Facebook : Travel @ Manager

ในช่วงวันอาสาฬหบูชา (27 ก.ค.) และวันเข้าพรรษา (28 ก.ค.) ที่ใกล้จะถึงนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดกิจกรรม “ไหว้พระทั่วไทย สุขใจถ้วนหน้า" พาไปไหว้พระในหลายพื้นที่ทั้งในกรุงเทพมหานครและอีก 67 จังหวัดทั่วประเทศในหลายรูปแบบ หลายเส้นทาง โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ระหว่างวันที่ 27-29 กรกฎาคม 2561 เพื่อความเป็นการเสริมสิริมงคลตามวิถีไทยเนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา อันเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนิกชน
หนึ่งในกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นในกรุงเทพมหานครคือการร่วมมือกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดเส้นทางรถเมล์เวียนพาไหว้พระ 10 วัดสำคัญในย่านเกาะรัตนโกสินทร์ซึ่งจะพาคนที่อยากไหว้พระทำบุญในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาไปที่วัดทั้ง 10 แห่งนี้แบบฟรีๆ ไม่ต้องขับรถเอง ไม่ต้องหาที่จอดรถ

เส้นทางรถเวียนจะเริ่มจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บริเวณป้ายรถเมล์เกาะพญาไท (Victory Point) โดยมีรถให้บริการ 08.00-16.00 น. โดยวัดแรกที่พาไปก็คือ “วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม” วัดที่มีความงดงามโดดเด่นอยู่ตรงพระอุโบสถที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนอย่างดีจากอิตาลี เป็นสถาปัตยกรรมไทยทรงจตุรมุขที่ได้สัดส่วนสวยงามยิ่งนัก ภายในประดิษฐานพระพุทธชินราชที่สร้างจำลองมาจากพระพุทธชินราชแห่งวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเมืองพิษณุโลก ซึ่งถือเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะที่งดงามที่สุดองค์หนึ่งของไทย อีกทั้งบริเวณกำเเพงแก้วรอบพระอุโบสถก็ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ ที่รวมรวมมาไว้ให้ชื่นชมบูชากันอีกด้วย

จากนั้นมาที่ “วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร” ที่นี่เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น โดยพระวิหารและพระอุโบสถจะมีลายพระมหามงกุฏอันเป็นตราประจำรัชกาลที่ ๔ ทั้งที่หน้าบันและด้านบนของซุ้มประตูหน้าต่าง อีกทั้งด้านในพระวิหารยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพเทวดาชุมนุมอยู่ด้านบนซึ่งมีมากมายราวกับว่าได้เข้ามาอยู่ในสรวงสวรรค์ อีกทั้งยังมีภาพจิตรกรรมอันหลากหลายแตกต่างจากวัดอื่น เช่น เขียนเรื่องพระอัครสาวกในบาลีและอรรถกถา 11 พระองค์ อัครสาวิกา 8 องค์

จากนั้นมาต่อที่ “วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร” วัดที่กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (วังหน้าในรัชกาลที่ ๑) ทรงปฏิสังขรณ์วัดนี้ขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชา แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดชนะสงคราม” ภายในพระอุโบสถขนาดค่อนข้างใหญ่เป็นที่ประดิษฐานพระประธาน “พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฎฐ์มเหทธิศักดิ์ปูชนียะชยันตะโคดมบรมศาสดาอนาวรญาณ” หรือ “หลวงพ่อปู่” เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทองปางมารวิชัย ด้วยชื่อของวัดอันเป็นมงคลจึงมีผู้นิยมมากราบไหว้พระที่วัดนี้อยู่เสมอ

ถัดมาคือ “วัดบวรนิเวศวิหาร” เป็นวัดสำคัญที่สร้างขึ้นโดยวังหน้าในรัชกาลที่ ๓ ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน 2 องค์ด้วยกัน องค์แรกคือพระสุวรรณเขต หรือหลวงพ่อโต พระประธานองค์ใหญ่ตั้งอยู่ด้านในสุด อัญเชิญมาจากวัดสระตะพาน จังหวัดเพชรบุรี ส่วนองค์ที่ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าคือพระพุทธชินสีห์ พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยศิลปะสุโขทัย อัญเชิญมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก
วัดบวรนิเวศยังเป็น 1 ใน 2 วัดซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ (อีกหนึ่งวัดคือวัดราชบพิธ) โดยได้บรรจุพระบรมราชสรีรางคารไว้บริเวณฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ พระประธานในพระอุโบสถ

รถเวียนพาเราเข้าสู่ท้องสนามหลวง มายัง “วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร” วัดที่วังหน้าในรัชกาลที่ ๑ ทรงบูรณปฏิสังขรณ์และทรงสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมารัชกาลที่ ๑ ทรงโปรดให้เรียกวัดนี้ว่าวัดมหาธาตุ เพื่อให้เป็นหลักของพระนครเหมือนราชธานีก่อนๆ ภายในวัดมีสิ่งสำคัญคือพระมณฑปอันเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์ทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และภายในพระอุโบสถยังเป็นที่ประดิษฐานพระประธานนามว่าพระศรีสรรเพชญ์ และยังมีพระอรหันต์ 8 ทิศให้สักการะอีกด้วย

ต่อด้วย “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร” หรือ “วัดโพธิ์” อีกหนึ่งวัดที่รวมสุดยอดงานศิลป์หลายแขนงไว้ อย่าพลาดมาเยือนวิหารพระพุทธไสยาส ที่ประดิษฐานพระนอนขนาดใหญ่มีความยาวถึง 46 ม. ไปกราบพระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานที่งดงามราวเทวดามาสร้างไว้ซึ่งประดิษฐานในพระอุโบสถ เดินชมรูปปั้นฤๅษีดัดตนและเหล่าบรรดาตุ๊กตาหินจีนหลากหลายอิริยาบถล้วนน่าชมทั้งสิ้น

ไม่ไกลกันคือ "วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม" วัดที่รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น ตามธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ว่าในราชธานีจะต้องมีวัดสำคัญประจำ 3 วัด คือ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดราชประดิษฐาน จึงทรงสร้างขึ้นใหม่เพื่อให้ครบตามโบราณราชประเพณี และเพื่อพระอุทิศถวายแก่พระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกายเพื่อที่พระองค์เองและเจ้านาย ข้าราชการ ที่จะไปทำบุญที่วัดฝ่ายธรรมยุติกนิกายใกล้พระบรมมหาราชวังได้สะดวก ภายในวิหารมี "พระพุทธสิหังคปฏิมากร" เป็นพระประธานประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีภายใต้ษุษบก

จากนั้นมายัง "วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม" มากราบ “พระพุทธอังคีรส” พระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ปางสมาธิ ขนาดหน้าตัก 60 นิ้ว หล่อขึ้นโดยใช้วิธีกระไหล่ทองคำ ด้วยทองคำหนัก 180 บาท ซึ่งเป็นทองที่พระบาทพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงสวมใส่เมื่อทรงพระเยาว์ องค์พระประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีหินอ่อนจากประเทศอิตาลี โดยที่ใต้ฐานพระได้บรรจุพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ด้วยกัน ได้แก่ พระบรมอัฐิของรัชกาลที่ ๒ รัชกาลที่ ๓ รัชกาลที่ ๔ รัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๗ รวมถึงรัชกาลที่ ๙

ถัดมาคือ “วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร” วัดใจกลางพระนครที่ตั้งอยู่คู่กับเสาชิงช้า เข้าไปในวัดแล้วจะพบกับพระวิหารซึ่งประดิษฐานพระศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ที่งดงามยิ่งนัก รอบพระวิหารมีระเบียงคดประดิษฐานพระพุทธรูปเรียงราย บรรยากาศเงียบสงบและร่มรื่นนัก

ต่อมาไม่ไกลกันคือ “วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร” อันเป็นที่ตั้งของภูเขาทองงามโดดเด่น เป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและเป็นจุดชมวิวกรุงเทพฯ ที่งดงามยิ่ง ออกกำลังขาด้วยการเดินขึ้นบันไดไปยังยอดภูเขาทอง แล้วลงมากราบ “พระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร” พระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ในพระวิหาร รวมถึงมากราบ “หลวงพ่อดวงดี” หรือ “พระพุทธมงคลบรมบรรพต” พระพุทธรูปศิลปะสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ที่หล่อขึ้นจากแผ่นดวงมหาโภคทรัพย์ซึ่งบรรจุอยู่บนยอดภูเขาทอง

ทั้งหมดนี้เป็น 10 วัดที่รถเวียนจะพาเราไปไหว้พระในช่วงวันอาสาฬบูชาและเข้าพรรษา สามารถรอรถได้ที่ป้ายรถเมล์ที่อยู่ใกล้กับวัด ซึ่งสำหรับที่วัดราชประดิษฐ์ วัดราชบพิธ และวัดบวรนิเวศนั้น จะมีการตักบาตรดอกไม้ในช่วงบ่ายของวันเข้าพรรษาด้วย ถ้าใครไปไหว้พระในช่วงนั้นก็อย่าลืมเตรียมดอกไม้ไปใส่บาตรกัน
และนอกจากรถเวียนไหว้พระ 10 วัดที่กรุงเทพฯ แล้ว ในจังหวัดอื่นๆ ก็มีการจัดกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย อาทิ จ.เชียงใหม่ใช้รถรางพาไหว้พระ เริ่มจากวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร-วัดดับภัย-วัดโลกโมฬี-วัดเชียงยืน-วัดเชียงมั่น-วัดดวงดี-วัดพันเตา-วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร-วัดศรีสุพรรณ


กิจกรรมนั่งรถไหว้พระ (Day Trip) ตามเส้นทางไหว้พระวัดสำคัญในจังหวัดซึ่งจัดโดยสำนักงาน ททท. ในแต่ละภูมิภาค เช่น วัดพระนอนจักรสีห์ จ.สิงห์บุรี, วัดท่าไม้ จ.สมุทรสาคร, วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา, วัดมังกรบุปผาราม จ.จันทบุรี, วัดสังกัสรัตนคีรี จ.อุทัยธานี, วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก, วัดพระแก้วดอนเต้า จ.ลำปาง, วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย, วัดพระธาตุเชิงชุม จ.สกลนคร, วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช, วัดพระธาตุไชยา จ.สุราษฎร์ธานี, วัดช้างให้ จ.ปัตตานี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ TAT Contact Center 1672 เพื่อนร่วมทาง www.tourismthailand.org และสำนักงาน ททท. ทั่วประเทศ
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ในช่วงวันอาสาฬหบูชา (27 ก.ค.) และวันเข้าพรรษา (28 ก.ค.) ที่ใกล้จะถึงนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดกิจกรรม “ไหว้พระทั่วไทย สุขใจถ้วนหน้า" พาไปไหว้พระในหลายพื้นที่ทั้งในกรุงเทพมหานครและอีก 67 จังหวัดทั่วประเทศในหลายรูปแบบ หลายเส้นทาง โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ระหว่างวันที่ 27-29 กรกฎาคม 2561 เพื่อความเป็นการเสริมสิริมงคลตามวิถีไทยเนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา อันเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนิกชน
หนึ่งในกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นในกรุงเทพมหานครคือการร่วมมือกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดเส้นทางรถเมล์เวียนพาไหว้พระ 10 วัดสำคัญในย่านเกาะรัตนโกสินทร์ซึ่งจะพาคนที่อยากไหว้พระทำบุญในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาไปที่วัดทั้ง 10 แห่งนี้แบบฟรีๆ ไม่ต้องขับรถเอง ไม่ต้องหาที่จอดรถ
เส้นทางรถเวียนจะเริ่มจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บริเวณป้ายรถเมล์เกาะพญาไท (Victory Point) โดยมีรถให้บริการ 08.00-16.00 น. โดยวัดแรกที่พาไปก็คือ “วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม” วัดที่มีความงดงามโดดเด่นอยู่ตรงพระอุโบสถที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนอย่างดีจากอิตาลี เป็นสถาปัตยกรรมไทยทรงจตุรมุขที่ได้สัดส่วนสวยงามยิ่งนัก ภายในประดิษฐานพระพุทธชินราชที่สร้างจำลองมาจากพระพุทธชินราชแห่งวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเมืองพิษณุโลก ซึ่งถือเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะที่งดงามที่สุดองค์หนึ่งของไทย อีกทั้งบริเวณกำเเพงแก้วรอบพระอุโบสถก็ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ ที่รวมรวมมาไว้ให้ชื่นชมบูชากันอีกด้วย
จากนั้นมาที่ “วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร” ที่นี่เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น โดยพระวิหารและพระอุโบสถจะมีลายพระมหามงกุฏอันเป็นตราประจำรัชกาลที่ ๔ ทั้งที่หน้าบันและด้านบนของซุ้มประตูหน้าต่าง อีกทั้งด้านในพระวิหารยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพเทวดาชุมนุมอยู่ด้านบนซึ่งมีมากมายราวกับว่าได้เข้ามาอยู่ในสรวงสวรรค์ อีกทั้งยังมีภาพจิตรกรรมอันหลากหลายแตกต่างจากวัดอื่น เช่น เขียนเรื่องพระอัครสาวกในบาลีและอรรถกถา 11 พระองค์ อัครสาวิกา 8 องค์
จากนั้นมาต่อที่ “วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร” วัดที่กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (วังหน้าในรัชกาลที่ ๑) ทรงปฏิสังขรณ์วัดนี้ขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชา แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดชนะสงคราม” ภายในพระอุโบสถขนาดค่อนข้างใหญ่เป็นที่ประดิษฐานพระประธาน “พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฎฐ์มเหทธิศักดิ์ปูชนียะชยันตะโคดมบรมศาสดาอนาวรญาณ” หรือ “หลวงพ่อปู่” เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทองปางมารวิชัย ด้วยชื่อของวัดอันเป็นมงคลจึงมีผู้นิยมมากราบไหว้พระที่วัดนี้อยู่เสมอ
ถัดมาคือ “วัดบวรนิเวศวิหาร” เป็นวัดสำคัญที่สร้างขึ้นโดยวังหน้าในรัชกาลที่ ๓ ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน 2 องค์ด้วยกัน องค์แรกคือพระสุวรรณเขต หรือหลวงพ่อโต พระประธานองค์ใหญ่ตั้งอยู่ด้านในสุด อัญเชิญมาจากวัดสระตะพาน จังหวัดเพชรบุรี ส่วนองค์ที่ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าคือพระพุทธชินสีห์ พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยศิลปะสุโขทัย อัญเชิญมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก
วัดบวรนิเวศยังเป็น 1 ใน 2 วัดซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ (อีกหนึ่งวัดคือวัดราชบพิธ) โดยได้บรรจุพระบรมราชสรีรางคารไว้บริเวณฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ พระประธานในพระอุโบสถ
รถเวียนพาเราเข้าสู่ท้องสนามหลวง มายัง “วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร” วัดที่วังหน้าในรัชกาลที่ ๑ ทรงบูรณปฏิสังขรณ์และทรงสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมารัชกาลที่ ๑ ทรงโปรดให้เรียกวัดนี้ว่าวัดมหาธาตุ เพื่อให้เป็นหลักของพระนครเหมือนราชธานีก่อนๆ ภายในวัดมีสิ่งสำคัญคือพระมณฑปอันเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์ทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และภายในพระอุโบสถยังเป็นที่ประดิษฐานพระประธานนามว่าพระศรีสรรเพชญ์ และยังมีพระอรหันต์ 8 ทิศให้สักการะอีกด้วย
ต่อด้วย “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร” หรือ “วัดโพธิ์” อีกหนึ่งวัดที่รวมสุดยอดงานศิลป์หลายแขนงไว้ อย่าพลาดมาเยือนวิหารพระพุทธไสยาส ที่ประดิษฐานพระนอนขนาดใหญ่มีความยาวถึง 46 ม. ไปกราบพระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานที่งดงามราวเทวดามาสร้างไว้ซึ่งประดิษฐานในพระอุโบสถ เดินชมรูปปั้นฤๅษีดัดตนและเหล่าบรรดาตุ๊กตาหินจีนหลากหลายอิริยาบถล้วนน่าชมทั้งสิ้น
ไม่ไกลกันคือ "วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม" วัดที่รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น ตามธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ว่าในราชธานีจะต้องมีวัดสำคัญประจำ 3 วัด คือ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดราชประดิษฐาน จึงทรงสร้างขึ้นใหม่เพื่อให้ครบตามโบราณราชประเพณี และเพื่อพระอุทิศถวายแก่พระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกายเพื่อที่พระองค์เองและเจ้านาย ข้าราชการ ที่จะไปทำบุญที่วัดฝ่ายธรรมยุติกนิกายใกล้พระบรมมหาราชวังได้สะดวก ภายในวิหารมี "พระพุทธสิหังคปฏิมากร" เป็นพระประธานประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีภายใต้ษุษบก
จากนั้นมายัง "วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม" มากราบ “พระพุทธอังคีรส” พระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ปางสมาธิ ขนาดหน้าตัก 60 นิ้ว หล่อขึ้นโดยใช้วิธีกระไหล่ทองคำ ด้วยทองคำหนัก 180 บาท ซึ่งเป็นทองที่พระบาทพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงสวมใส่เมื่อทรงพระเยาว์ องค์พระประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีหินอ่อนจากประเทศอิตาลี โดยที่ใต้ฐานพระได้บรรจุพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ด้วยกัน ได้แก่ พระบรมอัฐิของรัชกาลที่ ๒ รัชกาลที่ ๓ รัชกาลที่ ๔ รัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๗ รวมถึงรัชกาลที่ ๙
ถัดมาคือ “วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร” วัดใจกลางพระนครที่ตั้งอยู่คู่กับเสาชิงช้า เข้าไปในวัดแล้วจะพบกับพระวิหารซึ่งประดิษฐานพระศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ที่งดงามยิ่งนัก รอบพระวิหารมีระเบียงคดประดิษฐานพระพุทธรูปเรียงราย บรรยากาศเงียบสงบและร่มรื่นนัก
ต่อมาไม่ไกลกันคือ “วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร” อันเป็นที่ตั้งของภูเขาทองงามโดดเด่น เป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและเป็นจุดชมวิวกรุงเทพฯ ที่งดงามยิ่ง ออกกำลังขาด้วยการเดินขึ้นบันไดไปยังยอดภูเขาทอง แล้วลงมากราบ “พระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร” พระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ในพระวิหาร รวมถึงมากราบ “หลวงพ่อดวงดี” หรือ “พระพุทธมงคลบรมบรรพต” พระพุทธรูปศิลปะสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ที่หล่อขึ้นจากแผ่นดวงมหาโภคทรัพย์ซึ่งบรรจุอยู่บนยอดภูเขาทอง
ทั้งหมดนี้เป็น 10 วัดที่รถเวียนจะพาเราไปไหว้พระในช่วงวันอาสาฬบูชาและเข้าพรรษา สามารถรอรถได้ที่ป้ายรถเมล์ที่อยู่ใกล้กับวัด ซึ่งสำหรับที่วัดราชประดิษฐ์ วัดราชบพิธ และวัดบวรนิเวศนั้น จะมีการตักบาตรดอกไม้ในช่วงบ่ายของวันเข้าพรรษาด้วย ถ้าใครไปไหว้พระในช่วงนั้นก็อย่าลืมเตรียมดอกไม้ไปใส่บาตรกัน
และนอกจากรถเวียนไหว้พระ 10 วัดที่กรุงเทพฯ แล้ว ในจังหวัดอื่นๆ ก็มีการจัดกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย อาทิ จ.เชียงใหม่ใช้รถรางพาไหว้พระ เริ่มจากวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร-วัดดับภัย-วัดโลกโมฬี-วัดเชียงยืน-วัดเชียงมั่น-วัดดวงดี-วัดพันเตา-วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร-วัดศรีสุพรรณ
กิจกรรมนั่งรถไหว้พระ (Day Trip) ตามเส้นทางไหว้พระวัดสำคัญในจังหวัดซึ่งจัดโดยสำนักงาน ททท. ในแต่ละภูมิภาค เช่น วัดพระนอนจักรสีห์ จ.สิงห์บุรี, วัดท่าไม้ จ.สมุทรสาคร, วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา, วัดมังกรบุปผาราม จ.จันทบุรี, วัดสังกัสรัตนคีรี จ.อุทัยธานี, วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก, วัดพระแก้วดอนเต้า จ.ลำปาง, วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย, วัดพระธาตุเชิงชุม จ.สกลนคร, วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช, วัดพระธาตุไชยา จ.สุราษฎร์ธานี, วัดช้างให้ จ.ปัตตานี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ TAT Contact Center 1672 เพื่อนร่วมทาง www.tourismthailand.org และสำนักงาน ททท. ทั่วประเทศ
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager