Facebook :Travel @ Manager

“หลงลับแล” และ “หลินลับแล” ชื่อนี้เริ่มฮิตติดหูคนรักทุเรียน แต่แม้จะมีชื่อคุ้นหูแล้ว บางคนอาจยังไม่เคยชิม ด้วยเพราะถิ่นกำเนิดต้นตำรับนั้นอยู่ที่อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ อีกอย่างก็ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง ในพื้นที่เองขายหลงลับแลอยู่ที่กิโลกรัมละ 250-450 บาท หรือหากจะซื้อกินที่กรุงเทพฯ ราคาก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก ก็เลยทำให้หลายคนต้องคิดก่อนซื้อ
แต่ขอแนะนำว่าถ้ามีโอกาสมาเยือนภาคเหนือในช่วงนี้แล้วละก็ ขอให้แวะมาลับแล มาชิมทุเรียนหลงลับแลให้ถึงที่สักครั้ง ว่าจะเด็ดจริงสมคำร่ำลือหรือไม่ (ส่วนทุเรียนพันธุ์หลินลับแลในช่วงนี้ยังไม่ออกผลผลิตให้กิน)


สำหรับต้นกำเนิดของทุเรียน “หลงลับแล” นั้น เกิดขึ้นเมื่อนางหลง อุประ ชาวบ้านลับแล อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ได้นำเอาเมล็ดทุเรียนไม่ทราบพันธุ์ไปปลูกจนได้ผลผลิต และได้นำทุเรียนดังกล่าวส่งเข้าประกวด จนได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจากการประกวดทุเรียนของกรมส่งเสริมการเกษตรและจังหวัดอุตรดิตถ์ ใน พ.ศ.2520 และได้จดทะเบียนรับรองสายพันธุ์ในเวลาต่อมา อีกทั้งยังได้มีการนำกิ่งพันธุ์ทุเรียนต้นนั้นมาขยายพันธุ์ด้วยการทาบกิ่งและเสียบยอดกับทุเรียนสายพันธุ์พื้นเมือง จนกระทั่งออกมาเป็นทุเรียนพันธุ์หลงลับแลรสชาติเยี่ยม
ลักษณะเด่นของทุเรียนหลงลับแลคือผลจะมีขนาดเล็กและค่อนข้างกลม แต่ละลูกจะมีน้ำหนักราว 1-3 กิโลกรัม ส่วนเนื้อมีสีเหลืองนวล กลิ่นไม่แรง เมื่อได้ลองกินจะรู้สึกถึงเนื้อที่เนียนละเอียดแต่ไม่เละ รสหวานมัน ไม่หวานแหลม กลิ่นหอมอ่อนๆ


ทุเรียนหลงลับแลและหลินลับแลถูกเรียกว่าเป็น “ทุเรียนเทวดาเลี้ยง” เพราะพื้นที่ของอำเภอลับแลส่วนใหญ่เป็นภูเขา ชาวสวนจึงทำสวนผลไม้ทั้งในที่ราบและบนภูเขา ต้นที่ขึ้นบนภูเขานั้นยากทั้งการเดินทางและการเข้าไปดูแล จึงต้องปล่อยให้เติบโตไปตามธรรมชาติ อาศัยน้ำฝนและสภาพอากาศที่เป็นใจบ้างไม่เป็นใจบ้างช่วยบำรุง มีไฟป่าเกิดจนทำให้ต้นทุเรียนเสียหายบ้าง มีไปใส่ปุ๋ยบ้างตามวาระ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะปล่อยให้เติบโตและออกผลเอง จึงเป็นที่มาของชื่อทุเรียนเทวดาเลี้ยง (แต่ในยุคนี้ที่ราคาของหลง-หลินลับแลพุ่งสูงขึ้นก็อาจจะต้องช่วยเทวดาดูแลให้มากเป็นพิเศษเพราะมีลูกค้ารอกินอยู่เยอะ)
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อทุเรียนออกผลแล้วการเก็บผลผลิตก็ไม่ธรรมดา เนื่องด้วยทุเรียนปลูกอยู่บนเขาสูงหลายๆ ลูก เมื่อปีนขึ้นไปตัดทุเรียนลงมาแล้วก็ต้องขนส่งทุเรียนข้ามเขา (มายังฝั่งที่มีถนนขนส่งได้สะดวก) โดยการชักรอกเข่งทุเรียนด้วยลวดสลิงจากเขาลูกหนึ่งมายังอีกลูกหนึ่ง แล้วจึงใช้รถมอเตอร์ไซค์บรรทุกผลทุเรียนลงมาจากเขาอีกทอดหนึ่ง ในหน้าทุเรียนเราจะเห็นมอเตอร์ไซค์แบบนี้วิ่งกันขวักไขว่น่าดู


โดยเฉพาะที่ “ตลาดหัวดง” ต.แม่พูล เป็นสถานที่ที่คึกคักที่สุดในหน้าทุเรียนเช่นนี้ ตลาดหัวดงอยู่ใกล้กับเทศบาลตำบลหัวดง อำเภอลับแล เป็นแหล่งจำหน่ายทุเรียนหลง-หลินลับแลที่ใหญ่ที่สุดในลับแล มาที่นี่รับรองไม่มีผิดหวัง มีร้านขายทุเรียนให้เลือกหลายร้าน ไม่ว่าจะเป็นในตลาดที่มีบรรยากาศเหมือนตลาดนัดเปิดโล่ง หรือบริเวณด้านหน้าตลาดริมถนนที่เปิดร้านขายทุเรียนเป็นห้องๆ เรียงกันไป
ราคาของทุเรียนที่นี่ก็จะเท่าๆ กัน ถ้าเป็นหลงลับแลเกรดเอลูกสวยๆ คัดมาอย่างดีราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 400-450 บาท เกรดรองลงมาก็ราวๆ 250-350 บาท นอกจากนั้นก็ยังมีทุเรียนพันธุ์อื่นที่ปลูกในลับแล เช่น หมอนทองลับแล ชะนีลับแล ราคาจะอยู่ที่ราวๆ กิโลกรัมละ 120-140 บาท ส่วนใครอยากกินหลินลับแลต้องรออีกนิดเพราะตอนนี้ยังไม่ออกผลผลิตนะจ๊ะ


และสำหรับใครที่อยากเที่ยวสวนไปด้วย กินทุเรียนไปด้วย ขอแนะนำให้มาที่ “สวนป้าเรียน” ต.ฝายหลวง อ.ลับแล ที่เขาเปิดสวน (บนพื้นราบ) ที่มีทั้งทุเรียน ลองกอง มะไฟ ฯลฯ ให้เข้าไปเดินเล่นชมสวน เดินเสร็จแล้วอยากจะนั่งกินทุเรียนเพลินๆ ก็ให้เลือกทุเรียนแล้วให้ทางร้านแกะทุเรียนใส่กระจาด แล้วถือไปนั่งกินกับเพื่อนฝูงในศาลาใต้ร่มไม้ก็ชิลไปอีกแบบ


ที่นี่เป็นที่แรกๆ ของลับแลที่เปิดในลักษณะให้เดินเล่นชมสวนและนั่งกินทุเรียนกันได้ด้วย มีบรรยากาศที่ดีไม่น้อยทีเดียว ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ลองแวะมากัน สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร. 08 9958 1651


ส่วนอีกที่หนึ่งที่อยากแนะนำสำหรับวัยรุ่นที่ไม่อยากกินแค่ทุเรียนหลงลับแลอย่างเดียว แต่ต้องมีอะไรชิคๆ คูลๆ ถ่ายรูปลงโซเชียลได้ด้วย ต้องมาที่ “เฮือนลับแล” เพราะที่นี่เขามี “หลงลับแลเดอลุกซ์โทสต์” เมนูของหวานที่เสิร์ฟขนมปังโทสต์หนานุ่ม มาพร้อมกับไอศกรีมกะทิ 2 ลูก และไฮไลต์คือทุเรียนหลงลับแลพูสวยๆ น่ากิน ด้านหนึ่งเป็นทุเรียนเหลืองสวย อีกด้านหนึ่งเป็นข้าวเหนียวมูนนุ่มนิ่ม มีวิปครีมวางข้างๆ และมีน้ำกะทิทุเรียนสูตรโฮมเมดไว้ให้ราดสำหรับคนชอบความหวานมันอีกด้วย เมนูจานนี้ราคา 399 บาท มาลองชิมได้ที่ร้านเฮือนลับแล ต.แม่พูล หากอยากชิมเมนูนี้โทรไปสอบถามก่อนได้ที่โทร. 0 5542 7009 ร้านเปิดทุกวัน 09.00-18.00 น.

ผู้ที่สนใจอยากกินทุเรียนหลงลับแล และอยากสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ สามารถสอบถามได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุโขทัย (ดูแลสุโขทัย, อุตรดิตถ์, กำแพงเพชร) โทร.0 5561 6228-9
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
“หลงลับแล” และ “หลินลับแล” ชื่อนี้เริ่มฮิตติดหูคนรักทุเรียน แต่แม้จะมีชื่อคุ้นหูแล้ว บางคนอาจยังไม่เคยชิม ด้วยเพราะถิ่นกำเนิดต้นตำรับนั้นอยู่ที่อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ อีกอย่างก็ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง ในพื้นที่เองขายหลงลับแลอยู่ที่กิโลกรัมละ 250-450 บาท หรือหากจะซื้อกินที่กรุงเทพฯ ราคาก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก ก็เลยทำให้หลายคนต้องคิดก่อนซื้อ
แต่ขอแนะนำว่าถ้ามีโอกาสมาเยือนภาคเหนือในช่วงนี้แล้วละก็ ขอให้แวะมาลับแล มาชิมทุเรียนหลงลับแลให้ถึงที่สักครั้ง ว่าจะเด็ดจริงสมคำร่ำลือหรือไม่ (ส่วนทุเรียนพันธุ์หลินลับแลในช่วงนี้ยังไม่ออกผลผลิตให้กิน)
สำหรับต้นกำเนิดของทุเรียน “หลงลับแล” นั้น เกิดขึ้นเมื่อนางหลง อุประ ชาวบ้านลับแล อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ได้นำเอาเมล็ดทุเรียนไม่ทราบพันธุ์ไปปลูกจนได้ผลผลิต และได้นำทุเรียนดังกล่าวส่งเข้าประกวด จนได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจากการประกวดทุเรียนของกรมส่งเสริมการเกษตรและจังหวัดอุตรดิตถ์ ใน พ.ศ.2520 และได้จดทะเบียนรับรองสายพันธุ์ในเวลาต่อมา อีกทั้งยังได้มีการนำกิ่งพันธุ์ทุเรียนต้นนั้นมาขยายพันธุ์ด้วยการทาบกิ่งและเสียบยอดกับทุเรียนสายพันธุ์พื้นเมือง จนกระทั่งออกมาเป็นทุเรียนพันธุ์หลงลับแลรสชาติเยี่ยม
ลักษณะเด่นของทุเรียนหลงลับแลคือผลจะมีขนาดเล็กและค่อนข้างกลม แต่ละลูกจะมีน้ำหนักราว 1-3 กิโลกรัม ส่วนเนื้อมีสีเหลืองนวล กลิ่นไม่แรง เมื่อได้ลองกินจะรู้สึกถึงเนื้อที่เนียนละเอียดแต่ไม่เละ รสหวานมัน ไม่หวานแหลม กลิ่นหอมอ่อนๆ
ทุเรียนหลงลับแลและหลินลับแลถูกเรียกว่าเป็น “ทุเรียนเทวดาเลี้ยง” เพราะพื้นที่ของอำเภอลับแลส่วนใหญ่เป็นภูเขา ชาวสวนจึงทำสวนผลไม้ทั้งในที่ราบและบนภูเขา ต้นที่ขึ้นบนภูเขานั้นยากทั้งการเดินทางและการเข้าไปดูแล จึงต้องปล่อยให้เติบโตไปตามธรรมชาติ อาศัยน้ำฝนและสภาพอากาศที่เป็นใจบ้างไม่เป็นใจบ้างช่วยบำรุง มีไฟป่าเกิดจนทำให้ต้นทุเรียนเสียหายบ้าง มีไปใส่ปุ๋ยบ้างตามวาระ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะปล่อยให้เติบโตและออกผลเอง จึงเป็นที่มาของชื่อทุเรียนเทวดาเลี้ยง (แต่ในยุคนี้ที่ราคาของหลง-หลินลับแลพุ่งสูงขึ้นก็อาจจะต้องช่วยเทวดาดูแลให้มากเป็นพิเศษเพราะมีลูกค้ารอกินอยู่เยอะ)
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อทุเรียนออกผลแล้วการเก็บผลผลิตก็ไม่ธรรมดา เนื่องด้วยทุเรียนปลูกอยู่บนเขาสูงหลายๆ ลูก เมื่อปีนขึ้นไปตัดทุเรียนลงมาแล้วก็ต้องขนส่งทุเรียนข้ามเขา (มายังฝั่งที่มีถนนขนส่งได้สะดวก) โดยการชักรอกเข่งทุเรียนด้วยลวดสลิงจากเขาลูกหนึ่งมายังอีกลูกหนึ่ง แล้วจึงใช้รถมอเตอร์ไซค์บรรทุกผลทุเรียนลงมาจากเขาอีกทอดหนึ่ง ในหน้าทุเรียนเราจะเห็นมอเตอร์ไซค์แบบนี้วิ่งกันขวักไขว่น่าดู
โดยเฉพาะที่ “ตลาดหัวดง” ต.แม่พูล เป็นสถานที่ที่คึกคักที่สุดในหน้าทุเรียนเช่นนี้ ตลาดหัวดงอยู่ใกล้กับเทศบาลตำบลหัวดง อำเภอลับแล เป็นแหล่งจำหน่ายทุเรียนหลง-หลินลับแลที่ใหญ่ที่สุดในลับแล มาที่นี่รับรองไม่มีผิดหวัง มีร้านขายทุเรียนให้เลือกหลายร้าน ไม่ว่าจะเป็นในตลาดที่มีบรรยากาศเหมือนตลาดนัดเปิดโล่ง หรือบริเวณด้านหน้าตลาดริมถนนที่เปิดร้านขายทุเรียนเป็นห้องๆ เรียงกันไป
ราคาของทุเรียนที่นี่ก็จะเท่าๆ กัน ถ้าเป็นหลงลับแลเกรดเอลูกสวยๆ คัดมาอย่างดีราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 400-450 บาท เกรดรองลงมาก็ราวๆ 250-350 บาท นอกจากนั้นก็ยังมีทุเรียนพันธุ์อื่นที่ปลูกในลับแล เช่น หมอนทองลับแล ชะนีลับแล ราคาจะอยู่ที่ราวๆ กิโลกรัมละ 120-140 บาท ส่วนใครอยากกินหลินลับแลต้องรออีกนิดเพราะตอนนี้ยังไม่ออกผลผลิตนะจ๊ะ
และสำหรับใครที่อยากเที่ยวสวนไปด้วย กินทุเรียนไปด้วย ขอแนะนำให้มาที่ “สวนป้าเรียน” ต.ฝายหลวง อ.ลับแล ที่เขาเปิดสวน (บนพื้นราบ) ที่มีทั้งทุเรียน ลองกอง มะไฟ ฯลฯ ให้เข้าไปเดินเล่นชมสวน เดินเสร็จแล้วอยากจะนั่งกินทุเรียนเพลินๆ ก็ให้เลือกทุเรียนแล้วให้ทางร้านแกะทุเรียนใส่กระจาด แล้วถือไปนั่งกินกับเพื่อนฝูงในศาลาใต้ร่มไม้ก็ชิลไปอีกแบบ
ที่นี่เป็นที่แรกๆ ของลับแลที่เปิดในลักษณะให้เดินเล่นชมสวนและนั่งกินทุเรียนกันได้ด้วย มีบรรยากาศที่ดีไม่น้อยทีเดียว ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ลองแวะมากัน สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร. 08 9958 1651
ส่วนอีกที่หนึ่งที่อยากแนะนำสำหรับวัยรุ่นที่ไม่อยากกินแค่ทุเรียนหลงลับแลอย่างเดียว แต่ต้องมีอะไรชิคๆ คูลๆ ถ่ายรูปลงโซเชียลได้ด้วย ต้องมาที่ “เฮือนลับแล” เพราะที่นี่เขามี “หลงลับแลเดอลุกซ์โทสต์” เมนูของหวานที่เสิร์ฟขนมปังโทสต์หนานุ่ม มาพร้อมกับไอศกรีมกะทิ 2 ลูก และไฮไลต์คือทุเรียนหลงลับแลพูสวยๆ น่ากิน ด้านหนึ่งเป็นทุเรียนเหลืองสวย อีกด้านหนึ่งเป็นข้าวเหนียวมูนนุ่มนิ่ม มีวิปครีมวางข้างๆ และมีน้ำกะทิทุเรียนสูตรโฮมเมดไว้ให้ราดสำหรับคนชอบความหวานมันอีกด้วย เมนูจานนี้ราคา 399 บาท มาลองชิมได้ที่ร้านเฮือนลับแล ต.แม่พูล หากอยากชิมเมนูนี้โทรไปสอบถามก่อนได้ที่โทร. 0 5542 7009 ร้านเปิดทุกวัน 09.00-18.00 น.
ผู้ที่สนใจอยากกินทุเรียนหลงลับแล และอยากสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ สามารถสอบถามได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุโขทัย (ดูแลสุโขทัย, อุตรดิตถ์, กำแพงเพชร) โทร.0 5561 6228-9
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager