Facebook :Travel @ Manager
นอกจากที่จังหวัดภูเก็ตจะมีท้องทะเลและชายหาดสวยๆ เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อแล้ว ที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ได้ทั้งความสนุก ความรู้ และยังได้กินของอร่อยๆ ดีต่อสุขภาพอีกด้วย สถานที่ที่ว่านี้ก็คือ “ไร่วานิช” ไร่ข้าวโพดใจกลางเมืองภูเก็ตนั่นเอง
"ไร่วานิช” (Vanich Farm) มีเนื้อที่ประมาณ 45 ไร่ ที่นี่เป็นทั้งไร่ข้าวโพดที่มีผลิตภัณฑ์จากข้าวโพดให้ได้ชิมกัน และยังเป็นแหล่งการเรียนรู้ในเรื่องของการเกษตรกรรมและเรียนรู้วิถีชีวิตของเกษตรกร แถมยังได้ใกล้ชิดธรรมชาติและสนุกกับกิจกรรมต่างๆ ภายในไร่มากมายอีกด้วย
ภายในไร่จะแบ่งออกเป็นหลายส่วนด้วยกัน เริ่มจากที่ส่วนของ “บ้านต้นไม้” ที่มีความสูงกว่า 10 เมตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “ร้านอาหาร” โดยจากจุดนี้สามารถชมวิวทิวทัศน์ของไร่วานิชได้โดยรอบ สำหรับหลังคาของร้านอาหารกับผิวนอกของบ้านต้นไม้นี้ เป็นรูปทรงฟรีฟอร์ม (ออร์แกนิก) เพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของวานิชฟาร์ม ที่เน้นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและปลอดสารเคมี
ถัดจากบ้านต้นไม้มาจะเจอกับ “แปลงผักออร์แกนิก” ที่ปลูกผักปลอดสารพิษอย่างเช่น เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค และเดินชมธรรมชาติภายในไร่มาอีกสักระยะ จะมาถึง “เรือนไทยโบราณ” อายุมากกว่า 50 ปี ที่เป็นสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นภาคกลางของไทย มาจัดแสดงไว้เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้กับเด็กรุ่นใหม่
ที่ใต้ถุนเรือนไทยนี้จะมีการสอนทำ “ไข่เค็ม” ด้วย โดยขั้นตอนแรกจะนำดินจอมปลวกมาตำจนละเอียด และผสมเกลือกับน้ำต้มสุกลงไป จากนั้นจะนำดินจอมปลวกที่ผสมแล้วมาพอกบนไข่เป็ด และนำไข่เป็ดที่พอกแล้วไปคลุกกับขี้เถ้าแกลบอีกชั้นหนึ่ง ทิ้งไว้ 7 วันเป็นอันเสร็จขั้นตอน
ใกล้กับเรือนไทยโบราณจะเป็น “ทุ่งนา” ซึ่งมีการปลูกข้าวจริงๆ ที่นี่ด้วย โดยมีเกษตรกรมาคอยให้ความรู้ในเรื่องการทนา ทางไร่วานิชได้คัดเลือกข้าวจากทุกสายพันธุ์จนได้ “ข้าวหอมมะลิพันธุ์ปทุมธานี 1” ที่ในหลวง ร.๙ ทรงพระราชทานให้จังหวัดปทุมธานี มาใช้ที่ไร่ เพราะเหมาะกับดินที่นี่มากที่สุด
สำหรับขั้นตอนการทำนาจะเริ่มจากการไถกลบดินทิ้งไว้ 1 เดือนก่อน จากนั้นจะนำเมล็ดข้าวมาแช่น้ำไว้ 2 คืน และขึ้นมาพักไว้ 1 วัน แล้วจึงนำหว่าน พอต้นกล้าได้ 1 เดือน ก็จะเริ่มถอนมาปักดำนา ต่อจากนั้นอีก 2 เดือน (60 วัน) ข้าวจะตั้งท้อง แล้วพอเข้าช่วง 3 เดือน (90 วัน) ข้าวจะออกรวง จากนั้นพอช่วง 4 เดือน (120 วัน) ก็จะพร้อมเก็บเกี่ยวในขั้นตอนสุดท้าย
ที่นี่ยังมีควายเผือก, ม้าแคระ และวัวจิ๋วให้ได้เด็กๆ ได้ชม รวมถึงมีน้ำนมข้าวโพด น้ำมัลเบอร์รี่ และเครื่องดื่มชา กาแฟไว้คอยบริการในส่วนคาเฟ่อีกด้วย เรียกว่ามาที่ “ไร่วานิช” แห่งนี้นั้น สามารถเที่ยวสนุกได้ครอบครัว แถมได้ความรู้ในเรื่องของการทำการเกษตรและการทำไข่เค็มกลับบ้านไปด้วย เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่น่าสนใจเมื่อมาเยือนจังหวัดภูเก็ต
“ไร่วานิช” ตั้งอยู่ในซอยพัชนี-บางชีเหล้า ต. รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10.00-18.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 100 บาท การเดินทางตั้งอยู่หลังสำนักงานเทศบาลตำบลรัษฎา หากมาจากทางขาเข้าเมือง(ถนนเทพกระษัตรี ให้เข้าทางซอยพัชนี) ตรงมาในซอยประมาณ 1 กิโลเมตร ไร่จะอยู่ทางซ้ายมือ หรือหากมาทางในเมืองก่อนถึงเทศบาลตำบลรัษฎา ประมาณ 100 เมตร ให้เลี้ยวขวา เข้าทางซอยแม่ขำ เมื่อถึงสามแยกให้เลี้ยวซ้ายเข้ามาประมาณ 100 เมตร ไร่วานิชจะอยู่ทางขวามือ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 07-621-1536 หรือที่ vanichfarm
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
นอกจากที่จังหวัดภูเก็ตจะมีท้องทะเลและชายหาดสวยๆ เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อแล้ว ที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ได้ทั้งความสนุก ความรู้ และยังได้กินของอร่อยๆ ดีต่อสุขภาพอีกด้วย สถานที่ที่ว่านี้ก็คือ “ไร่วานิช” ไร่ข้าวโพดใจกลางเมืองภูเก็ตนั่นเอง
"ไร่วานิช” (Vanich Farm) มีเนื้อที่ประมาณ 45 ไร่ ที่นี่เป็นทั้งไร่ข้าวโพดที่มีผลิตภัณฑ์จากข้าวโพดให้ได้ชิมกัน และยังเป็นแหล่งการเรียนรู้ในเรื่องของการเกษตรกรรมและเรียนรู้วิถีชีวิตของเกษตรกร แถมยังได้ใกล้ชิดธรรมชาติและสนุกกับกิจกรรมต่างๆ ภายในไร่มากมายอีกด้วย
ภายในไร่จะแบ่งออกเป็นหลายส่วนด้วยกัน เริ่มจากที่ส่วนของ “บ้านต้นไม้” ที่มีความสูงกว่า 10 เมตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “ร้านอาหาร” โดยจากจุดนี้สามารถชมวิวทิวทัศน์ของไร่วานิชได้โดยรอบ สำหรับหลังคาของร้านอาหารกับผิวนอกของบ้านต้นไม้นี้ เป็นรูปทรงฟรีฟอร์ม (ออร์แกนิก) เพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของวานิชฟาร์ม ที่เน้นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและปลอดสารเคมี
ถัดจากบ้านต้นไม้มาจะเจอกับ “แปลงผักออร์แกนิก” ที่ปลูกผักปลอดสารพิษอย่างเช่น เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค และเดินชมธรรมชาติภายในไร่มาอีกสักระยะ จะมาถึง “เรือนไทยโบราณ” อายุมากกว่า 50 ปี ที่เป็นสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นภาคกลางของไทย มาจัดแสดงไว้เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้กับเด็กรุ่นใหม่
ที่ใต้ถุนเรือนไทยนี้จะมีการสอนทำ “ไข่เค็ม” ด้วย โดยขั้นตอนแรกจะนำดินจอมปลวกมาตำจนละเอียด และผสมเกลือกับน้ำต้มสุกลงไป จากนั้นจะนำดินจอมปลวกที่ผสมแล้วมาพอกบนไข่เป็ด และนำไข่เป็ดที่พอกแล้วไปคลุกกับขี้เถ้าแกลบอีกชั้นหนึ่ง ทิ้งไว้ 7 วันเป็นอันเสร็จขั้นตอน
ใกล้กับเรือนไทยโบราณจะเป็น “ทุ่งนา” ซึ่งมีการปลูกข้าวจริงๆ ที่นี่ด้วย โดยมีเกษตรกรมาคอยให้ความรู้ในเรื่องการทนา ทางไร่วานิชได้คัดเลือกข้าวจากทุกสายพันธุ์จนได้ “ข้าวหอมมะลิพันธุ์ปทุมธานี 1” ที่ในหลวง ร.๙ ทรงพระราชทานให้จังหวัดปทุมธานี มาใช้ที่ไร่ เพราะเหมาะกับดินที่นี่มากที่สุด
สำหรับขั้นตอนการทำนาจะเริ่มจากการไถกลบดินทิ้งไว้ 1 เดือนก่อน จากนั้นจะนำเมล็ดข้าวมาแช่น้ำไว้ 2 คืน และขึ้นมาพักไว้ 1 วัน แล้วจึงนำหว่าน พอต้นกล้าได้ 1 เดือน ก็จะเริ่มถอนมาปักดำนา ต่อจากนั้นอีก 2 เดือน (60 วัน) ข้าวจะตั้งท้อง แล้วพอเข้าช่วง 3 เดือน (90 วัน) ข้าวจะออกรวง จากนั้นพอช่วง 4 เดือน (120 วัน) ก็จะพร้อมเก็บเกี่ยวในขั้นตอนสุดท้าย
ที่นี่ยังมีควายเผือก, ม้าแคระ และวัวจิ๋วให้ได้เด็กๆ ได้ชม รวมถึงมีน้ำนมข้าวโพด น้ำมัลเบอร์รี่ และเครื่องดื่มชา กาแฟไว้คอยบริการในส่วนคาเฟ่อีกด้วย เรียกว่ามาที่ “ไร่วานิช” แห่งนี้นั้น สามารถเที่ยวสนุกได้ครอบครัว แถมได้ความรู้ในเรื่องของการทำการเกษตรและการทำไข่เค็มกลับบ้านไปด้วย เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่น่าสนใจเมื่อมาเยือนจังหวัดภูเก็ต
“ไร่วานิช” ตั้งอยู่ในซอยพัชนี-บางชีเหล้า ต. รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10.00-18.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 100 บาท การเดินทางตั้งอยู่หลังสำนักงานเทศบาลตำบลรัษฎา หากมาจากทางขาเข้าเมือง(ถนนเทพกระษัตรี ให้เข้าทางซอยพัชนี) ตรงมาในซอยประมาณ 1 กิโลเมตร ไร่จะอยู่ทางซ้ายมือ หรือหากมาทางในเมืองก่อนถึงเทศบาลตำบลรัษฎา ประมาณ 100 เมตร ให้เลี้ยวขวา เข้าทางซอยแม่ขำ เมื่อถึงสามแยกให้เลี้ยวซ้ายเข้ามาประมาณ 100 เมตร ไร่วานิชจะอยู่ทางขวามือ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 07-621-1536 หรือที่ vanichfarm
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager