โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน

หลัง “ไต้หวัน” ประกาศฟรีวีซ่า(ชั่วคราว)สำหรับนักเดินทางชาวไทย(เริ่ม)ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2559 วันนี้ดินแดนไต้หวันเนื้อหอมสุด ๆ พุ่งพรวดขึ้นชั้นมาเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของนักเดินทางชาวไทยเนื่องจากไต้หวันนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวแมนเมดทั้งแบบโบราณและร่วมสมัย แหล่งช้อปปิ้ง อาหารการกิน ที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายไม่แพง
ยิ่งล่าสุดไต้หวันประกาศขยายเวลาฟรีวีซ่าไปอีกหนึ่งปี(เริ่มตั้งแต่ 1 ส.ค. 61 ถึง 31 ก.ค. 62) ชื่อเสียงไต้หวัน(สำหรับคนไทย)ก็ยิ่งฮอตฮิตติดลมบนมากยิ่งขึ้น

ด้วยเหตุนี้ทางบริษัท “Octo Cycling” ที่ปกติจะจัดทริปพาคนไทยไปปั่นจักรยานเที่ยวในไต้หวันอยู่เสมอ ก็ได้เปิดตลาดใหม่กับทัวร์แอดเวนเจอร์ เดินป่า ขึ้นเขา เน้นพาไปรู้จักกับไต้หวันในมุมมองใหม่ ๆ เนื่องจากไต้หวันเป็นดินแดนที่มากไปด้วยขุนเขาและยังคงมีธรรมชาติ ป่าไม้ สายธาร ที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก
ใครที่ชอบกิจกรรมผจญภัย(ที่ไม่โหดมาก)และปลอดภัย พักหรูอยู่สบาย กินอาหารอร่อยแบบจัดเต็ม นี่ถือเป็นอีกหนึ่งทัวร์สัมผัสไต้หวันที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
นิวไทเป
สำหรับเส้นทางผจญภัยในไต้หวันของผมกับเพื่อนๆในทริปนี้ ทาง Octo Cycling จัดทริปพิเศษมุ่งพาเราไปแอดเวนเจอร์(4 วัน 3 คืน) ในเขต“นิวไทเป”เป็นหลัก(ร่วมด้วยเมืองอี่หลานอีก 1 วัน 1 คืน)

เขตนิวไทเป(New Taipei-เขตไทเปใหม่)หรือ “ซินเป่ย” (Xinbei) เป็นเขตปกครองใหม่ในไต้หวัน มีพื้นที่ล้อมรอบเมืองหลวง“ไทเป”(Taipei) คล้าย ๆ กับเขตปริมณฑลของบ้านเรา
นิวไทเปเป็นเขตที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากหลาย ทั้งขุนเขา ป่าไม้ ชายทะเล สถาปัตยกรรม และแหล่งท่องเที่ยวแมนเมด ซึ่งการเดินทางจากไทเปมุ่งสู่เขตรอบนอกอย่างนิวไทเปก็สะดวกสบาย นอกจากรถยนต์ แล้วก็ยังมีขนส่งมวลชนอย่าง รถไฟใต้ดิน MRT รถบัสประจำทาง หรือบางเมืองที่อยู่ไม่ไกลก็มีคนไทยรวมกันเหมาเช่าแท็กซี่วิ่งรับ-ส่ง เพื่อความรวดเร็วและเป็นส่วนตัว
หินช้าง-เขาลูกแรก

หลังเดินทางจากเมืองไทย(สนามบินสุวรรณภูมิ) เหินฟ้ามุ่งสู่ไต้หวัน(สนามบินเถาหยวน ไทเป) ต่อจากนั้นเรามุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยังตำบล“รุ่ยฟัง”หรือ"เร่ยฟัง"(Ruifang) เขตนิวไทเป ซึ่งทริปนี้เรามีคุณ“เท็ดดี้”(Teddy) ไกด์ชาวไต้หวันผู้ช่ำชองกับการทำทัวร์แอดเวนเจอร์ เดินป่า ขึ้นเขา ปั่นจักรยาน มาเป็นคนพาเราผจญภัยไปตลอดทั้งทริป

นอกจากนี้ก็ยังมีคุณ“จอห์นสัน”(MR.Johnson) คนขับรถผู้เปี่ยมไปด้วยอัธยาศัยไมตรี แถมมีฝีมือการชงกาแฟเป็นเลิศ อีกทั้งยังเป็นนักปีนเขาตัวยง ขนาดสวมเพียงรองเท้าแตะยังมีฝีเท้าพลิ้วไหว เดินขึ้นเขาสบาย แถมไป-มา ไร้ร่องรอย อย่างกับใช้วิชาตัวเบาสำนักเดียวกับ“เล็กเซี่ยวหงส์” (หงส์ผงาดฟ้า-โก้วเล้ง)
จากไทเปใช้เวลาเดินทางขึ้นเหนือมาประมาณ 1 ชม.กว่า ๆ ก็มาถึงจุดหมายแรกใน ต.รุ่ยฟัง เมืองนิวไทเป คือ “หินช้าง”(Elephant Rock) หนึ่งในประติมากรรมธรรมชาติที่ดูน่าอัศจรรย์ของไต้หวัน ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อย

หินช้าง หรือ โขดหินงวงช้าง(Elephant Nose Rock) ตั้งอยู่บนขุนเขาเตี้ย ๆ ริมมหาสมุทรแปซิฟิค(บางคนก็นิยมเรียกว่าเนิน) ฝั่งตรงข้ามมองเห็นเทือกเขาจีหลงหรือเขาคีหลง(Keelung)ตั้งตระหง่าน เส้นทางเดินสู่หินช้างเป็นทางเดินริมหาดขึ้นเนินเขาหินไปแบบสบาย ๆ มีสายลมเย็น ๆ ริมหาดพัดหนักเบาโชยปะทะร่างไปตลอด
ระหว่างทางตามพื้นหินริมทะเลเป็นริ้วหินตะปุ่มตะป่ำ หลายจุดมีลักษณะคล้ายหินกุมภลักษณ์ หรือ โบก(ภาษาอีสาน)ของบ้านเรา

ถัดจากนั้นไปจะเป็นทางเดินขึ้นเนินเขาเตี้ย ๆ เส้นทางเดินยังคงเป็นแนวริ้วคลื่นหินนำทางไปสู่บริเวณจุดท่องเที่ยวหลัก ที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจมากๆกับ ปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าทึ่ง ของแนวหินที่เคยถูกน้ำทะเลท่วมถึงมาก่อน ก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ยกตัวดันพื้นที่ตรงนี้ขึ้นมา แล้วถูกน้ำ ลม ฝน กระทำเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นภูมิประเทศรูปร่างแปลกตา เป็นก้อนหิน เสาหินปุ่มปม หินบางก้อนมีรูพรุนคล้ายรวงผึ้ง หินบางก้อนผุดโผล่ขึ้นมาดูคล้ายดอกเห็ดยักษ์

ที่สำคัญที่นี่มีหินใหญ่ยักษ์พิเศษก้อนหนึ่งถูกธรรมชาติสรรค์สร้างจนมีรูปร่างลักษณะคล้ายหัวช้างขนาดใหญ่ ผู้คนจึงเรียกขานบริเวณนี้ว่า“หินช้าง” ตามรูปร่างหินที่เห็น ซึ่งมันเหมือนช้างกำลังจุ่มงวงดูดน้ำในทะเล ที่มองหากมองถูกจุด มองยังไงก็เหมือนช้างแบบไม่ต้องใช้จินตนาการให้ปวดหมอง

หินช้างถือเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติขึ้นชื่อของไต้หวัน และมีการโปรโมทภาพให้นักท่องเที่ยวได้เห็นและอยากมากันตั้งแต่ที่สนามบินเถาหยวน
ถือเป็นการกระตุ้นความยากที่เมื่อผมได้เดินทางมาสัมผัสกับหินช้างอันน่าอัศจรรย์ด้วยตัวเอง บอกเลยว่า มันสวยงามตามท้องเรื่องด้วยประการทั้งปวง
หนานจือหลิน-เขาลูกที่ 2

การเดินขึ้นหินช้างที่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของทริปนี้ เป็นการเดินขึ้นเขาที่ง่ายมาก เดินไป-กลับ ประมาณ 1 กม. สำหรับผมถือว่าเดินสบายและไม่เหนื่อยเลย แต่ต่อจากนี้ไกด์เท็ดดี้จะพาเราไปเดินขึ้นเขาที่แอดวานซ์ขึ้น คือเดินขึ้นเขาที่ชันขึ้น เดินไกลขึ้น และเหนื่อยมากขึ้น
โดยเป้าหมายจุดต่อไปของเราคือการไปขึ้นเขา “หนานจือหลิน” (Nanzilin) เขาลูกเล็กๆที่เป็นหนึ่งในบรรดาเทือกขุนเขาใหญ่ของเมืองนิวไทเป

สำหรับยอดหนึ่งของเขาหนานจือหลินที่เราจะเดินขึ้นไปพิชิต มีความสูงไม่มาก เพียง 196 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีเส้นทางเดินขึ้นสู่ยอดเขา 990 เมตร (ไป-กลับ ขึ้น-ลง รวม ๆ ประมาณ 2 กม.)
เอาล่ะ เมื่อรู้ข้อมูลเบื้องต้นคร่าว ๆ แล้ว ก็ได้เวลาออกเดินเท้าขึ้นเขากันแล้ว โดยจุดออกเดินนั้นอยู่บริเวณ“วัดหนานย่า หนานซิน”(Nanya Nanxin Temple) เริ่มจากเส้นทางราบเดินผ่านแมกไม้อันร่มรื่นสู่ทางเดินขึ้นบันไดไม้ชัน ที่ช่วงนี้เราก็เริ่มมองเห็นวิวทิวทัศน์ของหมู่บ้านหนานย่า(Nanya Village) ชุมชนริมทะเล และโค้งอ่าวแหลมปี่โถกันพอหอมปากหอมคอ

ต่อจากนั้นเป็นเส้นทางบันไดหิน ที่ระดับความเหนื่อยหอบนั้นไม่ต่างไปจากเส้นทางบันไดไม้ ระหว่างทางช่วงนี้จะแนวแนวทุ่งหญ้า ป่าโปร่ง ก่อนที่จะทะลุขึ้นไปยังบริเวณลานชมวิว ที่เป็นแนวภูเขาหญ้ามีหลากหลายระดับ หลากหลายมุมให้เลือกเดินชมวิวกันตามใจชอบ
สำหรับเส้นทางเดินขึ้นเขาหนานจือหลินนี้ เป็นเส้นทางที่ทางไต้หวันเขาทำไว้เป็นอย่างดี เดินสบาย แต่เหนื่อยเอาเรื่อง

เมื่อเดินขึ้นไปจนถึงบริเวณจุดชมวิวแล้วถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะบนนั้นมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามทั้งวิวของขุนเขาและท้องทะเล โดยเฉพาะมุมไฮไลท์ในจุดบรรจบกันระหว่างขุนเขาและท้องทะเลที่เมื่อมองลงไปจะเห็น ประติมากรรมหินหนานย่า(Nanya) ถนนริมทะเลที่เป็นแนวโค้งเลาะเลียบผาอันสวยงาม และ”แหลมปี่โถ” ที่แนวเส้นโค้งของถนนได้นำสายตาไปสู่แหลมแห่งนี้ ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ ณ มุมขอบทะเลของภาพที่เห็นในเบื้องหน้า

ซึ่งแหลมปี่โถนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวสำคัญ(ปิดท้าย)ในช่วงบ่ายของวันนี้ เป็นขุนเขาลูกที่ 3 ของวัน ที่รอให้พวกเราขึ้นไปพิชิตกันในอีกไม่กี่เพลาข้างหน้านี้
นอกจากนี้จากจุดนี้เมื่อมองขึ้นไปจะเห็น“ยอดเขากาน้ำชา”(Teapot Mt.) ตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นประเภทใกล้ตา ไกลตีน ซึ่งอีก 2 วันถัดไป(วันที่ 3) พวกเราจะเดินขึ้นไปพิชิตยอดเขาสูงลูกนี้กัน

แหลมปี่โถ-เขาลูกที่สาม
แหลมปี่โถ (Bitou Cape) เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ขุนเขาจรดทะเลอันโดดเด่นของไต้หวัน ที่นี่มีการจัดทำเส้นทางเดินชมธรรมชาติ(Bitou Cape Hiking Trail) สู่ยอดเขาสูงประมาณ 1,100 เมตร ในระยะทางประมาณ 2 กม. เป็นวงรอบ ซึ่งทางไต้หวันนั้นเขาออกแบบเส้นทาง ออกแบบทางเดิน ไปตามสภาพภูมิประเทศที่มีการตกแต่งภูมิทัศน์ประกอบอย่างสวยงาม ถือเป็นเส้นทางวิวสวยรุ่มรวยเสน่ห์ที่เดินไม่ยาก และก็มีคนไทยนิยมไปเดินเที่ยวที่นี่กันไม่น้อยเลย

เส้นทางนี้เมื่อเดินจากจุดเริ่มต้นข้ามสะพานมาหน่อยนึงก็จะพบกับ “ประภาคาร”บนเนินเขาตั้งเด่น มีบันไดนำเดินขึ้นไป เมื่อเดินขึ้นไปบนนั้นผมก็พบกับสิ่งที่คาดไม่ถึง นั่นก็คือ “โรงเรียนอนุบาลปี่โถ” โรงเรียนริมทะเลวิวสุดแจ่ม บรรยากาศโคตรเทพ ส่วนเลยถัดไปนั่นก็เป็น“สุสาน”(ฮวงซุ้ย) วิวเทพอีกเช่นกัน

จากจุดนี้ผมเดินเลาะกำแพงโรงเรียนขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ แบบแอบอิจฉานักเรียนที่นี่ไม่ได้
ต่อจากนั้นเส้นทางพาเลาะเลียบริมทะเล มีทั้งขึ้นเขา ลงเขา พาเราไปแวะชมวิวสวย ๆ งาม ๆ กันในหลายจุดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวมองเห็นปลายสุดของแหลมปี่โถ จุดชมวิวบริเวณค่ายทหารที่ตลอดแนวของบันไดที่เดินขึ้นสู่ยอดเขามีหลากมุมมองให้เลือกทัศนากัน และเส้นทางชมวิวไฮไลท์บนทางเดินบันไดหิน สลับบันไดไม้ที่มีศาลาให้พักชมวิวกันอยู่ 2-3 ช่วง

รวมถึงลานชมวิวเล็ก ๆ (พื้นรูปดาว) ที่มองไปเห็นแนวบันไดเป็นเส้นนำสายตาลดหลั่นไปตามภูมิประเทศสูงต่ำของภูเขาหญ้าดูเขียวขจีสบายตา ด้านหนึ่งเป็นผืนป่าใหญ่ ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นแนวขุนเขาจรดทะเลสีน้ำเงินเข้มที่ด้านหนึ่งของชายฝั่งเมืองมองย้อนกลับไปจะเห็นเขาหนานย่าที่พวกเราเพิ่งพิชิตมา
ส่วนถัดไปด้านหลังจะเป็นเขาจีหลงตั้งเด่นอยู่ไกลสุดริมทะเลที่ดูแล้วช่างเพลิดเพลินกระไรปานนั้น (เขาจีหลง เป็นหนึ่งในในโปรแกรมที่พวกเราจะขึ้นไปพิชิตยอดเขาลูกนี้ในเช้าตรู่วันที่ 4)

นอกจากนี้ในระหว่างทางก็ยังมีภาพชีวิตของชาวไต้หวันที่ลงไปตกปลาริมหาด(หิน) แบบชนิดที่ไม่กลัวคลื่นแรงสีขาวฟูฟ่องซัดกระหน่ำแนวชายหาดแต่อย่างใด
สำหรับที่นี่พวกเราใช้เวลาเดินเที่ยวชม และถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลินกันนานพอสมควร จนแสงตะวันใกล้จะลาลับขอบฟ้า ไกด์เท็ดดี้ก็บอกได้เวลาเดินทางออกจากเขตนิวไทเป มุ่งหน้าสู่เมือง“เจียวซี่”(Jiaoxi) เขต(จังหวัด)“อี่หลาน”(Yilan) เพื่อพักผ่อนเอาแรงให้เต็มที่

เพราะในวันรุ่งขึ้น คณะเราต้องไปผจญภัยกับอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลท์สุดมัน กับเส้นทาง River Trekking พิชิตน้ำตก“จินเยี่ย”(Jinyue) ที่เป็นอีกหนึ่งทริปเดินป่าในความทรงจำของผม ...(อ่านต่อตอนต่อไป)

.....................................................................................................
นอกจากการพิชิต 3 ขุนเขา ตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ในเขตนิวไทเปยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ประติมากรรมหินหนานย่า, อุทยานธรณีโลกเย่หลิว, น้ำตกทองคำ, ย่านท่าเรือตั้นฉุ่ย, น้ำตก-หมู่บ้านอู่ไหล และเมืองโบราณจิ่วเฟิ่น(ซึ่งจะเป็นที่พักหลักใน 2 วันถัดไปของคณะเรา)
สำหรับ Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น รวมถึงจัดกิจกรรมผจญภัยเดินป่า ขึ้นเขา ซึ่ง ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
หลัง “ไต้หวัน” ประกาศฟรีวีซ่า(ชั่วคราว)สำหรับนักเดินทางชาวไทย(เริ่ม)ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2559 วันนี้ดินแดนไต้หวันเนื้อหอมสุด ๆ พุ่งพรวดขึ้นชั้นมาเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของนักเดินทางชาวไทยเนื่องจากไต้หวันนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวแมนเมดทั้งแบบโบราณและร่วมสมัย แหล่งช้อปปิ้ง อาหารการกิน ที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายไม่แพง
ยิ่งล่าสุดไต้หวันประกาศขยายเวลาฟรีวีซ่าไปอีกหนึ่งปี(เริ่มตั้งแต่ 1 ส.ค. 61 ถึง 31 ก.ค. 62) ชื่อเสียงไต้หวัน(สำหรับคนไทย)ก็ยิ่งฮอตฮิตติดลมบนมากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้ทางบริษัท “Octo Cycling” ที่ปกติจะจัดทริปพาคนไทยไปปั่นจักรยานเที่ยวในไต้หวันอยู่เสมอ ก็ได้เปิดตลาดใหม่กับทัวร์แอดเวนเจอร์ เดินป่า ขึ้นเขา เน้นพาไปรู้จักกับไต้หวันในมุมมองใหม่ ๆ เนื่องจากไต้หวันเป็นดินแดนที่มากไปด้วยขุนเขาและยังคงมีธรรมชาติ ป่าไม้ สายธาร ที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก
ใครที่ชอบกิจกรรมผจญภัย(ที่ไม่โหดมาก)และปลอดภัย พักหรูอยู่สบาย กินอาหารอร่อยแบบจัดเต็ม นี่ถือเป็นอีกหนึ่งทัวร์สัมผัสไต้หวันที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
นิวไทเป
สำหรับเส้นทางผจญภัยในไต้หวันของผมกับเพื่อนๆในทริปนี้ ทาง Octo Cycling จัดทริปพิเศษมุ่งพาเราไปแอดเวนเจอร์(4 วัน 3 คืน) ในเขต“นิวไทเป”เป็นหลัก(ร่วมด้วยเมืองอี่หลานอีก 1 วัน 1 คืน)
เขตนิวไทเป(New Taipei-เขตไทเปใหม่)หรือ “ซินเป่ย” (Xinbei) เป็นเขตปกครองใหม่ในไต้หวัน มีพื้นที่ล้อมรอบเมืองหลวง“ไทเป”(Taipei) คล้าย ๆ กับเขตปริมณฑลของบ้านเรา
นิวไทเปเป็นเขตที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากหลาย ทั้งขุนเขา ป่าไม้ ชายทะเล สถาปัตยกรรม และแหล่งท่องเที่ยวแมนเมด ซึ่งการเดินทางจากไทเปมุ่งสู่เขตรอบนอกอย่างนิวไทเปก็สะดวกสบาย นอกจากรถยนต์ แล้วก็ยังมีขนส่งมวลชนอย่าง รถไฟใต้ดิน MRT รถบัสประจำทาง หรือบางเมืองที่อยู่ไม่ไกลก็มีคนไทยรวมกันเหมาเช่าแท็กซี่วิ่งรับ-ส่ง เพื่อความรวดเร็วและเป็นส่วนตัว
หินช้าง-เขาลูกแรก
หลังเดินทางจากเมืองไทย(สนามบินสุวรรณภูมิ) เหินฟ้ามุ่งสู่ไต้หวัน(สนามบินเถาหยวน ไทเป) ต่อจากนั้นเรามุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยังตำบล“รุ่ยฟัง”หรือ"เร่ยฟัง"(Ruifang) เขตนิวไทเป ซึ่งทริปนี้เรามีคุณ“เท็ดดี้”(Teddy) ไกด์ชาวไต้หวันผู้ช่ำชองกับการทำทัวร์แอดเวนเจอร์ เดินป่า ขึ้นเขา ปั่นจักรยาน มาเป็นคนพาเราผจญภัยไปตลอดทั้งทริป
นอกจากนี้ก็ยังมีคุณ“จอห์นสัน”(MR.Johnson) คนขับรถผู้เปี่ยมไปด้วยอัธยาศัยไมตรี แถมมีฝีมือการชงกาแฟเป็นเลิศ อีกทั้งยังเป็นนักปีนเขาตัวยง ขนาดสวมเพียงรองเท้าแตะยังมีฝีเท้าพลิ้วไหว เดินขึ้นเขาสบาย แถมไป-มา ไร้ร่องรอย อย่างกับใช้วิชาตัวเบาสำนักเดียวกับ“เล็กเซี่ยวหงส์” (หงส์ผงาดฟ้า-โก้วเล้ง)
จากไทเปใช้เวลาเดินทางขึ้นเหนือมาประมาณ 1 ชม.กว่า ๆ ก็มาถึงจุดหมายแรกใน ต.รุ่ยฟัง เมืองนิวไทเป คือ “หินช้าง”(Elephant Rock) หนึ่งในประติมากรรมธรรมชาติที่ดูน่าอัศจรรย์ของไต้หวัน ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อย
หินช้าง หรือ โขดหินงวงช้าง(Elephant Nose Rock) ตั้งอยู่บนขุนเขาเตี้ย ๆ ริมมหาสมุทรแปซิฟิค(บางคนก็นิยมเรียกว่าเนิน) ฝั่งตรงข้ามมองเห็นเทือกเขาจีหลงหรือเขาคีหลง(Keelung)ตั้งตระหง่าน เส้นทางเดินสู่หินช้างเป็นทางเดินริมหาดขึ้นเนินเขาหินไปแบบสบาย ๆ มีสายลมเย็น ๆ ริมหาดพัดหนักเบาโชยปะทะร่างไปตลอด
ระหว่างทางตามพื้นหินริมทะเลเป็นริ้วหินตะปุ่มตะป่ำ หลายจุดมีลักษณะคล้ายหินกุมภลักษณ์ หรือ โบก(ภาษาอีสาน)ของบ้านเรา
ถัดจากนั้นไปจะเป็นทางเดินขึ้นเนินเขาเตี้ย ๆ เส้นทางเดินยังคงเป็นแนวริ้วคลื่นหินนำทางไปสู่บริเวณจุดท่องเที่ยวหลัก ที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจมากๆกับ ปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าทึ่ง ของแนวหินที่เคยถูกน้ำทะเลท่วมถึงมาก่อน ก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ยกตัวดันพื้นที่ตรงนี้ขึ้นมา แล้วถูกน้ำ ลม ฝน กระทำเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นภูมิประเทศรูปร่างแปลกตา เป็นก้อนหิน เสาหินปุ่มปม หินบางก้อนมีรูพรุนคล้ายรวงผึ้ง หินบางก้อนผุดโผล่ขึ้นมาดูคล้ายดอกเห็ดยักษ์
ที่สำคัญที่นี่มีหินใหญ่ยักษ์พิเศษก้อนหนึ่งถูกธรรมชาติสรรค์สร้างจนมีรูปร่างลักษณะคล้ายหัวช้างขนาดใหญ่ ผู้คนจึงเรียกขานบริเวณนี้ว่า“หินช้าง” ตามรูปร่างหินที่เห็น ซึ่งมันเหมือนช้างกำลังจุ่มงวงดูดน้ำในทะเล ที่มองหากมองถูกจุด มองยังไงก็เหมือนช้างแบบไม่ต้องใช้จินตนาการให้ปวดหมอง
หินช้างถือเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติขึ้นชื่อของไต้หวัน และมีการโปรโมทภาพให้นักท่องเที่ยวได้เห็นและอยากมากันตั้งแต่ที่สนามบินเถาหยวน
ถือเป็นการกระตุ้นความยากที่เมื่อผมได้เดินทางมาสัมผัสกับหินช้างอันน่าอัศจรรย์ด้วยตัวเอง บอกเลยว่า มันสวยงามตามท้องเรื่องด้วยประการทั้งปวง
หนานจือหลิน-เขาลูกที่ 2
การเดินขึ้นหินช้างที่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของทริปนี้ เป็นการเดินขึ้นเขาที่ง่ายมาก เดินไป-กลับ ประมาณ 1 กม. สำหรับผมถือว่าเดินสบายและไม่เหนื่อยเลย แต่ต่อจากนี้ไกด์เท็ดดี้จะพาเราไปเดินขึ้นเขาที่แอดวานซ์ขึ้น คือเดินขึ้นเขาที่ชันขึ้น เดินไกลขึ้น และเหนื่อยมากขึ้น
โดยเป้าหมายจุดต่อไปของเราคือการไปขึ้นเขา “หนานจือหลิน” (Nanzilin) เขาลูกเล็กๆที่เป็นหนึ่งในบรรดาเทือกขุนเขาใหญ่ของเมืองนิวไทเป
สำหรับยอดหนึ่งของเขาหนานจือหลินที่เราจะเดินขึ้นไปพิชิต มีความสูงไม่มาก เพียง 196 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีเส้นทางเดินขึ้นสู่ยอดเขา 990 เมตร (ไป-กลับ ขึ้น-ลง รวม ๆ ประมาณ 2 กม.)
เอาล่ะ เมื่อรู้ข้อมูลเบื้องต้นคร่าว ๆ แล้ว ก็ได้เวลาออกเดินเท้าขึ้นเขากันแล้ว โดยจุดออกเดินนั้นอยู่บริเวณ“วัดหนานย่า หนานซิน”(Nanya Nanxin Temple) เริ่มจากเส้นทางราบเดินผ่านแมกไม้อันร่มรื่นสู่ทางเดินขึ้นบันไดไม้ชัน ที่ช่วงนี้เราก็เริ่มมองเห็นวิวทิวทัศน์ของหมู่บ้านหนานย่า(Nanya Village) ชุมชนริมทะเล และโค้งอ่าวแหลมปี่โถกันพอหอมปากหอมคอ
ต่อจากนั้นเป็นเส้นทางบันไดหิน ที่ระดับความเหนื่อยหอบนั้นไม่ต่างไปจากเส้นทางบันไดไม้ ระหว่างทางช่วงนี้จะแนวแนวทุ่งหญ้า ป่าโปร่ง ก่อนที่จะทะลุขึ้นไปยังบริเวณลานชมวิว ที่เป็นแนวภูเขาหญ้ามีหลากหลายระดับ หลากหลายมุมให้เลือกเดินชมวิวกันตามใจชอบ
สำหรับเส้นทางเดินขึ้นเขาหนานจือหลินนี้ เป็นเส้นทางที่ทางไต้หวันเขาทำไว้เป็นอย่างดี เดินสบาย แต่เหนื่อยเอาเรื่อง
เมื่อเดินขึ้นไปจนถึงบริเวณจุดชมวิวแล้วถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะบนนั้นมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามทั้งวิวของขุนเขาและท้องทะเล โดยเฉพาะมุมไฮไลท์ในจุดบรรจบกันระหว่างขุนเขาและท้องทะเลที่เมื่อมองลงไปจะเห็น ประติมากรรมหินหนานย่า(Nanya) ถนนริมทะเลที่เป็นแนวโค้งเลาะเลียบผาอันสวยงาม และ”แหลมปี่โถ” ที่แนวเส้นโค้งของถนนได้นำสายตาไปสู่แหลมแห่งนี้ ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ ณ มุมขอบทะเลของภาพที่เห็นในเบื้องหน้า
ซึ่งแหลมปี่โถนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวสำคัญ(ปิดท้าย)ในช่วงบ่ายของวันนี้ เป็นขุนเขาลูกที่ 3 ของวัน ที่รอให้พวกเราขึ้นไปพิชิตกันในอีกไม่กี่เพลาข้างหน้านี้
นอกจากนี้จากจุดนี้เมื่อมองขึ้นไปจะเห็น“ยอดเขากาน้ำชา”(Teapot Mt.) ตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นประเภทใกล้ตา ไกลตีน ซึ่งอีก 2 วันถัดไป(วันที่ 3) พวกเราจะเดินขึ้นไปพิชิตยอดเขาสูงลูกนี้กัน
แหลมปี่โถ-เขาลูกที่สาม
แหลมปี่โถ (Bitou Cape) เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ขุนเขาจรดทะเลอันโดดเด่นของไต้หวัน ที่นี่มีการจัดทำเส้นทางเดินชมธรรมชาติ(Bitou Cape Hiking Trail) สู่ยอดเขาสูงประมาณ 1,100 เมตร ในระยะทางประมาณ 2 กม. เป็นวงรอบ ซึ่งทางไต้หวันนั้นเขาออกแบบเส้นทาง ออกแบบทางเดิน ไปตามสภาพภูมิประเทศที่มีการตกแต่งภูมิทัศน์ประกอบอย่างสวยงาม ถือเป็นเส้นทางวิวสวยรุ่มรวยเสน่ห์ที่เดินไม่ยาก และก็มีคนไทยนิยมไปเดินเที่ยวที่นี่กันไม่น้อยเลย
เส้นทางนี้เมื่อเดินจากจุดเริ่มต้นข้ามสะพานมาหน่อยนึงก็จะพบกับ “ประภาคาร”บนเนินเขาตั้งเด่น มีบันไดนำเดินขึ้นไป เมื่อเดินขึ้นไปบนนั้นผมก็พบกับสิ่งที่คาดไม่ถึง นั่นก็คือ “โรงเรียนอนุบาลปี่โถ” โรงเรียนริมทะเลวิวสุดแจ่ม บรรยากาศโคตรเทพ ส่วนเลยถัดไปนั่นก็เป็น“สุสาน”(ฮวงซุ้ย) วิวเทพอีกเช่นกัน
จากจุดนี้ผมเดินเลาะกำแพงโรงเรียนขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ แบบแอบอิจฉานักเรียนที่นี่ไม่ได้
ต่อจากนั้นเส้นทางพาเลาะเลียบริมทะเล มีทั้งขึ้นเขา ลงเขา พาเราไปแวะชมวิวสวย ๆ งาม ๆ กันในหลายจุดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวมองเห็นปลายสุดของแหลมปี่โถ จุดชมวิวบริเวณค่ายทหารที่ตลอดแนวของบันไดที่เดินขึ้นสู่ยอดเขามีหลากมุมมองให้เลือกทัศนากัน และเส้นทางชมวิวไฮไลท์บนทางเดินบันไดหิน สลับบันไดไม้ที่มีศาลาให้พักชมวิวกันอยู่ 2-3 ช่วง
รวมถึงลานชมวิวเล็ก ๆ (พื้นรูปดาว) ที่มองไปเห็นแนวบันไดเป็นเส้นนำสายตาลดหลั่นไปตามภูมิประเทศสูงต่ำของภูเขาหญ้าดูเขียวขจีสบายตา ด้านหนึ่งเป็นผืนป่าใหญ่ ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นแนวขุนเขาจรดทะเลสีน้ำเงินเข้มที่ด้านหนึ่งของชายฝั่งเมืองมองย้อนกลับไปจะเห็นเขาหนานย่าที่พวกเราเพิ่งพิชิตมา
ส่วนถัดไปด้านหลังจะเป็นเขาจีหลงตั้งเด่นอยู่ไกลสุดริมทะเลที่ดูแล้วช่างเพลิดเพลินกระไรปานนั้น (เขาจีหลง เป็นหนึ่งในในโปรแกรมที่พวกเราจะขึ้นไปพิชิตยอดเขาลูกนี้ในเช้าตรู่วันที่ 4)
นอกจากนี้ในระหว่างทางก็ยังมีภาพชีวิตของชาวไต้หวันที่ลงไปตกปลาริมหาด(หิน) แบบชนิดที่ไม่กลัวคลื่นแรงสีขาวฟูฟ่องซัดกระหน่ำแนวชายหาดแต่อย่างใด
สำหรับที่นี่พวกเราใช้เวลาเดินเที่ยวชม และถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลินกันนานพอสมควร จนแสงตะวันใกล้จะลาลับขอบฟ้า ไกด์เท็ดดี้ก็บอกได้เวลาเดินทางออกจากเขตนิวไทเป มุ่งหน้าสู่เมือง“เจียวซี่”(Jiaoxi) เขต(จังหวัด)“อี่หลาน”(Yilan) เพื่อพักผ่อนเอาแรงให้เต็มที่
เพราะในวันรุ่งขึ้น คณะเราต้องไปผจญภัยกับอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลท์สุดมัน กับเส้นทาง River Trekking พิชิตน้ำตก“จินเยี่ย”(Jinyue) ที่เป็นอีกหนึ่งทริปเดินป่าในความทรงจำของผม ...(อ่านต่อตอนต่อไป)
.....................................................................................................
นอกจากการพิชิต 3 ขุนเขา ตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ในเขตนิวไทเปยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ประติมากรรมหินหนานย่า, อุทยานธรณีโลกเย่หลิว, น้ำตกทองคำ, ย่านท่าเรือตั้นฉุ่ย, น้ำตก-หมู่บ้านอู่ไหล และเมืองโบราณจิ่วเฟิ่น(ซึ่งจะเป็นที่พักหลักใน 2 วันถัดไปของคณะเรา)
สำหรับ Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น รวมถึงจัดกิจกรรมผจญภัยเดินป่า ขึ้นเขา ซึ่ง ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager