โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
“เขางู”
ชื่อนี้แม้จะบ่งบอกว่าเป็นขุนเขาที่มีงูอยู่เยอะ แต่นั้นเป็นเรื่องราวเล่าขานของอดีตเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว
มาวันนี้หลังเขางูผ่านยุคเหมืองหิน ก็ได้ถูกพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงฯอันทรงเสน่ห์ ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวชมกันไม่ขาดสาย
นอกจากความสวยงามน่ายลและบรรยากาศที่น่าเดินเที่ยวชมแล้ว เขางูยังเป็นแหล่งประวัติศาสตร์สมัยทวารวดีชั้นยอด และเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ทางธรณีวิทยาชั้นเยี่ยมของเมืองไทย ที่หลายคนอาจไม่รู้ว่าท่ามกลางขุนเขาที่สูงตระหง่านสวยงามแห่งนี้ มีเรื่องราวเกี่ยวกับหินปูนและถ้ำซึ่งเกิดจากการสรรค์สร้างของธรรมชาติที่น่าทึ่งไม่น้อย
รู้จักเขางู
เขางู ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะเขางู ต.เกาะพลับพลา อ.เมือง จ.ราชบุรี มีตำนานเล่าขานกันว่าที่นี่ในอดีตเคยมีงูอาศัยอยู่ชุกชุมมาก งูบางตัวยาวถึงขนาดหัวและหางอยู่กันคนละฟากถนน
นอกจากนี้ก็ยังมี“เจ้าพ่อเขางู” ซึ่งเป็นงูตัวใหญ่ คอยปกปักรักษาพื้นที่และผู้คนที่อยู่ในบริเวณนี้ แต่เมื่อมีคนบุกรุกงูเหล่านั้นจึงหนีหายไปที่อื่นหมด
เขางูถือเป็นหนึ่งในแหล่งหินปูนชั้นดีของเมืองไทย ซึ่งอาจารย์“ชัยพร ศิริพรไพบูลย์” ผู้เชี่ยวชาญด้านถ้ำและนักธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี(หนึ่งในทีมที่ปรึกษาสำคัญในเรื่องถ้ำ จากปรากฏการณ์บันลือโลกช่วยชีวิต“ทีมหมูป่า”ที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน) ได้อธิบายถึงการกำเนิดหินปูนและลักษณะทางธรณีวิทยาของเทือกเขาหินปูนที่เขางูว่า
“หินปูนส่วนใหญ่ในประเทศไทย(99%)เป็นหินปูนที่อยู่ในทะเล เกิดจากการย่อยสลายของเศษเปลือกแข็งและสิ่งมีชีวิตในทะเลที่ตายลง อย่างเช่น หอย ปะการัง สาหร่าย สัตว์เปลือกแข็ง สะสมตัวทับถมกันเป็นเวลายาวนานจนเกิดเป็นหินปูนในท้องทะเลขึ้น
“จากนั้นเมื่อเปลือกโลกเกิดการดันตัว ทำให้หินปูนใต้ทะเลก็โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ แล้วถูกลม ฝน กระทำเป็นเวลายาวนาน กัดกร่อนจนเกิดเป็นภูเขาหินปูน”
อ.ชัยพร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แหล่งหินปูนในบ้านเรานั้นมีกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยหินปูนที่ถูกนำมาใช้ผลิตปูนซีเมนต์นั้น สามารถแบ่งช่วงอายุทางธรณีกาลได้เป็น 3 ช่วงกว้างๆ คือ ยุคออร์โดวิเชียน(ประมาณ 488-444 ล้านปี) ยุคเพอร์เมียน(ประมาณ 299-251 ล้านปี)(ทั้ง 2 ยุคอยู่ในมหายุคพาลีโอโซอิก) และ ยุคไทรแอสซิก(ประมาณ 251-200 ล้านปี)(อยู่ในมหายุคมีโซโซอิก)
จากที่ อ.ชัยพร อธิบาย แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ภูเขาหินปูนของเขางู เคยเป็นทะเลมาก่อนในโลกยุคโบราณ ก่อนที่เปลือกโลกจะดันตัวขึ้นเกิด และถูกลมฝนกระทำจนเกิดเป็นเขางู(เขาหินปูน)มาจนถึงปัจจุบัน
สำหรับหินปูนที่เขางูเป็นหินปูนในยุคเพอร์เมียนที่มีอายุประมาณ 200 กว่าล้านปี แล้วคาดว่าเปลือกโลกจะถูกดันขึ้นมาเหนือผิวน้ำเป็นภูเขาหินปูนในยุคไทรแอสซิก และดำรงคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
แหล่งโบราณคดีเขางู
หลังเขางูอยู่คู่โลกมายาวนานกว่า 200 ล้านปี มาจนถึงในช่วงสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13 (สมัยเมืองโบราณคูบัว) บริเวณเขางูได้ถูกใช้เป็นศาสนสถาน สำหรับให้พระภิกษุสงฆ์ มาปฏิบัติธรรม จำพรรษา พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนถ้ำให้เป็นศาสนสถานและที่พักของพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งการเกิดถ้ำที่เขางูนั้นก็เหมือนกับการเกิดถ้ำหินปูนทั่วๆไป โดย อ.ชัยพร ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า
“หลังเปลือกโลกดันตัวหินปูนใต้ทะเลขึ้นมาเหนือน้ำ และถูกลมฝนกระทำจนเกิดเป็นภูเขาหินปูนขึ้น น้ำฝนที่ยังคงตกลงมาได้ทำปฏิกิริยากับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ดเกิดเป็นกรดคาร์บอนิกซึ่งเป็นกรดอ่อน แล้วค่อยๆไหลซึมผ่านรอยแตกของหินปูนและเริ่มละลายไปเรื่อยๆ เกิดเป็นรูเล็กๆและค่อยๆขยายตัวจากรูเป็นโพรงใหญ่ขึ้น จนเกิดเป็นถ้ำขนาดใหญ่ในที่สุด”
สำหรับถ้ำบริเวณเขางูนั้นมีอยู่มากหลาย ที่เด่นๆและถูกสร้างเป็นศาสนาสถานก็มี ถ้ำจาม ถ้ำจีน ถ้ำฝาโถ และไฮไลท์สำคัญคือ “ถ้ำฤาษีเขางู” ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ภายในถ้ำ(เป็นถ้ำตาย) ประดิษฐานพระพุทธรูปเรียงรายหลายองค์ องค์ที่เด่นที่สุดเป็นพระพุทธรูปประธาน ที่สร้างด้วยวิธีการแกะสลักผนังถ้ำลงไป เป็นพระพุทธรูปศิลปะทวารวดี ปางแสดงธรรมเทศนาหรือวิตรรกะมุทรา ประทับนั่งห้อยขา
ขณะที่บริเวณด้านข้างซึ่งเป็นถ้ำอีกโพรงหนึ่ง ประดิษฐ์รูปเคารพขององค์ฤาษีในอิริยาบทต่างๆอยู่จำนวนหนึ่ง ถือเป็นอีกหนึ่งถ้ำน่าสนใจที่หากใครมาเยือนเขางูไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
จากเหมืองหินสู่แหล่งท่องเที่ยว
ผ่านจากยุคทวารวดีมาถึงยุคปัจจุบัน ความที่เขางูเป็นแหล่งหินปูนชั้นดี เขางูจึงถูกขอสัมปทานไปทำเหมืองหินและแหล่งย่อยหินอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทำให้หินปูนที่นี่ถูกระเบิดทำลายลงไปเป็นจำนวนมาก
กระทั่งหลังเลิกกิจการเหมืองหินไปเมื่อราวๆ 20-30 ปีที่แล้ว เขางูได้ถูกทิ้งให้กลายเป็นเหมืองหินร้าง มีสภาพเสื่อมโทรม และเกิดเป็นแหล่งมั่วสุมตามมา
ด้วยเหตุนี้ทางจังหวัดราชบุรีและประชาชนชาวราชบุรีจึงร่วมกันพัฒนาพื้นที่นี้ขึ้นมาให้เป็น “อุทยานหินเขางู”ขึ้น เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนราชบุรีและนักท่องเที่ยวทั่วไป
ผู้ที่มาเที่ยวเขางู จะได้เห็นความสวยงามของภูมิทัศน์ของเขางูที่เป็นภูเขาหินปูนสูงชัน เบื้องล่างเป็นสระน้ำขุมเหมืองเก่ามีผืนน้ำนิ่งสงบ สะท้อนเงาของภูเขาได้อย่างชัดเจน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมาปั่นเรือถีบชมวิวในสระน้ำแห่งนี้ได้
สำหรับแนวเทือกเขาหินปูนที่นี่ล้วนต่างผ่านการระเบิดหินมายาวนานหลายสิบปี จึงได้เผยให้เห็นถึงเนื้อในของหินปูนสีเทาที่เป็นหินปูนค่อนข้างบริสุทธิ์ มีคุณภาพดี(จึงทำให้ถูกเลือกเป็นแหล่งสัมปทานหิน)
อีกทั้งยังทำให้เราได้เห็นถึงแนวหน้าตัดขวางของภูเขาหินปูน ที่หากคนทั่วไปมองก็จะเป็นเพียงภูผาหินธรรมดา แต่หากในสายตาของนักธรณีวิทยาอย่าง อ.ชัยพร และทีมงาน นี่ถือเป็นผาหินที่ให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับหินปูนและถ้ำได้เป็นอย่างดี
เพราะในแนวหน้าผาที่เป็นดังภาพตัดขวางของภูเขาหินปูนที่นี่ มีร่องรอยของชั้นหินอย่างชัดเจน เห็นการแทรกซึมของแร่ธาตุต่างๆตามรอยแตกของชั้นหิน ไม่ว่าจะเป็น เหล็ก แมงกานีส แร่แคลไซต์หรือแร่ฟันหมา หินควอตซ์หรือหินเขี้ยวหนุมาน เป็นต้น
รวมถึงเรายังได้เห็นแนวการกัดกร่อนของน้ำ(ก่อนจะพัฒนากลายเป็นถ้ำในลำดับต่อไป(อีกนับเป็นแสนเป็นล้านปี) เห็นหลุม(สิว)ที่เกิดจากแบคทีเรียกัดกินหินปูนจนเป็นรูพรุน(เล็กๆ) และร่องรอยแผลแห่งภูเขาหินปูนที่เกิดจากการกระทำ(ลาย)จากฝีมือมนุษย์
นอกจากนี้อุทยานหินเขางูยังมีเส้นทางเดินชมวิวทิวทัศน์ของแนวภูเขาหิน สระน้ำในขุมเหมืองเก่า โดยมีสะพานแขวนแสนเท่ทอดตัวพาดผ่านไปบรรจบกันเส้นทางเดินชมธรรมชาติเลาะเลียบริมเขา ที่สามารถเดินชมทัศนียภาพของภูเขาได้อย่างใกล้ชิดเรื่อยไปจนถึงจุดศาลาชมวิวในมุมสูง
อ้อ แล้วตามทางเดินสายนี้ในยามค่ำจะมีหิ่งห้อย(ของจริง)ให้ชมกัน แม้ไม่มากมาย แต่ก็ดูสวยงามเพลินตาดีทีเดียว
นอกจากแนวหน้าผาหินปูน สระน้ำขุมเหมืองเก่า เดินชมธรรมชาติ และถ้ำต่างๆตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว บริเวณอุทยานหินเขางูยังมี รอยพระพุทธบาท ฝูงลิงจอมซน รวมถึงศาลเจ้าพ่อเขางู และพระพุทธรูปสลักหินปรางค์ลีลา(ยืน)ขนาดใหญ่ที่บริเวณสวนสาธารณะเขางู ราชบุรี
นับได้ว่าเขางู นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามน่ายลและบรรยากาศที่น่าเดินเที่ยวชมแล้ว เขางูยังเป็นแหล่งประวัติศาสตร์สมัยทวารวดีชั้นยอด และเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ทางธรณีวิทยาชั้นเยี่ยมของเมืองไทย ที่หลายคนอาจไม่รู้ว่าท่ามกลางขุนเขาที่สูงตระหง่านสวยงามแห่งนี้ มีเรื่องราวเกี่ยวกับหินปูนและถ้ำที่เกิดจากการสรรค์สร้างของธรรมชาติที่น่าทึ่งไม่น้อย
นอกจากนี้เขางูยังเป็นอนุสรณ์แห่งการทำลายล้างทำสัมปทานเหมืองหินของมนุษย์ ซึ่งหากวันนี้ยังไม่มีการยกเลิกสัมปทานเหมืองหิน สักวันหนึ่ง(ในอนาคต)เขางูอดีตแหล่งหินปูนสำคัญอาจจะถูกมนุษย์ทำลายราบเรียบเป็นหน้ากลองก็เป็นได้
..................................................................................
การเดินทางไปยังอุทยานหินเขางู จากตัวเมืองราชบุรีให้ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3087 (สายราชบุรี-จอมบึง-สวนผึ้ง) เมื่อถึงสามแยกเขางูให้วิ่งตรงไปสู่ทางเข้าอุทยานหินเขางูได้เลย หรือจากตัวเมืองราชบุรีวิ่งไปตามตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3291 จากแยกเจดีย์หักไปบรรจบทางหลวงหมายเลข 3087 เลี้ยวขวาไปทางถนนสาย 3089 ประมาณ 1 กม. เขางูจะอยู่ทางซ้ายมือ
หมายเหตุ : อุทยานหินเขางู เป็นส่วนหนึ่งของทริป ธรณีสัญจร แร่-หิน ชุมชนเหมืองแร่ และถ้ำวิทยา จังหวัดราชบุรี-กาญจนบุรี ซึ่งจัดโดย กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
“เขางู”
ชื่อนี้แม้จะบ่งบอกว่าเป็นขุนเขาที่มีงูอยู่เยอะ แต่นั้นเป็นเรื่องราวเล่าขานของอดีตเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว
มาวันนี้หลังเขางูผ่านยุคเหมืองหิน ก็ได้ถูกพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงฯอันทรงเสน่ห์ ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวชมกันไม่ขาดสาย
นอกจากความสวยงามน่ายลและบรรยากาศที่น่าเดินเที่ยวชมแล้ว เขางูยังเป็นแหล่งประวัติศาสตร์สมัยทวารวดีชั้นยอด และเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ทางธรณีวิทยาชั้นเยี่ยมของเมืองไทย ที่หลายคนอาจไม่รู้ว่าท่ามกลางขุนเขาที่สูงตระหง่านสวยงามแห่งนี้ มีเรื่องราวเกี่ยวกับหินปูนและถ้ำซึ่งเกิดจากการสรรค์สร้างของธรรมชาติที่น่าทึ่งไม่น้อย
รู้จักเขางู
เขางู ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะเขางู ต.เกาะพลับพลา อ.เมือง จ.ราชบุรี มีตำนานเล่าขานกันว่าที่นี่ในอดีตเคยมีงูอาศัยอยู่ชุกชุมมาก งูบางตัวยาวถึงขนาดหัวและหางอยู่กันคนละฟากถนน
นอกจากนี้ก็ยังมี“เจ้าพ่อเขางู” ซึ่งเป็นงูตัวใหญ่ คอยปกปักรักษาพื้นที่และผู้คนที่อยู่ในบริเวณนี้ แต่เมื่อมีคนบุกรุกงูเหล่านั้นจึงหนีหายไปที่อื่นหมด
เขางูถือเป็นหนึ่งในแหล่งหินปูนชั้นดีของเมืองไทย ซึ่งอาจารย์“ชัยพร ศิริพรไพบูลย์” ผู้เชี่ยวชาญด้านถ้ำและนักธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี(หนึ่งในทีมที่ปรึกษาสำคัญในเรื่องถ้ำ จากปรากฏการณ์บันลือโลกช่วยชีวิต“ทีมหมูป่า”ที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน) ได้อธิบายถึงการกำเนิดหินปูนและลักษณะทางธรณีวิทยาของเทือกเขาหินปูนที่เขางูว่า
“หินปูนส่วนใหญ่ในประเทศไทย(99%)เป็นหินปูนที่อยู่ในทะเล เกิดจากการย่อยสลายของเศษเปลือกแข็งและสิ่งมีชีวิตในทะเลที่ตายลง อย่างเช่น หอย ปะการัง สาหร่าย สัตว์เปลือกแข็ง สะสมตัวทับถมกันเป็นเวลายาวนานจนเกิดเป็นหินปูนในท้องทะเลขึ้น
“จากนั้นเมื่อเปลือกโลกเกิดการดันตัว ทำให้หินปูนใต้ทะเลก็โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ แล้วถูกลม ฝน กระทำเป็นเวลายาวนาน กัดกร่อนจนเกิดเป็นภูเขาหินปูน”
อ.ชัยพร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แหล่งหินปูนในบ้านเรานั้นมีกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยหินปูนที่ถูกนำมาใช้ผลิตปูนซีเมนต์นั้น สามารถแบ่งช่วงอายุทางธรณีกาลได้เป็น 3 ช่วงกว้างๆ คือ ยุคออร์โดวิเชียน(ประมาณ 488-444 ล้านปี) ยุคเพอร์เมียน(ประมาณ 299-251 ล้านปี)(ทั้ง 2 ยุคอยู่ในมหายุคพาลีโอโซอิก) และ ยุคไทรแอสซิก(ประมาณ 251-200 ล้านปี)(อยู่ในมหายุคมีโซโซอิก)
จากที่ อ.ชัยพร อธิบาย แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ภูเขาหินปูนของเขางู เคยเป็นทะเลมาก่อนในโลกยุคโบราณ ก่อนที่เปลือกโลกจะดันตัวขึ้นเกิด และถูกลมฝนกระทำจนเกิดเป็นเขางู(เขาหินปูน)มาจนถึงปัจจุบัน
สำหรับหินปูนที่เขางูเป็นหินปูนในยุคเพอร์เมียนที่มีอายุประมาณ 200 กว่าล้านปี แล้วคาดว่าเปลือกโลกจะถูกดันขึ้นมาเหนือผิวน้ำเป็นภูเขาหินปูนในยุคไทรแอสซิก และดำรงคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
แหล่งโบราณคดีเขางู
หลังเขางูอยู่คู่โลกมายาวนานกว่า 200 ล้านปี มาจนถึงในช่วงสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13 (สมัยเมืองโบราณคูบัว) บริเวณเขางูได้ถูกใช้เป็นศาสนสถาน สำหรับให้พระภิกษุสงฆ์ มาปฏิบัติธรรม จำพรรษา พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนถ้ำให้เป็นศาสนสถานและที่พักของพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งการเกิดถ้ำที่เขางูนั้นก็เหมือนกับการเกิดถ้ำหินปูนทั่วๆไป โดย อ.ชัยพร ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า
“หลังเปลือกโลกดันตัวหินปูนใต้ทะเลขึ้นมาเหนือน้ำ และถูกลมฝนกระทำจนเกิดเป็นภูเขาหินปูนขึ้น น้ำฝนที่ยังคงตกลงมาได้ทำปฏิกิริยากับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ดเกิดเป็นกรดคาร์บอนิกซึ่งเป็นกรดอ่อน แล้วค่อยๆไหลซึมผ่านรอยแตกของหินปูนและเริ่มละลายไปเรื่อยๆ เกิดเป็นรูเล็กๆและค่อยๆขยายตัวจากรูเป็นโพรงใหญ่ขึ้น จนเกิดเป็นถ้ำขนาดใหญ่ในที่สุด”
สำหรับถ้ำบริเวณเขางูนั้นมีอยู่มากหลาย ที่เด่นๆและถูกสร้างเป็นศาสนาสถานก็มี ถ้ำจาม ถ้ำจีน ถ้ำฝาโถ และไฮไลท์สำคัญคือ “ถ้ำฤาษีเขางู” ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ภายในถ้ำ(เป็นถ้ำตาย) ประดิษฐานพระพุทธรูปเรียงรายหลายองค์ องค์ที่เด่นที่สุดเป็นพระพุทธรูปประธาน ที่สร้างด้วยวิธีการแกะสลักผนังถ้ำลงไป เป็นพระพุทธรูปศิลปะทวารวดี ปางแสดงธรรมเทศนาหรือวิตรรกะมุทรา ประทับนั่งห้อยขา
ขณะที่บริเวณด้านข้างซึ่งเป็นถ้ำอีกโพรงหนึ่ง ประดิษฐ์รูปเคารพขององค์ฤาษีในอิริยาบทต่างๆอยู่จำนวนหนึ่ง ถือเป็นอีกหนึ่งถ้ำน่าสนใจที่หากใครมาเยือนเขางูไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
จากเหมืองหินสู่แหล่งท่องเที่ยว
ผ่านจากยุคทวารวดีมาถึงยุคปัจจุบัน ความที่เขางูเป็นแหล่งหินปูนชั้นดี เขางูจึงถูกขอสัมปทานไปทำเหมืองหินและแหล่งย่อยหินอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทำให้หินปูนที่นี่ถูกระเบิดทำลายลงไปเป็นจำนวนมาก
กระทั่งหลังเลิกกิจการเหมืองหินไปเมื่อราวๆ 20-30 ปีที่แล้ว เขางูได้ถูกทิ้งให้กลายเป็นเหมืองหินร้าง มีสภาพเสื่อมโทรม และเกิดเป็นแหล่งมั่วสุมตามมา
ด้วยเหตุนี้ทางจังหวัดราชบุรีและประชาชนชาวราชบุรีจึงร่วมกันพัฒนาพื้นที่นี้ขึ้นมาให้เป็น “อุทยานหินเขางู”ขึ้น เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนราชบุรีและนักท่องเที่ยวทั่วไป
ผู้ที่มาเที่ยวเขางู จะได้เห็นความสวยงามของภูมิทัศน์ของเขางูที่เป็นภูเขาหินปูนสูงชัน เบื้องล่างเป็นสระน้ำขุมเหมืองเก่ามีผืนน้ำนิ่งสงบ สะท้อนเงาของภูเขาได้อย่างชัดเจน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมาปั่นเรือถีบชมวิวในสระน้ำแห่งนี้ได้
สำหรับแนวเทือกเขาหินปูนที่นี่ล้วนต่างผ่านการระเบิดหินมายาวนานหลายสิบปี จึงได้เผยให้เห็นถึงเนื้อในของหินปูนสีเทาที่เป็นหินปูนค่อนข้างบริสุทธิ์ มีคุณภาพดี(จึงทำให้ถูกเลือกเป็นแหล่งสัมปทานหิน)
อีกทั้งยังทำให้เราได้เห็นถึงแนวหน้าตัดขวางของภูเขาหินปูน ที่หากคนทั่วไปมองก็จะเป็นเพียงภูผาหินธรรมดา แต่หากในสายตาของนักธรณีวิทยาอย่าง อ.ชัยพร และทีมงาน นี่ถือเป็นผาหินที่ให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับหินปูนและถ้ำได้เป็นอย่างดี
เพราะในแนวหน้าผาที่เป็นดังภาพตัดขวางของภูเขาหินปูนที่นี่ มีร่องรอยของชั้นหินอย่างชัดเจน เห็นการแทรกซึมของแร่ธาตุต่างๆตามรอยแตกของชั้นหิน ไม่ว่าจะเป็น เหล็ก แมงกานีส แร่แคลไซต์หรือแร่ฟันหมา หินควอตซ์หรือหินเขี้ยวหนุมาน เป็นต้น
รวมถึงเรายังได้เห็นแนวการกัดกร่อนของน้ำ(ก่อนจะพัฒนากลายเป็นถ้ำในลำดับต่อไป(อีกนับเป็นแสนเป็นล้านปี) เห็นหลุม(สิว)ที่เกิดจากแบคทีเรียกัดกินหินปูนจนเป็นรูพรุน(เล็กๆ) และร่องรอยแผลแห่งภูเขาหินปูนที่เกิดจากการกระทำ(ลาย)จากฝีมือมนุษย์
นอกจากนี้อุทยานหินเขางูยังมีเส้นทางเดินชมวิวทิวทัศน์ของแนวภูเขาหิน สระน้ำในขุมเหมืองเก่า โดยมีสะพานแขวนแสนเท่ทอดตัวพาดผ่านไปบรรจบกันเส้นทางเดินชมธรรมชาติเลาะเลียบริมเขา ที่สามารถเดินชมทัศนียภาพของภูเขาได้อย่างใกล้ชิดเรื่อยไปจนถึงจุดศาลาชมวิวในมุมสูง
อ้อ แล้วตามทางเดินสายนี้ในยามค่ำจะมีหิ่งห้อย(ของจริง)ให้ชมกัน แม้ไม่มากมาย แต่ก็ดูสวยงามเพลินตาดีทีเดียว
นอกจากแนวหน้าผาหินปูน สระน้ำขุมเหมืองเก่า เดินชมธรรมชาติ และถ้ำต่างๆตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว บริเวณอุทยานหินเขางูยังมี รอยพระพุทธบาท ฝูงลิงจอมซน รวมถึงศาลเจ้าพ่อเขางู และพระพุทธรูปสลักหินปรางค์ลีลา(ยืน)ขนาดใหญ่ที่บริเวณสวนสาธารณะเขางู ราชบุรี
นับได้ว่าเขางู นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามน่ายลและบรรยากาศที่น่าเดินเที่ยวชมแล้ว เขางูยังเป็นแหล่งประวัติศาสตร์สมัยทวารวดีชั้นยอด และเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ทางธรณีวิทยาชั้นเยี่ยมของเมืองไทย ที่หลายคนอาจไม่รู้ว่าท่ามกลางขุนเขาที่สูงตระหง่านสวยงามแห่งนี้ มีเรื่องราวเกี่ยวกับหินปูนและถ้ำที่เกิดจากการสรรค์สร้างของธรรมชาติที่น่าทึ่งไม่น้อย
นอกจากนี้เขางูยังเป็นอนุสรณ์แห่งการทำลายล้างทำสัมปทานเหมืองหินของมนุษย์ ซึ่งหากวันนี้ยังไม่มีการยกเลิกสัมปทานเหมืองหิน สักวันหนึ่ง(ในอนาคต)เขางูอดีตแหล่งหินปูนสำคัญอาจจะถูกมนุษย์ทำลายราบเรียบเป็นหน้ากลองก็เป็นได้
..................................................................................
การเดินทางไปยังอุทยานหินเขางู จากตัวเมืองราชบุรีให้ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3087 (สายราชบุรี-จอมบึง-สวนผึ้ง) เมื่อถึงสามแยกเขางูให้วิ่งตรงไปสู่ทางเข้าอุทยานหินเขางูได้เลย หรือจากตัวเมืองราชบุรีวิ่งไปตามตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3291 จากแยกเจดีย์หักไปบรรจบทางหลวงหมายเลข 3087 เลี้ยวขวาไปทางถนนสาย 3089 ประมาณ 1 กม. เขางูจะอยู่ทางซ้ายมือ
หมายเหตุ : อุทยานหินเขางู เป็นส่วนหนึ่งของทริป ธรณีสัญจร แร่-หิน ชุมชนเหมืองแร่ และถ้ำวิทยา จังหวัดราชบุรี-กาญจนบุรี ซึ่งจัดโดย กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
