xs
xsm
sm
md
lg

ประกายเพชรเข้าตา เลอค่า “ทับทิมสยามยอดมงกุฎ” มีให้ชมที่ “สยามเจมส์ เฮอริเทจ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คุณทับทิมและพลายน้อยคอยต้อนรับด้านหน้า
เรื่องเพชรเรื่องพลอย ของสวยๆ งามๆ ใครๆ ก็ชอบดูชอบชม แม้จะไม่ได้ครอบครองก็ขอให้ได้ยลเสียหน่อย

อย่างในวันนี้ที่ได้มาที่ "สยามเจมส์ เฮอริเทจ" (Siamgems Heritage) พิพิธภัณฑ์อัญมณีทันสมัยในย่านเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทราก็เพื่อมาชมบรรดาเพชรพลอยมากมูลค่า ที่ไม่ใช่แค่การมาชมความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้ความรู้เกี่ยวกับการกำเนิดของเพชรนิลจินดา เพชรพลอยสีสันสวยงามที่มีมากชนิดกว่าที่เราคิด และยังมีเรื่องราวของมณีมงคล และยังได้ชม "ทับทิมสยาม" เม็ดเป้งอันเป็นไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่นำชมและให้ความรู้ตลอดเส้นทาง

เมื่อเข้ามาด้านใน "สยามเจมส์ เฮอริเทจ" สิ่งแรกที่จะได้เห็นก็คือช้างทองคำสองเชือกที่เดินเยื้องย่างมาต้อนรับที่โถงทางเข้า ช้างทั้งสองเชือกนี้คือ “ประติมากรรมช้างทองคำ” เป็นช้างสองพ่อลูก ตัวพ่อชื่อว่าคุณทับทิม ส่วนลูกน้อยเกาะหางพ่อตามมาติดๆ ชื่อว่าพลายน้อย ทั้งสองเชือกงามอร่ามด้วยทองคำ 99.99% ที่หุ้มอยู่และแต่งกายด้วยเครื่องทรงสมัยอยุธยาตอนต้นซึ่งเป็นศิลปะเครื่องทองโบราณตามแบบกรุวัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ฝังด้วยนพรัตน์ต่างๆ มากมาย หากมองดูดีๆ จะเห็นว่าทั้งสองเชือกกำลังเดินอยู่บนสายน้ำ ซึ่งหมายถึงแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของไทยอันหมายถึงศุภโชคโภคทรัพย์และความรุ่งเรืองตลอดไป

อีกทั้งบนหลังคุณทับทิมยังมี “พระพุทธมหาปารมีนุภาพพิสุทธิ์อนุตตรสังคามวิชัย” ประดิษฐานอยู่บนหลัง นามองค์พระมีความหมายอันเป็นมงคลว่า พระพุทธเจ้าผู้ชนะสูงสุดเหนือสงครามมารด้วยพระพุทธานุภาพแห่งพระบารมีอันบริสุทธิ์ยิ่ง
ชมภาพยนตร์สั้นในสยามเจมส์สเฟียร์
ชื่นชมความงามและถ่ายรูปกับช้างทองคำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เข้าไปยัง “สยามเจมส์ สเฟียร์” เข้าไปชมภาพยนตร์สั้นในโรงภาพยนตร์รูปแบบโดมกลมขนาดใหญ่ ที่จะพาเราเข้าสู่โลกของอัญมณี ให้เราเข้าใจว่าธรรมชาติและกาลเวลาได้สร้างสรรค์สิ่งงดงามเช่นอัญมณีเหล่านี้ให้เกิดขึ้นได้อย่างไร ภาพยนตร์สั้นๆ นี้ยิ่งน่าตื่นตาเมื่อมาพร้อมกับแสงสีเสียงรอบทิศทางแบบ 360 องศา เพลิดเพลินกับเรื่องราวของเพชรพลอยต่างๆ ทีนี้ก็ได้เวลาที่เราจะเข้าไปชมอัญมณีกันแบบเต็มๆ แล้ว
ห้องมณีนิรันดร์
สำหรับห้องจัดแสดงแรกคือ “มณีนิรันดร์” ที่ห้องนี้จะแสดงให้เราเห็นว่ามนุษย์ทุกยุคทุกสมัยล้วนชอบแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยเครื่องประดับสวยๆ งามๆ นับตั้งแต่ยุคลูกปัดที่มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์นำเอาหินสีมาทำเป็นลูกปัดร้อยเป็นสร้อยประดับกาย ต่อมาในยุคสำริดมนุษย์ก็หลอมโลหะทำเป็นเครื่องประดับผม จนมาถึงยุคทองคำก็ยิ่งมีเครื่องประดับที่หรูหราอลังการ มาจนถึงยุครัตนชาติที่มนุษย์นำพลอยสีมาขัดจนเกิดเหลี่ยมมุมงดงามล้ำค่า และยุควิจิตรบรรจงที่เทคโนโลยีการเจียระไนได้ถือกำเนิดขึ้นสร้างประกายเจิดจรัสให้กับอัญมณีในแบบที่ไม่เคยเป็นมา
เครื่องประดับในยุคแรกทำจากเขาและกระดูกสัตว์
การเจียระไนเพชรแบบต่างๆ
เพชรพลอยน้ำงามที่เราต่างชื่นชมนั้น แท้จริงแล้วเป็นก้อนหินก้อนหนึ่ง แต่ได้ถูกนำมาเจียระไนจนกลายเป็นอัญมณีล้ำค่าราคาสูง ดังนั้นการเจียระไนจึงเป็นอีกหนึ่งศาสตร์ที่สำคัญมากๆ โดยในห้อง “มณีประกาย” ทำให้เรารู้ว่าการเจียระไนนั้นมีหลายแบบมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเหลี่ยมเกสร เหลี่ยมมรกต เหลี่ยมกุหลาบ และหลังเบี้ย รวมไปถึงการเจียระไนตามรูปทรงดั้งเดิมของอัญมณี ได้แก่ ทรงกลม ทรงหัวใจ ทรงเม็ดแตง ทรงผืนผ้าตัดมุม และทรงหยดน้ำ ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยความชำนาญของช่างที่ตั้งใจทำให้หินสีแต่ละก้อนกลายเป็นอัญมณีเลอค่าสวยระยิบตา

อีกทั้งในห้องนี้ยังจัดแสดงอัญมณีและผลึกแร่ต่างๆ ทั้งที่เห็นโดยทั่วไป และกลุ่มอัญมณีหายากที่หลายๆ ชนิดเราก็ไม่เคยเห็น ไม่ค่อยคุ้นหู แต่ดูแล้วสีสันสวยงามเหลือเกิน ขอบอกว่าในโซนนี้เป็นอัญมณีของจริงทั้งนั้นมาโชว์ให้เราได้เห็นประกายน้ำงามจากเพชรพลอยของแท้กันเลย
แซฟไฟร์ชนิดต่างๆ
มีอัญมณีให้ชมหลากชนิด
อัญมณีที่จัดแสดงให้ชมก็เช่นกลุ่มคอรันดัม (Corundum) อาทิ ทับทิม ไพลิน บุษราคัม กลุ่มเบริล (Beryl) เช่น มรกต อความารีน และที่หายากมากๆ ก็คือ “บิกซ์ไบต์” (Bixbite) ซึ่งบางคนจะเรียกว่า “มรกตสีแดง” จัดเป็นอัญมณีที่หายากมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก แต่เราสามารถหาชมได้ที่สยามเจมส์ เฮอริเทจ แห่งนี้ นับว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ภายในห้องจัดแสดง มณีประกาย
ห้องมณีมงคล เรื่องราวของมณีมงคลทั้ง 9 ชนิด
สำหรับคนไทยแล้วเรามีความเชื่อเกี่ยวกับอัญมณีมงคล 9 ชนิด หรือ “นพรัตน์” ที่เชื่อว่าหากได้ครอบครองจะเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง โดยถัดมาในห้อง “มณีมงคล” ได้เล่าเรื่องราวของอัญมณีทั้ง 9 ชนิด ซึ่งมีความหมายและมงคลที่แตกต่างกัน อีกทั้งเชื่อว่าเป็นสื่อรับพลังจากดวงดาวในจักรวาลและส่งอิทธิพลต่อชีวิต โดยอัญมณีทั้ง ชนิดนั้นได้แก่ “ทับทิม” สื่อถึงพระอาทิตย์ นำมาซึ่งความสำเร็จและลาภยศ “มุกดา” สื่อถึงพระจันทร์ นำมาซึ่งความร่มเย็นเป็นสุข “เพทาย” สื่อถึงพระอังคาร นำมาซึ่งความมั่งคั่งร่ำรวย “มรกต” สื่อแห่งพระพุธ นำมาซึ่งความศรัทธา “บุษราคัม” สื่อแห่งพระพฤหัสบดี นำมาซึ่งความมีเสน่ห์ “เพชร” สื่อถึงพระศุกร์ นำมาซึ่งความยิ่งใหญ่ “ไพลิน” เป็นสื่อแห่งพระเสาร์ นำมาซึ่งความเมตตากรุณา “โกเมน” เป็นสื่อแทนพระราหู นำมาซึ่งสุขภาพดี อายุยืนยาว และ “ไพทูรย์” เป็นสื่อแห่งพระเกตุ นำมาซึ่งการคุ้มครองป้องกัน
เครื่องประดับประกอบด้วยนพรัตน์ตามแบบโบราณ
บางคนจึงเลือกสวมใส่อัญมณีตามวันเกิด หรือตามความเชื่อในมงคลที่ต่างกันไป มีชนิดเดียวก็ว่าสวยแล้ว แต่ยิ่งถ้ามีครบทั้ง 9 ชนิดก็ยิ่งสวยและรวยมากกก แต่สำหรับเราๆ ที่ยังเลือกไม่ได้ (ไม่มีเงิน) ก็ขอให้มาชมนพรัตน์ที่จัดแสดงไว้ที่สยามเจมส์ เฮอริเทจแทน เพราะในส่วนนี้เขาได้จัดแสดงเซ็ทเครื่องประดับที่ทำจากอัญมณีทั้ง 9 ชนิดไว้ให้ชม ทั้งในแบบเครื่องประดับโบราณ และแบบที่ทันสมัยสวยงาม ดูเพลินตาเพลินใจมากๆ
เครื่องประดับนพรัตน์ในรูปแบบที่ทันสมัยมากขึ้น
สยามเจมส์เทียร่า มีทับทิมสยามเป็นเพชรยอดมงกุฎ
เพิ่งจะน้ำลายหกกับเซ็ทเครื่องประดับนพรัตน์มาหมาดๆ ต้องมาอ้าปากค้างต่อกับไฮไลต์เด่นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ในห้องจัดแสดงต่อมา “ปัทมราณี” เพราะที่นี่เขามีผลงานชิ้นเอกของสยามเจมส์ เฮอริเทจ นั่นคือ “สยามเจมส์เทียร่า” มงกุฎเพชรยอดทับทิมที่เป็นประกายระยิบระยับจับตา โดยเพชรยอดมงกุฎอันงามสง่านั้นคือทับทิมสยามขนาดใหญ่ถึง 21.09 กะรัต และมีทับทิมบริวารอีก 24 เม็ด รายล้อมมงกุฎด้วยเพชรแท้กว่า 1,946 เม็ด มงกุฎเลอค่านี้ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยฝีมือของช่างไทยที่มีฝีมือไม่เป็นรองใครเลยทีเดียว ซึ่งในห้องจัดแสดงนี้ก็เผยให้เห็นการทำงานของช่างทำเครื่องประดับ ซึ่งเป็นช่างจริงๆ และกำลังทำเครื่องประดับให้เราดูกันจริงๆ อีกด้วย
ช่างโชว์ขั้นตอนการทำเครื่องประดับให้ชม
ห้องสุดท้าย มณีวิทยา
ในที่สุดเราก็เดินชมมาถึงห้องสุดท้าย “มณีวิทยา” ในห้องนี้จะพูดถึงการออกแบบและการขึ้นตัวเรือนของเครื่องประดับ โดยบอกถึงขั้นตอนการผลิตแต่ละขั้น เริ่มต้นจากการออกแบบ ซึ่งมีทั้งการออกแบบด้วยมือและคอมพิวเตอร์ การเจียระไนอัญมณีเป็นรูปแบบต่างๆ การขึ้นรูปตัวเรือน และการฝังอัญมณีลงไปในตัวเรือน และยังจัดแสดงอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในแต่ละขั้นตอนการทำงาน และที่สนุกสนานก็คือ เราได้ลองออกแบบอัญมณีบนจอทัชสกรีนด้วยตัวเองผ่านโปรแกรมพิเศษอีกด้วย

และถ้าใครไม่อยากแค่ดูผ่านจอ แต่อยากชมและอยากเลือกซื้ออัญมณีน้ำงามของสยามเจมส์ เฮอริเทจ ก็สามารถสอบถามกับเจ้าหน้าที่ให้พาไปเลือกช้อปกันได้ตามอัธยาศัย
ด้านหน้าทางเข้าสยามเจมส์เฮอริเทจ
ในเมืองไทยนี้มีพิพิธภัณฑ์อัญมณีอยู่ไม่กี่แห่ง และ “สยามเจมส์ เฮอริเทจ” ก็เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์อัญมณีที่จัดแสดงได้อย่างทันสมัยได้ความรู้ครบถ้วน ถ้าใครสนใจทางด้านความสวยงามของเพชรพลอยและสนใจการออกแบบเครื่องประดับรับรองเดินชมกันเพลิน ได้มาชมเพชรพลอยสวยงามหายาก แถมยังได้ความรู้ใหม่ๆ กลับไปอีกเพียบ งานนี้ขอบอกเลยว่าคนรักอัญมณีห้ามพลาด

“สยามเจมส์ เฮอริเทจ” ตั้งอยู่บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม (ถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา) แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่มกรุงเทพมหานคร การเดินทางจากถนนรามอินทราเข้ามายังถนนเลียบทางด่วน (มุ่งหน้าพระราม 9) เมื่อเลยตลาดนัดเลียบด่วนและปากทางเข้าซอยนวลจันทร์มาแล้วจะเห็นสยามเจมส์ เฮอริเทจ อยู่ทางซ้ายมือ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมได้ในเวลา 12.00-17.00 น. (รอบสุดท้ายเข้าชมเวลา 16.00 น.) อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่คนไทย 200 บาท เด็ก (ความสูง 90-135 ซม.) ราคา 100 บาท ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและเด็กสูงต่ำกว่า 90 ซม. ไม่เสียค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ต่างชาติ 300 บาท เด็กต่างชาติ 200 บาท สนใจสอบถามข้อมูลโทร.0 2949 9500 #0 หรือ www.siamgemsheritage.com  

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


กำลังโหลดความคิดเห็น