Facebook :Travel @ Manager
ถ้าใครเคยไปเที่ยวที่ จ.ราชบุรี อาจจะจำกันได้ว่าที่นี่ก็มี “อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม” ให้ได้เข้าไปชมผลงานหุ่นขี้ผึ้งบุคคลสำคัญกัน แต่ตอนนี้อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามได้ถูกปรับปรุงขึ้นใหม่ และเพิ่งเปิดตัวในชื่อ “ณ สัทธา อุทยานไทย”
“ณ สัทธา อุทยานไทย” เป็นอีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม อนุรักษ์และสืบสานศิลปะไทย ตลอดจนศึกษาประวัติของผู้ที่มีชื่อเสียงและพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วเมืองไทยในรูปแบบหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสเสมือนจริงกว่า 60 รูป ในพื้นที่ 42 ไร่ ภายใต้แนวคิด “ความรู้นอกตำรา ความสงบสุขในอ้อมกอดของธรรมชาติ” ซึ่งผู้ที่มาเข้าชมจะได้สัมผัสบรรยากาศความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่ตลอดเส้นทาง
สำหรับการเข้าชมที่นี่ ทุกจุดจะจัดแสดงโดยใช้วิธีเล่าเรื่องผ่านวีดีโอไกด์ ที่สามารถรับชมได้ทางแอพลิเคชัน “ณ สัทธา/NASATTA” (สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบปฏิบัติการ IOS และ Android) ผ่านสัญญาณไวไฟที่ให้บริการอยู่ทั่วบริเวณ ร่วมกับเทคนิคการจัดแสดงและสื่อผสมอื่นๆ ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้ร่วมสนุกไปพร้อมๆ กันด้วย
การจัดแสดงภายใน “ณ สัทธา อุทยานไทย” แบ่งออกเป็น 8 โซนหลัก ได้แก่
“มหาราชกษัตรา” เป็นจุดแรกที่จะได้เจอเมื่อเดินเข้าสู่ด้านใน จุดนี้จะจัดแสดงประติมากรรมพระรูปหล่อของ 3 มหาราชผู้กอบกู้เอกราชไทย ได้แก่ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน และ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
“ณ สัทธานุสรณ์” เป็นอาคารจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสของบุคคลสำคัญ ผู้เป็นต้นแบบคนดีของแผ่นดิน แบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้น 1 จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสของบุคคลสำคัญ โดยจัดบรรยากาศและจำลองสถานที่ที่บุคคลนั้นเคยใช้ชีวิตอยู่จริง อาทิ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์, ศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์, ครูมนตรี ตราโมท, สืบ นาคะเสถียร, ประธานาธิบดีโฮจิมินห์, ประธานาธิบดี เหมา เจ๋อ ตุง, นายกรัฐมนตรี โจว เอิน ไหล, เติ้ง เสี่ยว ผิง เป็นต้น
ชั้นที่ 2 จัดเป็นห้องศรีนครินทรานุสรณ์ จัดแสดงพระรูปหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในพระอิริยาบถและพระจริยวัตรต่างๆ พร้อมจำลองบ้านสมเด็จย่าในวัยเด็กที่วัดอนงคาราม และยังมีห้องมหิตลานุสรณ์ จัดแสดงนิทรรศการพระราชประวัติและพระประติมากรรมพระรูปสมเด็จพระมหิตลาธิเบศอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกในรัชกาลที่ 9
“ณ สัทธาปฏิมา” จัดแสดงผลงานประติมากรรมพระพุทธรูป 3 สมัย คือ พระพุทธรูปศิลปะสมัยอยุธยา พระพุทธรูปศิลปะสมัยสุโขทัย และ พระพุทธรูปศิลปะสมัยเชียงแสน บนฐานขนาดเท่าองค์จริง บอกเล่าเรื่องราวของยุคสมัยผ่านความงดงามของพระพุทธรูปแต่ละสมัยที่มีศิลปะและพุทธลักษณะที่แตกต่างกันไปตามอิทธิพลจากศาสนา สังคม และวัฒนธรรมในแต่ละยุค และยังมีไฮไลต์พิเศษภายในวิหารสมัยสุโขทัย ที่จะมีการแสดงเทคนิค Mapping เล่าเรื่องราวการเดินทางของพระพุทธศาสนาสู่ประเทศไทยในสมัยสุโขทัย ผ่านแสง สี เสียง และแสดงภาพบนผนังโบสถ์และองค์พระพุทธรูป
“ถ้ำพุทธชาดก” เป็นถ้ำจำลองที่นำเสนอเรื่องราวขององคุลีมาล มหาโจรที่ปล้นฆ่าและตัดนิ้วมือคนมากถึง 999 คน ก่อนจะกลับใจเข้าสู่ธรรมะและบรรลุเป็นพระอรหันต์ นำเสนอผ่านเทคนิคแสง สี เสียง และหุ่นจำลอง สามารถเข้าชมได้ตามรอบการแสดงที่มีตลอดทั้งวัน
“อริยสัทธา” จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสพระอริยสงฆ์ที่น่าเลื่อมใสในภูมิภาคต่างๆ ของไทย ประดิษฐานอยู่บนกุฏิเรือนไม้ที่มีเอกลักษณ์ของแต่ละภาค และในหอสวดมนต์ ทำให้รู้สึกเหมือนกับได้เข้าไปกราบพระอริยสงฆ์อย่างใกล้ชิด อาทิ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต,หลวงปู่ฝั้น อาจาโร,หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี จากภาคอีสาน สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวัฑฒโน) เป็นต้น
“สัทธาถิ่นเรือนไทย” เป็นโซนเรือนไทยสี่ภาค ที่จำลองตามลักษณะทางสถาปัยกรรมที่เด่นชัดของแต่ละภาค สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในแต่ละภาคอย่างใกล้ชิด ผ่านการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ การกินอยู่ และศิลปวัฒนธรรมของคนในแต่ละภาค
“ลานภิรมย์” เป็นลานกลางแจ้งที่จัดแสดงศิลปะและความงดงามของต้นบอนไซหลากหลายขนาดให้ได้ชมอย่างใกล้ชิด
“ลานอวโลสัทธา” จัดแสดงพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรปางมหาราชลีลา พระผู้ทัศนาดูโลก เฝ้าดูแลและคอยช่วยเหลือสรรพสัตว์ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์ ขนาดความสูง 3.5 เมตร จำลองจากศิลปะราชวงศ์ซ้อง ประเทศจีน
เดินชมภายในโซนจัดแสดงต่างๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหิว เพราะตลอดเส้นทางก็จะมีจุดให้บริการอาหาร-เครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นร้าน THAI-KAFE เป็นร้านกาแฟในอาคารทรงแปดเหลี่ยม ร้านอาหารรสสัทธา ร้านบ้านสมุนไพร จำหน่ายน้ำสมุนไพรไทย ร้านกาแฟหน้าน้ำตกใกล้ชิดธรรมชาติ นอกจากนี้ก็ยังมีลานกิจกรรมที่สามารถจัดเวิร์กชอปได้หลายรูปแบบ มีร้านขายของที่ระลึกและสินค้าท้องถิ่น
ส่วนใครที่อยากเดินชมแบบได้บรรยากาศมากขึ้น ที่นี่ก็มีบริการเช่าชุดไทยสำหรับใส่เข้าเยี่ยมชม ราคาตั้งแต่ 200-450 บาท และยังมีบริการให้เช่าสถานที่เพื่อการถ่ายภาพ
พื้นที่ร่มรื่นกว้างขวางภายใน “ณ สัทธา อุทยานไทย” นอกจากจะได้มาเรียนรู้เรื่องราวของบุคคลสำคัญ และพระอริยสงฆ์ ผ่านหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาส ยังได้ซึมซับกับวิถีความเป็นไทยที่สอดแทรกอยู่รอบๆ พื้นที่ และยังเหมาะกับการมาพักผ่อนหย่อนใจใกล้ๆ กรุงเทพฯ ของคนทั้งครอบครัว
* * * * * * * * * * * * * * * * *
“ณ สัทธา อุทยานไทย” ตั้งอยู่ที่ ต.วังเย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้ถนนเพชรเกษม ตรงผ่าน จ.นครปฐม มุ่งหน้ามาทางราชบุรี จนถึงสี่แยกบางแพ (เลี้ยวขวาไปโพธาราม เลี้ยวซ้ายไปดำเนินสะดวก) ให้เลี้ยวซ้าย ตรงมาอีกเล็กน้อย จะเห็น ณ สัทธา อุทยานไทย ตั้งอยู่ทางขวามือ เปิดให้บริการทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-16.30 น. เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30-17.00 น. โทร. 0-3238-3333 Facebook : nasatta.thai www.nasatta.com ค่าเข้าชม คนไทย ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก/นักเรียน/นักศึกษา/ผู้สูงอายุ/นักบวช 100 บาท
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ถ้าใครเคยไปเที่ยวที่ จ.ราชบุรี อาจจะจำกันได้ว่าที่นี่ก็มี “อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม” ให้ได้เข้าไปชมผลงานหุ่นขี้ผึ้งบุคคลสำคัญกัน แต่ตอนนี้อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามได้ถูกปรับปรุงขึ้นใหม่ และเพิ่งเปิดตัวในชื่อ “ณ สัทธา อุทยานไทย”
“ณ สัทธา อุทยานไทย” เป็นอีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม อนุรักษ์และสืบสานศิลปะไทย ตลอดจนศึกษาประวัติของผู้ที่มีชื่อเสียงและพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วเมืองไทยในรูปแบบหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสเสมือนจริงกว่า 60 รูป ในพื้นที่ 42 ไร่ ภายใต้แนวคิด “ความรู้นอกตำรา ความสงบสุขในอ้อมกอดของธรรมชาติ” ซึ่งผู้ที่มาเข้าชมจะได้สัมผัสบรรยากาศความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่ตลอดเส้นทาง
สำหรับการเข้าชมที่นี่ ทุกจุดจะจัดแสดงโดยใช้วิธีเล่าเรื่องผ่านวีดีโอไกด์ ที่สามารถรับชมได้ทางแอพลิเคชัน “ณ สัทธา/NASATTA” (สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบปฏิบัติการ IOS และ Android) ผ่านสัญญาณไวไฟที่ให้บริการอยู่ทั่วบริเวณ ร่วมกับเทคนิคการจัดแสดงและสื่อผสมอื่นๆ ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้ร่วมสนุกไปพร้อมๆ กันด้วย
การจัดแสดงภายใน “ณ สัทธา อุทยานไทย” แบ่งออกเป็น 8 โซนหลัก ได้แก่
“มหาราชกษัตรา” เป็นจุดแรกที่จะได้เจอเมื่อเดินเข้าสู่ด้านใน จุดนี้จะจัดแสดงประติมากรรมพระรูปหล่อของ 3 มหาราชผู้กอบกู้เอกราชไทย ได้แก่ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน และ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
“ณ สัทธานุสรณ์” เป็นอาคารจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสของบุคคลสำคัญ ผู้เป็นต้นแบบคนดีของแผ่นดิน แบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้น 1 จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสของบุคคลสำคัญ โดยจัดบรรยากาศและจำลองสถานที่ที่บุคคลนั้นเคยใช้ชีวิตอยู่จริง อาทิ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์, ศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์, ครูมนตรี ตราโมท, สืบ นาคะเสถียร, ประธานาธิบดีโฮจิมินห์, ประธานาธิบดี เหมา เจ๋อ ตุง, นายกรัฐมนตรี โจว เอิน ไหล, เติ้ง เสี่ยว ผิง เป็นต้น
ชั้นที่ 2 จัดเป็นห้องศรีนครินทรานุสรณ์ จัดแสดงพระรูปหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในพระอิริยาบถและพระจริยวัตรต่างๆ พร้อมจำลองบ้านสมเด็จย่าในวัยเด็กที่วัดอนงคาราม และยังมีห้องมหิตลานุสรณ์ จัดแสดงนิทรรศการพระราชประวัติและพระประติมากรรมพระรูปสมเด็จพระมหิตลาธิเบศอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกในรัชกาลที่ 9
“ณ สัทธาปฏิมา” จัดแสดงผลงานประติมากรรมพระพุทธรูป 3 สมัย คือ พระพุทธรูปศิลปะสมัยอยุธยา พระพุทธรูปศิลปะสมัยสุโขทัย และ พระพุทธรูปศิลปะสมัยเชียงแสน บนฐานขนาดเท่าองค์จริง บอกเล่าเรื่องราวของยุคสมัยผ่านความงดงามของพระพุทธรูปแต่ละสมัยที่มีศิลปะและพุทธลักษณะที่แตกต่างกันไปตามอิทธิพลจากศาสนา สังคม และวัฒนธรรมในแต่ละยุค และยังมีไฮไลต์พิเศษภายในวิหารสมัยสุโขทัย ที่จะมีการแสดงเทคนิค Mapping เล่าเรื่องราวการเดินทางของพระพุทธศาสนาสู่ประเทศไทยในสมัยสุโขทัย ผ่านแสง สี เสียง และแสดงภาพบนผนังโบสถ์และองค์พระพุทธรูป
“ถ้ำพุทธชาดก” เป็นถ้ำจำลองที่นำเสนอเรื่องราวขององคุลีมาล มหาโจรที่ปล้นฆ่าและตัดนิ้วมือคนมากถึง 999 คน ก่อนจะกลับใจเข้าสู่ธรรมะและบรรลุเป็นพระอรหันต์ นำเสนอผ่านเทคนิคแสง สี เสียง และหุ่นจำลอง สามารถเข้าชมได้ตามรอบการแสดงที่มีตลอดทั้งวัน
“อริยสัทธา” จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสพระอริยสงฆ์ที่น่าเลื่อมใสในภูมิภาคต่างๆ ของไทย ประดิษฐานอยู่บนกุฏิเรือนไม้ที่มีเอกลักษณ์ของแต่ละภาค และในหอสวดมนต์ ทำให้รู้สึกเหมือนกับได้เข้าไปกราบพระอริยสงฆ์อย่างใกล้ชิด อาทิ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต,หลวงปู่ฝั้น อาจาโร,หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี จากภาคอีสาน สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวัฑฒโน) เป็นต้น
“สัทธาถิ่นเรือนไทย” เป็นโซนเรือนไทยสี่ภาค ที่จำลองตามลักษณะทางสถาปัยกรรมที่เด่นชัดของแต่ละภาค สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในแต่ละภาคอย่างใกล้ชิด ผ่านการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ การกินอยู่ และศิลปวัฒนธรรมของคนในแต่ละภาค
“ลานภิรมย์” เป็นลานกลางแจ้งที่จัดแสดงศิลปะและความงดงามของต้นบอนไซหลากหลายขนาดให้ได้ชมอย่างใกล้ชิด
“ลานอวโลสัทธา” จัดแสดงพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรปางมหาราชลีลา พระผู้ทัศนาดูโลก เฝ้าดูแลและคอยช่วยเหลือสรรพสัตว์ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์ ขนาดความสูง 3.5 เมตร จำลองจากศิลปะราชวงศ์ซ้อง ประเทศจีน
เดินชมภายในโซนจัดแสดงต่างๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหิว เพราะตลอดเส้นทางก็จะมีจุดให้บริการอาหาร-เครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นร้าน THAI-KAFE เป็นร้านกาแฟในอาคารทรงแปดเหลี่ยม ร้านอาหารรสสัทธา ร้านบ้านสมุนไพร จำหน่ายน้ำสมุนไพรไทย ร้านกาแฟหน้าน้ำตกใกล้ชิดธรรมชาติ นอกจากนี้ก็ยังมีลานกิจกรรมที่สามารถจัดเวิร์กชอปได้หลายรูปแบบ มีร้านขายของที่ระลึกและสินค้าท้องถิ่น
ส่วนใครที่อยากเดินชมแบบได้บรรยากาศมากขึ้น ที่นี่ก็มีบริการเช่าชุดไทยสำหรับใส่เข้าเยี่ยมชม ราคาตั้งแต่ 200-450 บาท และยังมีบริการให้เช่าสถานที่เพื่อการถ่ายภาพ
พื้นที่ร่มรื่นกว้างขวางภายใน “ณ สัทธา อุทยานไทย” นอกจากจะได้มาเรียนรู้เรื่องราวของบุคคลสำคัญ และพระอริยสงฆ์ ผ่านหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาส ยังได้ซึมซับกับวิถีความเป็นไทยที่สอดแทรกอยู่รอบๆ พื้นที่ และยังเหมาะกับการมาพักผ่อนหย่อนใจใกล้ๆ กรุงเทพฯ ของคนทั้งครอบครัว
* * * * * * * * * * * * * * * * *
“ณ สัทธา อุทยานไทย” ตั้งอยู่ที่ ต.วังเย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้ถนนเพชรเกษม ตรงผ่าน จ.นครปฐม มุ่งหน้ามาทางราชบุรี จนถึงสี่แยกบางแพ (เลี้ยวขวาไปโพธาราม เลี้ยวซ้ายไปดำเนินสะดวก) ให้เลี้ยวซ้าย ตรงมาอีกเล็กน้อย จะเห็น ณ สัทธา อุทยานไทย ตั้งอยู่ทางขวามือ เปิดให้บริการทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-16.30 น. เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30-17.00 น. โทร. 0-3238-3333 Facebook : nasatta.thai www.nasatta.com ค่าเข้าชม คนไทย ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก/นักเรียน/นักศึกษา/ผู้สูงอายุ/นักบวช 100 บาท
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
