Facebook : Travel @ Manager
ฤดูฝนที่มาเยือนในทุกๆ ปีได้นำเอาความสดชื่นชุ่มฉ่ำมายังผืนดินและผืนป่า สายฝนทำให้พืชพันธุ์บางชนิดที่หลับไหลอยู่ในดินได้ฟื้นคืนเติบโต โดยเฉพาะดอกไม้ป่านานาพรรณที่จะเบ่งบานเริงร่าท้าฝน และแต่งแต้มให้พื้นดินและพื้นหญ้าดูน่ารักมีสีสัน ดึงดูดให้คนรักดอกไม้และรักธรรมชาติต้องวางแผนกันในทุกๆ ฤดูฝนว่าปีนี้จะไปดูดอกไม้ป่าหน้าฝนกันที่ไหนดี
กระเจียวงามเต็มท้องทุ่งชัยภูมิ
“ดอกกระเจียว” หรือ “บัวสวรรค์” ได้ชื่อว่าเป็น “ราชินีแห่งป่าฝน” เพราะในฤดูหนาวและฤดูร้อนเหง้าดอกกระเจียวจะฝังตัวสงบนิ่งอยู่ใต้ดิน และเมื่อเข้าสู่ฤดูฝน สายฝนเย็นฉ่ำจะปลุกเหง้าดอกกระเจียวให้แทงหน่อต่อยอดเติบโตและค่อยๆ ผลิดอกออกมาอวดโฉมความงาม
ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต และอุทยานแห่งชาติไทรทอง อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ เป็นสถานที่ชมดอกกระเจียวที่งดงามขึ้นชื่อ เมื่อถึงช่วงเวลาที่ดอกกระเจียวบานสะพรั่งเต็มที่ ทั่วท้องทุ่งหญ้าสีเขียวจะมีดอกกระเจียวสีม่วงอมชมพูแทรกชูช่ออยู่เต็มพื้นที่ ภาพดอกไม้ป่าสีชมพูตัดกับสีเขียวสดของทุ่งหญ้า มีต้นไม้ก้อนหินใหญ่น้อยและผืนป่าเต็งรังเบื้องหลังเป็นฉากที่เพิ่มเสน่ห์และสวยงามให้มากขึ้น และยิ่งถ้าหากไปชมในช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วจะเห็นหมอกฝนลอยเรี่ยทุ่งดอกกระเจียว เป็นภาพที่งดงามดุจความฝันชวนให้หลงใหลไม่น้อย
สำหรับในปีนี้ทุ่งดอกกระเจียวค่อนข้างจะบานเร็วกว่าปกติเพราะฝนที่ตกชุกที่มาเร็ว โดยดอกกระเจียวที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงามเริ่มออกดอกบานแล้ว 10% และคาดว่าจะออกดอกบานเต็มที่ช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม ส่วนเดือนสิงหาคมจะเริ่มโรยแล้วเนื่องจากปีนี้ดอกกระเจียวเริ่มบานเร็วขึ้น
ส่วนที่อุทยานแห่งชาติไทรทองปกติดอกกระเจียวที่นี่จะบานช้ากว่าที่ป่าหินงามประมาณ 1 สัปดาห์ ตอนนี้ดอกกระเจียวกำลังแตกหน่อเริ่มบานแค่ไม่กี่ดอกเท่านั้น คาดว่าจะบานเกิน 50% ช่วงปลายเดือนมิถุนายน และจะบานเต็มที่ 100% ตลอดเดือนกรกฎาคม สามารถเที่ยวทุ่งดอกระเจียวได้จนถึงต้นเดือนสิงหาคม ดอกไม้จะเริ่มโรยหลังกลางเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป
สอบถามรายละเอียดที่ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม โทร.0-4489-0105 อุทยานแห่งชาติไทรทอง โทร.08-9282-3437, 08-1877-8485
"ดอกหงอนนาค" น้ำค้างกลางป่าภูสอยดาว
อีกหนึ่งความงามดอกไม้ป่าหน้าฝนก็คือ “ดอกหงอนนาค” นางเอกของอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ เบ่งบานรอรับนักท่องเที่ยวที่มาชมในช่วงฤดูฝนอันสดชื่นประมาณเดือน ส.ค.-ก.ย. แม้จะต้องใช้เวลา 4-6 ชั่วโมง ในการเดินป่าจากตีนภูขึ้นไปยังลานสนซึ่งเป็นที่ตั้งแคมป์และเป็นจุดชมดอกหงอนนาค (ระยะทาง 6.5 ก.ม.) สภาพเส้นทางเป็นภูเขาที่บางช่วงก็สูงชันไม่น้อยแต่ก็เป็นที่นิยมของนักเดินป่าเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
“ดอกหงอนนาค” เป็นพืชล้มลุกที่มีหลายชื่อเรียก อาทิ หญ้าหงอนเงือก น้ำค้างกลางเที่ยง โดยดอกหงอนนาคจะมีทั้งสีม่วงอ่อนหรือม่วงน้ำเงินที่พบได้บ่อย อีกทั้งยังมีสีขาวและสีชมพูซึ่งค่อนข้างหายาก ดอกหงอนนาคจะเบ่งบานเมื่อมีแสงแดด ด้วยสภาพพื้นที่และสภาพอากาศที่ดอกหงอนนาคขึ้นอยู่มักมีฝนและหมอกอยู่เสมอ ทำให้กลีบดอกมักมีหยดน้ำเกาะพราวเป็นที่มาของชื่อน้ำค้างกลางเที่ยง
บนลานสนของภูสอยดาวมีเนื้อที่ราว 3,000 ไร่ มีความพิเศษหลากหลายไม่ว่าจะเป็นลานสนสามใบตามธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย เป็นลานสน 2 แผ่นดิน เพราะมีอาณาเขตติดสปป.ลาว มีหลักกิโลเมตรแบ่งเขตแดน และเราจะพบดอกหงอนนาคสีม่วงสดใสเบ่งบานเป็นทุ่งใหญ่ในช่วงฤดูฝน ซึ่งถือเป็นทุ่งดอกหงอนนาคที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ทัศนียภาพอันงดงามของทุ่งดอกไม้สีม่วงอ่อนหวาน ทิวสนที่ยืนเด่นเต็มลาน และสายหมอกที่พลิ้วปลิวอยู่แทบตลอดทั้งวัน เป็นเสน่ห์ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เห็นต้องประทับใจ
สอบถามรายละเอียดที่ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว โทร.0-5543-6001 ถึง 2
สวนดอกไม้กลางป่าหิน ภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก
ในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ “ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก” ของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ. จ.พิษณุโลก เป็นเส้นทางเดินเท้าวงรอบระยะทางประมาณ 2,460 เมตร สำหรับให้ผู้ที่สนใจในเรื่องของพืชพันธุ์ไม้และสนใจด้านธรณีวิทยาได้เดินชมธรรมชาติกัน และในช่วงฤดูฝนราวๆ ปลายเดือนมิถุนายน-กลางเดือนสิงหาคม ในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ก็จะสวยสดงดงามไปด้วยดอกไม้ป่าหลากชนิดที่เบ่งบานอวดความงามแบบไม่ยอมกัน
ไม่ว่าจะเป็น “ดอกเปราะภูขาว” ที่พบมากในเส้นทางบริเวณช่วงก่อนถึงลานหินปุ่ม เปราะภูเป็นพืชชนิดหนึ่งในตระกูลขิง ข่า มีเหง้าอยู่ใต้ดิน พอได้รับน้ำฝนเหง้าก็จะแตกตัวแทงยอดขึ้นมาตามพื้นดินและซอกหิน เป็นความงามน่ารักที่ช่วยแต่งแต้มพื้นหินสีเทาให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
และนอกจากดอกเปราะภูขาวแล้ว บริเวณใกล้ๆ กับลานหินปุ่มในช่วงหน้าฝนยังมีดอกไม้ป่าอีกหลากหลายชนิดบานอวดโฉมความงาม ไม่ว่าจะเป็น “ลิ้นมังกร” สีส้มสดเด่นที่ออกดอกอยู่ตามพื้นดิน “กุหลาบขาว” ที่ออกดอกประปรายสีขาวนวลเด่น “เอนอ้า” สีชมพูอมม่วงสดใสที่นอกจากแถวลานหินปุ่มแล้วยังมีให้เห็นกันเกือบตลอดเส้นทาง และ “เอื้องตาเหินไหว” ที่ออกดอกสีขาวชูช่อเป็นริ้วพลิ้วไหวอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ใน 3-4 จุด ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งดอกไม้ดาวเด่นประจำฤดูฝนแห่งภูหินร่องกล้า
และอีกหนึ่งจุดชมดอกไม้ของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าที่นักนิยมไพรและการเดินป่าชอบไปชมกันก็คือที่ “น้ำตกหมันแดง” น้ำตกงาม 13 ชั้น ที่นอกจากจะมีสายน้ำหลั่งไหลสวยงามแล้ว ในช่วงกลางฤดูฝนราวเดือนสิงหาคม น้ำตกหมันแดงจะสวยงามไปด้วย “ดอกลิ้นมังกร” (คนละชนิดกับบริเวณลานหินปุ่ม) ที่ออกดอกบานสีชมพูสะพรั่งขึ้นกระจายอยู่ตามโขดหินบริเวณธารน้ำตก โดยเฉพาะที่บริเวณโขดหินด้านหน้าของน้ำตกชั้นที่ 5 จะเป็นจุดที่พบดอกลิ้นมังกรบานหนาแน่นมากที่สุด
สอบถามรายละเอียดที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทร.0-5535-6607, 08-1596-5977
“เอื้องนวลจันทร์” ดอกไม้ป่านานาพันธุ์เริงร่ากลางทุ่งโนนสน
"ทุ่งโนนสน" เป็นทุ่งหญ้าสลับกับป่าสนเขาในอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (อาณาเขตครอบคลุมจังหวัดพิษณุโลกและเพชรบูรณ์) เราสามารถเดินทางโดยรถยนต์จากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.12 (รักไทย) มาประมาณ 9 ก.ม. แล้วเดินเท้าเข้าไปถึงทุ่งโนนสนอีก 8 ก.ม.
ในช่วงปลายฝนต้นหนาวราวเดือนตุลาคม ทุ่งโนนสนจะกลายทุ่งดอกไม้ป่าที่มีดอกไม้ป่านานาพรรณที่เบ่งบานรับน้ำฝนและอากาศเย็นๆ กันอย่างร่าเริง เช่น ดอกจอกบ่วายหรือหยาดน้ำค้าง พืชกินแมลงที่ออกดอกเป็นรูปวงกลมสีแดงอยู่เรี่ยพื้นดิน ดอกกระดุมเงิน กระดุมทอง จุกนกยูง ดอกไม้ป่าที่มีดอกลักษณะกลมเป็นปุย ข้าวตอกฤาษี มอสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่พบในไทย สิงโตสมอหิน สิงโตรวงข้าว และ สิงโตกลอกตา (กล้วยไม้ป่าที่พบเห็นได้ยาก)
ทว่าดอกไม้ที่ขึ้นอยู่เยอะที่สุดจนเรียกได้ว่าเป็นนางเอกของทุ่งโนนสนก็คือ “ดอกเหลืองพิศมร” หรือ “เอื้องนวลจันทร์” กล้วยไม้ดินสีเหลืองสดใส ที่ผลิบานท้าลมท้าแดดอยู่เต็มลานหิน ซึ่งช่วงเวลาที่ดอกเหลืองพิศมรงดงามที่สุดก็คือช่วงเช้าตรู่ที่น้ำค้างยังคงเกาะอยู่บนกลีบใบ เมื่อแสงแรกของวันที่สาดส่องมากระทบอย่างอ่อนโยน บวกกับหมอกจางๆ มองเห็นทิวสนเป็นฉากหลัง ทำให้ดูสวยงามจนยากจะละสายตาจริงๆ
นอกจากนี้แล้วที่ทุ่งโนนสนยังมีดอกไม้ป่าอีกหลากหลายชนิดให้ได้ยลกัน ทั้ง สร้อยสุวรรณา สีเหลืองสดใส ทิพย์เกสร สีม่วงอ่อนหวาน สรัสจันทร สีน้ำเงินอมม่วง ดุสิตา ดอกไม้สีน้ำเงินอมม่วง ต่างเป็นดอกไม้ที่ได้ชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อีกทั้งยังมีดอกไม้น่ารักๆ อย่าง เอื้องม้าวิ่ง เอื้องบายศรี เอื้องมัน เอื้องน้ำต้น เอนอ้า หงอนนาค จ่าห้อม ปราบภู ที่ขึ้นอยู่ตามโขดหิน ตามพื้นดินและต้นไม้ ให้คนรักดอกไม้ได้เพลิดเพลินกับการชื่นชมธรรมชาติอันงดงามเช่นนี้
สอบถามรายละเอียดที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง โทร.08 8756 4940
ทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อ อุ้มผาง จ.ตาก
ดอยหัวหมด อ.อุ้มผาง จ.ตาก เป็นขุนเขาที่ทอดตัวเป็นแนวยาวติดต่อกันหลายลูกราว 30 ก.ม. บนดอยหัวหมดมีสภาพเตียนโล่งปราศจากต้นไม้ใหญ่ เนื่องจากมีแหล่งแร่โดโลไมต์ที่ทำต้นไม้ใหญ่ไม่สามารถขึ้นได้ มีเพียงต้นไม้เล็กๆ เตี้ยๆ และต้นหญ้าขึ้นอยู่เท่านั้น
ดอยหัวหมดจัดเป็นจุดชมวิวชั้นดี สามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของเมืองอุ้มผางได้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น พระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามเช้าที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่ง
และในช่วงหน้าฝนราวเดือน ส.ค.-ก.ย. ดอยหัวหมดมีความพิเศษเพิ่มขึ้น เนื่องจากบนดอยจะเต็มไปด้วย “ดอกเทียนปีกผีเสื้อ” ที่พร้อมใจกันเบ่งบานเป็นทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้ออันสวยงาม และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย
ดอกเทียนปีกผีเสื้อ เป็นดอกไม้ที่เบ่งบานในช่วงหน้าฝน มีดอกสีชมพูอมม่วงสดใส รูปร่างดอกดูคล้ายปีกผีเสื้อ ทั้งยังเป็นพืชเฉพาะถิ่น ขึ้นตามหินปูนโล่งในระดับความสูงจนถึง 1,000 เมตร มีรายงานการค้นพบที่จังหวัดตากและกาญจนบุรี โดยพบมากที่ดอยหัวหมด อ.อุ้มผาง จ.ตาก โดยจะออกดอกบานสะพรั่งเป็นทุ่งๆ ไปทั่วในหลายจุดหลายพื้นที่ของดอย ช่วยแต่งแต้มสีสันให้ดอยหัวหมดยามหน้าฝนให้น่าเที่ยวชมมากยิ่งขึ้น
สอบถามรายละเอียดที่ ททท.สำนักงานตาก โทร.0-5551-4341 ถึง 3
อย่างไรก็ดีสำหรับช่วงเวลาในการบานของเหล่าดอกไม้ป่า ตามที่กล่าวมาข้างต้น แต่ละปีจะมีช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน และจะบานมาก-น้อย แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของปีนั้นๆ ดังนั้นผู้ที่จะไปชมความงามของทุ่งดอกไม้ป่า ควรสอบถามข้อมูลการบานของดอกไม้จากพื้นที่ก่อน ตามเบอร์โทร.ที่ให้ไว้ข้างต้น เพื่อจะได้ไม่ผิดหวัง
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ฤดูฝนที่มาเยือนในทุกๆ ปีได้นำเอาความสดชื่นชุ่มฉ่ำมายังผืนดินและผืนป่า สายฝนทำให้พืชพันธุ์บางชนิดที่หลับไหลอยู่ในดินได้ฟื้นคืนเติบโต โดยเฉพาะดอกไม้ป่านานาพรรณที่จะเบ่งบานเริงร่าท้าฝน และแต่งแต้มให้พื้นดินและพื้นหญ้าดูน่ารักมีสีสัน ดึงดูดให้คนรักดอกไม้และรักธรรมชาติต้องวางแผนกันในทุกๆ ฤดูฝนว่าปีนี้จะไปดูดอกไม้ป่าหน้าฝนกันที่ไหนดี
กระเจียวงามเต็มท้องทุ่งชัยภูมิ
“ดอกกระเจียว” หรือ “บัวสวรรค์” ได้ชื่อว่าเป็น “ราชินีแห่งป่าฝน” เพราะในฤดูหนาวและฤดูร้อนเหง้าดอกกระเจียวจะฝังตัวสงบนิ่งอยู่ใต้ดิน และเมื่อเข้าสู่ฤดูฝน สายฝนเย็นฉ่ำจะปลุกเหง้าดอกกระเจียวให้แทงหน่อต่อยอดเติบโตและค่อยๆ ผลิดอกออกมาอวดโฉมความงาม
ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต และอุทยานแห่งชาติไทรทอง อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ เป็นสถานที่ชมดอกกระเจียวที่งดงามขึ้นชื่อ เมื่อถึงช่วงเวลาที่ดอกกระเจียวบานสะพรั่งเต็มที่ ทั่วท้องทุ่งหญ้าสีเขียวจะมีดอกกระเจียวสีม่วงอมชมพูแทรกชูช่ออยู่เต็มพื้นที่ ภาพดอกไม้ป่าสีชมพูตัดกับสีเขียวสดของทุ่งหญ้า มีต้นไม้ก้อนหินใหญ่น้อยและผืนป่าเต็งรังเบื้องหลังเป็นฉากที่เพิ่มเสน่ห์และสวยงามให้มากขึ้น และยิ่งถ้าหากไปชมในช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วจะเห็นหมอกฝนลอยเรี่ยทุ่งดอกกระเจียว เป็นภาพที่งดงามดุจความฝันชวนให้หลงใหลไม่น้อย
สำหรับในปีนี้ทุ่งดอกกระเจียวค่อนข้างจะบานเร็วกว่าปกติเพราะฝนที่ตกชุกที่มาเร็ว โดยดอกกระเจียวที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงามเริ่มออกดอกบานแล้ว 10% และคาดว่าจะออกดอกบานเต็มที่ช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม ส่วนเดือนสิงหาคมจะเริ่มโรยแล้วเนื่องจากปีนี้ดอกกระเจียวเริ่มบานเร็วขึ้น
ส่วนที่อุทยานแห่งชาติไทรทองปกติดอกกระเจียวที่นี่จะบานช้ากว่าที่ป่าหินงามประมาณ 1 สัปดาห์ ตอนนี้ดอกกระเจียวกำลังแตกหน่อเริ่มบานแค่ไม่กี่ดอกเท่านั้น คาดว่าจะบานเกิน 50% ช่วงปลายเดือนมิถุนายน และจะบานเต็มที่ 100% ตลอดเดือนกรกฎาคม สามารถเที่ยวทุ่งดอกระเจียวได้จนถึงต้นเดือนสิงหาคม ดอกไม้จะเริ่มโรยหลังกลางเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป
สอบถามรายละเอียดที่ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม โทร.0-4489-0105 อุทยานแห่งชาติไทรทอง โทร.08-9282-3437, 08-1877-8485
"ดอกหงอนนาค" น้ำค้างกลางป่าภูสอยดาว
อีกหนึ่งความงามดอกไม้ป่าหน้าฝนก็คือ “ดอกหงอนนาค” นางเอกของอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ เบ่งบานรอรับนักท่องเที่ยวที่มาชมในช่วงฤดูฝนอันสดชื่นประมาณเดือน ส.ค.-ก.ย. แม้จะต้องใช้เวลา 4-6 ชั่วโมง ในการเดินป่าจากตีนภูขึ้นไปยังลานสนซึ่งเป็นที่ตั้งแคมป์และเป็นจุดชมดอกหงอนนาค (ระยะทาง 6.5 ก.ม.) สภาพเส้นทางเป็นภูเขาที่บางช่วงก็สูงชันไม่น้อยแต่ก็เป็นที่นิยมของนักเดินป่าเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
“ดอกหงอนนาค” เป็นพืชล้มลุกที่มีหลายชื่อเรียก อาทิ หญ้าหงอนเงือก น้ำค้างกลางเที่ยง โดยดอกหงอนนาคจะมีทั้งสีม่วงอ่อนหรือม่วงน้ำเงินที่พบได้บ่อย อีกทั้งยังมีสีขาวและสีชมพูซึ่งค่อนข้างหายาก ดอกหงอนนาคจะเบ่งบานเมื่อมีแสงแดด ด้วยสภาพพื้นที่และสภาพอากาศที่ดอกหงอนนาคขึ้นอยู่มักมีฝนและหมอกอยู่เสมอ ทำให้กลีบดอกมักมีหยดน้ำเกาะพราวเป็นที่มาของชื่อน้ำค้างกลางเที่ยง
บนลานสนของภูสอยดาวมีเนื้อที่ราว 3,000 ไร่ มีความพิเศษหลากหลายไม่ว่าจะเป็นลานสนสามใบตามธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย เป็นลานสน 2 แผ่นดิน เพราะมีอาณาเขตติดสปป.ลาว มีหลักกิโลเมตรแบ่งเขตแดน และเราจะพบดอกหงอนนาคสีม่วงสดใสเบ่งบานเป็นทุ่งใหญ่ในช่วงฤดูฝน ซึ่งถือเป็นทุ่งดอกหงอนนาคที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ทัศนียภาพอันงดงามของทุ่งดอกไม้สีม่วงอ่อนหวาน ทิวสนที่ยืนเด่นเต็มลาน และสายหมอกที่พลิ้วปลิวอยู่แทบตลอดทั้งวัน เป็นเสน่ห์ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เห็นต้องประทับใจ
สอบถามรายละเอียดที่ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว โทร.0-5543-6001 ถึง 2
สวนดอกไม้กลางป่าหิน ภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก
ในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ “ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก” ของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ. จ.พิษณุโลก เป็นเส้นทางเดินเท้าวงรอบระยะทางประมาณ 2,460 เมตร สำหรับให้ผู้ที่สนใจในเรื่องของพืชพันธุ์ไม้และสนใจด้านธรณีวิทยาได้เดินชมธรรมชาติกัน และในช่วงฤดูฝนราวๆ ปลายเดือนมิถุนายน-กลางเดือนสิงหาคม ในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ก็จะสวยสดงดงามไปด้วยดอกไม้ป่าหลากชนิดที่เบ่งบานอวดความงามแบบไม่ยอมกัน
ไม่ว่าจะเป็น “ดอกเปราะภูขาว” ที่พบมากในเส้นทางบริเวณช่วงก่อนถึงลานหินปุ่ม เปราะภูเป็นพืชชนิดหนึ่งในตระกูลขิง ข่า มีเหง้าอยู่ใต้ดิน พอได้รับน้ำฝนเหง้าก็จะแตกตัวแทงยอดขึ้นมาตามพื้นดินและซอกหิน เป็นความงามน่ารักที่ช่วยแต่งแต้มพื้นหินสีเทาให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
และนอกจากดอกเปราะภูขาวแล้ว บริเวณใกล้ๆ กับลานหินปุ่มในช่วงหน้าฝนยังมีดอกไม้ป่าอีกหลากหลายชนิดบานอวดโฉมความงาม ไม่ว่าจะเป็น “ลิ้นมังกร” สีส้มสดเด่นที่ออกดอกอยู่ตามพื้นดิน “กุหลาบขาว” ที่ออกดอกประปรายสีขาวนวลเด่น “เอนอ้า” สีชมพูอมม่วงสดใสที่นอกจากแถวลานหินปุ่มแล้วยังมีให้เห็นกันเกือบตลอดเส้นทาง และ “เอื้องตาเหินไหว” ที่ออกดอกสีขาวชูช่อเป็นริ้วพลิ้วไหวอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ใน 3-4 จุด ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งดอกไม้ดาวเด่นประจำฤดูฝนแห่งภูหินร่องกล้า
และอีกหนึ่งจุดชมดอกไม้ของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าที่นักนิยมไพรและการเดินป่าชอบไปชมกันก็คือที่ “น้ำตกหมันแดง” น้ำตกงาม 13 ชั้น ที่นอกจากจะมีสายน้ำหลั่งไหลสวยงามแล้ว ในช่วงกลางฤดูฝนราวเดือนสิงหาคม น้ำตกหมันแดงจะสวยงามไปด้วย “ดอกลิ้นมังกร” (คนละชนิดกับบริเวณลานหินปุ่ม) ที่ออกดอกบานสีชมพูสะพรั่งขึ้นกระจายอยู่ตามโขดหินบริเวณธารน้ำตก โดยเฉพาะที่บริเวณโขดหินด้านหน้าของน้ำตกชั้นที่ 5 จะเป็นจุดที่พบดอกลิ้นมังกรบานหนาแน่นมากที่สุด
สอบถามรายละเอียดที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทร.0-5535-6607, 08-1596-5977
“เอื้องนวลจันทร์” ดอกไม้ป่านานาพันธุ์เริงร่ากลางทุ่งโนนสน
"ทุ่งโนนสน" เป็นทุ่งหญ้าสลับกับป่าสนเขาในอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (อาณาเขตครอบคลุมจังหวัดพิษณุโลกและเพชรบูรณ์) เราสามารถเดินทางโดยรถยนต์จากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ สล.12 (รักไทย) มาประมาณ 9 ก.ม. แล้วเดินเท้าเข้าไปถึงทุ่งโนนสนอีก 8 ก.ม.
ในช่วงปลายฝนต้นหนาวราวเดือนตุลาคม ทุ่งโนนสนจะกลายทุ่งดอกไม้ป่าที่มีดอกไม้ป่านานาพรรณที่เบ่งบานรับน้ำฝนและอากาศเย็นๆ กันอย่างร่าเริง เช่น ดอกจอกบ่วายหรือหยาดน้ำค้าง พืชกินแมลงที่ออกดอกเป็นรูปวงกลมสีแดงอยู่เรี่ยพื้นดิน ดอกกระดุมเงิน กระดุมทอง จุกนกยูง ดอกไม้ป่าที่มีดอกลักษณะกลมเป็นปุย ข้าวตอกฤาษี มอสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่พบในไทย สิงโตสมอหิน สิงโตรวงข้าว และ สิงโตกลอกตา (กล้วยไม้ป่าที่พบเห็นได้ยาก)
ทว่าดอกไม้ที่ขึ้นอยู่เยอะที่สุดจนเรียกได้ว่าเป็นนางเอกของทุ่งโนนสนก็คือ “ดอกเหลืองพิศมร” หรือ “เอื้องนวลจันทร์” กล้วยไม้ดินสีเหลืองสดใส ที่ผลิบานท้าลมท้าแดดอยู่เต็มลานหิน ซึ่งช่วงเวลาที่ดอกเหลืองพิศมรงดงามที่สุดก็คือช่วงเช้าตรู่ที่น้ำค้างยังคงเกาะอยู่บนกลีบใบ เมื่อแสงแรกของวันที่สาดส่องมากระทบอย่างอ่อนโยน บวกกับหมอกจางๆ มองเห็นทิวสนเป็นฉากหลัง ทำให้ดูสวยงามจนยากจะละสายตาจริงๆ
นอกจากนี้แล้วที่ทุ่งโนนสนยังมีดอกไม้ป่าอีกหลากหลายชนิดให้ได้ยลกัน ทั้ง สร้อยสุวรรณา สีเหลืองสดใส ทิพย์เกสร สีม่วงอ่อนหวาน สรัสจันทร สีน้ำเงินอมม่วง ดุสิตา ดอกไม้สีน้ำเงินอมม่วง ต่างเป็นดอกไม้ที่ได้ชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อีกทั้งยังมีดอกไม้น่ารักๆ อย่าง เอื้องม้าวิ่ง เอื้องบายศรี เอื้องมัน เอื้องน้ำต้น เอนอ้า หงอนนาค จ่าห้อม ปราบภู ที่ขึ้นอยู่ตามโขดหิน ตามพื้นดินและต้นไม้ ให้คนรักดอกไม้ได้เพลิดเพลินกับการชื่นชมธรรมชาติอันงดงามเช่นนี้
สอบถามรายละเอียดที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง โทร.08 8756 4940
ทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อ อุ้มผาง จ.ตาก
ดอยหัวหมด อ.อุ้มผาง จ.ตาก เป็นขุนเขาที่ทอดตัวเป็นแนวยาวติดต่อกันหลายลูกราว 30 ก.ม. บนดอยหัวหมดมีสภาพเตียนโล่งปราศจากต้นไม้ใหญ่ เนื่องจากมีแหล่งแร่โดโลไมต์ที่ทำต้นไม้ใหญ่ไม่สามารถขึ้นได้ มีเพียงต้นไม้เล็กๆ เตี้ยๆ และต้นหญ้าขึ้นอยู่เท่านั้น
ดอยหัวหมดจัดเป็นจุดชมวิวชั้นดี สามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของเมืองอุ้มผางได้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น พระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามเช้าที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่ง
และในช่วงหน้าฝนราวเดือน ส.ค.-ก.ย. ดอยหัวหมดมีความพิเศษเพิ่มขึ้น เนื่องจากบนดอยจะเต็มไปด้วย “ดอกเทียนปีกผีเสื้อ” ที่พร้อมใจกันเบ่งบานเป็นทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้ออันสวยงาม และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย
ดอกเทียนปีกผีเสื้อ เป็นดอกไม้ที่เบ่งบานในช่วงหน้าฝน มีดอกสีชมพูอมม่วงสดใส รูปร่างดอกดูคล้ายปีกผีเสื้อ ทั้งยังเป็นพืชเฉพาะถิ่น ขึ้นตามหินปูนโล่งในระดับความสูงจนถึง 1,000 เมตร มีรายงานการค้นพบที่จังหวัดตากและกาญจนบุรี โดยพบมากที่ดอยหัวหมด อ.อุ้มผาง จ.ตาก โดยจะออกดอกบานสะพรั่งเป็นทุ่งๆ ไปทั่วในหลายจุดหลายพื้นที่ของดอย ช่วยแต่งแต้มสีสันให้ดอยหัวหมดยามหน้าฝนให้น่าเที่ยวชมมากยิ่งขึ้น
สอบถามรายละเอียดที่ ททท.สำนักงานตาก โทร.0-5551-4341 ถึง 3
อย่างไรก็ดีสำหรับช่วงเวลาในการบานของเหล่าดอกไม้ป่า ตามที่กล่าวมาข้างต้น แต่ละปีจะมีช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน และจะบานมาก-น้อย แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของปีนั้นๆ ดังนั้นผู้ที่จะไปชมความงามของทุ่งดอกไม้ป่า ควรสอบถามข้อมูลการบานของดอกไม้จากพื้นที่ก่อน ตามเบอร์โทร.ที่ให้ไว้ข้างต้น เพื่อจะได้ไม่ผิดหวัง
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager