โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน

“กุ้ยหลินเมืองไทย”
เป็นฉายาของ “เขื่อนรัชชประภา” หรือ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” ซึ่งมีความโดดเด่นเลื่องชื่อในเรื่องของบรรยากาศอันงดงามของทะเลสาบกว้างใหญ่ ผืนป่าอันเขียวขจี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความงามของภูเขาหินปูนและสายน้ำของทะเลสาบที่สวยใส จนทำให้ได้รับฉายาว่าเป็น “กุ้ยหลินเมืองไทย” เนื่องจากมีหลายๆมุมที่มีบรรยากาศวิวทิวทัศน์คล้าย “เมืองกุ้ยหลิน” สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองจีน
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวเขื่อนหลานได้รณรงค์ให้เรียกชื่อสถานที่แห่งนี้ตามชื่อของพื้นที่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” หรือ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” หรือ “ทะเลสาบเชี่ยวหลาน” เพราะที่นี่มีความสวยงามจากธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเอง ซึ่งในช่วง 4-5 ปีหลังมานี่เขื่อนรัชชประภา ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของบ้านเรา โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ภาพสวยๆงามๆของวิวทิวทัศน์ทะเลสาบเชี่ยวหลานกันเป็นจำนวนมาก
รู้จักเขื่อนรัชชประภา

“เขื่อนรัชชประภา” หรือชื่อเดิมคือ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” เริ่มดำเนินการก่อสร้าง เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2525 แล้วเสร็จในเดือนกันยายน พ.ศ. 2530
หลังสร้างแล้วเสร็จ เมื่อวันพุธที่ 30 กันยายน พุทธศักราช 2530 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่ ๙ พระราชทานนาม ให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” ที่มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร”
เขื่อนรัชชประภา เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของภาคใต้ เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว มีความสูง 94 ม. มีความยาวสันเขื่อน 761 ม. และมีเขื่อนปิดกั้นช่องเขาขาดอีก 5 แห่ง มีความจุ 5,638.8 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตร.กม. สร้างขึ้นเพื่อนปิดกั้นลำน้ำคลองแสง ที่บ้านเชี่ยวหลาน ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาสก

กว่า 30 ปีที่ผ่านมา เขื่อนรัชชประภาได้ยืนหยัดทำหน้าที่เป็นเขื่อนสารพัดประโยชน์ให้กับคนในพื้นที่ภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็น แหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า เป็นแหล่งกักเก็บน้ำในฤดูฝนเพื่อการเพาะปลูก ช่วยบรรเทาอุทกภัย ลดความรุนแรงของสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ตอนล่าง และช่วยแก้ไขน้ำเสียและผลักดันน้ำเค็ม อีกทั้งอ่างเก็บน้ำของเขื่อนฯ ก็ยังเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญ ช่วยสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งตัวเขื่อนอยู่ภายใต้การดูแลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต
9 ไฮไลท์ไม่ควรพลาด

ด้วยสภาพพื้นที่ บรรยากาศ วิวทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสาบ ภูเขาหินปูน และผืนป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์ ผนวกกับองค์ประกอบความงามอื่นๆจากธรรมชาติ ส่งผลให้เขื่อนรัชชประภา กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเมืองไทย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวรุ่นแล้วรุ่นเล่าเดินทางไปสัมผัสกับบรรยากาศความงามอยู่ไม่ได้ขาด
สำหรับผู้ที่มาเที่ยวเขื่อนรัชชประภา หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน นั้นก็มีกิจกรรมอันหลากหลายชวนให้เพลิดเพลิน ซึ่งสามารถเลือกเที่ยวได้ทั้งแบบวันเดย์ทริป(ไปเช้า-เย็นกลับ) หรือนอนพักค้างในทะเลสาบเชี่ยวหลานสัมผัสบรรยากาศสุดฟิน
และนี่ก็คือ 9 ไฮไลท์ไม่ควรพลาด ของเขื่อนรัชชประภา ซึ่งผู้ที่มาเที่ยวชมเขื่อนแห่งนี้ต้องได้สัมผัสกับกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายๆอย่าง หรือทั้งหมด สุดแม้แต่ว่าเราจะเลือกเที่ยวกันในรูปแบบใด แพกเกจไหน

1.ล่องเรือท่องทะเลสาบ-ชมหินสามเกลอ : การล่องเรือชมความงามของวิวทิวทัศน์ น้ำใส เขาสวยในทะเลสาบเชี่ยวหลานถือเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีทั้งเส้นทางล่องเรือระยะสั้นและระยะไกล โดยมีไฮไลท์อยู่ในช่วงบริเวณที่เรียกว่า“กุ้ยหลินเมืองไทย” ซึ่งมากไปด้วยยอดเขาหินปูนใหญ่-น้อย ในรูปทรงต่างๆอันหลากหลาย ตั้งโดดเด่นอยู่เหนือผืนน้ำให้เรายลโฉมกัน
บริเวณนี้มีภูเขาหินปูนที่เป็นดาวเด่นสำคัญของเขื่อนนั่นก็คือ “เขาสามเกลอ” ยอดเขาเล็กๆ 3 ยอดที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาอวดโฉมในความแปลกตา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเขื่อนรัชชประภาแห่งนี้ ซึ่งว่ากันว่า ใครที่มาเที่ยวเขื่อนรัชชประภา ถ้าไม่ได้มาชมเขาสามเกลอ ก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึงโดยสมบูรณ์

ขณะที่ใกล้ๆกับเขาสามเกลอนั้นเป็นที่ตั้งของ “เขาอินเดียนแดง” ที่ตั้งชื่อตามลักษณะรูปลักษณ์ที่ดูคล้ายอินเดียนแดงเพียงแต่ต้องใส่จินตนาการเข้าไปด้วย ส่วนอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือ “หน้าผาหญิงสาว” กับหน้าผาใหญ่ที่มีร่องรอยตามธรรมชาติปรากฏเป็นรูปคล้ายหญิงสาว 2 คนบนหน้าผา ซึ่งก็ต้องใช้จินตนาการในการชมเช่นกัน

2.นอนเขื่อน สัมผัสบรรยากาศสุดฟิน : อีกหนึ่งสิ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมทำกันมากที่เขื่อนรัชชประภา ก็คือการมาปักหลักพักค้าง 1 คืน 2 คืน หรือมากกว่านั้น ในที่พักเรือนแพแห่งทะเลสาบเชี่ยวหลาน ซึ่งมีทั้งที่พักของทางอุทยานแห่งชาติเขาสกและที่พักของเอกชน
โดยที่พักน่าสนใจของทางอุทยานฯนั้นก็นำโดย “แพนางไพร” แพเก่าแก่คลาสสิกราคาย่อมเยา และ “แพคลองคะ” ที่ปัจจุบันมีการปรับปรุงอย่างดี เทียบเท่าได้กับแพเอกชน(หรือดีกว่าแพเอกชนบางเจ้าด้วยซ้ำ) ที่สำคัญคือแพคลองคะ มีบรรยากาศของวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก แค่โผล่หน้ามาจากที่พักก็เห็นวิวอันสุดแจ่ม เป็นมนต์สะกดตรึงให้นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนประทับใจ(ในวิวทิวทัศน์)ไปตามๆกัน

ขณะที่ในส่วนของแพเอกชนนั้น ก็นำโดย “แพ 500 ไร่” แพระดับไฮเอนด์ ที่แม้จะมีราคาสูงกว่าหลายๆแพ แต่ความที่ตั้งอยู่ในบรรยากาศที่สงบเป็นส่วนตัว ท่ามกลางความงดงามของธรรมชาติ และมีบริการที่ดี (แถมมีสระว่ายน้ำให้บริการอีกต่างหาก) ทำให้แพ 500 ไร่ ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ชนิดมีคนจองกันเต็มยาวเหยียดแบบข้ามปีเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่เลือกพักในรีสอร์ทใด ผมอยากให้สืบค้นหาข้อมูลที่พักแต่ละแห่ง เปรียบเทียบราคา บริการต่างๆจากอินเตอร์เน็ต และติดต่อประสานงานกันให้ดีๆ เพราะมีบางที่พักที่ชอบตุกติก เอารัดเอาเปรียบลูกค้า ดังที่ปรากฏเป็นเรื่องเป็นราวจนมีคนโพสต์แฉลงในโลกออนไลน์อยู่เรื่อยๆ ดังนั้นเพื่อไม่อยากให้ทริปนั้นต้องกร่อย ควรตรวจเช็คสืบค้นข้อมูลก่อนไปกันให้ดีๆ เพราะตัวผมเองก็เคยเจอประสบการณ์ที่พักหัวหมอ ตุกติก มาแล้วเหมือนกัน

3.ล่องเรือยามเช้า ชมทะเลหมอก นกเงือก : อีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลท์สำหรับผู้ที่มาพักค้างในเขื่อนรัชชประภา(เป็นบริการเสริมฟรี ของบรรดาที่พักต่างๆ)นั่นก็คือ การล่องเรือชมทัศนียภาพของทะเลสาบเชี่ยวหลานยามเช้า ที่ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์อันโดดเด่นของที่นี่
ในยามเช้าตรู่ ประมาณ 7 โมงเช้า เมื่อเรือล่องออกจากแพที่พัก เรามีโอกาสสูงที่จะได้สัมผัสกับภาพความงามของสายหมอกม่านหมอกอันสวยงาม ที่ค่อยๆลอยอ้อยอิ่งอวดโฉมไต่ไล่เลี่ยคลอเคลียไปกับภูเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่านเงื้อม นับเป็นภาพแห่งความประทับใจอันยากจะลืมเลือน

ส่วนวันไหนถ้าใครโชคดี(มีโอกาสสูงถึงกว่า 70%) ก็จะได้พบกับ“นกเงือก”(นกแก๊ก) บินมาปรากฏอวดโฉม ที่มีทั้งบินเดี่ยว บินคู่ หรือบินมาเป็นฝูง ซึ่งผมเคยโชคดีพบเจอนกเงือกบินมากินลูกใหม่ที่กำลังออกผลสุกจำนวนหลายสิบตัว ชนิดที่เราพากันลอยเรือดูอยู่ห่างๆอย่างเพลิดเพลิน

4.เล่นน้ำ พายเรือคายัก ดูดาว : เป็นกิจกรรมพักผ่อนสบายๆของผู้ที่มานอนพักค้างคืนตามแพที่พักต่างๆ เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศอันสวยงามของทะเลสาบเชี่ยวหลานที่แพที่พักของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณเน็ต ถือเป็นการตัดขาดจากสังคมก้มหน้าชั่วคราว ให้เราได้มาพักผ่อน เพลิดเพลิน ใกล้ชิดธรรมชาติเพียงแค่เอื้อม และมีสมาธิอยู่กับตัวของตัวเอง

5.เที่ยวถ้ำ : ภายในพื้นที่เขื่อนรัชชประภามีถ้ำน่าสนใจให้เที่ยวชมความงามกัน ได้แก่ “ถ้ำน้ำทะลุ” ที่ต้องลุยน้ำไป ภายในสวยงามมาก(แต่ต้องเข้าในฤดูน้ำลด) “ถ้ำประกายเพชร”และ“ถ้ำปะการัง”ที่งดงามไปด้วยหินงอกหินย้อย โดยเฉพาะถ้ำปะการังนั้น ถือเป็นถ้ำยอดนิยมที่ภายในมีหินงอกหินย้อนลักษณะคล้ายปะการังในทะเลให้ชมกันหลายจุดด้วยกัน
6.ล่องเรือเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง : คลองแสงเป็นต้นน้ำของเขื่อนรัชชประภา เพื่อไปชมวิถีชีวิตสัตว์ป่าที่หาชมได้ยาก อาทิ กระทิง ช้าง หมูป่า ค่างแว่นถิ่นใต้ ทำให้เห็นว่าผืนป่าแห่งนี้ยังคงความอุดมสมบูรณ์ไว้ได้เป็นอย่างดี

7.ชมวิวที่จุดชมวิวไกรสร : จุดชมวิวไกรสรเป็นเส้นทางเดินป่าขึ้นเขาประมาณเกือบ 2 กม. ซึ่งเดินลำบากเอาเรื่องโดยเฉพาะช่วงที่ต้องปีนหินปูนก้อนแหลมๆ แต่เมื่อขึ้นไปถึงจุดชมวิวก็ถือว่าคุ้มค่าหายเหนื่อย เพราะจะได้เห็นวิวมุมสูง มุมกว้างของธรรมชาติผืนป่า ขุนเขา และสายน้ำในทะเลสาบเชี่ยวหลาน อันน่าเพลิดเพลินเจริญใจ

8.สัมผัสความชุ่มฉ่ำน้ำตกแปดเซียน : น้ำตกแปดเซียนเป็นน้ำตกหินปูนในพื้นที่ทะเลสาบ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางผืนป่าอันร่มรื่นเขียวครึ้ม ช่วงที่มีสายน้ำเหมาะสม(ในราวเดือน ก.ย.-ต.ค.) น้ำตกแปดเซียนน่าเล่นมาก เพราะเดินปีนป่ายไม่ยาก และมีหลายมุมสวยๆให้ถ่ายรูป และแอ่งให้แช่น้ำในอารมณ์สปาธรรมชาติอยู่ 3-4 จุด ด้วยกัน

9.ชมวิวสันเขื่อน : สันเขื่อนรัชชประภา เป็นหนึ่งในจุดชมวิวอันสวยงาม บริเวณนี้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของแนวถนนสันเขื่อน ท้องทะเลสาบ จุดถ่ายรูปป้ายเขื่อน และนิทรรศการตามรอยเบื้องพระยุคลบาท เสด็จทรงเปิดเขื่อนรัชชประภา เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2530
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน หนึ่งในสถานที่ที่มีความสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งการได้มาท่องเที่ยวพักผ่อน สัมผัสบรรยากาศ ใกล้ชิดธรรมชาติ ณ ที่แห่งนี้ ถือเป็นการให้ธรรมชาติช่วยบำบัด เติมเต็มพลัง ชาร์จแบตชีวิต ให้กับร่างกายและหัวใจ
ที่ใครไม่ไปสัมผัสย่อมมิอาจรู้ได้...

....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
“กุ้ยหลินเมืองไทย”
เป็นฉายาของ “เขื่อนรัชชประภา” หรือ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” ซึ่งมีความโดดเด่นเลื่องชื่อในเรื่องของบรรยากาศอันงดงามของทะเลสาบกว้างใหญ่ ผืนป่าอันเขียวขจี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความงามของภูเขาหินปูนและสายน้ำของทะเลสาบที่สวยใส จนทำให้ได้รับฉายาว่าเป็น “กุ้ยหลินเมืองไทย” เนื่องจากมีหลายๆมุมที่มีบรรยากาศวิวทิวทัศน์คล้าย “เมืองกุ้ยหลิน” สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองจีน
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวเขื่อนหลานได้รณรงค์ให้เรียกชื่อสถานที่แห่งนี้ตามชื่อของพื้นที่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” หรือ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” หรือ “ทะเลสาบเชี่ยวหลาน” เพราะที่นี่มีความสวยงามจากธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเอง ซึ่งในช่วง 4-5 ปีหลังมานี่เขื่อนรัชชประภา ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของบ้านเรา โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ภาพสวยๆงามๆของวิวทิวทัศน์ทะเลสาบเชี่ยวหลานกันเป็นจำนวนมาก
รู้จักเขื่อนรัชชประภา
“เขื่อนรัชชประภา” หรือชื่อเดิมคือ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” เริ่มดำเนินการก่อสร้าง เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2525 แล้วเสร็จในเดือนกันยายน พ.ศ. 2530
หลังสร้างแล้วเสร็จ เมื่อวันพุธที่ 30 กันยายน พุทธศักราช 2530 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่ ๙ พระราชทานนาม ให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” ที่มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร”
เขื่อนรัชชประภา เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของภาคใต้ เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว มีความสูง 94 ม. มีความยาวสันเขื่อน 761 ม. และมีเขื่อนปิดกั้นช่องเขาขาดอีก 5 แห่ง มีความจุ 5,638.8 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตร.กม. สร้างขึ้นเพื่อนปิดกั้นลำน้ำคลองแสง ที่บ้านเชี่ยวหลาน ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาสก
กว่า 30 ปีที่ผ่านมา เขื่อนรัชชประภาได้ยืนหยัดทำหน้าที่เป็นเขื่อนสารพัดประโยชน์ให้กับคนในพื้นที่ภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็น แหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า เป็นแหล่งกักเก็บน้ำในฤดูฝนเพื่อการเพาะปลูก ช่วยบรรเทาอุทกภัย ลดความรุนแรงของสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ตอนล่าง และช่วยแก้ไขน้ำเสียและผลักดันน้ำเค็ม อีกทั้งอ่างเก็บน้ำของเขื่อนฯ ก็ยังเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญ ช่วยสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งตัวเขื่อนอยู่ภายใต้การดูแลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต
9 ไฮไลท์ไม่ควรพลาด
ด้วยสภาพพื้นที่ บรรยากาศ วิวทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสาบ ภูเขาหินปูน และผืนป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์ ผนวกกับองค์ประกอบความงามอื่นๆจากธรรมชาติ ส่งผลให้เขื่อนรัชชประภา กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเมืองไทย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวรุ่นแล้วรุ่นเล่าเดินทางไปสัมผัสกับบรรยากาศความงามอยู่ไม่ได้ขาด
สำหรับผู้ที่มาเที่ยวเขื่อนรัชชประภา หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน นั้นก็มีกิจกรรมอันหลากหลายชวนให้เพลิดเพลิน ซึ่งสามารถเลือกเที่ยวได้ทั้งแบบวันเดย์ทริป(ไปเช้า-เย็นกลับ) หรือนอนพักค้างในทะเลสาบเชี่ยวหลานสัมผัสบรรยากาศสุดฟิน
และนี่ก็คือ 9 ไฮไลท์ไม่ควรพลาด ของเขื่อนรัชชประภา ซึ่งผู้ที่มาเที่ยวชมเขื่อนแห่งนี้ต้องได้สัมผัสกับกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายๆอย่าง หรือทั้งหมด สุดแม้แต่ว่าเราจะเลือกเที่ยวกันในรูปแบบใด แพกเกจไหน
1.ล่องเรือท่องทะเลสาบ-ชมหินสามเกลอ : การล่องเรือชมความงามของวิวทิวทัศน์ น้ำใส เขาสวยในทะเลสาบเชี่ยวหลานถือเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีทั้งเส้นทางล่องเรือระยะสั้นและระยะไกล โดยมีไฮไลท์อยู่ในช่วงบริเวณที่เรียกว่า“กุ้ยหลินเมืองไทย” ซึ่งมากไปด้วยยอดเขาหินปูนใหญ่-น้อย ในรูปทรงต่างๆอันหลากหลาย ตั้งโดดเด่นอยู่เหนือผืนน้ำให้เรายลโฉมกัน
บริเวณนี้มีภูเขาหินปูนที่เป็นดาวเด่นสำคัญของเขื่อนนั่นก็คือ “เขาสามเกลอ” ยอดเขาเล็กๆ 3 ยอดที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาอวดโฉมในความแปลกตา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเขื่อนรัชชประภาแห่งนี้ ซึ่งว่ากันว่า ใครที่มาเที่ยวเขื่อนรัชชประภา ถ้าไม่ได้มาชมเขาสามเกลอ ก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึงโดยสมบูรณ์
ขณะที่ใกล้ๆกับเขาสามเกลอนั้นเป็นที่ตั้งของ “เขาอินเดียนแดง” ที่ตั้งชื่อตามลักษณะรูปลักษณ์ที่ดูคล้ายอินเดียนแดงเพียงแต่ต้องใส่จินตนาการเข้าไปด้วย ส่วนอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือ “หน้าผาหญิงสาว” กับหน้าผาใหญ่ที่มีร่องรอยตามธรรมชาติปรากฏเป็นรูปคล้ายหญิงสาว 2 คนบนหน้าผา ซึ่งก็ต้องใช้จินตนาการในการชมเช่นกัน
2.นอนเขื่อน สัมผัสบรรยากาศสุดฟิน : อีกหนึ่งสิ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมทำกันมากที่เขื่อนรัชชประภา ก็คือการมาปักหลักพักค้าง 1 คืน 2 คืน หรือมากกว่านั้น ในที่พักเรือนแพแห่งทะเลสาบเชี่ยวหลาน ซึ่งมีทั้งที่พักของทางอุทยานแห่งชาติเขาสกและที่พักของเอกชน
โดยที่พักน่าสนใจของทางอุทยานฯนั้นก็นำโดย “แพนางไพร” แพเก่าแก่คลาสสิกราคาย่อมเยา และ “แพคลองคะ” ที่ปัจจุบันมีการปรับปรุงอย่างดี เทียบเท่าได้กับแพเอกชน(หรือดีกว่าแพเอกชนบางเจ้าด้วยซ้ำ) ที่สำคัญคือแพคลองคะ มีบรรยากาศของวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก แค่โผล่หน้ามาจากที่พักก็เห็นวิวอันสุดแจ่ม เป็นมนต์สะกดตรึงให้นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนประทับใจ(ในวิวทิวทัศน์)ไปตามๆกัน
ขณะที่ในส่วนของแพเอกชนนั้น ก็นำโดย “แพ 500 ไร่” แพระดับไฮเอนด์ ที่แม้จะมีราคาสูงกว่าหลายๆแพ แต่ความที่ตั้งอยู่ในบรรยากาศที่สงบเป็นส่วนตัว ท่ามกลางความงดงามของธรรมชาติ และมีบริการที่ดี (แถมมีสระว่ายน้ำให้บริการอีกต่างหาก) ทำให้แพ 500 ไร่ ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ชนิดมีคนจองกันเต็มยาวเหยียดแบบข้ามปีเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่เลือกพักในรีสอร์ทใด ผมอยากให้สืบค้นหาข้อมูลที่พักแต่ละแห่ง เปรียบเทียบราคา บริการต่างๆจากอินเตอร์เน็ต และติดต่อประสานงานกันให้ดีๆ เพราะมีบางที่พักที่ชอบตุกติก เอารัดเอาเปรียบลูกค้า ดังที่ปรากฏเป็นเรื่องเป็นราวจนมีคนโพสต์แฉลงในโลกออนไลน์อยู่เรื่อยๆ ดังนั้นเพื่อไม่อยากให้ทริปนั้นต้องกร่อย ควรตรวจเช็คสืบค้นข้อมูลก่อนไปกันให้ดีๆ เพราะตัวผมเองก็เคยเจอประสบการณ์ที่พักหัวหมอ ตุกติก มาแล้วเหมือนกัน
3.ล่องเรือยามเช้า ชมทะเลหมอก นกเงือก : อีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลท์สำหรับผู้ที่มาพักค้างในเขื่อนรัชชประภา(เป็นบริการเสริมฟรี ของบรรดาที่พักต่างๆ)นั่นก็คือ การล่องเรือชมทัศนียภาพของทะเลสาบเชี่ยวหลานยามเช้า ที่ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์อันโดดเด่นของที่นี่
ในยามเช้าตรู่ ประมาณ 7 โมงเช้า เมื่อเรือล่องออกจากแพที่พัก เรามีโอกาสสูงที่จะได้สัมผัสกับภาพความงามของสายหมอกม่านหมอกอันสวยงาม ที่ค่อยๆลอยอ้อยอิ่งอวดโฉมไต่ไล่เลี่ยคลอเคลียไปกับภูเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่านเงื้อม นับเป็นภาพแห่งความประทับใจอันยากจะลืมเลือน
ส่วนวันไหนถ้าใครโชคดี(มีโอกาสสูงถึงกว่า 70%) ก็จะได้พบกับ“นกเงือก”(นกแก๊ก) บินมาปรากฏอวดโฉม ที่มีทั้งบินเดี่ยว บินคู่ หรือบินมาเป็นฝูง ซึ่งผมเคยโชคดีพบเจอนกเงือกบินมากินลูกใหม่ที่กำลังออกผลสุกจำนวนหลายสิบตัว ชนิดที่เราพากันลอยเรือดูอยู่ห่างๆอย่างเพลิดเพลิน
4.เล่นน้ำ พายเรือคายัก ดูดาว : เป็นกิจกรรมพักผ่อนสบายๆของผู้ที่มานอนพักค้างคืนตามแพที่พักต่างๆ เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศอันสวยงามของทะเลสาบเชี่ยวหลานที่แพที่พักของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณเน็ต ถือเป็นการตัดขาดจากสังคมก้มหน้าชั่วคราว ให้เราได้มาพักผ่อน เพลิดเพลิน ใกล้ชิดธรรมชาติเพียงแค่เอื้อม และมีสมาธิอยู่กับตัวของตัวเอง
5.เที่ยวถ้ำ : ภายในพื้นที่เขื่อนรัชชประภามีถ้ำน่าสนใจให้เที่ยวชมความงามกัน ได้แก่ “ถ้ำน้ำทะลุ” ที่ต้องลุยน้ำไป ภายในสวยงามมาก(แต่ต้องเข้าในฤดูน้ำลด) “ถ้ำประกายเพชร”และ“ถ้ำปะการัง”ที่งดงามไปด้วยหินงอกหินย้อย โดยเฉพาะถ้ำปะการังนั้น ถือเป็นถ้ำยอดนิยมที่ภายในมีหินงอกหินย้อนลักษณะคล้ายปะการังในทะเลให้ชมกันหลายจุดด้วยกัน
6.ล่องเรือเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง : คลองแสงเป็นต้นน้ำของเขื่อนรัชชประภา เพื่อไปชมวิถีชีวิตสัตว์ป่าที่หาชมได้ยาก อาทิ กระทิง ช้าง หมูป่า ค่างแว่นถิ่นใต้ ทำให้เห็นว่าผืนป่าแห่งนี้ยังคงความอุดมสมบูรณ์ไว้ได้เป็นอย่างดี
7.ชมวิวที่จุดชมวิวไกรสร : จุดชมวิวไกรสรเป็นเส้นทางเดินป่าขึ้นเขาประมาณเกือบ 2 กม. ซึ่งเดินลำบากเอาเรื่องโดยเฉพาะช่วงที่ต้องปีนหินปูนก้อนแหลมๆ แต่เมื่อขึ้นไปถึงจุดชมวิวก็ถือว่าคุ้มค่าหายเหนื่อย เพราะจะได้เห็นวิวมุมสูง มุมกว้างของธรรมชาติผืนป่า ขุนเขา และสายน้ำในทะเลสาบเชี่ยวหลาน อันน่าเพลิดเพลินเจริญใจ
8.สัมผัสความชุ่มฉ่ำน้ำตกแปดเซียน : น้ำตกแปดเซียนเป็นน้ำตกหินปูนในพื้นที่ทะเลสาบ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางผืนป่าอันร่มรื่นเขียวครึ้ม ช่วงที่มีสายน้ำเหมาะสม(ในราวเดือน ก.ย.-ต.ค.) น้ำตกแปดเซียนน่าเล่นมาก เพราะเดินปีนป่ายไม่ยาก และมีหลายมุมสวยๆให้ถ่ายรูป และแอ่งให้แช่น้ำในอารมณ์สปาธรรมชาติอยู่ 3-4 จุด ด้วยกัน
9.ชมวิวสันเขื่อน : สันเขื่อนรัชชประภา เป็นหนึ่งในจุดชมวิวอันสวยงาม บริเวณนี้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของแนวถนนสันเขื่อน ท้องทะเลสาบ จุดถ่ายรูปป้ายเขื่อน และนิทรรศการตามรอยเบื้องพระยุคลบาท เสด็จทรงเปิดเขื่อนรัชชประภา เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2530
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน หนึ่งในสถานที่ที่มีความสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งการได้มาท่องเที่ยวพักผ่อน สัมผัสบรรยากาศ ใกล้ชิดธรรมชาติ ณ ที่แห่งนี้ ถือเป็นการให้ธรรมชาติช่วยบำบัด เติมเต็มพลัง ชาร์จแบตชีวิต ให้กับร่างกายและหัวใจ
ที่ใครไม่ไปสัมผัสย่อมมิอาจรู้ได้...
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager