ผืนป่าตะวันตกของประเทศไทยเป็นสถานที่ซึ่งอุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์พืชและสัตว์ป่านานาชนิด ถือเป็นความภาคภูมิใจของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งความภาคภูมิใจคือ ความสำเร็จในการผสมเทียมละมั่งตัวแรกของไทยและปล่อยคืนสู่ป่าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี

ละมั่งเพศเมียที่เกิดจากการผสมเทียมตัวนี้ มีชื่อว่า “อั่งเปา” เพราะเกิดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ตรงกับวันวาเลนไทน์และวันตรุษจีน จากนั้นได้ถูกปล่อยคืนสู่ป่าวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554 พร้อมกับสัตว์ป่าชนิดอื่นๆอีกกว่า 70 ตัว การผสมเทียมในครั้งนั้นเป็นความร่วมมือระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช คณะสัตวแพทยศาสตร์ และคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับองค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์

แม้จะเป็นละมั่งที่ไม่ได้เกิดตามธรรมชาติ แต่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจะดูแลอยู่ห่างๆเท่านั้น เพื่อให้ “อั่งเปา” เรียนรู้ด้วยตัวเอง หัวหน้ามานะ มณีนิล หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าสลักพระ กล่าวว่า “เราจะปล่อยให้อั่งเปาอยู่เอง ไม่ค่อยคลุกคลี เขาจะได้เรียนรู้การตัวรอด ที่หน่วยพิทักษ์ป่าสลักพระนี้เป็นเหมือนที่ผลิตหรือที่อนุบาล ละมั่งจะเรียนรู้ประสบการณ์ในพื้นที่แถวนี้ในช่วงแรกๆ พอลูกเริ่มโตเริ่มแข็งแรงก็จะกระจายตัวกันออกไป ตัวอั่งเปากับละมั่งในฝูงเขาส่วนใหญ่จะอยู่ตรงนี้ แต่ก็จะมีบางวันที่เข้าป่าไป ช่วง 4-5 โมงเช้าเพื่อออกไปกินน้ำแล้วก็กลับมา พอกลับแล้วช่วงเย็นก็จะออกไปใหม่ บางวันก็หายไปเป็นคืน แล้วรุ่งขึ้นจึงค่อยกลับก็มี”

การจะมองหา “อั่งเปา” จากฝูงละมั่งนั้นดูไม่ยาก เนื่องจากเป็นละมั่งที่มีปลอกคอติดอยู่ ซึ่งเป็นเครื่องติดตามแบบสัญญาณวิทยุ แม้ว่าตอนนี้เครื่องติดตามจะสัญญาณหมดแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่กล้าเอาออก เพราะเกรงว่าถ้ายิงยาสลบ แล้วอั่งเปาไม่สลบทันทีแต่ไปสลบในป่า จะเกิดอันตรายเป็นอย่างมาก เหมือนนอนให้สัตว์อื่นมากินอย่างง่ายดาย เพื่อป้องกันไม่ให้เสียอั่งเปาไปจากการยิงยาสลบจึงได้แต่ปล่อยให้อยู่เช่นนี้ไปตามธรรมชาติก่อน

จนถึงตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 7 ปีแล้วตั้งแต่ที่ “อั่งเปา” ได้ถูกปล่อยให้ใช้ชีวิตอยู่ตามธรรมชาติในป่าเช่นเดียวกับละมั่งตัวอื่นๆในฝูง และสามารถผลิตทายาทออกมาได้แข็งแรงสมบูรณ์ โดย นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า “วิธีการดูว่าเขาอยู่ในธรรมชาติได้หรือไม่ให้ดูที่เหลนเขา ถ้าเหลนเขาอยู่ได้แสดงว่าการปล่อยสัตว์ป่าชนิดนั้นมีความสมบูรณ์และประสบความสำเร็จ ณ ตอนนี้คือเป็นรุ่นหลานอยู่ ยังไม่มีเหลน แต่ประชากรก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ"
หัวหน้าไพฑูรย์ กล่าวต่อว่า “อีกวิธีสังเกตความอุดมสมบูรณ์ของป่าและละมั่งสามารถดูได้จากลักษณะตัวผู้ ปีแรกๆเขาจะมีเขาไม่ใหญ่ แต่ละมั่งจะปล่อยเขาทุกปีแล้วสร้างใหม่ ถ้าร่างกายแข็งแรงมาก เขาจะใหญ่ขึ้น จะเห็นว่าบางตัวก็เขาใหญ่แล้ว ซึ่งพวกนี้เป็นตัวผู้ เนื่องจากตัวเมียไม่มีเขา เจ้าหน้าที่มองว่าลักษณะนี้คือความสมบูรณ์ของละมั่งแบบหนึ่ง การที่สามารถสร้างเขาที่ใหญ่ขึ้นได้ แสดงว่าก็ต้องมีตัวบ่งชี้ว่าแข็งแรง ไม่อ่อนแอ”

อย่างไรก็ตาม ละมั่งก็ยังคงมีจุดอ่อนที่ตื่นตกใจง่าย โดยหัวหน้าไพฑูรย์ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ข้อเสียของละมั่งคือ ถ้าหมาใน (หรือหมาแดง) มาไล่กวดแล้วตื่นเต้น มันช็อกติดกันอย่างนี้ทั้งปีแล้วตายติดๆกันหลายตัว เมื่อหนีไปด้วยกันทั้งฝูงถ้าตัวแรกตายก็จะตายๆติดกันสองสามวัน และจากการส่งพิสูจน์ซากที่ปศุปาลันไทรโยคที่มหิดลฯ เขาบอกว่าเกิดจากหัวใจสูบฉีดแรงเกินไป ละมั่งจึงเป็นสัตว์อ่อนแอ ผมเห็นเหตุผลที่เขาค่อยๆสูญพันธุ์ไปตามธรรมชาติแล้ว ก็เป็นจากการคัดสรรโดยธรรมชาติเช่นกัน”


สำหรับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าตะวันตก ตั้งอยู่ที่ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย มีเนื้อที่ 536,594 ไร่ และเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางพันธุกรรมของพืชพันธุ์ไม้และสัตว์ป่าสงวน รวมถึงเป็นแหล่งอาหารและที่หลบภัยของสัตว์และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญ
นอกเหนือไปจากการดูแล “อั่งเปา” และฝูงละมั่งตัวอื่นๆ แล้ว เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าต่างมีหน้าที่ปฏิบัติภารกิจหลักในการป้องกันผู้รุกราน ทั้งจากการลักลอบตัดไม้และล่าสัตว์ ไปจนถึงการลาดตระเวนเพื่อเก็บข้อมูลในการพัฒนาพื้นที่ให้มีต้นไม้ อาหารและแหล่งน้ำอย่างเพียงพอสำหรับสัตว์ป่า ที่นับเป็นหน้าที่ที่สำคัญของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอย่างแท้จริง
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ละมั่งเพศเมียที่เกิดจากการผสมเทียมตัวนี้ มีชื่อว่า “อั่งเปา” เพราะเกิดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ตรงกับวันวาเลนไทน์และวันตรุษจีน จากนั้นได้ถูกปล่อยคืนสู่ป่าวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554 พร้อมกับสัตว์ป่าชนิดอื่นๆอีกกว่า 70 ตัว การผสมเทียมในครั้งนั้นเป็นความร่วมมือระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช คณะสัตวแพทยศาสตร์ และคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับองค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
แม้จะเป็นละมั่งที่ไม่ได้เกิดตามธรรมชาติ แต่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจะดูแลอยู่ห่างๆเท่านั้น เพื่อให้ “อั่งเปา” เรียนรู้ด้วยตัวเอง หัวหน้ามานะ มณีนิล หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าสลักพระ กล่าวว่า “เราจะปล่อยให้อั่งเปาอยู่เอง ไม่ค่อยคลุกคลี เขาจะได้เรียนรู้การตัวรอด ที่หน่วยพิทักษ์ป่าสลักพระนี้เป็นเหมือนที่ผลิตหรือที่อนุบาล ละมั่งจะเรียนรู้ประสบการณ์ในพื้นที่แถวนี้ในช่วงแรกๆ พอลูกเริ่มโตเริ่มแข็งแรงก็จะกระจายตัวกันออกไป ตัวอั่งเปากับละมั่งในฝูงเขาส่วนใหญ่จะอยู่ตรงนี้ แต่ก็จะมีบางวันที่เข้าป่าไป ช่วง 4-5 โมงเช้าเพื่อออกไปกินน้ำแล้วก็กลับมา พอกลับแล้วช่วงเย็นก็จะออกไปใหม่ บางวันก็หายไปเป็นคืน แล้วรุ่งขึ้นจึงค่อยกลับก็มี”
การจะมองหา “อั่งเปา” จากฝูงละมั่งนั้นดูไม่ยาก เนื่องจากเป็นละมั่งที่มีปลอกคอติดอยู่ ซึ่งเป็นเครื่องติดตามแบบสัญญาณวิทยุ แม้ว่าตอนนี้เครื่องติดตามจะสัญญาณหมดแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่กล้าเอาออก เพราะเกรงว่าถ้ายิงยาสลบ แล้วอั่งเปาไม่สลบทันทีแต่ไปสลบในป่า จะเกิดอันตรายเป็นอย่างมาก เหมือนนอนให้สัตว์อื่นมากินอย่างง่ายดาย เพื่อป้องกันไม่ให้เสียอั่งเปาไปจากการยิงยาสลบจึงได้แต่ปล่อยให้อยู่เช่นนี้ไปตามธรรมชาติก่อน
จนถึงตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 7 ปีแล้วตั้งแต่ที่ “อั่งเปา” ได้ถูกปล่อยให้ใช้ชีวิตอยู่ตามธรรมชาติในป่าเช่นเดียวกับละมั่งตัวอื่นๆในฝูง และสามารถผลิตทายาทออกมาได้แข็งแรงสมบูรณ์ โดย นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า “วิธีการดูว่าเขาอยู่ในธรรมชาติได้หรือไม่ให้ดูที่เหลนเขา ถ้าเหลนเขาอยู่ได้แสดงว่าการปล่อยสัตว์ป่าชนิดนั้นมีความสมบูรณ์และประสบความสำเร็จ ณ ตอนนี้คือเป็นรุ่นหลานอยู่ ยังไม่มีเหลน แต่ประชากรก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ"
หัวหน้าไพฑูรย์ กล่าวต่อว่า “อีกวิธีสังเกตความอุดมสมบูรณ์ของป่าและละมั่งสามารถดูได้จากลักษณะตัวผู้ ปีแรกๆเขาจะมีเขาไม่ใหญ่ แต่ละมั่งจะปล่อยเขาทุกปีแล้วสร้างใหม่ ถ้าร่างกายแข็งแรงมาก เขาจะใหญ่ขึ้น จะเห็นว่าบางตัวก็เขาใหญ่แล้ว ซึ่งพวกนี้เป็นตัวผู้ เนื่องจากตัวเมียไม่มีเขา เจ้าหน้าที่มองว่าลักษณะนี้คือความสมบูรณ์ของละมั่งแบบหนึ่ง การที่สามารถสร้างเขาที่ใหญ่ขึ้นได้ แสดงว่าก็ต้องมีตัวบ่งชี้ว่าแข็งแรง ไม่อ่อนแอ”
อย่างไรก็ตาม ละมั่งก็ยังคงมีจุดอ่อนที่ตื่นตกใจง่าย โดยหัวหน้าไพฑูรย์ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ข้อเสียของละมั่งคือ ถ้าหมาใน (หรือหมาแดง) มาไล่กวดแล้วตื่นเต้น มันช็อกติดกันอย่างนี้ทั้งปีแล้วตายติดๆกันหลายตัว เมื่อหนีไปด้วยกันทั้งฝูงถ้าตัวแรกตายก็จะตายๆติดกันสองสามวัน และจากการส่งพิสูจน์ซากที่ปศุปาลันไทรโยคที่มหิดลฯ เขาบอกว่าเกิดจากหัวใจสูบฉีดแรงเกินไป ละมั่งจึงเป็นสัตว์อ่อนแอ ผมเห็นเหตุผลที่เขาค่อยๆสูญพันธุ์ไปตามธรรมชาติแล้ว ก็เป็นจากการคัดสรรโดยธรรมชาติเช่นกัน”
สำหรับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าตะวันตก ตั้งอยู่ที่ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย มีเนื้อที่ 536,594 ไร่ และเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางพันธุกรรมของพืชพันธุ์ไม้และสัตว์ป่าสงวน รวมถึงเป็นแหล่งอาหารและที่หลบภัยของสัตว์และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญ
นอกเหนือไปจากการดูแล “อั่งเปา” และฝูงละมั่งตัวอื่นๆ แล้ว เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าต่างมีหน้าที่ปฏิบัติภารกิจหลักในการป้องกันผู้รุกราน ทั้งจากการลักลอบตัดไม้และล่าสัตว์ ไปจนถึงการลาดตระเวนเพื่อเก็บข้อมูลในการพัฒนาพื้นที่ให้มีต้นไม้ อาหารและแหล่งน้ำอย่างเพียงพอสำหรับสัตว์ป่า ที่นับเป็นหน้าที่ที่สำคัญของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอย่างแท้จริง
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager