งธรรมชาติและทำการเกษตร ส่วนอีก 20% เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งหากชาวบ้านทุกคนในเกาะนำพื้นที่ธรรมชาติเหล่านั้นไปเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวทั้งหมด ในช่วงโลว์ซีซั่นก็จะทำให้ชาวบ้านขาดรายได้ไปได้ แต่หากเก็บพื้นที่ธรรมชาติไว้ชาวบ้านทุกคนยังจะสามารถทำการเกษตรเพื่อหาเลี้ยงชีพได้นั่นเอง
หากนักท่องเที่ยวที่อยากมาสัมผัสบรรยากาศของท้องทะเลอันเงียบสงบ มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ของ “เกาะหมาก” ก็อย่าลืมปฏิบัติตาม “ธรรมนูญเกาะหมาก” ทั้ง 8 ข้อ เพื่อรักษาดูแลเสน่ห์อันสวยงามของที่นี่ไว้ ให้เป็น “เกาะโลว์คาร์บอน” ตลอดไป
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
“เกาะหมาก” จ.ตราด เป็นเกาะเป็นอันดับสามของหมู่เกาะช้าง รองจากเกาะช้างและเกาะกูด ตั้งอยู่ช่วงกลางระหว่างเกาะช้างกับเกาะกูด ในหลายๆหาดหลายๆอ่าว จะมีการสร้างสะพานเทียบเรือ (ของที่พัก) ทอดยาว ถือเป็นจุดถ่ายรูปและเสน่ห์อันโดดเด่นของเกาะแห่งนี้ และอีกหนึ่งเสน่ห์ของที่นี่ก็คือความสงบเป็นส่วนตัว มีธรรมชาติอันสวยงาม ทำให้เกาะหมากเป็นที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และยังเป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องกิจกรรมท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอนอีกด้วย
เหตุที่ “เกาะหมาก” ได้รับเลือกเป็นพื้นที่ต้นแบบโลว์คาร์บอนนั้น คุณธานินทร์ สุทธิธนกุล หรือ “พี่เอก” รองประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกาะหมาก ได้เล่าให้ฟังว่า เพราะที่เกาะหมากมีขนาดเหมาะสม มีธรรมชาติสมบูรณ์ ที่สำคัญคือชาวบ้าน ชาวชุมชน และผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความเข้มแข็ง พร้อมที่จะให้ความร่วมมือเพื่อช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมี “ธรรมนูญเกาะหมาก” เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คอยควบคุมคนในชุมชนและสื่อสารกับคนภายนอก เพื่อเน้นย้ำถึงความเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สำหรับ “ธรรมนูญเกาะหมาก” มีทั้งหมด 8 ข้อ ได้แก่
1. ไม่สนับสนุนให้เรือเฟอร์รี่นำยานพาหนะของนักท่องเที่ยวข้ามมายังเกาะหมาก
2. รถจักรยานยนต์ให้เช่าต้องไม่เกินร้อยละ 70 ของจำนวนห้องพักบนเกาะหมาก
3. ไม่สนับสนุนการใช้วัสดุจากโฟม หรือวัสดุที่ก่อให้เกิดมลพิษ เพื่อใส่อาหาร
4. ห้ามทิ้งขยะ สิ่งปฏิกูล ของเหลือรับประทานลงในที่สาธารณะ และแหล่งน้ำโดยเด็ดขาด
5. ไม่สนับสนุนให้ใช้สารเคมีที่มีสารตกค้างสูง
6. ห้ามส่งเสียงดังหรือกระทำการรบกวน หรือเป็นการเดือดร้อน ในเวลา 22.00 น. - 07.00 น.
7. ไม่สนับสนุนกีฬาทางบกและทางทะเลที่ใช้เครื่องยนต์ที่สร้างความเดือดร้อนแก่ชุมชน
8. ห้ามนำ ห้ามเสพ ห้ามจำหน่ายสารเสพติดผิดกฎหมายทุกชนิดบนเกาะ
จากธรรมนูญทั้ง 8 นี้ ก็ได้แสดงผลออกมาในรูปแบบของการท่องเที่ยว อย่างเช่น การเดินทางของนักท่องเที่ยวบนเกาะหมาก จะใช้เป็นยานพาหนะที่ไม่ปลดปล่อยคาร์บอนเป็นหลักได้แก่ รถไฟฟ้าโซล่าร์เซลล์และรถจักรยาน และยังมีสระว่ายน้ำในเกาะหมากรีสอร์ท ที่ใช้พลังงานจากโซล่าร์เซลล์ด้วยเช่นกัน
รวมถึงมีสวนเกษตรอินทรีย์ที่เกาะหมากรีสอร์ท ที่ปลูกผักและผลไม้ปลอดสารพิษ อาทิ ผักสลัด พริก มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว กะเพรา กล้วย มะละกอ มะพร้าว ฯลฯ แล้วนำผลผลิตที่ได้ไปใช้ประกอบอาหารให้กับลูกค้าของรีสอร์ท หากมีเหลือก็จำหน่ายให้กับรีสอร์ทหรือร้านอาหารอื่นๆ ในราคายุติธรรม และนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะหมากยังสามารถมาเดินเล่นและทำกิจกรรมเก็บไข่ เก็บผัก ปลูกข้าว และทำอาหารจากพืชผักได้อีกด้วย
นอกจากนั้นยังมีกิจกรรม DIY Workshop เพ้นท์กระเป๋าผ้า, กิจกรรม Trash Hero ซึ่งเป็นกิจกรรมเก็บขยะที่จัดขึ้นทุกวันเสาร์ เวลา 09.00 น. และกิจกรรม “Yoga on the Beach” ที่เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติในช่วงเดือนมกราคมของทุกปีเป็นอย่างมาก เนื่องจากที่เกาะหมากมีความสงบจึงเหมาะกับการเล่นโยคะ ซึ่งเมื่อวันที่ 8-9 ก.ย. ที่ผ่านมาได้มีการจัดกิจกรรม “Yoga Escape” โดยมีคุณกาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ และครูเอก จาก Yoga Me มาร่วมเล่นโยคะกับนักท่องเที่ยวและชาวบ้านบนเกาะ
และนอกจากธรรมนูญเกาะหมากแล้วพี่เอกยังเสนอถึง “กฎ 80-20” ว่าควรแบ่งพื้นที่บนเกาะหมากออกเป็น 2 ส่วนคือ 80% สำหรับเป็นแหล่งธรรมชาติและทำการเกษตร ส่วนอีก 20% เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งหากชาวบ้านทุกคนในเกาะนำพื้นที่ธรรมชาติเหล่านั้นไปเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวทั้งหมด ในช่วงโลว์ซีซั่นก็จะทำให้ชาวบ้านขาดรายได้ไปได้ แต่หากเก็บพื้นที่ธรรมชาติไว้ชาวบ้านทุกคนยังจะสามารถทำการเกษตรเพื่อหาเลี้ยงชีพได้นั่นเอง
หากนักท่องเที่ยวที่อยากมาสัมผัสบรรยากาศของท้องทะเลอันเงียบสงบ มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ของ “เกาะหมาก” ก็อย่าลืมปฏิบัติตาม “ธรรมนูญเกาะหมาก” ทั้ง 8 ข้อ เพื่อรักษาดูแลเสน่ห์อันสวยงามของที่นี่ไว้ ให้เป็น “เกาะโลว์คาร์บอน” ตลอดไป
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
