Facebook :Travel @ Manager

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวเตรียมเปิดภู 1 ก.ค. นี้ หลังจากปิดเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติมาตั้งแต่เดือนมกราคม โดยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวบนลานสนภูสอยดาว และพักค้างบนนั้น อีกทั้งในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. จะเป็นช่วงที่ดอกหงอนนาคบนลานสนเบ่งบานอีกด้วย
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ เตรียมเปิดภูให้นักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปท่องเที่ยวและชมธรรมชาติบนลานสนในวันที่ 1 ก.ค. นี้ หลังจากปิดเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติมาตั้งแต่เดือนมกราคม โดยจากที่ทำการอุทยานจะต้องเดินเท้าขึ้นไปยังลานสนด้านบนเป็นระยะทาง 6.5 ก.ม. ใช้เวลาเดินประมาณ 4-6 ชม. ก็จะถึงลานสนด้านบน

ลานสนแห่งภูสอยดาวเป็นป่าสนขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ประเทศไทยและสปป.ลาว ตามพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าจะมีดอกไม้ป่าหลากหลายชนิดออกดอกหมุนเวียนอวดโฉมความงามกันอยู่ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝน ประมาณเดือน ก.ค.-ส.ค. ถือเป็นช่วงเวลาทองของลานสนภูสอยดาว เพราะมี “ดอกหงอนนาค”จำนวนมหาศาลบนยอดภูสอยดาวจะพร้อมใจกันเบ่งบานเต็มท้องทุ่ง จนได้ชื่อว่า “ภูสอยดาวเป็นดินแดนแห่งทุ่งดอกหงอนนาคที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดในเมืองไทย”
สำหรับ “ดอกหงอนนาค” มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า หญ้าหงอนเงือก หรือน้ำค้างกลางเที่ยง เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่ออกดอกในฤดูฝน ดอกจะมีทั้งสีม่วงอ่อนหรือม่วงน้ำเงิน สีขาว และสีชมพู ซึ่งค่อนข้างหายาก ยามเช้าดอกหงอนนาคจะหุบดอก และจะบานเมื่อมีแสงแดด ส่วนกลางของดอกมักมีหยดน้ำติดอยู่ เป็นที่มาของชื่อน้ำค้างกลางเที่ยง โดยที่ภูสอยดาวนี้เป็นจุดที่มีดอกหงอนนาคทุ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ นอกจากนั้นก็ยังพบได้บ้างตามภูเขาอื่นๆ เช่น เขาสมอปูน ทุ่งโนนสน เขาใหญ่ เป็นต้น

บนลานสนภูสอยดาวมีทุ่งหงอนนาคให้ชมหลายทุ่ง ทั้งในบริเวณจุดเริ่มต้นของลานสน และที่บริเวณจุดกางเต็นท์ก็มีทุ่งดอกหงอนนาคอีก 2 ทุ่งใหญ่ๆ ให้เราได้สัมผัสความงามกันอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติด้วยเช่นกัน โดยเส้นทางเดินชมธรรมชาติจะเป็นวงรอบในระยะทาง 2.28 กิโลเมตร ชมความงามของสนสามใบสูงตระหง่าน ดอกไม้ป่าแปลกตา นอกจากนั้นก็ยังมีหลุมบังเกอร์สมรภูมิร่มเกล้า และจุดชมวิวเลาะเลียบผาที่สามารถมองลงไปเห็นทิวทัศน์ของผืนป่าและทะเลภูเขาอันสวยงามกว้างไกล รวมไปถึงจุดชมพระอาทิตย์ตกดิน
นอกจากนั้นแล้ว บนภูสอยดาวก็ยังมีจุดท่องเที่ยวอีกหลากหลาย อาทิ “น้ำตกสายทิพย์” น้ำตกขนาดเล็กที่อยู่ใกล้ๆ ลานสน น้ำตกสายทิพย์มีสายน้ำไหลลดหลั่นลงมาตามชั้นเตี้ยๆ รวม 7 ชั้น การชมน้ำตกต้องค่อยๆ ไต่ลงไปด้านล่างทีละชั้น แต่ในวันนั้นเจ้าหน้าที่อุทยานแนะนำให้ลงไปชมถึงประมาณชั้นที่ 5 ก็พอเพราะเส้นทางค่อนข้างลื่นอันตราย แต่เพียงเท่านี้ก็ได้เห็นสายน้ำอันชุ่มฉ่ำและความชุ่มชื้นของพื้นที่ป่าโดยรอบที่เต็มไปด้วยมอสสีเขียวขึ้นปกคลุมทั่วก้อนหินน้อยใหญ่บริเวณน้ำตก
“หลักเขตชายแดนไทย-ลาว” ที่อยู่ห่างจากลานกางเต็นท์ไปประมาณ 1 กม. โดยภูสอยดาวแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหลวงพระบางที่กั้นพรมแดนไทยกับลาว บนลานสนแห่งนี้จึงมีหลักเขตที่บอกเขตแดนพื้นที่ของไทยและลาวให้เราไปเยี่ยมเยือนถ่ายรูปเป็นที่ระลึกว่าได้มาเที่ยวต่างประเทศ



“อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว” ตั้งอยู่ที่ ต.ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ การเดินทางสู่ภูสอยดาว จากตัวเมืองพิษณุโลก ใช้ทางหลวงหมายเลข 11 ที่มุ่งตรงไปยัง จ.อุตรดิตถ์ ถึง อ.วัดโบสถ์ ให้แยกขวาไปบ้านโป่งแคตามทางหลวงหมายเลข 1206 ถึงสามแยกบ้านโป่งแค เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 1143 มุ่งตรงไปจนถึง อ.ชาติตระการ เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1237 วิ่งตรงไปถึงแยกทางหลวงสาย 1268 เลี้ยวซ้ายไปภูสอยดาว รวมระยะทาง 188 กม.
บนลานสนไม่มีไฟฟ้าและร้านค้า ร้านอาหาร นักท่องเที่ยวต้องเตรียมไฟฉาย เสบียงอาหาร น้ำดื่มและเครื่องใช้ต่างๆ ไปเอง โดยทางอุทยานฯ คิดค่าลูกหาบกิโลกรัมละ 30 บาท ด้านบนมีให้เช่าเตาถ่าน เตาแก๊ส และมีห้องน้ำไว้บริการ แต่ต้องเช่าถังน้ำเพื่อไปตักน้ำจากลำธารมาใช้เอง สอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว โทร. 09 5629 9528
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวเตรียมเปิดภู 1 ก.ค. นี้ หลังจากปิดเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติมาตั้งแต่เดือนมกราคม โดยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวบนลานสนภูสอยดาว และพักค้างบนนั้น อีกทั้งในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. จะเป็นช่วงที่ดอกหงอนนาคบนลานสนเบ่งบานอีกด้วย
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ เตรียมเปิดภูให้นักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปท่องเที่ยวและชมธรรมชาติบนลานสนในวันที่ 1 ก.ค. นี้ หลังจากปิดเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติมาตั้งแต่เดือนมกราคม โดยจากที่ทำการอุทยานจะต้องเดินเท้าขึ้นไปยังลานสนด้านบนเป็นระยะทาง 6.5 ก.ม. ใช้เวลาเดินประมาณ 4-6 ชม. ก็จะถึงลานสนด้านบน
ลานสนแห่งภูสอยดาวเป็นป่าสนขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ประเทศไทยและสปป.ลาว ตามพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าจะมีดอกไม้ป่าหลากหลายชนิดออกดอกหมุนเวียนอวดโฉมความงามกันอยู่ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝน ประมาณเดือน ก.ค.-ส.ค. ถือเป็นช่วงเวลาทองของลานสนภูสอยดาว เพราะมี “ดอกหงอนนาค”จำนวนมหาศาลบนยอดภูสอยดาวจะพร้อมใจกันเบ่งบานเต็มท้องทุ่ง จนได้ชื่อว่า “ภูสอยดาวเป็นดินแดนแห่งทุ่งดอกหงอนนาคที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดในเมืองไทย”
สำหรับ “ดอกหงอนนาค” มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า หญ้าหงอนเงือก หรือน้ำค้างกลางเที่ยง เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่ออกดอกในฤดูฝน ดอกจะมีทั้งสีม่วงอ่อนหรือม่วงน้ำเงิน สีขาว และสีชมพู ซึ่งค่อนข้างหายาก ยามเช้าดอกหงอนนาคจะหุบดอก และจะบานเมื่อมีแสงแดด ส่วนกลางของดอกมักมีหยดน้ำติดอยู่ เป็นที่มาของชื่อน้ำค้างกลางเที่ยง โดยที่ภูสอยดาวนี้เป็นจุดที่มีดอกหงอนนาคทุ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ นอกจากนั้นก็ยังพบได้บ้างตามภูเขาอื่นๆ เช่น เขาสมอปูน ทุ่งโนนสน เขาใหญ่ เป็นต้น
บนลานสนภูสอยดาวมีทุ่งหงอนนาคให้ชมหลายทุ่ง ทั้งในบริเวณจุดเริ่มต้นของลานสน และที่บริเวณจุดกางเต็นท์ก็มีทุ่งดอกหงอนนาคอีก 2 ทุ่งใหญ่ๆ ให้เราได้สัมผัสความงามกันอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติด้วยเช่นกัน โดยเส้นทางเดินชมธรรมชาติจะเป็นวงรอบในระยะทาง 2.28 กิโลเมตร ชมความงามของสนสามใบสูงตระหง่าน ดอกไม้ป่าแปลกตา นอกจากนั้นก็ยังมีหลุมบังเกอร์สมรภูมิร่มเกล้า และจุดชมวิวเลาะเลียบผาที่สามารถมองลงไปเห็นทิวทัศน์ของผืนป่าและทะเลภูเขาอันสวยงามกว้างไกล รวมไปถึงจุดชมพระอาทิตย์ตกดิน
นอกจากนั้นแล้ว บนภูสอยดาวก็ยังมีจุดท่องเที่ยวอีกหลากหลาย อาทิ “น้ำตกสายทิพย์” น้ำตกขนาดเล็กที่อยู่ใกล้ๆ ลานสน น้ำตกสายทิพย์มีสายน้ำไหลลดหลั่นลงมาตามชั้นเตี้ยๆ รวม 7 ชั้น การชมน้ำตกต้องค่อยๆ ไต่ลงไปด้านล่างทีละชั้น แต่ในวันนั้นเจ้าหน้าที่อุทยานแนะนำให้ลงไปชมถึงประมาณชั้นที่ 5 ก็พอเพราะเส้นทางค่อนข้างลื่นอันตราย แต่เพียงเท่านี้ก็ได้เห็นสายน้ำอันชุ่มฉ่ำและความชุ่มชื้นของพื้นที่ป่าโดยรอบที่เต็มไปด้วยมอสสีเขียวขึ้นปกคลุมทั่วก้อนหินน้อยใหญ่บริเวณน้ำตก
“หลักเขตชายแดนไทย-ลาว” ที่อยู่ห่างจากลานกางเต็นท์ไปประมาณ 1 กม. โดยภูสอยดาวแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหลวงพระบางที่กั้นพรมแดนไทยกับลาว บนลานสนแห่งนี้จึงมีหลักเขตที่บอกเขตแดนพื้นที่ของไทยและลาวให้เราไปเยี่ยมเยือนถ่ายรูปเป็นที่ระลึกว่าได้มาเที่ยวต่างประเทศ
“อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว” ตั้งอยู่ที่ ต.ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ การเดินทางสู่ภูสอยดาว จากตัวเมืองพิษณุโลก ใช้ทางหลวงหมายเลข 11 ที่มุ่งตรงไปยัง จ.อุตรดิตถ์ ถึง อ.วัดโบสถ์ ให้แยกขวาไปบ้านโป่งแคตามทางหลวงหมายเลข 1206 ถึงสามแยกบ้านโป่งแค เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 1143 มุ่งตรงไปจนถึง อ.ชาติตระการ เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1237 วิ่งตรงไปถึงแยกทางหลวงสาย 1268 เลี้ยวซ้ายไปภูสอยดาว รวมระยะทาง 188 กม.
บนลานสนไม่มีไฟฟ้าและร้านค้า ร้านอาหาร นักท่องเที่ยวต้องเตรียมไฟฉาย เสบียงอาหาร น้ำดื่มและเครื่องใช้ต่างๆ ไปเอง โดยทางอุทยานฯ คิดค่าลูกหาบกิโลกรัมละ 30 บาท ด้านบนมีให้เช่าเตาถ่าน เตาแก๊ส และมีห้องน้ำไว้บริการ แต่ต้องเช่าถังน้ำเพื่อไปตักน้ำจากลำธารมาใช้เอง สอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว โทร. 09 5629 9528
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager