Facebook :Travel @ Manager
“ราชบุรี” จังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ หลายคนนิยมเดินทางมาเที่ยวในช่วงวันหยุด ไม่ว่าจะเป็นการมาค้างคืน หรือเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดราชบุรีนั้นก็มีหลากหลาย ทั้งการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัดวาอาราม ชุมชนเก่า หรือเที่ยวตามแหล่งศิลปะต่างๆ ซึ่งที่ราชบุรีก็ขึ้นชื่อว่าเป็น “ชุมชนคนอาร์ต” เนื่องจากเป็นเมืองที่มีศิลปะสอดแทรกอยู่ในวิถีชีวิตและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือ การมาเยือน “ตลาด” ของราชบุรี ที่มีให้เลือกทั้งตลาดน้ำ ตลาดบก รวมถึงตลาดเก่า ก็มีหลากหลายแห่ง ซึ่งตลาดเก่าอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือที่ “โพธาราม” นั่นเอง
“โพธาราม” เป็นอำเภอหนึ่งในราชบุรี ที่ตั้งอยู่บริเวณลุ่มน้ำแม่กลอง ในตัวเมืองโพธารามก็เป็นที่ตั้งของ “ตลาดเก่าโพธาราม” ซึ่งเป็นตลาดเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่ปัจจุบันนี้ หากได้ไปเดินชมก็ยังคงเห็นเรือนไม้เก่าแก่สวยงามทั้งสองข้างถนนอยู่หลายหลัง
สำหรับตลาดเก่าโพธารามนั้นแบ่งออกเป็นสามส่วน คือ ตลาดบน ตลาดกลาง และ ตลาดล่าง
เริ่มต้นที่ “ตลาดบน” บริเวณนี้จะยังคงเห็นเรือนไม้เก่าแก่อยู่หลายหลัง ถือว่าเป็นโซนที่หลายๆ คนแวะมาถ่ายรูปในมุมต่างๆ อย่างบริเวณบ้านแม่เลขา ซึ่งเป็นเรือนแถวไม้เก่าแก่ และเป็นที่ตั้งของชมรมอย่าลืมโพธาราม
เดินเล่นแถมๆ ตลาดบน ก็มีทั้งร้านกาแฟและคาเฟ่เล็กๆ ให้แวะเวียนเข้าไปนั่งพัก จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ได้ มีห้องภาพเสถียรทอง ห้องถ่ายรูปเก่าแก่เจ้าเดียวของโพธาราม ที่ยังคงความคลาสสิค มีกล้องถ่ายภาพแบบโบราณให้ชมกัน
นอกจากเรือนแถวไม้ ก็ยังมี “วิกครูทวี” ที่ทำให้ยังมองเห็นความรุ่งเรืองเมื่อสมัยอดีตได้ วิกครูทวีเป็นโรงหนังเก่าแก่ในโพธาราม ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 เริ่มต้นจากครูทวี หรือ ทวี แอคะรัต ได้สร้างห้องโรงหนังขึ้นที่บริเวรตลาดกลาง ก่อนจะย้ายมาตั้ง ณ ที่อยู่ปัจจุบัน โดยเริ่มแรกเป็นห้องแถวไม้ ตั้งจอไว้ทางทิศเหนือ มีเก้าอี้ไม้ยาว ประตูบานเฟี้ยม จากนั้นจึงได้สร้างเป็นอาคารแบบที่เห็นในปัจจุบัน เมื่อปี 2501
วิกครูทวี ดำเนินกิจการมาเรื่อยๆ จนกระทั่วปิดตัวลงเมื่อปี 2541 แต่อุปกรณ์เกี่ยวกับการฉายหนังและฟิล์มต่างๆ ยังอยู่ครบ จนในภายหลังมีการปรับปรุงพื้นที่บางส่วนเพื่อใช้เป็นศูนย์ทำกิจกรรม
ถัดจากตลาดบน ที่อยู่ติดๆ กันก็คือ “ตลาดกลาง” ซึ่งเป็นย่านตลาดสดเทศบาล บริเวณนี้สามารถลงไปเดินเล่นริมเขื่อนได้ มีการปรับปรุงพื้นที่ริมแม่น้ำแม่กลองเป็นแบบเขื่อนคอนกรีต ใกล้ๆ กับตลาดสดก็จะเห็นหอนาฬิกาขนาดใหญ่ สำหรับตลาดสดของที่นี่ก็จะคึกคักในช่วงเช้า ส่วนช่วงเย็นก็จะมีตลาดโต้รุ่ง ให้เดินเลือกซื้อของอร่อยกันได้ตามชอบ
ของกินเด็ดๆ ของย่านตลาดกลางต้องยกให้ “เต้าหู้ดำ” ที่ถือเป็นเมนูเด่นของโพธารามด้วย โดยเต้าหู้ดำนั้นก็คือ เต้าหู้ขาวที่ทำมาจากถั่วเหลืองแท้ 100% ไม่มีส่วนผสมของแป้ง เหมือนกับโรงงานเต้าหู้อื่นๆ ต้มในน้ำพะโล้โดย ส่วนผสมที่ใช้ประกอบไปด้วย ผงพะโล้ และน้ำตาลทราย เกลือทะเล อบเชย โป๊ยกั๊ก โดยไม่มีการใส่สารกันบูดแต่อย่างใด ใช้เทคนิค การต้มอยู่ที่การใช้ไฟปานกลางและใช้เวลาต้มนานถึง 3 วัน จนน้ำพะโล้เข้าเนื้อจึงนำมาวางขาย ใครมาเที่ยวโพธารามอย่าลืมแวะซื้อกลับบ้านไปชิมกันด้วย
เดินเล่นย่านตลาดกลางก็จะยังคงเห็นเรือนแถวไม้เก่าแก่อยู่ด้วยเช่นกัน บางส่วนก็เปิดเป็นร้านรวงต่างๆ บางส่วนก็ปิดไว้เฉยๆ และบริเวณตลาดกลางนี้ก็ยังมี “สถานีรถไฟโพธาราม” ที่ปัจจุบันก็ยังใช้งานอยู่ จะแวะมาถ่ายรูปสวยๆ กันก็ได้ หรือใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศในการมาเที่ยวโพธาราม การนั่งรถไฟมาลงที่สถานีโพธารามนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีไม่น้อย
ในส่วนของ “ตลาดล่าง” ก็มีจุดน่าสนใจคือ “วัดโพธิ์ไพโรจน์” วัดสังกัดคณะสงฆ์มหานิกายที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อสุโขทัย" พระประธานประจำอุโบสถ “วัดโชค” มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่มากให้ได้มากราบไหว้กัน
บรรยากาศในย่านตลาดเก่าของโพธาราม จะเรียกว่าเป็นตลาดเก่าที่ยังมชีวิตก็ได้ เพราะยังมีผู้คนอยู่อาศัย มีการค้าขาย สัญจร ใช้ชีวิตกันตามปกติ มีความผสมกลมกลืนกันระหว่างบรรยากาศเก่าๆ กับความสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว
นอกจากที่ตลาดเก่าแล้ว ในโพธารามก็ยังมีศิลปะล้ำค่าที่ยังคงส่งต่อความงดงามมาจนถึงคนรุ่นหลัง อย่างเช่นที่ “วัดไทรอารีรักษ์” ที่นี่เป็นวัดมอญเก่าแก่ คาดว่ามีมาตั้งแต่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในพระอุโบสถมีการเขียนภาพจิตกรรมฝาผนังทั้งสี่ด้าน
ส่วนที่วิหารของวัดนี้ มีความพิเศษตรงที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบลาว สันนิษฐานว่าวิหารแห่งนี้อาจสร้างโดยชาวลาว และมีมาก่อนพระอุโบสถ สิ่งที่โดดเด่นภายในวิหารคือ “เก๋งจีน” สร้างขึ้นเป็นมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทโลหะ
จากวัดไทรอารีรักษ์ ก็ตรงมาที่ “วัดคงคาราม” เป็นอีกหนึ่งวัดที่ขอแนะนำให้ไปชมงานศิลปะชิ้นเอกคือภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถวัดคงคารามซึ่งวาดขึ้นในสมัย ร.3 และยังมีความสมบูรณ์อยู่มาก ภาพจิตรกรรมเป็นเรื่องราวพุทธประวัติ มีทั้งเรื่องราวพุทธประวัติตอนมารผจญ ภาพสวรรค์ชั้นต่างๆ ที่วาดอย่างอ่อนช้อยงดงามมากทีเดียว
และอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือ “วัดขนอน” ที่มีศิลปะการแสดง “หนังใหญ่วัดขนอน” อันเลื่องชื่อ โดยการแสดงหนังใหญ่นั้นจะเป็นการนำแผ่นหนังสัตว์ที่ผ่านการแกะสลักเป็นตัวละครต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องรามเกียรติ์ด้วยลวดลายไทยเชิงจิตรกรรม มาผนวกกับศิลปะทางนาฏศิลป์การละคร กอปรกับบทพากย์ บทเจรจา บทขับร้อง และดนตรี ทำให้เกิดเป็นเรื่องราวทางตามบทละครอันเพลิดเพลินน่าชม โดยการแสดงเชิดหนังใหญ่นี้จะมีให้ชมเฉพาะในวันเสาร์ เวลา 10.00 น. และวันอาทิตย์ เวลา 11.00 น. เท่านั้น อีกทั้งยังสามารถเดินชม “พิพิธภัณฑ์สถานแสดงนิทรรศการหนังใหญ่” ที่จัดแสดงถึงเรื่องราวความเป็นมาของหนังใหญ่ และยังมีตัวหนังเก่าแก่ล้ำค่าน่าชมยิ่ง
มาเที่ยว “โพธาราม” แม้จะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แต่ที่นี่ก็มีอะไรน่าสนใจหลายๆ อย่าง ทั้งที่เที่ยว อาหารการกิน โดยเฉพาะมนต์เสน่ห์ของบรรยากาศเก่าๆ ที่เดินเล่นไปเรื่อยๆ ได้ไม่มีเบื่อ จะเลือกแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือถ้ามีเวลาก็มานอนค้างสักคืน ได้ซึมซับบรรยากาศของเมืองโพธารามได้อย่างเต็มอิ่ม
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
“ราชบุรี” จังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ หลายคนนิยมเดินทางมาเที่ยวในช่วงวันหยุด ไม่ว่าจะเป็นการมาค้างคืน หรือเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดราชบุรีนั้นก็มีหลากหลาย ทั้งการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัดวาอาราม ชุมชนเก่า หรือเที่ยวตามแหล่งศิลปะต่างๆ ซึ่งที่ราชบุรีก็ขึ้นชื่อว่าเป็น “ชุมชนคนอาร์ต” เนื่องจากเป็นเมืองที่มีศิลปะสอดแทรกอยู่ในวิถีชีวิตและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือ การมาเยือน “ตลาด” ของราชบุรี ที่มีให้เลือกทั้งตลาดน้ำ ตลาดบก รวมถึงตลาดเก่า ก็มีหลากหลายแห่ง ซึ่งตลาดเก่าอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือที่ “โพธาราม” นั่นเอง
“โพธาราม” เป็นอำเภอหนึ่งในราชบุรี ที่ตั้งอยู่บริเวณลุ่มน้ำแม่กลอง ในตัวเมืองโพธารามก็เป็นที่ตั้งของ “ตลาดเก่าโพธาราม” ซึ่งเป็นตลาดเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่ปัจจุบันนี้ หากได้ไปเดินชมก็ยังคงเห็นเรือนไม้เก่าแก่สวยงามทั้งสองข้างถนนอยู่หลายหลัง
สำหรับตลาดเก่าโพธารามนั้นแบ่งออกเป็นสามส่วน คือ ตลาดบน ตลาดกลาง และ ตลาดล่าง
เริ่มต้นที่ “ตลาดบน” บริเวณนี้จะยังคงเห็นเรือนไม้เก่าแก่อยู่หลายหลัง ถือว่าเป็นโซนที่หลายๆ คนแวะมาถ่ายรูปในมุมต่างๆ อย่างบริเวณบ้านแม่เลขา ซึ่งเป็นเรือนแถวไม้เก่าแก่ และเป็นที่ตั้งของชมรมอย่าลืมโพธาราม
เดินเล่นแถมๆ ตลาดบน ก็มีทั้งร้านกาแฟและคาเฟ่เล็กๆ ให้แวะเวียนเข้าไปนั่งพัก จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ได้ มีห้องภาพเสถียรทอง ห้องถ่ายรูปเก่าแก่เจ้าเดียวของโพธาราม ที่ยังคงความคลาสสิค มีกล้องถ่ายภาพแบบโบราณให้ชมกัน
นอกจากเรือนแถวไม้ ก็ยังมี “วิกครูทวี” ที่ทำให้ยังมองเห็นความรุ่งเรืองเมื่อสมัยอดีตได้ วิกครูทวีเป็นโรงหนังเก่าแก่ในโพธาราม ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 เริ่มต้นจากครูทวี หรือ ทวี แอคะรัต ได้สร้างห้องโรงหนังขึ้นที่บริเวรตลาดกลาง ก่อนจะย้ายมาตั้ง ณ ที่อยู่ปัจจุบัน โดยเริ่มแรกเป็นห้องแถวไม้ ตั้งจอไว้ทางทิศเหนือ มีเก้าอี้ไม้ยาว ประตูบานเฟี้ยม จากนั้นจึงได้สร้างเป็นอาคารแบบที่เห็นในปัจจุบัน เมื่อปี 2501
วิกครูทวี ดำเนินกิจการมาเรื่อยๆ จนกระทั่วปิดตัวลงเมื่อปี 2541 แต่อุปกรณ์เกี่ยวกับการฉายหนังและฟิล์มต่างๆ ยังอยู่ครบ จนในภายหลังมีการปรับปรุงพื้นที่บางส่วนเพื่อใช้เป็นศูนย์ทำกิจกรรม
ถัดจากตลาดบน ที่อยู่ติดๆ กันก็คือ “ตลาดกลาง” ซึ่งเป็นย่านตลาดสดเทศบาล บริเวณนี้สามารถลงไปเดินเล่นริมเขื่อนได้ มีการปรับปรุงพื้นที่ริมแม่น้ำแม่กลองเป็นแบบเขื่อนคอนกรีต ใกล้ๆ กับตลาดสดก็จะเห็นหอนาฬิกาขนาดใหญ่ สำหรับตลาดสดของที่นี่ก็จะคึกคักในช่วงเช้า ส่วนช่วงเย็นก็จะมีตลาดโต้รุ่ง ให้เดินเลือกซื้อของอร่อยกันได้ตามชอบ
ของกินเด็ดๆ ของย่านตลาดกลางต้องยกให้ “เต้าหู้ดำ” ที่ถือเป็นเมนูเด่นของโพธารามด้วย โดยเต้าหู้ดำนั้นก็คือ เต้าหู้ขาวที่ทำมาจากถั่วเหลืองแท้ 100% ไม่มีส่วนผสมของแป้ง เหมือนกับโรงงานเต้าหู้อื่นๆ ต้มในน้ำพะโล้โดย ส่วนผสมที่ใช้ประกอบไปด้วย ผงพะโล้ และน้ำตาลทราย เกลือทะเล อบเชย โป๊ยกั๊ก โดยไม่มีการใส่สารกันบูดแต่อย่างใด ใช้เทคนิค การต้มอยู่ที่การใช้ไฟปานกลางและใช้เวลาต้มนานถึง 3 วัน จนน้ำพะโล้เข้าเนื้อจึงนำมาวางขาย ใครมาเที่ยวโพธารามอย่าลืมแวะซื้อกลับบ้านไปชิมกันด้วย
เดินเล่นย่านตลาดกลางก็จะยังคงเห็นเรือนแถวไม้เก่าแก่อยู่ด้วยเช่นกัน บางส่วนก็เปิดเป็นร้านรวงต่างๆ บางส่วนก็ปิดไว้เฉยๆ และบริเวณตลาดกลางนี้ก็ยังมี “สถานีรถไฟโพธาราม” ที่ปัจจุบันก็ยังใช้งานอยู่ จะแวะมาถ่ายรูปสวยๆ กันก็ได้ หรือใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศในการมาเที่ยวโพธาราม การนั่งรถไฟมาลงที่สถานีโพธารามนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีไม่น้อย
ในส่วนของ “ตลาดล่าง” ก็มีจุดน่าสนใจคือ “วัดโพธิ์ไพโรจน์” วัดสังกัดคณะสงฆ์มหานิกายที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อสุโขทัย" พระประธานประจำอุโบสถ “วัดโชค” มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่มากให้ได้มากราบไหว้กัน
บรรยากาศในย่านตลาดเก่าของโพธาราม จะเรียกว่าเป็นตลาดเก่าที่ยังมชีวิตก็ได้ เพราะยังมีผู้คนอยู่อาศัย มีการค้าขาย สัญจร ใช้ชีวิตกันตามปกติ มีความผสมกลมกลืนกันระหว่างบรรยากาศเก่าๆ กับความสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว
นอกจากที่ตลาดเก่าแล้ว ในโพธารามก็ยังมีศิลปะล้ำค่าที่ยังคงส่งต่อความงดงามมาจนถึงคนรุ่นหลัง อย่างเช่นที่ “วัดไทรอารีรักษ์” ที่นี่เป็นวัดมอญเก่าแก่ คาดว่ามีมาตั้งแต่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในพระอุโบสถมีการเขียนภาพจิตกรรมฝาผนังทั้งสี่ด้าน
ส่วนที่วิหารของวัดนี้ มีความพิเศษตรงที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบลาว สันนิษฐานว่าวิหารแห่งนี้อาจสร้างโดยชาวลาว และมีมาก่อนพระอุโบสถ สิ่งที่โดดเด่นภายในวิหารคือ “เก๋งจีน” สร้างขึ้นเป็นมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทโลหะ
จากวัดไทรอารีรักษ์ ก็ตรงมาที่ “วัดคงคาราม” เป็นอีกหนึ่งวัดที่ขอแนะนำให้ไปชมงานศิลปะชิ้นเอกคือภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถวัดคงคารามซึ่งวาดขึ้นในสมัย ร.3 และยังมีความสมบูรณ์อยู่มาก ภาพจิตรกรรมเป็นเรื่องราวพุทธประวัติ มีทั้งเรื่องราวพุทธประวัติตอนมารผจญ ภาพสวรรค์ชั้นต่างๆ ที่วาดอย่างอ่อนช้อยงดงามมากทีเดียว
และอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือ “วัดขนอน” ที่มีศิลปะการแสดง “หนังใหญ่วัดขนอน” อันเลื่องชื่อ โดยการแสดงหนังใหญ่นั้นจะเป็นการนำแผ่นหนังสัตว์ที่ผ่านการแกะสลักเป็นตัวละครต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องรามเกียรติ์ด้วยลวดลายไทยเชิงจิตรกรรม มาผนวกกับศิลปะทางนาฏศิลป์การละคร กอปรกับบทพากย์ บทเจรจา บทขับร้อง และดนตรี ทำให้เกิดเป็นเรื่องราวทางตามบทละครอันเพลิดเพลินน่าชม โดยการแสดงเชิดหนังใหญ่นี้จะมีให้ชมเฉพาะในวันเสาร์ เวลา 10.00 น. และวันอาทิตย์ เวลา 11.00 น. เท่านั้น อีกทั้งยังสามารถเดินชม “พิพิธภัณฑ์สถานแสดงนิทรรศการหนังใหญ่” ที่จัดแสดงถึงเรื่องราวความเป็นมาของหนังใหญ่ และยังมีตัวหนังเก่าแก่ล้ำค่าน่าชมยิ่ง
มาเที่ยว “โพธาราม” แม้จะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แต่ที่นี่ก็มีอะไรน่าสนใจหลายๆ อย่าง ทั้งที่เที่ยว อาหารการกิน โดยเฉพาะมนต์เสน่ห์ของบรรยากาศเก่าๆ ที่เดินเล่นไปเรื่อยๆ ได้ไม่มีเบื่อ จะเลือกแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือถ้ามีเวลาก็มานอนค้างสักคืน ได้ซึมซับบรรยากาศของเมืองโพธารามได้อย่างเต็มอิ่ม
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager