xs
xsm
sm
md
lg

เยือน “วัดไทร” (จอมทอง) ชมโบสถ์ 2 สมัย อิ่มใจไหว้ศาลพระเจ้าเสือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

Facebook :Travel @ Manager
โบสถ์หลังงามภายในวัดไทร
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าที่เขตจอมทอง ในฝั่งธนฯ มีวัดวาอารามมากมายถึง 18 วัดด้วยกัน แต่ละวัดนั้นก็จะมีเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจและมีความสำคัญแตกต่างกันไป อย่างที่ “วัดไทร” ที่ฉันกำลังจะไปเยือนในครั้งนี้นั้น ก็เคยเป็นที่ประทับของ “พระเจ้าเสือ” ครั้งที่เสด็จประพาสทางทะเลมื่อ 300 กว่าปีมาแล้ว

ตามประวัติที่ฉันอ่านเจอบริเวณทางเข้าประตูวัดเล่าว่า "วัดไทร" นั้นถือเป็นวัดโบราณที่มีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว แต่เดิมมีชื่อว่า "วัดไซ" ซึ่งเขียนตามสำเนียงที่เรียกกัน และจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดไทร” เพราะคาดว่าเดิมมีต้นไทรใหญ่อยู่หน้าวัด โดยในสมัย ร.๔ ได้มีการปฏิสังขรณ์วัดครั้งแรก และอีกครั้งหนึ่งในสมัย ร.๕ ช่วง พ.ศ. 2416 โดยมอบหมายให้ช่างชาวจีนชื่อ "จีนเต๋า" เป็นผู้ปฏิสังขรณ์
พระพุทธมงคลอภิปูชนีย์ พระประธานในพระอุโบสถ
หลังจากที่ฉันอ่านประวัติคร่าวๆ แล้ว ก็ขอเข้าไปกราบพระประธานในอุโบสถหลังงาม ที่ตัวอุโบสถประดับประดาด้วยกระเบื้องสีขาวนวล แซมด้วยกระเบื้องสีต่างๆ เป็นลวดลาย ส่วนหลังคาเป็นกระเบื้องสีน้ำเงินดูโดดเด่น

สำหรับพระประธานด้านในคือ “พระพุทธมงคลอภิปูชนีย์” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ด้านซ้ายและขวามีพระสาวกนั่งอยู่ ซึ่งหากใครอยากจะเข้ามาสักการะและชมความงามด้านในโบสถ์ ฉันแนะนำให้มาในช่วงที่พระสงฆ์ทำวัตรเช้าหรือเย็นของทุกวันเท่านั้น เพราะในช่วงเวลาอื่นอุโบสถจะไม่ได้เปิดให้เข้าด้านใน
โบสถ์หลังเก่า
ที่วัดไทรนี้ได้ชื่อว่ามี “โบสถ์ 2 สมัย” ด้วยกัน อุโบสถหลังที่ฉันได้เข้าไปมาแล้วนั้น เป็นอุโบสถสมัยปัจจุบัน (หลังใหม่) ส่วนอุโบสถสมัยแรก หรือที่ชาวบ้านจะเรียกว่า “โบสถ์หลังเก่า” จะตั้งอยู่ด้านหลังของอุโบสถปัจจุบัน สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2461 มีลักษณะเรียบง่ายและมีขนาดย่อมกว่าโบสถ์หลังใหม่ แต่น่าเสียดายที่ทางวัดไม่ได้เปิดให้เข้าไปชมพระพุทธรูปสลักหินทรายสีแดงปางต่างๆ ที่ด้านใน
พระวิหารถาวรสามัคคีธรรม
ใกล้กับโบสถ์หลังเก่านั้น จะเป็นที่ตั้งของ “พระวิหารถาวรสามัคคีธรรม” สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2531 ด้านในมีรูปปั้นของ “พระครูถาวรสมณวงศ์” หรือ “หลวงปู่อ๋อย” อดีตเจ้าอาวาสของวัดไทร ที่ถือเป็นเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านยาสักและเล่นแร่แปรธาตุ เป็นที่เลื่อมใสของชาวบ้านละแวกนี้ ส่วนด้านขวาของวิหารหลวงปู่อ๋อยจะเป็น “หอระฆังและหอกลองโบราณ” สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2539
หลวงปู่อ๋อย (องค์กลาง)
หอระฆังและหอกลอง
ตำหนักทองวัดไทร
จากนั้นฉันจึงหันหลังเดินมุ่งหน้าตรงไปยังบริเวณ “คลองสนามชัย” หรือ “คลองด่าน” เมื่อถึงริมน้ำแล้วให้มองซ้ายมือ จะเจอกับสะพานข้ามทางน้ำ และพอฉันเดินข้ามไปก็พบกับ “ตำหนักทองวัดไทร” หรือ “ตำหนักพระเจ้าเสือ” สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา
ศาลาท่าเทียบเรือด้านหน้าตำหนักทองวัดไทร
ตามประวัติเชื่อว่าเป็นตำหนักประทับของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราธิบดี (พระเจ้าเสือ) ครั้งเสด็จประพาสทางทะเล และได้แวะพักกลางทางบริเวณนี้ ช่วง พ.ศ.2246 - พ.ศ.2251 ส่วนบริเวณด้านหน้าของตำหนักจะเป็นศาลาท่าเทียบเรือ
ศาลพระเจ้าเสือ
ถัดจากตัวตำหนักจะมีศาลาขนาดไม่ใหญ่มากนัก ภายในมีรูปหล่อของ “พ่อหลวงขุนเสือ” (พระเจ้าเสือ) อยู่ ฉันจึงขอเข้าไปสักการะขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนจะเดินกลับ
พ่อหลวงขุนเสือ (พระเจ้าเสือ)
ทางเดินริมน้ำ
ระหว่างทางเดินกลับฉันแนะนำให้เดินเลียบริมคลองสนามชัยมาเรื่อยๆ ซึ่งทางวัดทำทางเดินเท้าพร้อมหลังคาทอดยาวตลอดริมคลองไปจนถึงประตูหน้าวัด ช่วยกันแดดและกันฝนได้เป็นอย่างดี โดยบริเวณนี้เป็นเขตอภัยทานสามารถให้อาหารปลาได้ด้วย
บรรยากาศตลาดเช้าวัดไทร
หากใครมาที่เที่ยววัดไทรในช่วงเช้าแล้ว ก็อย่าลืมแวะเดินชมบรรยากาศตลาดเช้าเรียงรายอยู่ข้างกำแพงวัด ซึ่งปัจจุบันนี้น่าเสียดายที่ไม่มีตลาดน้ำแล้ว เนื่องจากชาวบ้านเริ่มสัญจรทางบกมากขึ้น แต่ก็ยังพอมีวิถีชีวิตของชาวบ้านริมคลองให้คนเมืองอย่างฉันได้เห็นอยู่บ้าง เป็นเสน่ห์ที่ชวนประทับใจจริงๆ

**************************************
“วัดไทร” ตั้งอยู่ริมคลองสนามชัย (คลองด่าน) บริเวณท้ายสุดของซอยเอกชัย 23 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


กำลังโหลดความคิดเห็น