Facebook :Travel @ Manager
องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) จัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ที่จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 มิถุนายน - 4 กรกฎาคม 2561 ณ กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน
โดยในการจัดประชุมครั้งนี้ มีการประกาศรายชื่อมรดกโลกแห่งใหม่ จำนวน 19 แห่ง โดยแบ่งเป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรม 13 แห่ง มรดกโลกทางธรรมชาติ 3 แห่ง และ มรดกโลกแบบผสมผสาน 3 แห่ง ดังนี้
มรดกโลกทางวัฒนธรรม
Aasivissuit-Nipisat, Inuit Hunting Ground between Ice and Sea (Denmark) ตั้งอยู่ภายใน Arctic Circle ในภาคกลางของกรีนแลนด์ตะวันตก ภายในพื้นที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของมนุษย์ทั้ง 4,200 ปี แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมการล่าสัตว์บกและสัตว์น้ำ รวมถึงมรดกทางวัฒนธรรมที่ยังจับต้องได้ ทั้งการเดินเรือและการแพทย์ มีบ้านหลังใหญ่ในใช้ในช่วงฤดูหนาว แหล่งโบราณคดีด้านภาษาอินูอิต และยังสะท้อนให้เห็นถึงประเพณีการย้ายถิ่นฐานตามฤดูกาลด้วย
Al-Ahsa Oasis, an Evolving Cultural Landscape (Saudi Arabia) โอเอซิส อัล อะฮซา อยู่ทางตะวันออกของคาบสมุทรอาระเบีย ในโอเอซิสประกอบด้วยสวนปาล์ม คลอง น้ำพุ บ่อน้ำ ตลอดจนอาคารบ้านเรือน ตั้งแต่ยุคหินใหม่มาจนถึงปัจจุบัน โดยยังสามารถมองเห็นแหล่งโบราณคดี ทั้งมัสยิด บ่อน้ำ คลอง และระบบการจัดการน้ำ รวมถึงต้นปาล์มหว่า 2.5 ล้านต้น ซึ่งนับเป็นโอเอซิสที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีลักษณะเด่นในเรื่องภูมิวัฒนธรรม และเป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
Ancient City of Qalhat (Oman) เมืองท่าโบราณคาลฮัต อยู่ทางตะวันออกของประเทศโอมาน ถูกพัฒนาให้เป็นเมืองท่าสำคัญทางชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรอาระเบีย ในช่วงศควรรษที่ 11-15 โดยปัจจุบัน เมืองท่าแห่งนี้เป็นหลักฐานสำคัญทางโบราณคดีที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างดินแดนทางตะวันออกของคาบสมุทรอาระเบีย อัฟริกาตะวันออก อินเดีย จีน และภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย
Archaeological Border Complex of Hedeby and the Danevirke (Germany) แหล่งโบราณคดีของ Hedeby ประกอบด้วยเมืองแห่งการค้า มีร่องรอยของถนน อาคาร สุสาน และท่าเรือ ในช่วงราว ล้อมรอบด้วย Danevirke ซึ่งเป็นแนวป้อมปราการ Hedeby เป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างทวีปยุโรปและสแกนดิเนเวีย และระหว่างทะเลเหนือและทะเลบอลติก เนื่องจากเป็นแหล่งโบราณคดีที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี จึงทำให้เป็นจุดสำคัญสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และประวัติศาสตร์ในยุโรป ช่วงยุคไวกิ้ง
Caliphate City of Medina Azahara (Spain) เป็นโบราณสถานที่สร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 10 ช่วงราชวงศ์อุมัยยะฮ์ โดยหลังจากรุ่งเรืองเป็นเวลาหลายปีก็ถูกทิ้งร้างในช่วงสงครามกลางเมือง จากนั้นซากเมืองก็ถูกลืมไปเกือบ 1,000 ปี จนกระทั่งมีการค้นพบในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ในเมืองนี้มีโครงสร้างพื้นฐานเช่น ถนน สะพาน ระบบน้ำ อาคาร และสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
Göbekli Tepe (Turkey) พื้นที่นี้แสดงโครงสร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สร้างขึ้นโดยนักล่าสัตว์ในยุค 9,600-8,200 ปีก่อนคริสตกาล มีแนวโน้มว่าอนุสาวรีย์เหล่านี้มีการเชื่อมโยงกับพิธีทางศาสนา เสารูปตัว T ถูกแกะสลักด้วยภาพของสัตว์ป่า ทำให้สามารถเข้าใจในวิถีชีวิตและความเชื่อของผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนเมโสโปเตเมียตอนบน เมื่อประมาณ 11,500 ปีก่อน
Hidden Christian Sites in the Nagasaki Region (Japan) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะคิวชู ประกอบด้วยหมู่บ้าน 10 แห่ง ปราสาท และโบสถ์ ซึ่งสร้างขึนระหว่างศตวรรษที่ 16-19 ผ่านช่วงเวลาของการห้ามนับถือศาสนาคริสต์ในญี่ปุ่น มาจนถึงช่วงฟื้นฟูชุมชนคริสเตียนในภายหลัง พื้นที่เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงประเพณีและวัฒนธรรมที่ถูกหล่อหลอมโดยศาสนาคริสต์
Ivrea, industrial city of the 20th century (Italy) เมืองอุตสาหกรรมของ Ivrea ตั้งอยู่ในภูมิภาค Piedmont และได้รับการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ทดสอบของ Olivetti ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องคำนวณเครื่องจักรกลและคอมพิวเตอร์สำนักงาน ประกอบด้วยโรงงานขนาดใหญ่และอาคารที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการบริหารและบริการทางสังคม รวมทั้งที่อยู่อาศัย ออกแบบโดยสถาปนิกชั้นนำของอิตาลี
Naumburg Cathedral (Germany) เริ่มก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ.1028 แสดงให้เห็นถึงศิลปะและสถาปัตยกรรมในยุคกลาง มีโครงสร้างแบบโรมัน ล้อมรอบด้วยปีกแบบโกธิค แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนโฉมจากปลายยุคโรมันไปจนถึงแบบโกธิคตอนต้น
Sansa, Buddhist Mountain Monasteries in Korea (Republic of Korea) เป็นอารามบนภูเขาที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี แบ่งเป็นพื้นที่ของวัด 7 แห่ง ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 7-9 โดยศาสนสถานที่เกาหลีจะมีลักษณะพิเศษคือ มีลานด้านข้างที่ล้อมรอบไปด้วยอาคารสี่หลัง โดยอารามเหล่านี้เป็นศูนย์กลางความเชื่อ การดำรงชีวิต และวิถีปฏิบัติทางพระพุทธศาสนาในชีวิตประจำวันมาจนถึงทุกวันนี้
Sassanid Archaeological Landscape of Fars region (Islamic Republic of Iran) แหล่งโบราณคดี 8 แห่ง ในจังหวัดฟาร์ส ผสมผสานระหว่างพระราชวัง ป้อมปราการ และผังเมือง ในยุคจักรวรรดิแซสซานิด ช่วงศตวรรษที่ 3-5 สะท้อนให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์ต่อการก่อสร้าง และยังแสดวงให้เห็นถึงอิทธิพลของจักรวรรดิอะคีเมนิด จักรวรรดิพาร์เทียน และศิลปะโรมัน ที่ส่งผลสำคัญต่อสถาปัตยกรรมและรูปแบบศิลปะในยุคอิสลาม
Thimlich Ohinga archeological site (Kenya) กำแพงหินเรียงที่แหล่งโบราณคดีธิมลิค โอฮิงกา อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองมิโกรี เป็นกำแพงหินเรียงที่ใหญ่และยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เป็นการนำหินมาเรียงต่อกันโดยไม่ใช้ปูนเชื่อม คาดว่าสร้างมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 16 เพื่อใช้ในการต้อนสัตว์ และยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
Victorian Gothic and Art Deco Ensemble of Mumbai (India) เมืองมุมไบได้กลายเป็นศูนย์กลางการค้าระดับโลก มีการพัฒนาภายใต้โครงการผังเมืองในช่วงศตวรรษที่ 19 นำไปสู่การสร้างสิ่งก่อสร้างที่สวยงามเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและประกอบการค้า โดยมีสถาปัตยกรรมแบบนีโอ-โกธิค และแบบอาร์ตเดโค ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเมืองในยุคใหม่ของมุมไบ ในช่วงศตวรรษที่ 19-20
มรดกโลกทางธรรมชาติ
Barberton Makhonjwa Mountains (South Africa) อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟริกาใต้ ประกอบด้วย 40% ของ Barberton Greenstone Belt ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างทางธรณีวิทยาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เทือกเขา Barberton Makhonjwa แสดงให้เห็นยอดหินภูเขาไฟและตะกอนที่สะสมไว้อย่างดีที่สุดตั้งแต่ 3.6-3.25 พันล้านปี เมื่อทวีปแรกเริ่มก่อตัวขึ้นบนโลกดั้งเดิม มีผลกระทบจากอุกกาบาตที่เกิดขึ้นหลังจากการโจมตีครั้งใหญ่
Chaîne des Puys-Limagne fault tectonic area (France) ตั้งอยู่ตอนกลางของฝรั่งเศส เป็นแนวภูเขาไฟเรียงตัวกัน ลักษณะทางธรณีวิทยาแสดงให้เห็นถึงรอยร้าวของเปลือกโลก มีการแยกตัว ยุบตัว และยกระดับบนพื้นผิว
Fanjingshan (China) ตั้งอยู่ในเทือกเขา Wuling ในจังหวัดกุ้ยโจว (ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน) มีความสูงระหว่าง 500 เมตรถึง 2,570 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นที่นิยมปลูกพืชหลากหลายประเภท มีความหลากหลายของพืชและสัตว์ ซึ่งมีต้นกำเนิดในยุคตติยภูมิระหว่าง 65 ล้านถึง 2 ล้านปีก่อน การแยกตัวของพื้นที่ได้นำไปสู่ความหลากหลายทางชีวภาพในระดับสูง
มรดกโลกแบบผสมผสาน
Chiribiquete National Park - “The Maloca of the Jaguar” (Colombia) อุทยานแห่งชาติ Chiribiquete เป็นพื้นที่คุ้มครองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เป็นเขตที่มีความหลากหลายทางชีวภาพในระดับสูง และยังเป็นที่ตั้งของแหล่งอารยธรรมและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชนพื้นเมือง รวมถึงมีภาพเขียนบนผนังถ้ำซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 75,000 ปี
Pimachiowin Aki (Canada) เป็นป่าที่มีทั้งแม่น้ำ ป่าทึบ และพื้นที่ชุ่มน้ำ เป็นส่วนหนึ่งของที่อยู่อาศัยของ Anishinaabeg ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมือง พื้นที่ครอบคลุมดินแดนแบบดั้งเดิมของชุมชน Anishinaabeg 4 แห่ง (แม่น้ำ Bloodvein, Little Grand Rapids, Pauingassi และ Poplar River)
Tehuacán-Cuicatlán Valley: Originary Habitat of Mesoamerica (Mexico) เป็นเขตแห้งแล้งหรือกึ่งแห้งแล้ง ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ประกอบด้วยสามส่วนคือ Zapotitlán-Cuicatlán, San Juan Raya และ Purrón ซึ่งเป็นศูนย์กลางหลักในการกระจายความหลากหลายของไม้ตระกูลตะบองเพชร
นอกจากนี้ยังมีการประกาศปรับเปลี่ยนอาณาเขตเพิ่มเติมในมรดกโลกที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้แล้วอีก 1 แห่ง คือ
Bikin River Valley (Russian Federation) ขยายพื้นที่เพิ่มเติมในส่วนกลางของ Sikhote-Alin โดย Bikin River Valley ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเมื่อปี 2001
*ภาพประกอบทั้งหมดจากเว็บไซต์ http://whc.unesco.org
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) จัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ที่จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 มิถุนายน - 4 กรกฎาคม 2561 ณ กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน
โดยในการจัดประชุมครั้งนี้ มีการประกาศรายชื่อมรดกโลกแห่งใหม่ จำนวน 19 แห่ง โดยแบ่งเป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรม 13 แห่ง มรดกโลกทางธรรมชาติ 3 แห่ง และ มรดกโลกแบบผสมผสาน 3 แห่ง ดังนี้
มรดกโลกทางวัฒนธรรม
Aasivissuit-Nipisat, Inuit Hunting Ground between Ice and Sea (Denmark) ตั้งอยู่ภายใน Arctic Circle ในภาคกลางของกรีนแลนด์ตะวันตก ภายในพื้นที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของมนุษย์ทั้ง 4,200 ปี แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมการล่าสัตว์บกและสัตว์น้ำ รวมถึงมรดกทางวัฒนธรรมที่ยังจับต้องได้ ทั้งการเดินเรือและการแพทย์ มีบ้านหลังใหญ่ในใช้ในช่วงฤดูหนาว แหล่งโบราณคดีด้านภาษาอินูอิต และยังสะท้อนให้เห็นถึงประเพณีการย้ายถิ่นฐานตามฤดูกาลด้วย
Al-Ahsa Oasis, an Evolving Cultural Landscape (Saudi Arabia) โอเอซิส อัล อะฮซา อยู่ทางตะวันออกของคาบสมุทรอาระเบีย ในโอเอซิสประกอบด้วยสวนปาล์ม คลอง น้ำพุ บ่อน้ำ ตลอดจนอาคารบ้านเรือน ตั้งแต่ยุคหินใหม่มาจนถึงปัจจุบัน โดยยังสามารถมองเห็นแหล่งโบราณคดี ทั้งมัสยิด บ่อน้ำ คลอง และระบบการจัดการน้ำ รวมถึงต้นปาล์มหว่า 2.5 ล้านต้น ซึ่งนับเป็นโอเอซิสที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีลักษณะเด่นในเรื่องภูมิวัฒนธรรม และเป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
Ancient City of Qalhat (Oman) เมืองท่าโบราณคาลฮัต อยู่ทางตะวันออกของประเทศโอมาน ถูกพัฒนาให้เป็นเมืองท่าสำคัญทางชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรอาระเบีย ในช่วงศควรรษที่ 11-15 โดยปัจจุบัน เมืองท่าแห่งนี้เป็นหลักฐานสำคัญทางโบราณคดีที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างดินแดนทางตะวันออกของคาบสมุทรอาระเบีย อัฟริกาตะวันออก อินเดีย จีน และภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย
Archaeological Border Complex of Hedeby and the Danevirke (Germany) แหล่งโบราณคดีของ Hedeby ประกอบด้วยเมืองแห่งการค้า มีร่องรอยของถนน อาคาร สุสาน และท่าเรือ ในช่วงราว ล้อมรอบด้วย Danevirke ซึ่งเป็นแนวป้อมปราการ Hedeby เป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างทวีปยุโรปและสแกนดิเนเวีย และระหว่างทะเลเหนือและทะเลบอลติก เนื่องจากเป็นแหล่งโบราณคดีที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี จึงทำให้เป็นจุดสำคัญสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และประวัติศาสตร์ในยุโรป ช่วงยุคไวกิ้ง
Caliphate City of Medina Azahara (Spain) เป็นโบราณสถานที่สร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 10 ช่วงราชวงศ์อุมัยยะฮ์ โดยหลังจากรุ่งเรืองเป็นเวลาหลายปีก็ถูกทิ้งร้างในช่วงสงครามกลางเมือง จากนั้นซากเมืองก็ถูกลืมไปเกือบ 1,000 ปี จนกระทั่งมีการค้นพบในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ในเมืองนี้มีโครงสร้างพื้นฐานเช่น ถนน สะพาน ระบบน้ำ อาคาร และสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
Göbekli Tepe (Turkey) พื้นที่นี้แสดงโครงสร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สร้างขึ้นโดยนักล่าสัตว์ในยุค 9,600-8,200 ปีก่อนคริสตกาล มีแนวโน้มว่าอนุสาวรีย์เหล่านี้มีการเชื่อมโยงกับพิธีทางศาสนา เสารูปตัว T ถูกแกะสลักด้วยภาพของสัตว์ป่า ทำให้สามารถเข้าใจในวิถีชีวิตและความเชื่อของผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนเมโสโปเตเมียตอนบน เมื่อประมาณ 11,500 ปีก่อน
Hidden Christian Sites in the Nagasaki Region (Japan) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะคิวชู ประกอบด้วยหมู่บ้าน 10 แห่ง ปราสาท และโบสถ์ ซึ่งสร้างขึนระหว่างศตวรรษที่ 16-19 ผ่านช่วงเวลาของการห้ามนับถือศาสนาคริสต์ในญี่ปุ่น มาจนถึงช่วงฟื้นฟูชุมชนคริสเตียนในภายหลัง พื้นที่เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงประเพณีและวัฒนธรรมที่ถูกหล่อหลอมโดยศาสนาคริสต์
Ivrea, industrial city of the 20th century (Italy) เมืองอุตสาหกรรมของ Ivrea ตั้งอยู่ในภูมิภาค Piedmont และได้รับการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ทดสอบของ Olivetti ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องคำนวณเครื่องจักรกลและคอมพิวเตอร์สำนักงาน ประกอบด้วยโรงงานขนาดใหญ่และอาคารที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการบริหารและบริการทางสังคม รวมทั้งที่อยู่อาศัย ออกแบบโดยสถาปนิกชั้นนำของอิตาลี
Naumburg Cathedral (Germany) เริ่มก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ.1028 แสดงให้เห็นถึงศิลปะและสถาปัตยกรรมในยุคกลาง มีโครงสร้างแบบโรมัน ล้อมรอบด้วยปีกแบบโกธิค แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนโฉมจากปลายยุคโรมันไปจนถึงแบบโกธิคตอนต้น
Sansa, Buddhist Mountain Monasteries in Korea (Republic of Korea) เป็นอารามบนภูเขาที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี แบ่งเป็นพื้นที่ของวัด 7 แห่ง ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 7-9 โดยศาสนสถานที่เกาหลีจะมีลักษณะพิเศษคือ มีลานด้านข้างที่ล้อมรอบไปด้วยอาคารสี่หลัง โดยอารามเหล่านี้เป็นศูนย์กลางความเชื่อ การดำรงชีวิต และวิถีปฏิบัติทางพระพุทธศาสนาในชีวิตประจำวันมาจนถึงทุกวันนี้
Sassanid Archaeological Landscape of Fars region (Islamic Republic of Iran) แหล่งโบราณคดี 8 แห่ง ในจังหวัดฟาร์ส ผสมผสานระหว่างพระราชวัง ป้อมปราการ และผังเมือง ในยุคจักรวรรดิแซสซานิด ช่วงศตวรรษที่ 3-5 สะท้อนให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์ต่อการก่อสร้าง และยังแสดวงให้เห็นถึงอิทธิพลของจักรวรรดิอะคีเมนิด จักรวรรดิพาร์เทียน และศิลปะโรมัน ที่ส่งผลสำคัญต่อสถาปัตยกรรมและรูปแบบศิลปะในยุคอิสลาม
Thimlich Ohinga archeological site (Kenya) กำแพงหินเรียงที่แหล่งโบราณคดีธิมลิค โอฮิงกา อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองมิโกรี เป็นกำแพงหินเรียงที่ใหญ่และยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เป็นการนำหินมาเรียงต่อกันโดยไม่ใช้ปูนเชื่อม คาดว่าสร้างมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 16 เพื่อใช้ในการต้อนสัตว์ และยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
Victorian Gothic and Art Deco Ensemble of Mumbai (India) เมืองมุมไบได้กลายเป็นศูนย์กลางการค้าระดับโลก มีการพัฒนาภายใต้โครงการผังเมืองในช่วงศตวรรษที่ 19 นำไปสู่การสร้างสิ่งก่อสร้างที่สวยงามเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและประกอบการค้า โดยมีสถาปัตยกรรมแบบนีโอ-โกธิค และแบบอาร์ตเดโค ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเมืองในยุคใหม่ของมุมไบ ในช่วงศตวรรษที่ 19-20
มรดกโลกทางธรรมชาติ
Barberton Makhonjwa Mountains (South Africa) อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟริกาใต้ ประกอบด้วย 40% ของ Barberton Greenstone Belt ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างทางธรณีวิทยาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เทือกเขา Barberton Makhonjwa แสดงให้เห็นยอดหินภูเขาไฟและตะกอนที่สะสมไว้อย่างดีที่สุดตั้งแต่ 3.6-3.25 พันล้านปี เมื่อทวีปแรกเริ่มก่อตัวขึ้นบนโลกดั้งเดิม มีผลกระทบจากอุกกาบาตที่เกิดขึ้นหลังจากการโจมตีครั้งใหญ่
Chaîne des Puys-Limagne fault tectonic area (France) ตั้งอยู่ตอนกลางของฝรั่งเศส เป็นแนวภูเขาไฟเรียงตัวกัน ลักษณะทางธรณีวิทยาแสดงให้เห็นถึงรอยร้าวของเปลือกโลก มีการแยกตัว ยุบตัว และยกระดับบนพื้นผิว
Fanjingshan (China) ตั้งอยู่ในเทือกเขา Wuling ในจังหวัดกุ้ยโจว (ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน) มีความสูงระหว่าง 500 เมตรถึง 2,570 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นที่นิยมปลูกพืชหลากหลายประเภท มีความหลากหลายของพืชและสัตว์ ซึ่งมีต้นกำเนิดในยุคตติยภูมิระหว่าง 65 ล้านถึง 2 ล้านปีก่อน การแยกตัวของพื้นที่ได้นำไปสู่ความหลากหลายทางชีวภาพในระดับสูง
มรดกโลกแบบผสมผสาน
Chiribiquete National Park - “The Maloca of the Jaguar” (Colombia) อุทยานแห่งชาติ Chiribiquete เป็นพื้นที่คุ้มครองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เป็นเขตที่มีความหลากหลายทางชีวภาพในระดับสูง และยังเป็นที่ตั้งของแหล่งอารยธรรมและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชนพื้นเมือง รวมถึงมีภาพเขียนบนผนังถ้ำซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 75,000 ปี
Pimachiowin Aki (Canada) เป็นป่าที่มีทั้งแม่น้ำ ป่าทึบ และพื้นที่ชุ่มน้ำ เป็นส่วนหนึ่งของที่อยู่อาศัยของ Anishinaabeg ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมือง พื้นที่ครอบคลุมดินแดนแบบดั้งเดิมของชุมชน Anishinaabeg 4 แห่ง (แม่น้ำ Bloodvein, Little Grand Rapids, Pauingassi และ Poplar River)
Tehuacán-Cuicatlán Valley: Originary Habitat of Mesoamerica (Mexico) เป็นเขตแห้งแล้งหรือกึ่งแห้งแล้ง ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ประกอบด้วยสามส่วนคือ Zapotitlán-Cuicatlán, San Juan Raya และ Purrón ซึ่งเป็นศูนย์กลางหลักในการกระจายความหลากหลายของไม้ตระกูลตะบองเพชร
นอกจากนี้ยังมีการประกาศปรับเปลี่ยนอาณาเขตเพิ่มเติมในมรดกโลกที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้แล้วอีก 1 แห่ง คือ
Bikin River Valley (Russian Federation) ขยายพื้นที่เพิ่มเติมในส่วนกลางของ Sikhote-Alin โดย Bikin River Valley ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเมื่อปี 2001
*ภาพประกอบทั้งหมดจากเว็บไซต์ http://whc.unesco.org
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager